[Haikyuu]Against all odds ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม

-

เขียนโดย Dark_Shinigami

วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.34 น.

  9 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.08K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2558 17.53 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) Ch.1 (1/3)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

*รบกวนอ่านชี้แจงที่บทนำด้วยนะครับ!

Chapter 1 - Part 1-

Title: Against all odds ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม

Story: Sharkbaitsekki (SS)

Translator: KITDS

 

อาทิตย์ที่ 0 – วันเสาร์

โออิคาวะเก่งในการคลี่คลายสถานการณ์น่าอึดอัดเสมอ ตัวเขามี’สิ่งที่คาดเดาไม่ได้’บางอย่างที่ทำให้ความอึดอัดจางหายไปกับอากาศ มันก็ทำให้ทุกสายตาในห้องหันมาจดจ้องที่เขาเมื่อเขาพูดอะไรบางอย่างที่ฟังดูยอดเยี่ยม(ที่เขาคิดขึ้นมาได้เพราะสมองอันหลักแหลมของเขา) และนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้ความตึงเครียดหายไป

โออิคาวะเองก็เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอยู่หลายครั้งเหมือนกัน เหมือนครั้งหนึ่งที่เขาไปยังห้องอาจารย์ใหญ่ของสถานรับเลี้ยงเด็ก เขาเข้าไปในห้องโดยไม่รอคำอนุญาต แล้วเขาก็เห็นผู้ชาย...ในวัยห้าสิบกำลังทาเล็บนิ้วเท้าของเขาอยู่ เมื่อมองย้อนกลับไปบางทีการที่อีกฝ่ายแนะนำให้เขารออีกสักครู่ก่อนจะทาเล็บจนเสร็จก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรจะทำสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องทนกับความเงียบน่าอึดอัดในตอนนั้น

และเหมือนมันจะเป็นวันหยุดที่คาดไม่ถึงของ’ความสามารถพิเศษ’ของเขา มันไม่มีอะไรอย่างอื่นแล้วที่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงยังติดอยู่ในห้องนี้ นั่งอยู่บนเก้าอี้พับล้อมเป็นวงกลมกับผู้ชายแปลกหน้าสี่คนวัยไล่เลี่ยกับเขา ทุกคนถ้าไม่ดูเขินอายก็ดูเบื่อหน่ายมาก และไม่มีใครพูดอะไรสักคำ

นี่มันบ้าชัดๆ บางทีถ้าเขาแนะนำสีน้ำยาทาเล็บที่เข้ากับผู้อำนวยการที่เข้ากับนิสัยของเขา ตอนนี้เขาอาจจะไม่ต้องถูกบังคับเข้าประชุมครั้งนี้

“แล้ว...?”ชายผมเงินที่นั่งอยู่ริมสุดเริ่มบทสนทนา เขาลากเสียงคำให้ยาวขึ้นเหมือนพยายามจะแก้สถานการณ์แต่ก็ทำให้สถานการณ์น่าอึดอัดมากขึ้นแทน แต่สุดท้ายคนที่เหลือก็ดูเหมือนจะระลึกว่าพวกเขาอยู่ระหว่างการพบปะและพยายามจะนั่งยืดหลังตรง แต่ก็แค่พยายามก่อนจะมองไปทางชายหนุ่มคนแรก “เรายังไม่รู้จักชื่อกันเลย ฉันคิดว่าฉันควรจะแนะนำตัวก่อนเป็นตัวอย่าง”

ทุกมติเป็นเอกฉันท์โดยที่ไม่มีใครต้องพูดอะไรว่าเขาควรจะเริ่มก่อนและทำลายความเงียบสงัดนี้ และนั่นก็ทำให้เขาเป็นจุดสนใจ แต่เขาก็ดูไม่ได้รับผลกระทบอะไร รอยยิ้มของเขายังคงสดใสเหมือนเดิม ชายหนุ่มค้อมหัวลงเล็กน้อยให้กับคนอื่นก่อนจะเริ่ม

“ฉันชื่อสึกาวาระ โคชิ”เขาแนะนำตัว ดวงตาเปล่งประกายขณะที่ค่อยๆ ดึงคนอื่นเข้ามาในวงสนทนา “ฉันอายุ 21ปี และกำลังเรียนมหาวิทยาลัยสาขาสังคมวิทยา ฉันอาสาที่จะดูแลโครงการกลุ่มสนับสนุนหกอาทิตย์นี้ ภายใต้วิชา’ครอบครัวที่แตกต่างในสังคม’ และฉันจะเป็นผู้นำกลุ่มจากนี้เป็นต้นไป ยินดีที่ได้พบทุกคนนะ”

“ยินดีที่ได้รู้จัก” โออิคาวะพูดเสียงอู้อี้พร้อมๆ กับอีกสามคนที่เหลือแล้วกอดอก

“เอ่อ... ฉันคิดว่าฉันแนะนำตัวเป็นคนถัดไปแล้วกันนะ” ชายหนุ่มผมดำที่นั่งถัดจากสึกาวาระถอนหายใจแล้วยืดตัวขึ้น ทันทีที่เขาทำรอยยิ้มอวดดีก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ดวงตาเป็นประกายขัดกับดวงตาที่ปรือปิดลงไปครึ่งนึง “ชื่อของฉันคือคุโร่ เท็ตสึโร่ อายุ22 พ่อที่น่าภูมิใจของเด็ก3ขวบตั้งแต่สามปีก่อน สุดยอดคุณพ่อที่น่าทึ่งตั้งแต่สี่เดือนก่อน ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน”

“ยินดีที่ได้รู้จัก”

“สุดยอดคุณพ่อที่น่าทึ่งมันเป็นคำที่ฉันจะพูดพอดีเลย”ชายหนุ่มผมขาวเทาข้างๆ คุโร่บ่นงึมงำ ยกมือขึ้นกอดอกแล้วเบ้ปากเป็นเด็กๆ “โอเค ฉันโบคุโตะ โคทาโร่ ฉันอายุ22 และนกฮูกก็เท่มาก ยินดีที่ได้รู้จัก”

“ยินดี..ที่ได้รู้จัก?”โออิคาวะเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ในใจสงสัยว่าทำไมชายหนุ่มถึงดูภูมิใจในตัวเองกะทันหัน

“เอ่อ โบคุโตะ บางทีนายอาจจะอยากระบุว่าเป็นคุณพ่อมานานแค่ไหน แล้วเป็นคุณพ่อคนเดียวมานานแค่ไหน?”สึกาวาระหัวเราะ แล้วขยับมือเป็นเชิงให้เขาพูดต่อ

“โอ้ ได้เลย!”โบคุโตะพยักหน้า “ลูกชายฉันอายุสี่ขวบ และเขาก็เป็นชายน้อยของแด๊ดดี้ตั้งแต่สามเดือนก่อน”

“ยินดีที่ได้รู้จัก”ทั้งกลุ่มบอกอีกที โออิคาวะอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าการประชุมยังยืดเยื้อแบบนี้ เขาจะมีเวลาได้ซื้อกาแฟสักแก้วก่อนเวลานอนกลางวันของลูกเขารึเปล่า

“คนต่อไปด้วยครับ”สึกาวาระแนะ นั่นทำให้โออิคาวะนั่งหลังตรงในเก้าอี้อันแสนไม่สะดวกสบายแล้วยิ้มกริ่มพร้อมชูสองนิ้วอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา

“สวัสดี! ฉันโออิคาวะ โทรุ 22ย่าง23 แล้วหลังจากที่ลูกชายวัยสองขวบที่น่ารักของฉันเกิด ฉันก็ได้เป็นนายแบบที่โดดเด่นที่สุดและเป็นพ่อที่เอาใจใส่ที่สุดให้กับลูกชายที่น่ารักของฉัน แต่น่าเศร้าที่สองเดือนก่อน ครอบครัวของเราพบเจอกับโชคชะตาอันน่าเศร้า แล้วฉันก็ถูกทิ้งให้เลี้ยงลูกชายของฉันเพียงลำพัง ที่ฉันต้องบอกว่าฉันทำมันได้ดีเพราะ...”

“ยินดีที่ได้รู้จัก”คุโร่แทรกขึ้นมา”คนต่อไป!”

“เดี๋ยวสิ ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ!”โออิคาวะประท้วงพลางทำแก้มป่อง “ฉันกำลังจะบอกเลยว่าฉันเป็นพ่อที่ดีแค่ไหน!”

“เอาน่า ถ้านายอยู่ที่นี่กับพวกเราแสดงว่านายก็ไม่ได้สุดยอดขนาดนั้นหรอก”โบคุโตะพึมพำ เขาดูอับอายนิดหน่อยกับคำพูดของตัวเอง

“ฉันน่าจะรู้ว่าผู้อำนวยการนั่นส่งฉันมาที่นี่เพราะความหมั่นไส้”โออิคาวะบ่นเคืองๆ แขนทั้งสองยกขึ้นกอดอกอีกครั้ง “ฉันน่าจะบอกเขาว่าสีฟ้าเหมาะกับเขามากกว่า...”เขาเสริมเสียงเบา

“อืม... ฉันไม่แน่ใจว่าฉันอยากจะรู้ว่านายพูดอะไรไป เพื่อนยาก”คุโร่เลิกคิ้วใส่เขาแล้วก็หัวเราะในลำคอ “ปล่อยมันไปเถอะ”

“ถ้าอย่างนั้น ฉันซาวามูระ ไดจิ”คนสุดท้ายที่เงียบมาตลอดเริ่มพูด ซึ่งนั่นทำให้เสียงโอดครวญของโออิคาวะเงียบลง “ฉันเพิ่งอายุ22 มีลูกอายุสามขวบหนึ่งคน และเป็นคุณพ่อคนเดียวตั้งแต่สี่เดือนที่แล้ว”

“เยี่ยมมาก ฉันดีใจมากเลยที่ได้พบทุกคนที่นี่”สึกาวาระสรุป โออิคาวะแปลกใจว่าเขากำลังใช้แบตเตอรี่แทนข้าวรึเปล่า ดูจากอุปนิสัยร่าเริงสดใสของเขาแล้ว โออิคาวะจะไม่แปลกใจเลยถ้ามีแบตเตอร์สองสามก้อนอยู่ในหัวของเขา “วันนี้เป็นแค่การแนะนำตัว เพื่อช่วยให้พวกเรารู้จักกันมากขึ้น เพราะเราจะใช้ชีวิตร่วมกันอีกหกอาทิตย์ อาทิตย์ละสองครั้ง ในกลุ่มสนับสนุนนี้จะช่วยให้พวกนายปรับตัวกับการเป็นคุณพ่อคนเดียวและช่วยให้ความสนับสนุนกับลูกๆ ของทุกคนที่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนจากผู้ปกครองสองคนเป็นผู้ปกครองคนเดียว”

“น่าสนุก”คุโร่พึมพำด้วยเสียงเรียบเฉยที่บ่งบอกถึงอารมณ์ของทุกคนได้เป็นอย่างดี

“ฉันทำการ์ดบันทึกมาให้ทุกคน ในนั้นจะมีเบอร์มือถือของทุกคนและเบอร์สำคัญอื่นๆ เช่น เบอร์ของสถานรับเลี้ยงเด็ก สำหรับนักสังคมสงเคราะห์ที่นัดไว้ คลินิกใกล้เคียง และสำนักงานควบคุมสารพิษ” เขาแจกการ์ดให้กับทุกคน โออิคาวะรู้สึกผิดหวังกับความเรียบโล่งของมัน ถ้าเขาเป็นคนรับผิดชอบด้านกราฟิกดีไซน์ล่ะก็ บางทีผู้คนอาจจะดีใจที่ได้รับของพวกนี้มากกว่านี้

“ขอบคุณ สึกาวาระ”ซาวามูระเป็นคนแรกที่โต้ตอบ และหนุ่มผมเงินก็ยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย

“ด้วยความยินดี! ฉันคิดว่าการติดต่อจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรา ฉันก็เลยอยากให้พวกนายรู้จักกันมากขึ้นก่อนจะถึงนัดครั้งหน้า ซึ่งก็คือ...วันพฤหัสนี้ ในอีกห้าวัน! ตอนนี้เราจะเริ่มพูดถึงความรู้สึกของพวกนายตอนที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แล้วเราก็จะเริ่มกันจากตรงนั้น”

“ฉันจะเอาคลีเน็กซ์(ทิชชู่)มา”คุโร่พึมพำ

“ฉันจะเอาไอศกรีมมา”โบคุโตะเสริม

โออิคาวะเลิกคิ้วใส่พวกเขา แล้วทั้งสองคนก็เลิกคิ้วกลับใส่เขา

“อะไร?”เขาถามด้วยความสับสน

“มันเป็นจังหวะที่นายต้องพูดว่าฉันจะเอาหนังผู้หญิงๆ มา”โบคุโตะบอกบท

“ตลกน่า แต่ดูจากห้องนี้แล้ว ซาวามูระคงต้องเอาโทรทัศน์มาพร้อมกับเครื่องเล่นดีวีดี”

“ฟังดูดีนี่!”คุโร่ยิ้มกริ่ม

“ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ”โออิคาวะถอนหายใจพลางนวดขมับ

“เอาน่า มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอก”ซาวามูระพยายามจะเข้ามาหยุดแต่คุโร่กับโบคุโตะก็ขำ ส่วนโออิคาวะนั้นอยากจะไปจากที่นี่เต็มแก่แล้ว

“นี่ เราไปกันแล้วไม่ได้หรอ? ฉันอยากจะไปรับลูกของฉัน ซื้อกาแฟ แล้วกลับบ้าน”ชายหนุ่มผมน้ำตาลโอดครวญ ส่งสายตาวิงวอนไปทางสึกาวาระเพื่อหาทางออก

“อย่าพลาดนัดทำเล็บล่ะ”คุโร่ยิ้มขำ โบคุโตะพยายามเอามือปิดปากกลั้นขำ

“โอเค ฉันไปล่ะ”โออิคาวะก็มีขีดจำกัดของตัวเอง ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกปวดหัวแล้ว “เจอกันวันพฤหัส”

“พวกนายสองคนทำตัวเด็กกันจริงๆ!”ซาวามูระดุทำให้คุโร่และโบคุโตะมองหน้ากันก่อนจะยิ้มให้เขา

“เราก็แค่พยายามจะสร้างบรรยากาศ”ก่อนจะหันไปมองแผ่นหลังของโออิคาวะที่ค่อยๆ ถอยห่างไป “เจอกันวันพฤหัส พ่อหนุ่มหน้าสวย!”

“เจอกัน!”โออิคาวะตอบกลับมา ในใจก็คิดว่าเขาจะต้องทนกับเรื่องบ้าๆ ของสองคนนั้นในครั้งหน้ามั้ย ถ้าเขาไม่ลืมที่จะพา’ความคาดเดาไม่ได้’ของเขามาด้วย

หลังจากออกจากห้องเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินไปตามโถงทางเดินไปยังบริเวณของสถานรับเลี้ยงเด็ก วันนี้เป็นวันเสาร์ ห้องเรียนที่เขาเดินผ่านทุกห้องเลยว่างเปล่า แต่เขามุ่งหน้าไปยังโรงยิมที่เขารู้ว่าลูกของเขาอยู่ภายใต้การดูแลของพี่เลี้ยงเด็กกะวันหยุดสุดสัปดาห์

เมื่อก้าวเข้าไปในโรงยิมเขาก็เห็นพี่เลี้ยงเด็กที่ว่า – เคนมะ? รึเปล่านะ? เขาควรจะถามเด็กนั่นว่ามั้ยเขาต้องการความช่วยเหลือกับการกัดสีผมรึเปล่า ในเมื่อบริเวณโคนผมสีเดิมยังเหลืออยู่เยอะ – เขานั่งอยู่ที่มุมห้อง นั่งมองเด็กๆ เล่นกัน จากการมองรอบๆ ห้องทำให้โออิคาวะมองเห็นลูกชายของเขาทันที และแทบจะในทันทีที่เขาวิ่งเข้าไปหาเด็กน้อย

“โชโย!”เขาร้องเรียก มือเสยผมขณะที่ลูกชายผมส้มของเขาเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นพ่อของตัวเอง ก่อนที่จะหัวเราะออกมา

ถ้าไม่ติดที่ว่าตอนที่เด็กน้อยเริ่มหัวเรา เท้าของเด็กข้างๆ ที่เขากำลังขบกัดอย่างมีความสุขจะร่วงออกจากปากเขาแล้วกระแทกพื้นเสียงดัง

“โอ๊ย!”เด็กผู้ชายผมสีดำร้องพลางขยับขาที่โชกน้ำลายเข้าหาตัว “โชโย! นั่นเจ็บนะ!”เด็กชายบ่น ลมหายใจเริ่มสะดุด

“โอเค หนุ่มน้อย อย่างร้องนะ!”โออิคาวะหัวเราะด้วยความประหม่า เขาคุกเข่าลงข้างๆ เด็กคนที่ดูแล้วน่าจะแก่กว่าลูกชายของเขา และกำลังจะร้องไห้ “เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว เช็ดน้ำตาดีมั้ยเอ่ย?

“มันเจ็บบบ”เด็กชายร้องโอดโอย ทำท่าเหมือนจะร้องไห้หนักทำให้โออิคาวะตื่นตระหนกขึ้นมา

“เอาล่ะ เอาล่ะ ใจเย็นๆ น...”

“ยู!”อีกเสียงหนึ่งเรียกดังมาจากด้านหลังของโออิคาวะ และเมื่อเขาหันไปก็เจอกับซาวามูระที่โผล่หน้าออกมาจากประตูโรงยิม มองซ้ายขวาหาคนที่เป็นลูกชายของเขา

“พ่อ!”

ทันใดนั้นเอง ทั้งน้ำตาและเสียงร้องโอดโอย รวมถึงตัวเด็กน้อยเองก็หายไป โออิคาวะแทบจะไม่มีหันกลับมาปีกทางเมื่อเด็กอีกคน – ที่น่าจะชื่อว่ายู – ลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหาพ่อของเขาที่อ้าแขนรอเขาอยู่อย่างรวดเร็ว

“ไง เจ้าลูกชาย!”ซาวามูระหัวเราะพร้อมกอดตัวเด็กชายเข้าหาตัว แต่ก็สังเกตถึงรอยเปียกน้ำบนเสื้อของเขาเมื่อยูกอดเขา “ยู นี่อะไรน่ะ?”

“นี่หรอ?”เด็กชายมองลงด้วยความสงสัยเหมือนเขาไม่รู้ตัวว่าขาเปียก “อ๋อ โชโยพยายามจะกินขาผมแต่ผมไม่ชอบแต่ให้เท้าผมไปแทน”

“อะไรนะ?”ซาวามูระทำท่าเหมือนจะเป็นลม จากทั้งความประหลาดใจและตกใจ”เอ่อ...โอเค?”

“ขอโทษด้วย”โออิคาวะขอโทษทันทีที่เดินมาหาพร้อมกับโชโยในแขนข้างหนึ่งและรองท้า ถุงเท้าของยูในอีกข้าง “ฟันของเขากำลังขึ้น เขาเลยเคี้ยวนู่นเคี้ยวนี่ไปทั่ว อ่ะ นี่”

“ขอบคุณ”ซาวามูระยิ้มบางให้เขาก่อนจะรับของของลูกชายของเขามา “ฉันเองก็ต้องขอโทษด้วย ยูไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไหร่ เรากำลังพยายามฝึกกันเรื่องนั้นอยู่”

“โชโยขอมา ผมก็เลยให้สิ่งที่เขาอยากได้เท่านั้นเอง”เด็กชายพูดจาปกป้องตัวเองก่อนจะเงียบไป “ก็ได้ เขาไม่ได้ถาม แต่.. แต่เขาก็ไม่ได้บ่นนี่นา!”

“โนยะ”โชโยหัวเราะจากอ้อมแขนของโออิคาวะ “โนยะเป็นคนตลก”

“พ่อดีใจที่เราคิดอย่างนั้นนะ ลูกรัก”โออิคาวะพูดเสียงเบา จูบไรผมสีส้มของเขาเรียกเสียงหัวเราะจากเด็กน้อย “แต่เราควรจะเอาแขนขาของคนอื่นเข้าปากเราได้แล้วนะ เรามีของเล่นอยู่แล้วนี่”

“เอาล่ะ ฉันคงต้องไปแล้ว โนยะเองก็ต้องอาบน้ำด้วย ในเมื่อเท้าของเขาสกปรกแบบนั้น”ซาวามูระมองไปที่ลูกชายของเขา ยิ้มขำกับหน้าตาหวาดกลัวของเขา

“ไม่เอา! ไม่เอาถ้ำฉลามนั่นอ่ะ! ผมเพิ่งไปมาก่อนนอนกลางวันนี่เอง!”

“ลูกก็แค่ต้องทำตัวดีๆ”หนุ่มผมดำถอนหายใจ มือจูงลูกชายของเขาไป “เอาล่ะ บอกลาโชโยสิ”

“บาย โชโย”ยูบอกเสียงเบาลง มือโบกหยอยๆ ให้กับเด็กชายที่กำลังเอามือเข้าปาก

“บอกลาสิ ฮินาตะ”โออิคาวะบอกขำๆ แต่เมื่อลูกชายเขาไม่ขยับ ทำเพียงแค่จ้องเพื่อนของตน เขาเลยดึงมือออกมาจากปากแล้วจับโบกให้โนยะแทน

“บ๊ายบาย โนยะ”โชโยพูด เหมือนเพิ่งจำได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเอามือกลับเข้าปากพร้อมกับนิ้วบางส่วนของโออิคาวะด้วย

ชายหนุ่มผมสีเปลือกไม้ถอนหายใจและเช็ดนิ้วที่เปียกของเขากับกางเกงลวกๆ ก่อนจะเดินไปหาเคนมะเพื่อลงชื่อออก เด็กหนุ่มที่ถ้าเขาจำไม่ผิดกำลังเรียนพยาบาลเพื่อทำงานในแผนกกุมารเวชพยักหน้าให้เขาเป็นเชิงรับรู้ตอนที่เขาลงชื่อในเอกสารและอวยพรให้พวกเขาโชคดีในวันหยุดสุดสัปดาห์ก่อนจะกลับไปพิมพ์ข้อความในมือถือต่อ

โออิคาวะมีความคิดที่จะเรียกเด็กหนุ่มออกมาคุยเพราะเขามัวแต่คุยแชทจนไม่ได้มองว่าเลยว่าลูกชายของเขามีเท้าของคนอื่นอยู่ในปากแต่ก็ล้มเลิกไป ตอนนี้เขาแค่อยากได้กาแฟสักแก้วและกลับบ้านเท่านั้น

“พ่อครับ”ฮินาตะเรียกขณะที่พวกเขาเดินออกจากโรงยิม โออิคาวะก้มหัวลงเพื่อเลี่ยงคุโร่กับโบคุโตะที่คุยขณะที่เดินไปทางตรงกันข้ามอาจจะเพื่อไปรับลูกของพวกเขา “ผมรักพ่อนะ”ฮินาตะต่อหลังจากที่หยุดคิด คำพูดอู้อี้จากมือที่ยังคาอยู่ในปาก

“พ่อด้วยลูก”โออิคาวะถอนหายใจ เดินเข้าไปในลิฟท์เมื่อมันเปิดออกและกดปุ่มเพื่อลงไปยังชั้นหนึ่ง

“แล้วแม่ล่ะครับ?”โชโยถามเพิ่ม แต่เมื่อเขาเคี้ยวมือของตัวเองต่ออย่างไร้เดียงสาไม่ได้ทันสังเกตว่าไหล่ของพ่อเขาแข็งเกร็ง “แม่อยู่ไหนหรอ?

“ลูกก็รู้ว่าตอนนี้มีแค่พ่อนะ ลูกรัก”

โออิคาวะมีความคิดที่จะเปลี่ยนจากกาแฟเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สักอย่าง จากสถานการณ์ของเขาตอนนี้แล้ว มันคงไม่เสียหายถ้าเขาจะดื่มวอดก้าสักช็อต(หรือสาม)

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา