[Fic Vampire Knight] รัตติกาลสีเงิน

-

เขียนโดย เจ้าหนอน

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 21.49 น.

  15 รัตติกาล
  5 วิจารณ์
  38.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 13.48 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

11) เผชิญหน้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

   ทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าหนาวแต่สถานที่แห่งนี้ก็ยังมีหิมะตกเสมอ บ้านขนาดกลางที่โอบล้อมด้วยปุยหิมะสีขาว บ้านที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาลึก ที่ต้องใช้เวลาเดินทางถึงสามวันกว่าจะเดินทางจากครอสอคาเดมี่มาถึงที่นี่

   เซโร่มองบ้านที่คุ้นตาก่อนจะกระชับผ้าพันคอ บ้านตระกูลคิริวที่เป็นฮันเตอร์กันทั้งบ้าน ต่อให้ไม่มีใครอยู่ที่นี่ บ้านหลังนี้ก็ได้รับการปกป้องจากพลังพิเศษ สภาพบ้านยังคงดูดีและสวยงามเหมือนเมื่อก่อน

   แม้จะมีพลังบางๆโอบล้อมบ้านเอาไว้แต่เซโร่ก็สามารถเดินเข้าไปในบ้านได้อย่างสบายๆ บ้านสองชั้นที่สะอาดเรียบร้อยไม่มีแม้แต่ฝุ่นเกาะ  อากาศภายในบ้านอบอุ่นต่างจากหนาวเย็นด้านนอก ร่างโปร่งเดินไปบนชั้นสองของบ้านแล้วหยุดอยู่ที่ห้องๆหนึ่ง

   มือเรียวเปิดประตูเข้าไปก่อนจะยิ้มบางๆ ห้องนอนขนาดพอดีมีสองเตียง ห้องของเขากับอิจิรุ

   จำได้ว่าเมื่อก่อน ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันเสมอ ทำงานเป็นฮันเตอร์ด้วยกัน นอนด้วยกัน กินด้วยกัน เป็นห่วงเวลาที่เขามีความสุขมาก จนกระทั่งเมื่อสี่ปีก่อน......

   เซโร่ไล่ความคิดทั้งหมดออกจากหัวก่อนที่จะเดินออกมาจากห้อง เดินลงที่ห้องครัวก่อนจะเริ่มจัดของ เขาแวะซื้อกลับมาด้วยก่อนจะกลับมาที่นี่ ทันทีที่จัดของเสร็จเขาก็เริ่มทำอาหาร เห็นแบบนี้แต่เขาถนัดเรื่องงานบ้านแล้วก็งานครัวนะ

   อยู่ที่นี่จนกว่าคุรัน คานาเมะจะเรียกเขากลับไปก็แล้วกัน ไม่สิ เขาจะไม่กลับไปที่นั่นอีก เขายอมขาดเลือดตายดีกว่ากลับไปที่นั่น!

   การดื่มเลือดของคุรัน คานาเมะ ทำให้เขาไม่ต้องตกสู่ Leval E และไม่จำเป็นต้องดื่มเลือดบ่อยเหมือนแต่ก่อน สองเดือนครั้งก็ได้ สักสองร้อยซีซีก็เอาอยู่ เพราะฉะนั้นการอยู่ที่นี่ไม่ได้ลำบากอะไรเลย

   เมื่อทำอาหารเสร็จ เขาก็จักโต๊ะและลงมือทาน การทานข้าวคนเดียวถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา แล้วเขาก็ชอบการทานข้าวคนเดียวด้วย

   เซโร่เดินวนไปรอบบ้านเมื่อทานข้าวเสร็จ บ้านที่แสนอบอุ่นแล้วก็คิดถึง ถ้าอิจิรุกลับมาล่ะก็......

   เซโร่อยากติดต่อกับอิจิรุแต่ทำไม่ได้ เขาไม่อยากให้น้องชายต้องมาโดนลูกหลงเพราะเขา เพราะฉะนั้นเขาจะตามดูอิจิรุอยู่ห่างๆ

   ร่างโปร่งชะงักเมื่อนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เซโร่วิ่งไปหยิบเสื้อโค้ทก่อนจะวิ่งออกจากบ้าน ลงไปที่หมู่บ้านด้านล่าง แวะซื้อดอกไม้แล้วมุ่งหน้าไปทางสุสาน สถานที่ที่พ่อกับแม่ของเขาหลับใหลอยู่

    ขึ้นชื่อว่าสุสานบรรยากาศก็ชวนให้ขนลุก เซโร่กระชับเสื้อโค้ทก่อนจะเดินเข้าไปในสุสาน เป็นแวมไพร์แท้ๆจะกลัวผีไปทำไม

   ร่างโปร่งปลอบใจตัวเองก่อนจะเดินไปที่หลุมศพของพ่อกับแม่ มือเรียววางช่อดอกไม้ไว้หน้าหลุมศพก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดคราบฝุ่นที่เกาะอยู่บนป้ายหลุม ชื่อของพ่อกับแม่ของเขาเขียนอยู่บนนั้น พ่อกับแม่ของเขาถูกฆ่าโดย ฮิโอ ชิสึกะ ก่อนหน้าที่คุรัน คานาเมะ จะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา แล้วก็เป็นคุรัน คานาเมะ ที่ฆ่าฮิโอ ชิสึกะ แล้วป้ายความผิดให้เขา พูดแล้วก็เจ็บใจไม่หาย

   “ผมกลับมาแล้วนะครับ คงอยู่ที่นี่สักพักแล้วก็อาจจะได้มาที่นี่ทุกวันด้วย แต่ว่าอิจิรุไม่ว่างเลยมาไม่ได้ ดังนั้นอยู่กับผมไปก่อนนะครับ”

   เซโร่พูดคุยกับหลุมศพตรงหน้าสักพักก่อนจะกลับบ้าน แวะเล่นกับเด็กในหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านยังจำเขาได้ แล้วก็ทักทายเขาปกติ ชีวิตแบบปกติที่เขาไม่ได้สัมผัสมานาน ได้หวนคืนมาอีกครั้งแล้ว

 

   ก็จริงอยู่ที่ว่าใครบางคนกำลังสนุกกับชีวิตในแบบของตนเอง ที่ครอสกลับมีบรรยากาศอึ้มครึ้มชวนเวียนหัวที่แผ่ออกมาจากนายเหนือแวมไพร์ที่กำลังทำหน้านิ่งไม่สนใจโลกอยู่ในชั้นเรียน

    ทำเขาโกรธแล้วมานั่งซึม.....

   อิจิโจนึกในใจ อยากจะสมน้ำหน้าอยู่นะแต่ก็ว่าก็สงสาร เกือบอาทิตย์แล้วที่คิริว เซโร่ หายตัวไป ไม่ว่าจะตามหายังไงก็ไม่เจอ คานาเมะสั่งแวมไพร์ทุกพื้นที่ออกค้นหาแต่ก็ไม่พบ ถึงพบก็โดนเซโร่เก็บไปจนหมด ก็จริงที่อิจิโจมีส่วนผิดที่ทำให้คานาเมะอารมณ์ขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะถึงกับตบเซโร่จนเลือดออกขนาดนี้ ส่วนรายนั้นก็หายตัวไปทันทีหลังจากที่พวกเขาแยกกัน หาไปหามาถึงรู้ว่าเซโร่ออกจากโรงเรียนไปแล้วหายไปไหนก็ไม่รู้

   อยากจะพูดว่าสมน้ำหน้าจริงๆ

    อิจิโจส่ายหน้าไปมา ไม่คิดไม่ฝันว่าจะหาคานาเมะเป็นแบบนี้ ทุกคนอาจจะมองว่าคานาเมะปกติ แต่สำหรับอิจิโจ ทาคุมะ ที่เป็นเพื่อนกับคานาเมะมานานย่อมรู้ดีกว่าใคร

   จริงๆคานาเมะจะใช้พันธะสัญญาที่มีร่วมกันตามหาก็ได้ พลังของคานาเมะมีมากมายจนไม่อาจประเมินได้ แค่สั่งจิตให้ค้นหาแล้วสั่งให้เซโร่กลับมาย่อมทำได้

   แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าคานาเมะไม่ทำ......

    แล้วมานั่งซึมว่าหาไม่เจอ ปวดหัวจริงๆ

   จนจบคลาสเรียน คานาเมะก็หายตัวไปแทบจะทันที ร่างสูงเดินมาเรื่อยๆจนเจอลานน้ำพุที่เซโร่ชอบมาประจำ ร่างสูงนั่งที่ลงขอบน้ำพุพร้อมฟังเสียงน้ำที่กระทบพื้น กลิ่นกุหลาบลอยอบอวลไปทั่วสวนแห่งนี้ แต่สำหรับเขามันช่างว่างเปล่า

    ร่างสูงจ้องมองมือตัวเอง มือที่ทำร้ายใครอีกคนเพราะความไม่ยั้งคิด เขาจำมันได้ ความรู้สึกในตอนนั้นเหมือนถูกกระชากทำลายจนย่อยยับ ดวงตาสีม่วงอ่อนที่เหมือนจะร้องไห้ ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านดวงตาคู่นั้นบอกว่าเขาทำร้ายอีกฝ่ายมากแค่ไหน เซโร่พยายามปกป้องเขาทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีอะไรทำอันตรายเขาได้ แต่เขากลับ......

   อยากจะพูดว่าขอโทษแต่ปากไม่ยอมขยับ อยากจะฉุดรั้งอีกฝ่ายมากอดแต่กลับเดินหนี เขาทำแบบนั้นไปทำไม เขาทำอะไรลงไป!!

   นอกจากจะละเลยความรู้สึกของอีกฝ่าย เขายังละเลยที่จะเลือกสถานที่ต่อสู้ ทั้งๆที่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้สำคัญกับเซโร่มากแค่ไหน แต่เขาก็ทำลายมันจนไม่มีชิ้นดี แม้จะฟื้นฟูมันกลับมาได้ แต่ความรู้สึกมันเอากลับคืนมาไม่ได้!

   ดอกกุหลาบสีแดงที่เขาได้รับจากอีกฝ่ายเขาเก็บมันเอาไว้อย่างดี ร่ายเวทมนตร์เอาไว้ให้เหี่ยวเฉา เขาพกติดตัวไว้เสมอ อย่างน้อยเขาจะได้รู้ว่าเซโร่ยังไม่จากเขาไปไหน ยังอยู่กับเขา

   ได้โปรดกลับมา......ผมรอเธออยู่นะ

    ผมขอโทษ.......อภัยให้ผมเถอะนะ

   ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดเถอะ กลับมาเถอะนะ.....

 

    เซโร่สะดุ้งตื่นกลางดึกก่อนจะถอนหายใจ รู้สึกหดหู่หลังจากฝันเห็นอะไรไม่รู้ที่ดำมืด บรรยากาศขนลุกพิกล สงสัยคิดไปเอง

    ร่างโปร่งเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมหายดึก นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้นอนตอนกลางคืนแบบนี้ จริงอยู่ที่ว่าร่างกายของเขาอ่อนแอในช่วงกลางวัน แต่ว่าก็ไม่แย่ถึงขนาดนั้นเคลื่อนไหวตอนกลางวันไม่ได้

   นอกจากเขาแล้วก็มีพวกแวมไพร์ระดับขุนนางและนายเหนือที่สามารถเคลื่อนไหวในตอนกลางวันได้ ซึ่งนับว่ามีน้อยมาก อาจจะไม่ถึงร้อยจากหมื่น แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ หากใครคิดว่าจะฆ่าแวมไพร์ได้ง่ายๆในตอนกลางวัน คิดผิดซะล่ะ

   สายลมยามค่ำคืนที่โปรยปรายมากับหิมะ ทำให้บรรยากาศสดชื่น มันไม่หนาวเย็นเหมือนอย่างที่คิด อาจจะเพราะข่ายมนตร์บางๆที่ล้อมบ้านเอาไว้ก็ได้ ภายในบ้านจึงได้อบอุ่น

    หนึ่งอาทิตย์แล้วสินะที่เขาหายตัวไปจากครอสอคาเดมี่ จนเกือบลืมไปเลยว่าตัวเองเคยอยู่ที่ไหนมาก่อน ทุกอย่างเงียบสงบ ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้ปวดหัว ไม่จำเป็นต้องนึกถึงอะไรให้เจ็บใจ ถ้าเขาอยู่ที่นี่ต่อไป อะไรๆก็อาจจะดีขึ้น

    “เฮ้อ! คิดฟุ้งซ่านอยู่ได้”

    ร่างโปร่งขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนจะกลับไปนอน อารมณ์ขุ่นมัวทั้งหมดหายไปเมื่อเข้าสู่ห้วงนิทรา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

✓ เรื่องนี้ไม่มีเจตนาทำให้บุคคลที่อ้างถึงเสียชื่อเสียง และฉันจะยอมรับผิดเมื่อบุคคลนั้นตำหนิหรือเตื่อนมา

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายฟิคชั่นเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา