[Haikyuu]Against all odds ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม
เขียนโดย Dark_Shinigami
วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.34 น.
แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 17.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
8) Ch.3 (1/4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter 3 – Part 1 –
Title: Against all odds ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม
Story: Sharkbaitsekki (SS)
Translator: KITDS
อาทิตย์ที่ 2 – วันเสาร์
“แล้วเจ้าเด็กนี่ก็กล้าที่จะบอกฉันว่าเขาไม่ใช่คนที่กินคุกกี้ที่ฉันเก็บไว้กินเมื่อตอนเช้า และมองฉันด้วยดวงตากลมแป๋วและเศษคุกกี้ที่เปื้อนเต็มแก้ม”
เสียงหัวเราะดังรอบวงเมื่อคุโร่เล่าเรื่องของเขาเสร็จ ชายหนุ่มเหลือบมองไปทางห้องนั่งเล่นจุดที่เด็กๆ พากันเล่นอยู่ จอมโจรขโมยคุกกี้ที่ถูกพูดถึงกำลังเล่นอยู่ข้างๆ กับเคย์จิ ทั้งสองคนต่อสร้างหอคอยด้วยกันและพูดคุยกันบางเป็นบางครั้ง ในทางตรงกันข้าม โนยะกำลังโบกตุ๊กตายอดมนุษย์ไปมาอย่างแข็งขันและพากย์เรื่องหรืออะไรบางอย่างให้ฮินาตะที่เดินเตาะแตะไปมาและพยายามจะตามโนยะทุกครั้งที่เขาขยับตัวฟัง
พวกเขาเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างแท้จริง ด้วยแสงยามสายที่ลอดผ่านหน้าต่างอาบไล้ใบหน้าจิ้มลิ้มขณะที่เหล่าเด็กน้อยกำลังเล่น กลุ่มคุณพ่อที่รวมตัวกันอยู่ในห้องครัวดื่มกาแฟคนละแก้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าภาพที่เห็นนั้นช่างเหมือนสรวงสวรรค์
“ฉันมีเรื่องคล้ายๆ กันด้วย”ไดจิเริ่ม เรียกความสนใจของทุกคนออกมาจากลูกของพวกเขา “แต่ฉันหมายถึง กับโนยะแล้ว มันเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดว่าต้องมีเรื่องอะไรแบบนั้นน่ะ”
“ฉันอยากฟังนะ”โบคุโตะบอกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นพลางดื่มกาแฟ(แก้วที่สาม)ของเขา โออิคาวะอดสงสัยไม่ได้ว่าเครื่องดื่มขมๆ นั่นเป็นสิ่งที่สร้างนิสัย 90 เปอร์เซ็นต์ของเขาขึ้นมารึเปล่า (และเป็นสาเหตุของผมที่ตั้งชี้อย่างน่าประหลาดนั่นด้วย)
“อืม เรื่องนี้ ฉันพาโนยะไปนอนแล้วไปนั่งดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักพักก่อนนอน แต่ฉันก็คงผล็อยหลับไปเพราะรู้ตัวอีกทีฉันก็เห็นเครดิตท้ายเรื่องแล้ว ฉันก็เลยลุกเก็บของก่อนจะตัดสินใจไปนอน แล้วฉันก็เดินผ่านห้องของโนยะ...”
“ให้ฉันเดา เขายังไม่หลับล่ะสิ?”คุโร่หัวเราะในลำคอ
“หนักกว่านั้นอีก”ไดจิบ่น ส่งสายตาเอ็นดูไปทางลูกชายที่กระตือรือร้นเกินไปของเขา “ฉันได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ฉันก็เลยเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป ทันเห็นเขามุดหายเข้าไปใต้ผ้าห่มพอดี ฉันก็เลยประมาณว่า ‘โอเค เขายังไม่นอนหลังจากเวลาเข้านอน’ แต่แล้วฉันก็เห็นโครงสร้างตัวต่อเลโก้ขนาดใหญ่บนพื้นข้างๆ เตียงเขาและมันก็เข้าล็อคพอดีว่าเขานั่งมากว่าชั่วโมงครึ่ง ต่อบ้านหรือปราสาทหรืออะไรสักอย่าง”
“มันเหมือนอะไรที่เขาจะทำมากเลยนะ”โออิคาวะหัวเราะ
“แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องที่หนักที่สุด”ไดจินึกย้อนไปด้วยความรัก “ตอนที่ฉันเรียกเขา ฉันถามเขากลายๆ ว่าทำไมมันถึงมีปราสาทสูงเกือบเท่าเขาอยู่บนพื้นข้างเตียงเขา และเขาก็พลิกตัวมาบอกฉันว่าปราสาทมันต่อตัวเองระหว่างที่เขาหลับ”
“โอ้ พระเจ้า เด็กคนนี้”
“มันเป็นอะไรที่ฉันคงจะปล่อยให้ผ่านไปได้ ถ้าเขาไม่ถือตัวต่อในสองมือตอนที่เขาลุกขึ้นมาพูด”
พวกเขาหัวเราะร่วนกับจุดจบของเรื่องเล่า ด้วยอะไรบางอย่างภาพที่ไดจิเล่าให้ฟังดูเป็นอะไรที่เชื่อได้สนิทใจ เด็กๆ นี่รับมือยากจริงๆ
“หืม.. งั้นฉันจะเล่าเรื่องขำๆ เกี่ยวกับเคย์จิ ไม่น่าเชื่อใช่ม้า? แต่ฉันจะเล่าระหว่างที่ไปที่ศูนย์ชุมชนนะ นี่มันเก้าโมงแล้วและสึกาวาระก็จะรอเราที่นั่นตอนสิบโมง”โบคุโตะบอกอย่างรวดเร็วพลางวางแก้วของเขาลงในอ่างล้างจาน
“เป็นความคิดที่ดีนะ”ไดจิเห็นด้วย เขาดูพร้อมที่จะไปเจอกับนักศึกษาหนุ่มผมสีเงิน เมื่อโออิคาวะบอกโบคุโตะกับคุโร่เรื่องที่เขาพนัน ทั้งสองคนก็หัวเราะด้วยเหตุผลบางอย่างและตกลงที่จะลงพนันร่วมกับเขา และบอกว่าจะให้เวลาไดจิสองอาทิตย์ครึ่งกับสี่อาทิตย์ (“เพราะเขาเป็นคนที่จริงจังมาก ฉันสาบานได้)
และแน่นอนว่าโบคุโตะกับคุโร่ไม่ได้บอกโออิคาวะว่าพวกเขาก็ลงพนันเรื่องของโออิคาวะกับหนุ่มที่ธรรมชาติเลือกสรรที่พวกเขาเห็นชายหนุ่มหลงใหลที่สวนสาธารณะเมื่ออาทิตย์ก่อน มันจะสนุกกว่ามากเมื่อถึงเวลาที่พวกเขาจะบอกความจริงเกี่ยวกับธุรกิจไม่น่าไว้ใจนี้ออกไป
“เอาล่ะ ยู!”ไดจิเรียกและต้องเรียกซ้ำอีกสองครั้งเพื่อเรียกความสนใจจากลูกชายเขา
“เดี๋ยวครับพ่อ! มันถึงตอนที่แบทแมนทำลายยานรบของเอเลี่ยนพอดีเลย!”โนยะประท้วง ฮินาตะส่งเสียงร้องเมื่อโนยะโบกยานรบไปมาในอากาศ
“ยานรบเอเลี่ยน!”
“ยู เราต้องไปหาเคนมะกันแล้ว เพราะงั้นถึงเวลาต้องเก็บของแล้วนะ”ไดจิบอกเขา และเด็กชายผมดำก็ทำหน้าหมอง
“โถ่....”
“เอาน่า ลูกไม่อยากเจอเคนมะหรอ?”ไดจิกอดอกพลางเลิกคิ้ว
“เอ่อ...ก็อยากฮะ แต่...”
“ลูกไปเล่นต่อที่สถานรับเลี้ยงได้นะ โอเคมั้ย? และที่นั่นลูกก็จะมีเพื่อนมากกว่านี้ แล้วก็จะมีคนมาเล่นกับลูกได้เยอะขึ้นด้วย”
“โอเคฮะ!”
“ดีมาก ทีนี้มาเพื่อนลูกไปดูที่ที่เก็บของเล่นสำหรับเวลาเคลียร์ของนะ”พ่อของเขาย้ำ ยิ้มกว้างเมื่อโนยะวิ่งไปหาเด็กเงียบทั้งสองคนข้างๆ โซฟาเพื่อชวนพวกเขาคุย
“สึกกี้! อากะ! ถึงเวลาเก็บของแล้ว”เขายิ้ม “นายควรจะทำตัวเหมือนสัตว์ประหลาดแล้วทำลายหอคอยของพวกนายนะ”
“เหมือนกับไดโนเสาร์”เคย์หลุดพึมพำพร้อมลุกขึ้น เคย์จิไม่พูดอะไรแต่แค่หลบไปข้างๆ เล็กน้อยเมื่อเคย์ทำเสียงคำรามเบาๆ และกระทืบเท้าสองสามที “พ่อ ดูสิ ผมเป็นไท ไทรา..”เขาพยายามพูดคำศัพท์ยากๆ ออกมาหลายครั้งเรียกเสียงหัวเราะจากคุโร่ที่รีบกระดกกาแฟขณะที่มองลูกชายของเขาพูดผิดๆ ถูกๆ “ไทราซอร์! ผมเป็นไทราซอร์!”สึกกี้ตัดสินใจในที่สุด เขาทำเสียงคำรามก่อนจะเดินไปทางหอคอยเลโก้น่ารักที่พวกเขาสร้างและล้มมันท่ามกลางเสียงเชียร์ของโนยะและฮินาตะ
“นั่นคือไทรานโนซอรัสตัวโปรดของฉันเลย”คุโร่ร้องบอก วางแก้วเขารวมกับของคนอื่นๆ ในอ่าง “เอาล่ะ ไทรานโนซอรัสที่ดีต้องเก็บของหลังจากเล่นเสร็จนะ เพราะฉะนั้นช่วยเคย์จิเก็บตัวต่อพวกนั้นนะ โอเคมั้ย?”
“อื้ม”เคย์พยักหน้า นั่งปุกลงกับพื้นเมื่อเขาช่วยเคย์จิแยกตัวต่อเลโก้ออกจากกันและโยนมันลงถังพลาสติกของพวกเขา
“โชโย ลูกรัก ทำไมลูกไม่ไปช่วยโนยะเก็บของเล่นที่ลูกทิ้งไปรอบๆ ห้องนั่งเล่นล่ะ?”โออิคาวะเสนอ ไม่อยากให้ลูกชายเขาอู้การเก็บข้าวของ
“แล้วฉันจะพานายไปดูที่เห็บในห้องของฉันนะ”ยูบอกอย่างภูมิใจ วางเรียงหุ่นจำลองของเขาลงในกล่องที่เก็บพร้อมๆ กับฮินาตะที่คอยช่วย
“โย่ มันดีมากที่ได้กินข้าวเช้าด้วยกันก่อนประชุมรอบนี้”โบคุโตะยิ้มกว้างเมื่อพวกเขาทำความสะอาดครัวเล็กน้อย วางจานชามข้างอ่าง “ขอบใจที่ชวนพวกเรามานะ ไดจิ”
“ใช่ ขอบใจ นายทำไข่เจียวได้เจ๋งมาก”คุโร่เหยียดยิ้ม
“ขอบคุณ นั่นเป็นอาหารจานโปรดของโนยะเลย เพราะงั้นถ้าฉันทำมันได้ไม่อร่อย โนยะก็ไม่ยอมกิน”ไดจิหัวเราะ เอาจานล้างน้ำเปล่าเพื่อขจัดคราบสกปรกออก
“ฉันรู้สึกแย่ที่ปล่อยให้นายเก็บล้างจานนะ”โบคุโตะบอก “ครั้งหน้า ฉันจะพาพวกนายไปที่บ้านเพื่อไถ่โทษล่ะกัน”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะกลับมาล้างตอบกลับมาที่บ้านตอนเย็นน่ะ”
“แล้ววันนี้เรายังพาเด็กๆ ไปที่สวนสาธารณะอยู่รึเปล่า?”โออิคาวะถาม พยายามจะทำน้ำเสียงให้เป็นปกติโดยการมองมือตัวเอง
แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มองตาพวกเขาเลยสักคน และอีกสามคนที่เหลือก็พยายามกันสุดความสามารถที่จะกลั้นขำกับท่าทางที่เห็นได้ชัดของเขา
“แน่นอน”คุโร่ยักไหล่”ถึงฉันจะเริ่มทำงานไววันนี้ ฉันเลยตั้งใจจะปล่อยให้เคนมะดูแลเคย์นานกว่าปกติก่อนจะไปรับเขากลับบ้าน”
“ถ้านายอยาก พวกเราจะพาเคย์ไปที่สวนสาธารณะกับพวกเราแล้วพาเขากลับมาส่งที่สถานรับเลี้ยงให้อยู่กับเคนมะก็ได้นะ”ไดจิเสนอพลางเช็ดมือกับผ้าเช็ดมือ “ถ้าได้ออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้างก็คงจะดีกับเขาด้วย”
“นายจะทำให้จริงหรอ?”คุโร่ถามอย่างแปลกใจ
“นายไม่ต้องดูตกใจขนาดนั้นก็ได้น่า เพื่อน”โบคุโตะยิ้ม พลางกอดไหล่คุโร่และฉุดเขาลงพร้อมยีหัวเขาด้วยความหมั่นเขี้ยว “ก็แค่ทำประโยชน์ให้เพื่อนเอง!”
“โอ๊ย โอ๊ย โบคุโตะ หยุดน่า!”คุโร่ประท้วง ทำแก้มป่องตอนที่เขาถูกปล่อย “ให้ตายสิ...”เขานวดๆ บริเวณที่ถูกยีเมื่อครู่ แต่เขาก็มองด้วยสายตาซาบซึ้งไปทางคนที่เหลือ “ขอบใจนะ ฉันรบกวนด้วยก็แล้วกัน ตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่แล้วฉันก็ไม่ค่อยมีเวลาพาเขาออกไปข้างนอกเท่าไหร่ เพราะงั้นนอกจากกิจกรรมที่เขาให้ทำที่สถานรับเลี้ยงแล้ว เขาไม่ค่อยได้ออกไปรับลมสักเท่าไหร่”
“นายควรจะพักบ้างนะ”โออิคาวะบ่น “หรืออย่างน้อยก็เข้าคอร์สบำรุงผิวซะบ้าง เพราะนายกำลังจะมีริ้วรอยเต็มหน้าตั้งแต่อายุ 22 แน่ถ้ายังเป็นแบบนี้”
“ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีหน้าเด้งตลอดเวลานี่ พ่อหนุ่มสำอาง”คุโร่กลอกตาขำๆ เมินคำบ่น ‘อย่างน้อยฉันก็พยายามน่า!’ ของโออิคาวะ “ยังไงก็ตาม ฉันคิดว่าเด็กๆ คงจะเก็บของกันเสร็จแล้ว เพราะฉะนั้นเราควรเดินทางกันได้แล้ว”
“อื้ม ไปกันเลย!”โบคุโตะพยักหน้า ตรงเวลากับที่ลูกชายของเขาเดินออกมาจากห้องของโนยะที่กำลังคุยเสียงดัง
เมื่อเห็นพ่อของเขา ฮินาตะก็เร่งฝีเท้าและเดินเตาแตะมาหาก่อนจะดึงขากางเกงของเขาเบาๆ
“พ่อฮะ ผมคิดว่าผมจะต้องฉิ่งฉ่อง “เขาบอกเสียงดัง ทำให้ผู้ใหญ่ทุกคนหลุดหัวเราะเบาๆ
“โอเค ดีมาก! เราไปห้องน้ำกันเถอะ”โออิคาวะยิ้มกว้าง จับมือลูกชายเขาก่อนจะเดินนำไป
“พ่อฮะ”ไม่กี่วินาทีให้หลังฮินาตะก็ส่งเสียงเรียก “ผมไม่ต้องฉิ่งฉ่องแล้ว”
“โอ้ ลูก”โออิคาวะส่งเสียงเบาๆ กับเสียงหัวเราะที่ดังไล่หลังมา “โอเค ลูกเอ่อ.. ไปรอที่ห้องน้ำก่อนนะ พ่อจะเดินไปหยิบผ้าอ้อมแล้วไปเปลี่ยนมันให้ลูก โอเคมั้ย?”
“อื้อ”เด็กน้อยพยักหน้าแล้วเตาะแตะไป
“โอเค เด็กๆ! ถึงเวลาต้องไปแล้ว สวมเสื้อกันหนาวกันได้แล้วนะ”ไดจิบอกให้พวกเขาเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมโบกมือทั้งสองข้างของเขาไปยังทางเข้า และคุณพ่อแต่ละคนก็ดูแลการแต่งตัวของลูกตัวเอง เมื่อเสร็จ โออิคาวะก็ตามมาพร้อมกับฮินาตะข้างหลังและรีบแต่งตัวให้เขา
“เราจะไปหาเคนมะกันใช่มั้ย?”เคย์ถามเมื่อพวกเขาเดินออกมาแล้ว และคุโร่ก็พยักหน้า
“ใช่แล้ว และลูกก็ต้องอยู่กับเคนมะวันนี้เพราะวันนี้พ่อต้องรีบไปทำงานนะ”
“อ่อ โอเค”เคย์พยักหน้า ดูไม่เดือดร้อนอะไรถึถึงแม้ว่าเขาจะเลิกคุยประเด็นนี้ก็ตาม
“แต่สามคนนี้จะพาลูกไปที่สวนสาธารณะหลังจากลูกเล่นกับเคนมะสักพักนะ และพวกเขาก็จะพาลูกกลับไปหาเคนมะด้วย”คุโร่อธิบาย กุมมือลูกชายของเขาแน่นขึ้นเล็กน้อย “แล้วพ่อก็จะกลับมารับตอนมื้อเย็น แล้วเราจะไปกินอาหารที่ลูกอยากกินกัน”
“มันฝรั่ง”เคย์ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “ให้เคนมะทานมื้อเย็นกับเราด้วยได้มั้ยฮะ?”
“ได้สิ”พ่อของเขาพยักหน้า คอยระวังทางให้เมื่อพวกเขาเดินลงบันได (ในสี่คน คนที่ไม่มีปัญหาเลยคือเคย์จิ)
“ฟังเหมือนวันนี้เธอจะยุ่งนะ เคย์”โบคุโตะยิ้มกริ่มให้เขาเมื่อพวกเขาเดินถึงชั้นล่างสุดและมุ่งหน้าไปยังทางออก ของอพาร์ทเมนต์ “เธอจะสนุกแน่นอนเวลาเล่นกับพวกเรา ฉันสัญญาเลย”
“ได้ยินรึเปล่า? ลูกจะมีวันที่ดีและได้เล่นเยอะแยะเลย”คุโร่ทวนเพื่อย่อให้เด็กชายฟัง เขารู้สึกเศร้านิดหน่อยที่เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวันด้วย แต่เขาก็รู้ว่าเขาต้องทำงานตามตารางวันนี้ทุกงานถ้าเขาอยากจะจ่ายค่าเช่าบ้านได้ “ลูกควรจะพูดว่ายังไงเอ่ย?”
“ขอบคุณฮะ คุณลุงโบคุโตะ คุณลุงโออิคาวะ คุณลุงซาวามูระ”เคย์ตอบออกไปเสียงดัง เหมือเขากำลังท่องหนังสือออกมามากกว่าจะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่สีหน้าประหลาดใจบนใบหน้าของทั้งสี่คนก็ประเมิณค่าไม่ได้เลยทีเดียว
“เป็นคุณพ่อคนเดียวยังไม่พอ ตอนนี้เป็นคุณลุงกับหลานสามคน”โออิคาวะหัวเราะพลางก้มลงไปอุ้มฮินาตะขึ้นมา “เราเลื่อนขั้นกันไวมากนะเนี่ย”
“ฉันรู้แล้ว เราไปฉลองกันดีกว่า”โบคุโตะตัดสินใจอย่างกระตือรือร้น “ไปดื่มกาแฟกัน”
“ฉันรู้ร้านดีๆ ไม่ไกลจากสถานรับเลี้ยงด้วย พวกเขาค่อนข้างโอเคกับเด็กเพราะงั้นเราจะไปที่นั่นบ้างก็ได้นะ”ไดจิเสนอ
“ส่วนมากฉันจะทำงานไม่ก็เดินทางไปๆ มาๆ ทุกวันระหว่างเจ็ดโมงเช้าถึงหกโมงเย็น ยกเว้นวันเสาร์ที่เป็นบ่ายโมงถึงสองทุ่ม”คุโร่หยีหน้า “ฉันคงลำบากหน่อยล่ะ”
“ลาออกจากงานของนายสักงานนึงสิ”โออิคาวะบ่นเสียงเบาจนแทบจะกระซิบกับตัวเองมากกว่า
“ฉันก็อยากแหละ”คุโร่กลอกตา “แต่ยังไงซะ ยกเว้นเสียว่าพวกนายไม่ได้มีแผนจะไปกินมื้อเย็นกันหรือกาแฟหลังประชุมเสาร์หน้า ฉันก็คงต้องขอผ่านแหละ”
“ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกน่า”โบคุโตะบ่นพลางดีดแขนเขา “มันพวกเราทั้งสี่คนหรือไม่ไปเลย พวกเราอยู่ด้วยกันนะ”
“มีเพลงนั้นใน ‘High School Musical’ ด้วยฮะพ่อ!”โนยะบอกเสียงดังขึ้นมากะทันหันก่อนจะร้องเพลงต่อจนไดจิบอกให้เขาเงียบเสียงพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ
“เอาเถอะ พวกเราคงจะหาทางได้แหละ เราทำแบบนั้นมาได้ตลอดจนถึงตอนนี้ไม่ใช่หรอ?”เขายิ้มให้พวกเขาหลังจากที่โนยะทำตัวสงบเสงี่ยมแล้ว และทุกคนก็มองหน้ากันและกันเพื่อยืนยันก่อนจะยิ้มตอบ
ใช่ ตอนนี้ชีวิตของพวกเขาเหมือนจะผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ด้วยดี
(อย่างน้อยก็ตอนนี้ล่ะ ยังไงก็ตามขวากหนามมากมายก็ยังคงขวางทางพวกเขาอยู่)
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ