คุณสีเหลือง... You Yellow

-

เขียนโดย _nangroup

วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.52 น.

  2 chapter
  5 วิจารณ์
  4,688 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.09 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) yellow 1 : My Sunshine (50%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Yellow 1  :  my sunshine

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     ไม่เคยเข้าห้องของใครแล้วรู้สึกว่ามันขัดกับบุคลิกของตัวเองมากถึงขนานนี้เลยด้วยซ้ำ เท้าหนาก้าวเข้าใกล้กับเตียงมากขึ้นไปเรื่อยๆในขณะที่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปยังร่างปุ๊กลุ๊กที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่ได้ สนใจแม้กระทั่งผู้บุกรุกเข้าห้องของตนตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

  ผนังสีเหลือง ผ้าม่านสีเหลืองอ่อน ขับให้ห้องห้องนี้สว่างขึ้นไปอีกเปิดเมื่อเผลอเปิดผ้าม่านแล้วม้วนเก็บขึ้นกับเชือกที่ห้อยลงมากับที่คล้องสายเก็บผ้าม่าน แสงแดดอ่อนๆที่ส่องลงมากับกระทบคนที่นอนหันหน้าเข้ากำแพงกอดหมอนข้างอย่างอุ่นใจ ให้ดูน่าทะนุถนอมไปอีกเท่าตัว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

มือหนาเผลอเกี่ยวปอยผมขึ้นไปทัดหลังใบหู เมื่อนั่งทับส้นเท้าตัวเองลงข้างๆเตียงไม้สีเข้ม สายตาจดจ้องอยู่กับหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่ดูยังไงก็ยังน่ารักในสายตาเขาเสมอมา แม้มันจะผ่านไปนานมากแล้วก็ตาม หลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบร่วม 2 ปีเต็ม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“น่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะยัยตัวแสบ” เห็นแล้วก็อดหมั่นไส้แก้มยุ้ยๆนั้นไม่ได้จนทนไม่ไหวถึงต้องฝั่งจมูกของตัวเองลงไปกับแก้มที่คิดว่าน่าจะนิ่มพอสมควร

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 กลิ่นหอมสดชื่นเหมือนดอกไม้ ติดอยู่ตามตัวจนหักห้ามใจไม่อยู่ แต่ก็คงต้องหักห้ามใจตัวเองก่อนที่เจ้าตัวจะตื่นก่อนละนะ ไว้คราวหลังจะจัดให้ช้ำทั้งแก้มเลย!

 

 

 

 

 

 

 

 

 “ ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ ไอตัวกลมแก้มเยอะ :) ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Y e l l o w

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บ้านไม้ขนาดกลาง ไม่ใหญ่จนเกินไปตั้งอยู่บนเดินเขา ภาพวิวที่สะท้อนให้เห็นถึงทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ฟาร์มโคนม  และไร่ผลไม้เต็มพื้นที่เกือบ 30 กว่าไร่ ที่นี่อยู่สูงกว่าพื้นที่ที่ใช้ทำเพาะปลูกจนสามารถมองเห็นพื้นที่ทั้งหมด

 

 

 

 

 

                       ภายในไร่ที่ชื่อว่า   “ ไร่ธนันต์ธรญ์”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 “ตื่นได้แล้วมั้ง นอนนานไปแล้วนะ..” 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ริมฝีปากขยับขึ้นลงชิดริมใบหูหวังให้เจ้าเด็กยักษ์ที่ยังเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆในความคิดของเขาเสมอมา นิ้วชี้นิ้วใหญ่จับปอยผมเกี่ยวเล่นพันรอบข้อนิ้วไปเรื่อย อย่างไม่รู้จักเบื่อ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“อืออ ..”เสียงครางอือ ดังออกมาจากริมฝีปากบางกระจับที่ยู่เข้าหากันยอมโดนอะไรขัดใจ ดังเช่นตอนนี้ ที่โดนคนตัวโตที่นอนสูงกว่าพิงหลังเข้ากับหัวเตียงมองดูร่างบางที่ขยับตัวเองอย่างน่าเอ็นดู 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ตื่นได้แล้วครับ.. จะสายแล้วนะเดี๋ยวทานข้าวเช้าไม่ทันคุณป้าจะดุเอา”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ไม่เอา จะนอนอย่ากวนได้มั้ย..”ว่าจบก็มุดหน้าฝังลงกับกองผ้านวมนุ่มนิ่มอีกรอบ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เอาสิ มาดูกันจะยอมลุกดีๆหรือต้องออกกำลังกายกันก่อนจะยอมลุก แล้วยัยคนนี้ก็ไม่คิดจะเอะใจอะไรเลยหรือไงกันที่มีคนมาวุ่นวายแถมยัยนอนบนเตียงเดียวกันอีกแบบนี้เนี้ย มันน่าจับมาตีก้นสักทีดีมั้ย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“จะลุกดีๆ หรือจะต้องให้เสียน้ำตาก่อน  ฟาง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“.....”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

จะมีใครที่แสบกว่าคุณหนูคนเล็กของตระกูลนีระสิงห์อีกหรือเปล่า?  หรือว่าผมควรจะจัดการกับเด็กดื้อคนนี้ยังไงดี

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     เอาละถึงคราวจะต้องลงไม้ลงมือกับยัยตัวแสบให้ลุกจากเตียงก่อนจะโดนคุณป้าขึ้นมาบ่นเพราะลงไปสาย แล้วคนอย่างผมนี่ก็เป็นคนรักษาสัญญาด้วยสิ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     ผมลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะยืนมองหาอุปกรณ์ที่มันจำเป็นสำหรับภารกิจปลุกคนขี้เซาให้ตื่น เหลือบไปเห็นอุปกรณ์ที่ต้องการ ไม่รอช้ารีบสาวเท้าเข้าไปหยิบมา ก่อนจะเดินกลับมาที่ข้างเตียงตามเดิม ทรุดตัวนั่งลงตรงขอบเตียงนอนหันหน้าเข้ากับยัยเด็กขี้เซาที่ยังไม่ยอมตื่นนอนก่อนจะลงมือ จัดการ....

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“อะ..คิก.คิก โอ้ยยยๆ” ร่างปุ๊กลุ๊กขยับตัวหนีเจ้าสิ่งก่อกวนเป็นพัลวันเพื่อมันเริ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 ดอกหญ้า สีน้ำตาลออกเหลืองที่ตอนนี้กำลังเข้าจัดการกับลำคอเรียวสวย ไล่วนไปเรื่อยๆจนเจ้าตัวทนไม่ไหว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“โอ้ยยย! อะไรกันเนี้ยยย” เจ้าตัวแสบนั่งเบะขาออกอย่างกับเด็ก 8 ขวบ ผมยุ่งไปทั้งหัวที่ดูยังไงก็ตลกมากๆ ผมยกยิ้มมุมปากน้อยๆมองเขาที่ตอนนี้ก็ยังไม่ลืมตามองผมเลยด้วยซ้ำ เจ้าตัวมัวแต่ก้มหัวลงไปฟุบกับกองผ้าห่มบนตักทั้งๆที่นั่งอยู่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อ่า ให้ตายสิ น่ารักชะมัดให้ตายเถอะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ไม่คิดจะมองกันหน่อยหรือไง”เอ่ยบอกความต้องการจะให้คนตรงหน้ายอมยกหัวออกจากกองผ้าห่มมามองหน้ากันดีๆ สักที

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“...”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ไร้เสียงตอบกลับมาจากร่างที่นั่งสัปหงกเอาหัวมุดกองผ้าห่มอยู่ตรงหน้า ก็ยังไม่ยอมตื่นง่ายๆเหมือนเมื่อ 2 ปีก่อนเลย ขี้เซายังไงก็ยังขี้เซาอยุ่ยังงั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แขนแกร่งยกมือกอดหน้าอกมองดูในมือถือก้านดอกหญ้าที่เป็นอุปกรณ์สำหรับการปลุกเมื่อกี้นี้ แต่เหมือนมันจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ก็ในเมื่อตอนนี้ร่างที่เคยนั่งอยู่กลับล้มเหมือนตุ๊กตาล้มลุกลงไปนอนบนที่นอนเหมือนเดิม แถมยังหันหน้ามาทางนี้อีกล้มยังไงนะถึงได้นอนแบบนั้นหัวยังไม่ถึงหมอนเลยด้วยซ้ำ เป็นเอาว่าตอนนี้เจ้าตัวนอนราบไปกับที่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

  แก้มกลมจับตัวเป็นก้อนเบียดผ้าห่มที่เจ้าตัวยกขึ้นกอดแทนหมอนข้างที่อยู่อีกฝั่ง ผมคิดว่ามันนิ่มมากจากการที่สัมผัสด้วยจมูกของตัวเองมาก่อนหน้านั้นครั้งหนึ่ง มันแทบจะละลายไปกับผ้าห่มที่เจ้าตัวกอดอยู่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“จะไม่ตื่นใช่มั้ย รู้มั้ยว่าคนรอเจอหน้านานขนานไหนกัน หื้ม ไม่เห็นใจกันบ้างเลยหรอเรานะ” เดินไปนั่งยองๆอยู่ข้างเตียง เอ่ยพูดเสียงเบา หวังจะให้คนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวได้เข้าใจสักที

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“...”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“เรานะจะดีใจบ้างมั้ย คิดถึงพี่บ้างหรือเปล่าฟาง”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เสียงนุ่มทุ้มพูดไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จักเบื่อเลยสักนิด  ยังไงถึงพูดไปเจ้านี้ก็ยังไม่ยอมฟังดีๆหรอก ไม่งั้นก็คงอยู่ฟังเขาพูดตั้งแต่ 2 ปีก่อนนู่นแล้วด้วยซ้ำ..

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

  “รีบตื่นขึ้นมาเถอะนะ.. พี่นะ อยากกอดเราจะแย่ด้วยรู้หรือเปล่าJ ” เอ่ยชิดริมใบหูอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

มือแกร่งสอดเข้าที่ท้ายทอยส่วนมืออีกข้างช้อนขาเรียวสวย หัวกลมๆของเจ้าตัววางแหมะลงบนไหล่แกร่งด้วยซ้ายก่อนจะเบียนตัวซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอหนาอย่างต้องการหาความอบอุ่นในเช้านี้  ก้มลงไปหอมหน้าผากมนผ่านกลุ่มผมหน้าม้าที่เจ้าตัวไว้มาตั้งนาน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 ค่อยวางร่างเด็กยักษ์ลงไปบนเตียงเบาๆ เกรงกลัวว่าจะตื่นขึ้นมาโวยวายอีกรอบจับหัวทุยสวยให้วางบนหมอนดีๆหยิบผ้าห่มผืนหนาที่กองอยู่ขึ้นมาคลุมทับถึงไหล่ กลัวว่าเจ้าเด็กยักษ์จะหนาวเอาได้ เดินไปปรับอุณหภูมิของแอร์ในระดับที่อุ่นขึ้นอีก ช่วงนี้ก็ใกล้หน้าหนาวแล้วแต่เจ้าตัวก็ยังชินกับอากาศหนาวอยู่ดี สงสัยจะชอบมาสินะ ถึงได้ปรับให้เย็นถึงขนานนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สงสัยก็คงต้องปล่อยให้นอนไปก่อน เพราะปลุกแล้วยังไม่ได้ผลขี้เซาไม่เปลี่ยนเลย แล้วก็คงต้องไปบอกคุณป้าถึงการรับประทานอาหาเช้าที่อาจจะไม่มียัยตัวดีร่วมโต๊ะร่วมถึงเขาด้วยเนื่องจากตอนนี้ยังไม่ตื่น และเกรงว่าจะพาลทำให้สายไปมากกว่านี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“หึ..” เสียงหัวเราะที่บ่งบอกถึงความเอ็นดูยกยิ้มมุมปากขึ้นจนเกิดเสียง ส่ายหัวเบาๆก่อนจะเดินออกจากห้องไป พร้อมปิดประตูอย่างเงียบเชียบ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     คล้อยหลังเสียงประตูปิดลงพร้อมเสียงก้าวเดินลงบันได ดังให้ได้ยินว่าบุคคลที่อยู่ในห้องเมื่อกี้นี้ได้เดินลงไปข้างล่างด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ อ่า ให้ตายสิ  เกือบซวยไปแล้วมั้ยละฟาง”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

  มือบางยกขึ้นทาบอกพลางปล่อยลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนที่ต้องแกล้งหลับทั้งที่จริงๆแล้วนั้นตื่นตั้งแต่โดนโดนดอกหญ้าไล่วนแถวคอแล้วด้วยซ้ำมือเรียวสวยยกขึ้นจับหน้าผากของตัวเอง อย่างเขินอายที่ตัวเองไปมุดซอกคอพี่เขาถึงขนานนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ฮือออ ตายแน่ทำอะไรลงไปเนี้ยฟาง” นึกคิดได้ก็ปล่อยเสียงครางออกมาอย่างหน้าอาย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

วันนี้คงจะมีเรื่องให้ยิ้มไปทั้งวันแน่ๆ ร่างบางฟัดตัวเองลงกับกองผ้าห่มที่อยู่บนตักอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนหน้าและแก้มจะแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อนึกถึงประโยคที่เอ่ยชิดริมใบหูก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกจากห้องไป 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“พี่ไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับเรานะ ให้ตายเถอะ!”

 

  

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Y e l l o w

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กลับมาแล้วอย่างถาวรนะคะ ขอโทษทีทปล่อยให้รอนานมากไป

ช่วงนั้นยุ่งมากเลยค่ะ เลยมาต่อตอนนี้ ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ 

ช่วยเอ็นดูความน่ารักของนางเอกเหมือนกับที่พระเอกเอ็นดูด้วยนะคะ 55555

 

 

 

!!เจอคำผิดตรงไหนแจ้งได้เลยนะคะ

 

 

 

หวังว่าจะยิ้มไปกับ 50% แรกนะคะ

ขอบคุณค่าาาา

 

 

 

7/10/59 50%

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา