The Moment Catcher ขอหยุดไว้... แค่เท่านี้
เขียนโดย สหนิน
วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 13.13 น.
แก้ไขเมื่อ 30 มกราคม พ.ศ. 2559 14.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2) The Smells of Winter
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความณ หอพักมหาวิทยาลัย
ลมหนาวพัดเข้ามาพร้อมกับกลิ่นดอกไม้ประจำฤดูคละคลุ้งไปทั้งหอพักชาย นักศึกษาบางคนก็ไม่ชอบกลิ่นของเจ้าดอกไม้นี้ แต่สำหรับผม มันคือกลิ่นประจำฤดูหนาวของมหาวิทยาลัย ได้กลิ่นนี้เมื่อไหร่ แสดงว่าถึงเวลาที่จะต้องรื้อเสื้อกันหนาวออกมาใช้อีกครั้งซะแล้วหละ ฤดูฝนผ่านพ้นไปแล้วกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว
ผมปีนขึ้นไปบนเก้าอี้เพื่อที่จะเอากล่องกระดาษใบหนึ่งที่เก็บไว้ด้านบนของตู้เสื้อผ้าลงมา ที่จริงผมไม่จำเป็นต้องใช้เก้าอี้ก็ได้ แต่เพื่อความปลอดภัยเลยขอใช้อุปกรณ์เสริมดีกว่า เพราะตัวผมเองก็ไม่สูงอะไรมากมายประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ถ้าเป็นสิงห์คงสบายเพราะมันสูงกว่าผมประมาณแปดเซนติเมตร แต่น้ำหนักนี่เยอะกว่าผมมากเลยหละ มันบอกหนักกระดูก อืม... หนักกระดูก
ผมกับสิงห์พักอยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่ตอนเรียนปีสองจนถึงตอนนี้ปีสี่ รวมถึงน้องเมทร่วมห้องตัวแสบอีกสองคนคือยอร์ชกับพัทร ที่หลายครั้งหลายครา น้องๆคงสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างผมกับสิงห์ ที่มันดูสนิทสนมกันมากไป
"นี่มันหนาวอะไรอย่างนี้ ที่บ้านกูตอนนี้คงหิมะตกแล้วแน่ๆ เลย ขนาดที่นี่ยังหนาวทะลุดาวอังคารขนาดนี้" สิงห์บ่นออกมาตามปกติ
"พี่มิฬ เทอมหน้าผมก็จะไม่ได้เจอพี่แล้วดิ" ยอร์ชถามมิฬ
ผมได้แต่พยักหน้าและจัดกระเป๋าต่อเตรียมตัวกลับบ้านที่ต่างเมือง ผมพยายามจัดของไปเรื่อยๆ นึกย้อนถึงเรื่องอดีตไปเรื่อยๆ ที่จริงตัวผมเองก็ผ่านอะไรมาเยอะแยะเลยกว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ จากตอนที่เริ่มต้นก็ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะทำได้ แต่สุดท้ายแล้วผมก็มายืนๆ อยู่ตรงนี้จนได้สินะ
ในห้องมีทั้งหมดสี่คน แต่มีเพียงผมคนเดียวที่จะต้องเก็บของและย้ายออกในวันนี้
ในช่วงค่ำของวันสิงห์ขับรถไปส่งผมที่สถานีขนส่ง ซึ่งค่อนข้างไกลจากตัวมหาวิทยาลัยประมาณสิบกิโลเมตร เราใส่เสื้อกันหนาวสีเดียวกันลายเดียวกันสีแดงดำแนวขวาง ที่ไปซื้อกันมาจากเทศกาลประจำปีช่วงฤดูหนาวเมื่อตอนปีสอง การซื้อเสื้อคู่ครั้งนั้น มันเป็นการส่งสัญญาณเล็กๆ ระหว่างผมกับสิงห์ กับสิ่งที่เราคิดกันแต่ไม่กล้าที่จะพูดหรือจะถามกันออกไป
"มิฬ ช่วยรูดซิปเสื้อกันหนาวให้กูหน่อย แม่งหนาวหวะ ตอนแรกคิดว่าไม่หนาวเท่าไร" สิงห์บอกมิฬ
"อืม แปปนะ ..." ผมพูดตอบกลับไป
บนรถมอเตอร์ไซค์สีเหลืองคันโปรดของสิงห์ ที่ตลอดเวลาในช่วงเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้เจ้าคันนี้เนี่ยะแหละขับรถไปเรียน ถ้าผมกับสิงห์มีเรียนวิชาเดียวกันสิงห์ก็จะเป็นคนขับแล้วผมเป็นผู้โดยสารซ้อนท้าย ครั้งนี้ก็เช่นกัน สิงห์ขับแล้วผมนั่งซ้อนท้ายด้านหลังพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ๆ เหมือนคนกำลังอพยพไปที่ไหนสักแห่ง
ผมค่อยๆ เอื้อมมือควานหาหัวซิปเสื้อกันหนาวของสิงห์ที่มันกำลังพริ้วลอยตามลมจากการขับรถมอเตอร์ไซค์ ไม่นานนักผมก็จับหัวจับหางของซิปได้แล้วก็ค่อยๆ รูดขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนนั้นหัวใจของผมมันสั่นรัวๆ มันเต้นแรงๆ ตัวผมแนบสนิทกับแผ่นหลังของสิงห์ มือก็สั่นไม่รู้ว่าเพราะความหนาวหรือเพราะสิงห์ นี่คือการกอดกันจากด้านหลังโดยที่สิงห์ไม่ได้บอกผมตรงๆ ผมเข้าใจคนปากแข็งแบบมัน สิงห์พยายามจะไม่โชว์ความอ่อนไหว หรือ อ่อนแอให้ใครได้เห็นง่ายๆ
ผมกอดมันต่อหลังจากนั้นแน่นมาก แน่นมากๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร ...
มันถึงเวลาต้องจากกันแล้วจริงๆ เหรอ นี่ตลอดเวลาคือเราสองคนมันเหมือนรวมร่างกันเป็นคนคนเดียวกันไปแล้ว มีผมมีสิงห์ มีสิงห์มีผม ตัวติดกันขนาดนี้ มันเป็นอยู่อย่างนี้มาตั้งกี่ปีแล้ว แล้ววันนี้เราต้องแยกจากกัน การเรียนในมหาวิทยาลัยของผมมันจบลงไปแล้ว ชีวิตที่ตื่นมาเจอมันทุกๆเช้า กินข้าวด้วยกันทุกมื้อ ขับรถไปเรียนด้วยกัน ตอนนี้มันจะไม่มีแล้ว ใจผมหวิวแบบบอกไม่ถูก ...
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ