รักร้ายหักสวาท ปฐมบท
เขียนโดย RosenLa
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.47 น.
แก้ไขเมื่อ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 21.47 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
10) วิญญาณผีสาวในระนาด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ว้าย! ตายแล้วคุณหญิง!”
บัวตะโกนร้องก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาเจ้านายตัวเอง สายฝนค่อยๆเงยหน้ามองร่างสูงที่กอดตัวเอง
"เจ้าเป็นอะไรมากรึไม่” ชายหนุ่มพูด
“มะ..ไม่ ไม่เจ้าค่ะ” สายฝนพูดก่อนจะรีบผละออกจากอ้อมกอดของชายตรงหน้าเพราะเห็นว่ามันไม่สมควร
“คุณหญิงเป็นอะไรมากรึป่าวเพค่ะ” บัวพูดพลางก้มมองตามชายโจงกระเบนตามขา
“เราไม่เป็นอะไรมากหรอก..เอ่อ...ข้าขอประทานโทษที่ไม่ระมัดระวัง” สายฝนพูด ชายหนุ่มมองซักพักก่อนยิ้ม
“มิเป็นไรขอรับ” ชายหนุ่มพูด
“ท่านเจ้าคุณขอรับกระผมนำดอกบัวมาแล้วขอรับ” ทาสรับใช้พูดพลางเดินมาพร้อมกับดอกบัว
“งั้นเข้าไปกันเถอะ กระผมขอตัวก่อนน่ะขอรับ” เจ้าคุณพูดก่อนจะเดินเข้าไปในโบถ
“นั้น..เขาเป็นผู้ใดกันรึ” สายฝนพูดอย่างสงสัย
“ท่านชายผู้นั้นคือ ท่านเจ้าคุณดินาเรก ทำงานเกี่ยวกับกฏหมายท่านเพิ่งเข้ามาประจำการซักพักแล้วเพค่ะ” บัวพูด
“งั้นหรอ..เอ่อ..เราว่ารีบเข้าไปกันเถอะ” สายฝนพูดก่อนจะเดินนำเข้าไปในโบถ ในขณะที่พระสวดนั้นเจ้าคุณดินาเรกก็เอาแต่เฝ้ามองใบหน้าที่งดงามของสายฝนเฝ้ามองการกระทำทุกอย่างจนเลิกพิธี
“กระโจมเรือนานมานักเราอยากไปเที่ยวตลาดจัง” สายฝนพูด
“ไม่ได้เพค่ะในตลาดคนมากนักแถมยังอากาศร้อนอบอ้าวบัวว่า…”
“เถอะน่าไปแปปเดียวเดี่ยวก็กลับ ไปกันเถอะน่ะบัว” สายฝนพูดก่อนจะเดินนำบัวไปทำเอาบัวตามแทบไม่ทัน
ปัจจุบัน
“สวัสดีครับคุณอาคุณน้า” ป๊อปปี้พูดพลางยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม
“สวัสดีจ๊ะ ขอบใจตาป๊อปมากเลยน่ะจ๊ะที่ไปรับน้องมา” แม่ฟางพูด
“ไม่เป็นไรครับเพราะมันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ” ป๊อปปี้พูด ฟางได้ยินก็เบ้ปาก
“นี้ขนาดเจอกันสองวันเองน่ะ ตาป๊อปนี้เห่อว่าที่คู่หมั้นอย่างมากเลยถ้าแต่งงานไปลูกคงดกน่าดู” พ่อฟางพูดทำให้ฟางที่ดื่มน้ำอยู่ก็สำลัก
“อ้าวๆยังฟาง ค่อยๆดื่มสิลูก” แม่ฟางพูดก่อนจะลูบหลัง ป๊อปปี้มองก่อนจะขำนิดๆ
“คุณท่านค่ะอาหารพร้อมแล้วค่ะ” คนรับใช้พูด
“อาหารพร้อมล่ะป่ะไปทานข้าวกัน” พ่อฟางพูดแล้วเดินไปจับไหล่ป๊อปปี้ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอาหารด้วยกัน
“แม่ว่าพ่อเราต้องชอบตาป๊อปมากแน่ๆ” แม่ฟางพูด
“พ่อชอบแต่ฟางไม่ชอบนิค่ะคนอะไรตื้อชมัด” ฟางพูดก่อนจะเดินตามเข้าไปในห้องอาหาร
“จ๊ะ แม่คนหัวดื้อเดี่ยวอีกหน่อยก็ตามติดเค้าแจ” แม่ฟางพูดพลางยิ้ม
“อ้าว ดื่มมมมมมม” กลุ่มคนในร้านบาร์แห่งหนึ่งพูดก่อนจะชนแก้วเข้าหากัน
“ไม่เจอกันนานแบบนี้ต้องฉลองงงง” หญิงสาวพูดก่อนจะดื่มเหล้า
“คิดถึงแกมากเลยน่ะเฟร์ตั้งแต่เรียนจบนี้ไม่มาเยี่ยมเพื่อนเลยน่ะ” หญิงสาวพูดก่อนจะกอดคอเฟร์
“ก็ชั้นมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานอ่ะรู้งี้น่ะเรียนต่อยังจะดีกว่า” เฟร์พูดแล้วกระดกไวน์เข้าปาก
“หรอจ๊ะชั้นรู้น่ะว่าแกเป็นเจ้าของร้านสปาที่ภูเก็ตแถมยังเป็นเจ้าของพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุอีก รวยชมัด” เพื่อนเฟร์พูด
“แน่อยู่แล้ว แล้วพวกแกล่ะเป็นไงกันบ้าง” เฟร์พูด ทุกคนเริ่มคุยกันอย่างสนุกสนานจนเวลาปาไป 4ทุ่มครึ่ง
“เห้ยๆ เฟร์แกไหวป่าวว่ะ” เพื่อนเฟร์พูดเมื่อเห็นเฟร์ที่น่าแดง
"ไหววววเส่ ช้านนนนม่ายยยยมาววววว” เฟร์พูดก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากอีกแก้วทำเอาอีกฝ่ายห้ามแทบไม่ทัน
“มันเมาแล้วรีบจัดการมันส่ะ” เพื่อนเฟร์พูด หญิงสาวที่นั่งข้างๆเฟร์รีบหยิบเอากระเป๋าของเฟร์ที่วางอยู่บนโต๊ะมาค้นทันที
“โอ้โห้ เป็นปึ้กๆเลยอ่ะ ว้าว!!” เพื่อนสาวพูดเมื่อคว้าเอาแบงค์พันที่มัดเป็นปึ้กสองปึ้กออกมาทำเอาทุกคนตาลุกวาว
“เอาไปให้หมดส่วนตัวชั้นขอ” ชายหนุ่มพูดอย่างเจ้าเหล่
“แต่ชั้นว่าพวกแกจะไม่ได้อะไรเลย” เขื่อนพูด
“เห้ย อย่ามาแสดงละครเป็นพลเมืองดีไปหน่อยเลยยัยนี้น่ะรวยล้นฟ้าอยากได้เท่าไรเอาไปเลยแค่นี้น่ะไม่หมดหรอก55” ชายหนุ่มพูดก่อนจะโดนชกเข้าที่ปากเต็มๆ
“ถ้าพวกแกยังไม่อยากกินข้าวแกงในคุกชั้นขอเตือนให้รีบไป” เขื่อนพูดหลังจากที่ชกปากอีกฝ่าย
“ลุงนั้นี้วอนส่ะแล้วพวกเราจัดการมัน” หญิงสาวพูด. แต่ไม่ทันที่จะทำอะไรตำรวจก็บุกเข้ามาในห้องเป็นจำนวนมาก
“หยุดอย่าขยับ” ตำรวจพูดก่อนจะเข้าจับกุมแก๊งโจร
‘อ้วก’เฟร์อ้วกลงกับพื้นทันที
“ปวดหัว…” เฟร์พูดก่อนที่เขื่อนจะเก็บเอาเงินใส่ใว้ในกระเป๋าตามเดิม
“ยัยบ้าเอ้ย ชั้นเตือนแล้วน่ะว่าอย่าใว้ใจคน” เขื่อนพูดก่อนจะอุ้มเฟร์
“ชั้นต้องขอบคุณนายมากน่ะครับที่มาจัดการให้” เขื่อนพูด
“ไม่เป็นไรมันเป็นหน้าที่ของชั้นอยู่แล้วนายพาคุณหนูไปพักเถอะ” กวินพูดเมื่อเห็นเฟร์ที่แทบจะไม่ไหวแล้ว
“อืมๆ ชั้นไปก่อนน่ะ” เขื่อนพูดก่อนจะอุ้มเฟร์ออกไป.
“ขอบคุณคุณอาคุณน้ามากเลยน่ะครับที่เลี้ยงมื้อเย็นอาหารอร่อยมากครับ” ป๊อปปี้พูดพร้อมกับเดินออกมาหน้าบ้าน
“ไม่เป็นไรจ๊ะถ้าหิวหรืออยากมาเล่นทีนี้ก็มาได้น่ะจ๊ะคิดซ่ะว่าเป็นบ้านของป๊อปน่ะลูก” แม่ฟางพูดอย่างเอ็นดู
“มาได้เสมอน่ะตาป๊อป” พ่อฟางพูด
“จะมาทำไมนักหนา แค่นี้ก็เปลืองจะแย่” ฟางพูด
“พูดอะไรแบบนั้นล่ะฟางพูดดีๆกับพี่เขาหน่อยสิ” แม่ฟางเอ็ด
“ใช่ ป๊อปปี้เค้าเป็นพี่แกน่ะอย่าไปตีเสมอสิ”. พ่อฟางเสริมทำเอาฟางกำลังจะเดือด
“ไม่เป็นไรหรอกครับเดี่ยวอยู่ด้วยกันไปก็รักกันเอง” ป๊อปปี้ยิ้มจนฟางทนไม่ได้รีบเดินหนีทันที
“อ้าวฟาง ฟาง” พ่อฟางตะโกน
“อย่าไปถือสาน้องเลยน่ะลูกยัยฟางก็เป็นแบบนี้แหละไม่ชอบให้ใครบังคับ”. แม่ฟางพูด
“ครับ “ ป๊อปปี้พูดแล้วมองเข้าไปในบ้าน ‘เป็นอะไรรึป่าวน่ะ’. ป๊อปปี้พูดในใจก่อนจะลากลับบ้านบนบ้านริมหน้าต่างถูกเปิดออกเมื่อรถป๊อปปี้เคลื่อนออกไป
“หึ! ชั้นจะไม่มีวันรักคุณ” ฟางพูด
ณ พิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุเฟร์
“เช็คให้ดีๆน่ะว่าไฟยังเปิดอยู่รึป่าวแล้วค่อยปิดพิพิธภัณฑ์เข้าใจไม” หญิงสาวสั่งร.ป.ภก่อนจะเดินออกจากที่ทำการแล้วขับรถออกไปปล่อยให้ร.ป.ภ อยู่คนเดียว ร.ป.ภเดินเช็คห้องเก็บวัตถุก่อนจะปะทะเข้ากับห้องหนึ่งที่มีแสงไฟเปิดอยู่
“ทำไมห้องนี้ไฟเปิดล่ะในเมื่อเราปิดไปนานแล้ว” ร.ป.ภพูดก่อนจะรีบเดินเข้าไปใกล้ห้องนั้นจู่ๆก็มีเสียงระนาดดังขึ้น
‘เต้งๆ เต้งเต้งเต้งๆๆๆๆๆ’ เสียงระนาดดังขึ้นอย่างไพเราะทำเอาเจ้าตัวขนลุก
“ฮือๆ ฮึก ฮือๆๆ” เสียงร้องไห้ดังขึ้นท่ามกลางเสียงระนาดที่ยังดังอยู่ ร.ป.ภค่อยๆแอบดูตรงมุมประตูซึ่งประตูเป็นกระจกโปร่งใสต้องถึงกับตกใจปนช็อคเพราะภายในห้องมีหญิงสาวผมยาวใส่ชุดไทยสีน้ำตาลตามตัวเต็มไปด้วยเลือดแถมเล็บยังยาวเท่ามีดเรียวกำลังร่ายรำตามระนาดที่ดังเหมือนเปิดเพลง
“ผะ..ผีหลอกกกกกก!!!” ร.ป.ภตะโกนออกมาสุดเสียงก่อนจะหันหลังเพื่อวิ่งหนีแต่กลับหนีไม่ได้เพราะหญิงสาวผู้นั้นประจันอยู่ตรงหน้าตามแก้มมีเลือดและแผลเน่าเต็มไปหมดสร้างความหวาดกลัวให้อีกฝ่ายอย่างมาก
“ปิ่นกูอยู่ใหน!!!” หญิงสาวตะโกนใส่หน้า
“ผะ..ผี ช่วยด้วย!!” ร.ป.ภร้องด้วยความกลัวก่อนจะโดนมือเรียวบีบเข้าที่คอ
“ปิ่นกูอยู่ที่ใด!!!” หญิงสาวตะโกนออกมาอีกครั้งก่อนจะออกกำลังในการบีบเพิ่มยิ่งขึ้นจนอีกฝ่ายกำลังจะหมดลมหายใจ
‘ เต้งๆๆ เต้งๆๆๆ’ เสียงระนาดดังขึ้นทำให้หญิงสาวตกใจเป็นอย่างมาก
“ไม่!! กูไม่ไป กูจะไม่เข้าไปอีกแล้ว!!” หญิงสาวตะโกนก่อนเสียงระนาดจังดังแสบแก้วหูพลางแสงสว่างก็ดึงให้เธอกลับเข้าในตู้ระนาดเล่มงามก่อนร.ป.ภจะสลบไป
“โอ้ย ฮือๆ ข้ากลัวแล้ว..ปล่อยข้าไปเถอะ ฮือๆ” หญิงสาวร้องไห้พลางนั่งลงกอดเข่าตัวเองอย่างน่าสงสารด้วยหัวใจที่เฝ้ารอความรัก เฝ้ารอการได้ออกจากใต้แผ่นระนาดเล่มนี้
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆทำไมพ่อไม่เคยใช้พี่อิ๋งเหมยบ้างใช้แต่ข้ากับพี่เฟื่องฟ้าอยู่นั้นแหละ” ชบาบ่นอุบซึ่งเธอและเฟื่องฟ้าถูกพ่อใช้ให้มาซื้อผ้าเช็ดขิมในตลาด
“เอ็งอย่าบ่นนักเลยพ่อใช้อะไรก็ทำไปเถิด” เฟื่องฟ้าพูด
“โอ้ย ร้อนก็ร้อนข้าล่ะเบื่อนักพี่อิ๋งเหมยน่ะวันๆได้แต่อยู่เฉยๆมิเคยได้ออกแดดเลยสักคร่าทำไมพ่อไม่ยุติธรรมเอาดสียเลย” ชบาพูด เฟื่องส่ายหน้าก่อนจะรีบเดินตามหาร้าน
“อ้าว ท่านชายภานุมาทำอะไรถึงตลาดบางกอกขอรับ” คนที่รู้จักภานุพูดขึ้นเมื่อเห็นเจ้าตัวกำลังเดินเล่น
“หมึกปากกาหมดนะข้าเลยออกมาเดินดูตามตลาดว่ามีหมึกเหลือรึไม่” ภานุพูด
“หมึกปากการึขอรับ กระหม่อมเห็นร้านตั้งอยู่ทางท้ายตลาดท่านชายลองไปดูแถวนั้นๆดูน่ะขอรับ” ชายวัยกลางพูด
“อ่อ..ขอบใจมากน่ะใว้วันหลังข้าจะไปอุดหนุนร้านหนังสือฝรั่งของท่านน่ะ” ภานุพูดก่อนจะเดินออกไป
“คุณหญิงร้อนไมเพค่ะเดี่ยวบัวพัดให้น่ะเพค่ะ” บัวที่ถือกางร่มให้สายฝนพูดก่อนจะเอามือมาพัดใส่หน้าของสายฝน
“มิเป็นไรดอกข้ายังไหวเจ้านั้นล่ะ หน้าซีดยิ่งนัก” สายฝนพูดด้วยความเป็นห่วง
‘ช่วยด้วยทางนี้มีคนตกน้ำ!!’ หญิงสาวคนหนึ่งตะโกนก่อนที่สายฝนจะรีบเดินไปทันที
“เดี่ยวเพค่ะคุณหญิงสายฝน! รอบัวด้วยเพค่ะ” บัวพูดก่อนจะรีบวิ่งตามเจ้านายไป
“ช่วยด้วยมีคนตกน้ำ!! ชบาตะโกนเพราะเฟื่องฟ้าเป็นลมแล้วตกลงไปในน้ำ
‘ตูมมม!’ ภานุรีบกระโดดลงน้ำทันทีโดยสายตาทุกคนในตลาดกำลังลุ้นว่าจะช่วยได้รึไม่
“คนตกน้ำนิ” สายฝนพูดเมื่อยืนดูอยู่บนสะพานอีกฝั่งโดยมีบัวคอยกางร่มให้
“แดดร้อนเช่นนี้คนที่ร่างกายมิแข็งแรงก็เป็นลมได้น่ะเพค่ะ” บัวพูดพลางก็มองไปที่สระน้ำซักพักร่างของภานุและเฟื่องฟ้าก็ผุดขึ้นมาก่อนที่ภานุจะช่วยขึ้นมาได้
ภานุปั้มหัวใจตามที่เคยเรียนมาก่อนจะจุมพิตเป่าปากเฟื่องฟ้าทำเอาผู้คนแถวนั้นเขินไปเป็นตามๆกัน
“นั้นท่านชายภานุนิช่างหล่อยิ่งนัก” หญิงสาวพูดพลางบิดตัวไปมา
“ท่านชายช่างมีเมตตายิ่งนักข้าอยากเป็นเมียท่านจัง อึย!” หญิงสาวพูดทำเอาสายฝนที่ยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับหน้าแดง
“แม่หญิงพวกนี้มิมียางอายเลยน่ะเพค่ะดูพูดจาเข้า” บัวกระซิบพูด สายฝนมองที่ภานุกำลังช่วยเฟื่องฟ้าอยู่ก็ยิ้มและภูมิใจที่คนที่ตนรักมีจิตใจที่ดีงาม
“แค่กๆ “ เฟื่องฟ้าสำลักน้ำออกมาทำให้ภานุยิ้มดีใจ
“เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง” ภานุถามเฟื่องฟ้าค่อยๆลุกขึ้นแล้วเพ้งมองคนตรงหน้าดีๆ
“ทะ..ท่านชาย..ภานุ!” เฟื่องพูดอย่างตกใจก่อนจะหมดสติไปอีกรอบโดยภานุรับได้ทัน
“คนเพิ่งฟื้นตัวอาจจะเหนื่อยต้องพาไปพัก” ภานุพูดก่อนจะอุ้มเฟื่องฟ้าออกไป
“อื้อ” เฟื่องฟ้าค่อยๆลืมตาขึ้นในห้องของตัวเอง
“ฟื้นแล้ว พ่อ พี่เฟื่องฟ้าฟื้นแล้วจ๊ะ” ชบาตะโกนบอกบิดาก่อนที่พ่อจะเข้ามา
“เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง” พ่อเฟื่องฟ้าถามก่อนจะเข้าไปลูบผม
“ละ..ลูกดีขึ้นมากแล้ว...ท่านชายภานุล่ะ” เฟื่องฟ้าพูดก่อนที่ภานุจะเดินเข้ามา
“ถามหาเรารึ” ภานุพูดทำให้เฟื่องฟ้ายิมดีใจ
“หม่อมชั้นต้องขอขอบพระทัยที่เมตตาช่วย” เฟื่องฟ้าพูดพลางจะยกมือไหว้แต่ภานุถฃาเข้ามาจับมือใว้
“มิเป็นไรดอกเจ้าไม่เป็นไรข้าก็ดีใจมากแล้ว” ภานุพูดทำให้พ่อและชบายิ้ม
“ท่านชายเพค่ะหม่อมชั้นนำหมึกมาให้แล้วเพค่ะ” อิ๋งเหมยพูดพลางเดินเข้ามาพร้อมกับขวดหมึกปากกา
“เราต้องขอบใจมากน่ะหากมิมีหมึกนี้คงต้องรออีกหลายเดือรกว่าเรือฝั่งจะเข้ามาอีก” ภานุพูดแล้วรับเอาขวดหมึกมา
“เดี่ยวหม่อมชั้นจะออกไปส่งน่ะเพค่ะ” อิ๋งเหมยพูด
“มิต้องดอกเจ้าอยู่ดูแลน้องสาวเจ้านี้แหละเรากลับเองได้” ภานุพูดก่อนที่จ้องเข้ากับเฟื่องฟ้าเหมือนกับหลงเสน่ห์หญิงสาวเข้าให้แล้ว
“เอ่อ..ท่านชายเชิญเสด็จกลับเถิดเพค่ะพี่เฟื่องจักได้พักผ่อน” ชบาพูด
“นี้นังชบา เอ็งมีไมืสิทธิมาสั่งท่านชายภานุน่ะ”,อิ๋งเหมยพูด
“พอๆอย่าทะเลาะกันเลยงั้นเรากลับก่อนน่ะแล้วเจ้าก็ดูแลตนเองดีๆน่ะ” ภานุพูดก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปตามด้วยอิ๋งเหมยและพ่อ
"พี่อิ๋งเหมยนี้ร่านจริง” ชบาพูด
“้อย่าพูดเยี่ยงนี้ประเดี่ยวพ่อได้ยินจะเป็นเรื่อง” เฟื่องฟ้าพูดก่แนจะนอนลงแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
เป็นไงกันบ้างงงงงภพอดีตนี้อาจจะช้ำใจหน่อยน่ะ
ประกาศๆ ต่อจากนี้ไรเตอร์จะอัพเรื่องนี้ทุกวันแล้วน่าาาาดีใจป่าว
ส่วนเรื่องอื่นๆก็เหมือนกันน่ะเพราะไรเตอร์ได้โน๊ตบุคแล้ว
ดีใจมาก55+ ใครรอแผนร้ายแผนรักบ้าง
ไม่ต้องอดใจรอแล้วน่าาาา
้
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ