Stop หยุดหัวใจนายเย็นชา
เขียนโดย NannyCandy
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.18 น.
แก้ไขเมื่อ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 19.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
40) - His Name Is…‘ FIVE ’ -( ชื่อของเขาคือ...' ไฟท์)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- His Name Is… ‘ FIVE ’ -
( ชื่อของเขาคือ...' ไฟท์ ' )
2 สัปดาห์ต่อมาหลังจากนั้น
โรงเรียน
กริ๊ง กริ๊งงงงงง
“โอเค วันนี้พอแค่นี้ แล้วอย่าลืมไปทำรายงานภาษาอังกฤษมาด้วยนะจ๊ะ ใครไม่ทำอดคะแนน แถมโดนหักคะแนนอีก 8 แสนคะแนน! ><!”
“8 แสนคะแนนนี่ต้องทำงานแก้กี่ชาติกว่าจะผ่านเหรอครับจาน 55555+”
เพื่อนๆ ในห้องต่างพากันขำเมื่อเพื่อนผู้ชายอย่างวัชระที่แสบที่สุดจงใจพูดกวน อาจารย์นุ่นซึ่งเป็นอาจารย์ที่ใจดี๊ดีที่สุดแถมเป็นกันเองชอบเล่นตลกหยอดมุข ขำๆกับนักเรียนตลอด สอนก็ดีมีหลักการทำให้เข้าใจง่าย ไม่เหมือนอาจารย์บ้างท่านที่สอนไม่รู้เรื่องแถมให้งานเยอะอีกต่างหาก
เฮ้อ...แบบนั้นเครียดตายเลย
แต่นี่อาจารย์นุ่นกับนักเรียนกวนกันไปกวนกันมามันก็ทำให้การเรียนภายในห้อง นี้แลดูมีสันขึ้นเยอะเลยนะ จะได้ไม่เครียดจนเกินไปไง
ปึก!
“นายวัชระ นายอยากโดนครูฆ่าตัดตอนใช่มั้ย = =?”อาจารย์นุ่นจับซองกระดาษ A4 เคาะลงกับโต๊ะแล้วพูดหยอกกลับ
“โห่จานโหดอ่า YOY”
“พอๆๆ เลิกเล่นแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้ว และไปทำงานที่ครูสั่งซะให้เสร็จด้วยนะ ถ้าทำเสร็จแล้วรวบรวมส่งที่หัวหน้าห้อง”
“ค่าาาา”
“เอ้า หัวหน้าบอก”
“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ”ปังปอนด์ที่นั่งอยู่หน้าห้องเอ่ย
“ขอบคุณค่ะ คุณครู”
เมื่อ พวกนักเรียนในห้องไหว้เสร็จก็ต่างพากันเก็บของบนโต๊ะเรียนเพื่อกลับบ้านรวม ทั้งอาจารย์นุ่นที่เพิ่งจะเซ็นต์ใบเช็คชั่วโมงการเข้าสอนที่ปังปอนด์เดินเอา ไปยื่นให้เสร็จแล้วเขาก็เตรียมตัวเก็บของที่ใช้สอนก่อนจะเดินออกไป ส่วนปังปอนด์ก็เดินกลับมาที่โต๊ะแล้วเก็บของของเธอแล้วรีบเดินออกจากห้องนี้ ไปทันทีเพราะว่าต้องรีบไปส่งแฟ้มที่ห้องวิชาการ
เฮ้อ...ปังปอนด์นะปังปอนด์ทำงานคนเดียวคงเหนื่อยน่าดูกับการเป็นหัวหน้าห้อง
ม.5/2
“แกไปไหนต่อป่าวเนี่ยแก้ว”
“ไม่อ่ะกลับบ้านเลย”ฉันส่ายหน้าเมื่อฟางถาม
อ้อ! ลืมๆ มาอัปเดทกันหน่อยละกันว่าชีวิตหลังจากออกจากโรงพยาบาลมันเป็นยังไงบ้าง
ก็! หลังจากที่นอนพักอยู่ที่นั่นสักสองวันได้หมอก็ให้ฉันกลับบ้านได้เพราะไม่ได้เป็น อะไรแล้ว แถมร่างกายของฉันนี่แข็งแรงซึ่งผิดคาดที่หมอตั้งการเอาไว้เลย สิ่งนั่นมันประหลาดมากๆเลยเพราะคนอย่างฉันนี่อะไรนิดหน่อยก็ป่วยแล้ว และนี่มาเจอเหตุการณ์ไฟไหม้แบบนี่ก็ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะหายดีในไม่กี่วัน เอง
ถือว่าเป็นเรื่องที่...ดี๊ดี! ^O^//
พอมาโรงเรียนก็ต้องเรียนอาคารอื่นแทนอาคาร 5 ไปก่อนเพราะอาคาร 5 กำลังซ่อมแซมส่วนที่โดนไฟไหม้ไป จนตอนนี้ทำเสร็จแล้วเรียบร้อยเพราะว่ามันไม่ได้เสียหายอะไรมากจะมีก็แค่โรง ขยะนั่นแหละที่ไหม้จนพงยับเยินเลย
แต่การ เริ่มใหม่ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลชีวิตก็ดีขึ้นแถมมีข่าวที่ไม่น่าเชื่อหูของ ฉันเลยคือ...พิมพ์ลาออกจากโรงเรียน ใช่! ทุก คนฟังไม่ผิดหรอก เพราะมีข่าวบอกว่าเธอขอลาออกเองแล้วเพื่อนๆในห้องฉันก็คุยกันว่าที่พิมพ์ออก เพราะจะไปเรียนที่เมืองนอก แต่ฟางบอกฉันทุกๆอย่างว่าทำไมฉันถึงติดอยู่ในนั้นและบอกอีกว่าสาเหตุที่ทำให้ พิมพ์ยื่นใบลาออกไปนั้นเป็นเพราะเธอพยายามจะหนีความอับอายมากกว่าต่างหาก
เพราะตอนที่ฉันสลบไปในวันนั้นฟางจัดการด่าตราหน้าประจานพิมพ์จนหลายๆคน มองเธอย่างไม่ชอบใจแบบสุดๆแถมฟางยังบอกอีกด้วยว่าโทโมะโกรธมากและจัดการว่าพิมพ์ จนเจ็บแสบไปจนพิมพ์เสียหน้าแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
ส่วนเฟื้องฟ้ากับจินนี่ก็ยังคงอยู่ที่โรงเรียนนี้แต่เธอสองคนก็ไม่ได้ไประรานใคร เลย แถมพอเจอฉันก็แค่ยิ้มให้แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้มีความแสะแสร้งร้ายลึกอะไรซ่อน เอาไว้เลยนะ ส่วนจินนี่ก็พูดขอโทษฉันแล้วด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจมากๆที่ทุกๆอย่างเริ่มกลับมาโอเคแล้ว
ฉันเองก็ไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไรมากมายหรอกที่ฟางบอกว่าจินนี่เป็นคนขังฉัน เอาไว้ในโรงขยะ แต่นั่นเป็นเพราะคำสั่งของพิมพ์ที่เธอต้องทำตามเพราะกลัวโดนพิมพ์ตบและทำร้าย เธอ
และถ้าเกิดว่าวันหนึ่งฉันดันเจอกับพิมพ์อีกครั้งนะ...ฉันก็คงจะนึกถึง เหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์ที่เธอทำกับฉันเอาไว้ และฉันก็คงจะอยู่เฉยๆตามเดิมมองเธอเป็นผงฝุ่นธรรมดาๆโดยไม่กล่าวว่าเธอ ก็ไม่ได้อยากจะทำตัวเป็นคนที่ใจกว้างแบบนี้หรอกแต่เป็นเพราะฉันแค่อยากจะ ปล่อยให้มันผ่านพัดไป ไม่อยากมีปัญหา
ก็เพราะ...การที่เราแค้นใครโดย‘ไม่ปล่อยวาง’ นั้นฉันคิดว่ามันจะเป็น ‘ทุกข์’ แก่ใจของเราเสียเองมากกว่านะฉันว่า
เรื่องร้ายๆที่ผ่านมาก็ปล่อยมันผ่านไปดีกว่าเน๊อะ! เพราะถือซะว่ามันเป็นบททดสอบที่มันทำให้เราเข้มแข็งขึ้นก็แล้วกัน เพราะแก้วผู้สดใส มึนๆอึนๆคนเดิม กลับมาแล้ว! ^O^//
“แล้วนี่...แกกลับไงเนี่ยกลับคนเดียวหรือว่ากลับกับ...”
“กลับคนเดียวแหละ”
“เฮ้ย นี่ยังไม่คุยกันอีกเหรอวะ”ฟางเค้นหัวเราะเมื่อเห็นฉันทำหน้ามู่ทู่เมื่อกี๊
“ไม่คงไม่คุยหรอก คนเราอ่ะทำผิดมันก็ต้องรู้สิว่าควรทำยังไง”
“ซะงั้น”
“โทโมะอ่ะชอบทำมึน >^<! ”
“เอาน่า หมอนั่นมันป็นคน 4 มิตินี่หว่า ^^”
คงกำลังงงกันล่ะสิว่าฉันกับฟงกำลังคุยกันเรื่องอะไร
ก็ตอนนี้ชีวิตฉันเริ่มดีขึ้นแล้วใช่มั้ย? แต่หากทว่ามันมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ฉันกำลัง‘งอน!’ ใช่! ทุกคนได้ยินไม่ผิดหรอกเพราะว่าเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งวันที่ผ่านมานี่เอง ก็คงไม่ใช่เรื่องอะไรหรอกถ้าไม่ใช่เรื่อง‘ความรัก’ ของฉันในตอนนี้น่ะสิ
เพราะตั้งแต่ฉันตกลงคบกับโทโมะมามันก็ดีมากๆเลยนะ เพราะโทโมะเห็นนิ่งๆบ้างไรบ้างนี่พูดทีทำฉันเขินตลอดให้ตาย... =/////= แต่ก็แค่มีเรื่องที่งอนๆกันนิดหน่อย มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกก็แค่...
“โอ๊ะโอ๋ โจทย์มาถึงหน้าห้องเลยว่ะแก้ว”ฟางที่เพิ่งเก็บของเสร็จและกำลังจะเดินออกจากห้องพร้อมฉันก็ถึงกับหยุดชะงักเพราะ ‘โจทย์’ ที่ฟางเอ่ยนั้นกำลังยืนพิงขอบประตูอยู่หน้าห้องเรียนของฉันนี่เองและจะเป็นใครไปได้นอกจาก...
นายโทโมะ! ที่เรียกตัวเองว่าเป็นแฟนฉันยังไงล่ะ...ชิ! >^<!
ตอน นี้โทโมะกำลังยืนอยู่ตรงประตูหลังห้องยังไงล่ะและเขากำลังมองมาที่ฉันเราก็ ประสานสายตากันแต่เขาก็รู้ไงว่าฉันกำลังงอนๆนอยๆเขาอยู่ที่เขาทำอะไรไม่เคย บอกกันเลย ก็คือ...เขาเอามือถือฉันไปเล่นแล้วไปกดเจอเบอร์มิณท์อีท่าไหนไม่รู้ก็เลยกดลบทิ้งไปเฉยเลยอ่ะ ><!
มันก็น่าโมโหก็ตรงที่ว่าทำไมจะต้องลบด้วย? นั่นมันเป็นเบอร์เพื่อนฉันน้า YOY
แล้วพอถามโทโมะตอบว่าไงรู้ม๊ะ?
‘โทโมะลบทำไมอ่ะ? O_O?’
‘ก็ฉันไม่ชอบอ่ะ เห็นแล้วขัดลูกตา’
‘แต่มิณท์เป็นเพื่อนเรานะ นายนี่ยังไงนะ’
‘ก็รู้ว่าเพื่อน แต่มันหึงอ่ะทำไงได้ อีกอย่างเธอไม่จำเป็นต้องมีเบอร์มันซะหน่อยนี่’
‘ถึงไม่จำเป็นแต่มันก็เป็นเบอร์เพื่อนเราคนหนึ่งนะ นายอ่ะหึงมั่วซั่วเราไม่คุยกับนายแล่วอยู่คนเดียวไปเลยไปชิ!’
ตอนนั้นจำได้เลยว่ารีบวิ่งออกจากบ้านโทโมะแล้วกลับเข้าบ้านตัวเองเข้าห้องนอนทันที โทโมะก็โทรมาหา ส่งข้อความมาหา แต่ฉันก็ไม่รับไม่คุยโทโมะอ่ะขอโทษสักคำก็ไม่มีเลยจนถึงวันนี้ ให้ตายสิ! เข้าใจนะว่าหึงอ่ะแต่มิณท์เขาไม่ได้คิดอะไรกับฉันแล้วจริงๆนะ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ตอนที่ฉันมาโรงเรียนวันแรกมิณท์เขาก็บอกขอโทษที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเพราะว่า ตอนที่ไปแข่งขันนั้นดันเกิดเหตุขัดข้องทางการเดินทางนิดหน่อยเดินไม่ได้มาหา ที่โรงพยาบาล
“งั้นเคลียร์เอาเองละกัน ฉันกลับก่อนละ”
“ฮะ...เฮ้ยฟาง เดี๋ยวก่อน...”
ห้ามไม่ทันละ = =;;;
เพราะฟางรีบเดินออกจากห้องนี้ไปเลยแถมยังตบบ่าโทโมะให้กำลังใจกันก่อนด้วยดิแล้วตอน นี้ก็เหลือแค่ฉันแล้วก็นักเรียนที่กำลังจะกลับบ้านกัน ยิ่งนักเรียนหญิงในห้องนี่มองโทโมะแบบอยากจะตรงเข้ามาจุ๊บเขามากเลยก็ว่าได้ จ้า! หล่อเหลือเกินนะพ่อคุณ! ><!
แต่ ถึงแม้ว่าโทโมะจะอยู่ในฐานะคนรักแต่ฉันก็ยอมรับเลยว่าไม่เคยหึงหวงเขาออกนอก หน้าอะไรเลยนะที่มีสาวๆมองเขา เพราะเข้าใจไงว่าคนเรามันก็ต้องมีปลื้มอะไรกันบ้างจะมาบังคับกันได้ไงเรื่อง แบบนี้ ฉันไม่ได้แบบว่า ‘นี่! ห้ามมองแฟนฉันนะ! ’ ไม่ใช่แบบนั้นอ่ะ เพราะมันดูหวงเกินไปจนน่าเกลียดนะฉันว่า
เพราะถึงฉันหวงฉันก็เงียบไม่พูดเพราะเดี๋ยวหายหึงเองแหละ แต่โทโมะจะชอบรู้อยู่ตลอดแหละว่าฉันกำลังหึงเขาอยู่แต่ไม่แสดงออกน่ะ
“เป็นไร”ยัง...ยังจะมีหน้าเดินเข้ามาในห้องเรียนฉันแล้วถามฉันอีกนะว่า‘เป็นไร’ ชิ!
“ปล่าวนี่”ฉันทำเป็นตอบหน้ามึนอึนแล้วจับสายสะพายเป้ทั้งสองข้างก่อนจะเมินสายตาจากโทโมะไปทางอื่น
เพื่อนๆที่อยู่ในห้องนี้เมื่อเห็นท่าไม่ค่อยดีก็เลยรีบพากันออกไปจาก ห้องเรียนนี้จนหมดเกลี้ยงก็เหลืออยู่แค่ฉันกับโทโมะในตอนนี้นั่นเอง
“โกหกชัดๆ”
น่ะ! ก็รู้นี่แล้วจะถามเพื่อ?
“...”ฉันไม่พูดอะไรเพียงแค่มองไปที่โทโมะที่ตอนนี้เขากำลังจับเนคไทของตัวเองขยับไปซ้ายขวาแสดงถึงอาการร้อนหน่อยๆสังเกตได้เลยจากเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาตรงบริเวณต้นคอขาวๆนั่น
อย่านะ...อย่ามายั่ว!
“ยังไม่หายงอนฉันอีกเหรอ”โทโมะถามแล้วเลิกคิ้วมองก่อนจะใช้ลิ้นเลียปากตัวเองแล้วกระพริบตาช้าๆ ( ยั่วช้ะ? )
ไม่พูดด้วยนี่คงหายงอนแล้วมั้ง? แต่ยังไม่อยากพูดอะไรด้วยหรอก ขอโทษสักคำก็ไม่มี นิสัย! ><!
“...”สุดท้ายฉันก็ยังคงตีหน้ามึนอยู่ดีนั่นแหละ
“เฮ้ย พูดหน่อยดิ”
“...”
“แก้ววววววว” โทโมะพูดลากเสียงดึงชายเสื้อสูทของฉันแล้วเขย่าเบาๆให้ตายสิอย่าทำแบบนี้ ><////“หายงอนได้แล้วน่า ก็ฉันหึงนี่หว่า ไม่ดีใจเหรอแฟนหึงแฟนหวงอ่ะ”
“ชิ”ฉัน มองหน้าโทโมะก่อนจะเบ้ปากแล้วเมินสายตาไปทางอื่นอีกครั้งแต่คำพูดเขานี่ก็ทำเอา ฉันเผลอยิ้มออกมาหน่อยๆเหมือนกันนะเนี่ย ก็บอกแล้วไงว่าเขาชอบพูดทำฉันเขิน ก็รู้ๆอยู่ว่าฉันมันเป็นคนเขินง่ายแล้วยังจะทำอีก =/////=
“โอเคๆ ฉันขอโทษนะที่ไปลบเบอร์ไอ้...!”
ชิ้งค์!
“- -!”
“มิณท์เพื่อนเธอน่ะ”ฉันรู้นะว่าเขากำลังฝืนพูดชื่อมิณท์ดีๆอยู่น่ะเพราะปกติเขาจะชอบเรียกชื่อมิณท์เป็น ‘มิณท์เน่า’ ตลอดเลย
“อืม”ฉันบอกแต่ก็ยังคงทำเป็นเย็นชาตามเดิม
“อืมนี่คือหายงอนแล้ว?”นั่นไง! นายฉีกยิ้มออกมาจนได้นะโทโมะ ร้ายกาจจริงๆ
“ก็ไม่ได้อยากนอยอะไรหรอก แต่นายน่ะชอบทำอะไรเอาแต่ใจ”ฉันเงยหน้าขึ้นไปบอกโทโมะ
“โอเค ก็รู้แหละว่าเธอรักฉันแค่คนเดียวอยู่แล้วจะเธอไปกล้ามีกิ๊กได้ไง”ตอนนั้นฉันหันหน้าไปมองโทโมะอีกครั้งก็เห็นว่าเขากำลังยิ้มแล้วก็ยักคิ้วให้ฉันอยู่แบบกวนๆ
ให้ตายเหอะ! พอหมอนี่มาสายกวนก็กวนจังเลยนะ ไอ้ผู้ชายหลายบุคลิก! ><!
“นายนี่มัน...หลงตัวเอง”
“อะไรนะ? ไม่ได้ยินเลย กระซิบข้างหูหน่อยดิ”โทโมะทำเป็นพูดแล้วเอียงหูมาใกล้ๆหน้าฉัน แต่ฉันรู้! รู้ว่าเขาได้ยินแต่ยังจะทำกวนประสาทอีกไอ้บ้า!
“อย่ามาทำเป็นไม่ได้ยิน เรารู้นะว่านายหูดี”ฉันพูดแล้วก็เอามือดันใบหน้าขาวๆเนียนๆของโทโมะออกไป แต่โทโมะทำไงรู้มั้ย? เขาก็ยิ้มส่งมาให้แล้วพูดอีกว่า...
“ไม่ใช่แค่หูดีนะ แต่หน้าตาดีด้วย”
โห...มั่นใจม๊าก! ><! แต่มันก็จริงอย่างที่โทโมะพูดนั่นแหละนะ (_//////_)
“แหวะ เบื่อคนหลงตัวเองกลับบ้านดีกว่า :P”ฉัน เดินผ่านโทโมะไปแล้วก็อมยิ้มเพราะโทโมะน่ะเป็นแบบนี้แหละ เขาไม่ต้องทำอะไรมากให้ฉันยิ้มได้ เพราะว่าฉันจะชอบยิ้มออกมาเองเสมอเลย และโทโมะก็รู้ข้อนี้ดีด้วยสิเขาถึงชอบแกล้งกันน่ะ
“ไม่ได้หลงแต่มันจริง”โทโฒะเดินตามฉันออกมาจากห้องเรียนแล้วเขาก็เอื้อมมือมาโอบไหล่ของฉันอย่างเนียนๆก่อนจะถามขึ้นมาอีกครั้ง“แล้วนี่สรุปหายนอยฉันแล้วใช่มั้ย”
“ขอโทษแล้วก็ถือว่านายสำนึก รึปล่าว?”ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองโทโมะอย่างไม่แน่ใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาแค่ขอโทษไปงั้นๆรึปล่าว แต่...ก็รู้ดีแหละว่าโทโมะไม่ใช่คนแบบนั้น
“นี่ บอกเลยนะแก้วว่าฉันไม่ได้เป็นคนเพอร์เฟคไปเสียหมดทุกอย่างหรอก ฉันทำพลาดได้จนทำเธอนอย งอน แต่ถ้าฉันพูดคำว่า ‘ขอโทษ’ แสดงว่าฉันหมายถึงแบบนั้นจริงๆ”
“อื้ม”ฉัน ละสายตาจากโทโมะแล้วอมยิ้มเมื่อเขาพูดอะไรคมๆแบบนั้นออกมา สงสัยไปติดมาจากนายเขื่อนแน่ๆเลยเนี่ย เพราะเท่าที่รู้มาเขื่อนน่ะชอบพูดจาๆโดนๆมากที่สุดในกลุ่มเลย “ให้ตายสิ...”
“ฮะ?”
“ปล่าววววว”
“เมื่อกี๊ได้ยินนะ สบถอะไร”โทโฒะหยุดเดินแล้วขยับท่อนแขนแข็งแกร่งที่คล้องคอฉันอยู่บังคับให้ฉันหันไปเผชิญหน้า
“ได้ยินแล้วถามทำไม”ให้ตายเหอะทำไมฉันถึงต้องกวนโทโมะด้วยเนี่ย หน้าของเราอยู่ใกล้กันมากๆเลยนะ ถ้าเกิดฉันโดน ‘ลงโทษ’ ขึ้นมาอีกจะทำไง ><! เฮ้อ! ไม่คิดเลยเรา
“ที่สบถเมื่อกี๊อ่ะ กำลังเขินใช่มั้ย?”บ้าจริง! ตั้งแต่ โทโมะเขาค่อยๆเผยตัวเองออกมานี่เขาเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากๆเลยนะเนี่ย เมื่อก่อนแทบไม่เคยยิ้ม แต่เดี๋ยวนี้ขยันยิ้มหว่านเสน่ห์จังนะ ><////
“รู้แล้วยังจะถาม”
“ยอมรับ ^^”โทโมะละสายตาไปจากฉันพร้อมกับอมยิ้มไปด้วยขณะที่เขาก็คล้องคอฉันแล้วเดินลงบันไดไปก่อนจะเริ่มผิวปากอารมณ์ดีมีความสุข
เฮ้อ บทจะน่ารักก็น่ารักซะนายโทโมะ! บทจะน่าตีก็นะ...><!
สักพักต่อมา...
“เมื่อวานงอนฉันแล้วทำขี่จักรยานกลับก่อนนะ เดี๊ยะๆ”โทโมะบ่นเมื่อเดินมาถึงลานจอดรถที่ตอนนี้เหลือรถอยู่ไม่กี่คันแล้ว แต่จักรยานนี่ก็เหลือเยอะอยู่ แต่ที่โทโมะบ่นเมื่อกี๊ฉันก็ทำเป็นไม่ได้ยินไปซะแล้วเดินเอาจักรยานที่จอดอยู่ ในล็อคแล้วเข็นออกมา
จริงสินะ เมื่อวานฉันงอนโทโมะแล้วรีบขี่จักรยานกลับบ้านก่อนเขาเลยนี่นา เห๋อๆก็แอบสะใจหน่อยๆที่ไม่ยอมรอเขาเหมือนที่ผ่านๆมา ^^
เพราะปกติแล้วตั้งแต่คบกันโทโมะก็บอกว่าตอนที่ฉันกำลังจะกลับบ้านจะเลิกตรงกันก็ให้ รอกลับพร้อมเขาเพราะว่าตอนนี้ฉันไม่ได้ไปทำงานที่ร้านกาแฟกับฟางแล้วเพราะพี่ฟ้าพี่สาวฟางบอกว่าหาคนมาช่วยงานได้แล้วส่วนฟางเองก็ทำตามหน้าที่เดิมคือ กลับจากบ้านก็ไปอยู่เฝ้าร้านให้ป๊ากับม๊าเธอ
ส่วนตอนที่ฉันกลับบ้านกับโทโมะนั้นโทโมะเขาก็จะเป็นคนขี่จักรยานให้เองส่วน ฉันก็นั่งซ้อนท้ายตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน =/////=
เอิ่ม...มันก็จะไม่อะไรหรอกนะถ้าโทโมะไม่ได้มีหน้าตาที่ค่อนข้างโหดเย็นชา แต่ใครจะรู้ว่าเขานั้นเป็นผู้ชายที่พอมุ้งมิ้งก็มุ้งมิ้งซะแบบมึนๆอึนๆ แถมขี่จักรยานอีก แบ๋วอ่ะ คิกคิก ^^
“ก็อยากทำเรางอนเองทำไมล่ะ”ฉันพูดแล้วหยักไหล่แต่ก็ไม่ได้มองหน้าโทโมะหรอก
“ก็นะ...”โทโมะหาคำแก้ตัวไม่ได้หรอกถ้าตอบแบบนี้น่ะ ให้ตาย...แล้วทำไมฉันต้องเผลอยิ้มด้วยเนี่ย บ้าไปแล้ววววว ></////
“บอกเลย ถ้าทำแบบนั้นอีก เราจะไม่กลับบ้านพร้อมนายแล้ว”เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นไปบอกแล้วชี้นิ้วสั่งเขาโทโมะก็ทำหน้ามุ่ยตึงแล้วก็เบ้ปากใส่ฉันก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น
อ๋อ! อาการแบบนี้แสดงว่าครั้งหน้าจะทำอีกใช่มั้ย?
ทำม๊ายยยยย ทำไมนะ! โทโมะนี่ชอบเอาแต่ใจแต่กับฉันจังเลยเชียว ทีกับพิชชี่กับพ่อแม่ ฉันไม่เคยเห็นว่าเขาจะมีอาการแบบนี้เลย = =!
“ที่บอกเมื่อกี๊อ่ะเข้าใจรึปล่าว”ฉันถามย้ำแต่โทโมะก็ยังคงทำหน้ามุ่ยตามเดิม ถึงเขาจะไม่ได้หันหน้ามาเต็มๆแต่ฉันก็เห็นได้จากด้านข้างของเขานั่นแหละน่า “โทโมะ...นายโทโมะ...”
“ ‘นายโทโมะ’มาจนได้ - -!” ในที่สุดโทโมะก็หันมามองสบตากับฉันจนได้เพราะคำว่า‘นายโทโมะ’ ถ้าฉันเอ่ยออกไปแสดงว่าฉันกำลังจริงจังที่จะคุยกับเขาอยู่แล้วถ้าเขาไม่ฟังฉันก็จะเอ่ยเรียกแบบนี้แหละ
ซึ่งขอบอกเลยว่าโทโมะไม่ชอบที่ฉันเรียกเขาแบบนี้มันไม่เพราะ! >O<! และมันเหมือนกับว่าฉันกำลังจะกลายเป็น ‘แก้วนจอมดุ’ ที่โทโมะไม่ชอบให้ฉันดุ แต่เขาชอบทำตัวหน้าดุนี่นาช่วยไม่ได้หรอก :P อีกอย่าง...ก็อยากจะเอาคืนเขาเหมือนกันนั่นแหละที่ตอนแรกชอบทำเย็นชาใส่ฉัน แถมพูดกับฉันทีนี่คำบ่น บลาๆๆๆ มาเต็ม!
งั้นแก้วคนนี้ขอเอาคืนคุณแฟนคนนี้หน่อยละกันนะ หมั่นไส้! ><!
“ไม่อยากให้เรียกแบบนั้นก็ตอบมาว่า...”
“อ่าๆๆๆ โอเคคคคค ฉันจะไม่ลบเบอร์ว่าที่ ‘คุณเพื่อน’ ของเธอแล้ว โอเคมั้ย?”
ไอ้คำว่า‘คุณเพื่อน’ นี่ย้ำจังนะ พูดประชดใช่มั้ย - -!
“ขอให้จริงเหอะ เพราะถ้าไม่เราจะ...!”
จุ๊บ!
เฮือก!
O//////O!
ในตอนที่ฉันกำลังจะพูดบอกเขา โทโมะก็หยุด Stop คำพูดของฉันเอาไว้โดยการหอมแก้มฉันแบบไม่ทันตั้งตัวเนี่ยนะ? นะ...นี่เขากะใช้วีธีสั่งให้ฉันหยุดพูดเลยใช่มั้ย? จะร้ายเกินไปแล้วววววววว >/////<
“หยุดพูดได้แล้ว กลับบ้านกันป่ะ”ตอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น = =;;;
“=[]=;;;;”ฉัน ที่กำลังอ้าปากหว๋อก็มองโทโมะที่เดินผ่านฉันไปขึ้นคร่อมจักรยานพร้อมขับแล้วโทโมะ ก็หันมามองฉันด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ก่อนที่เขาจะเอามือตบที่เบาะซ้อนท้ายเป็น เชิงบอกว่าให้ฉันขึ้นไปนั่ง
“มานั่งดิครับผม รอไรอ่ะครับ หรือต้องให้ผมไปจุ๊บแก้มคุณอีกที ^^”
“ไอ้บ้า”รู้ มั้ยว่าถึงแม้ฉันจะด่าเขาแต่ฉันกลับอมยิ้มแล้วเอามือยกขึ้นถูๆแก้มตัว เองอย่างเขินอายขณะที่ปลายเท้าก็ก้าวย่างไปตรงจักรยานแบบไม่สบตาโทโมะ แล้วนั่งไพร่ลงตรงเบาะซ้อนท้ายสองมือโอบกอดเอวของโทโมะเหมือนทุกๆวันที่เขา บอกว่าให้ฉันทำ
“กอดแน่นๆหน่อยดิ >^<!”
“อะไรของนายปกติเราก็กอดแบบนี้ = =;;;”
“งั้นเอาแบบไม่ปกติอ่ะ”
นี่เขาจะกวนฉันไปไหนเนี่ย? กอดแบบไม่ปกติจะกอดยังไงเล่า >O<!
“โทโมะ...นายกำลังกวนเรานะ”
“ไม่ได้กวนนนนน แค่อยากให้กอดแน่นๆนะหน่อยนะน้องนะ ไม่ได้เหรอ?”
แหม่...มาซะเป็นเพลง = =;;;
“เฮ้อ...”ถอน หายใจแต่ก็ทำตามที่เขาขอแต่โดยดีมือทั้งสองที่กอดแค่เอวก็กอดรัดแน่นกว่า เดิมพร้อมกับหัวของฉันที่ค่อยๆเอนพิงกับแผ่นหลังของโทโมะช้าๆ ตอนนั้นแหละที่ฉันได้ยินเสียงของหัวใจของโทโมะที่มันกำลังเต้นแรงรัวๆ รวมถึงหัวใจของฉันเช่นเดียวกัน
ตึกตัก...ตึกตักๆๆๆ
รู้มั้ยว่าถึงเราจะคบกันแต่ฉันก็คิดว่าเราสองคนนั้นยังคงมีอาการใจเต้นแรง เวลาที่อยู่ด้วยกันแบบนี้แหละ และฉันคงคิดว่า‘ความรัก’ สำหรับฉันกับวีมันคงจะไม่มี ‘ความชินชา’ เข้ามาอยู่ในหัวใจหรอก เพราะว่าฉันเชื่อ...เชื่อว่าหากเราสองคนนั้นสมัครมั่นมันก็คงไม่เกิดเรื่องเลิกรักกันหรอก
“ไปละนะ”โทโมะบอกแล้วออกตัวปั่นจักรยานออกไปนอกโรงเรียน
“โทโมะๆ เดี๋ยวถึงซุปเปอร์แล้วแวะหน่อยนะเราจะซื้อชีสกับขนมปังไปทำแซนวิชให้พิชชี่กับพ่ออ่ะ” ฉันบอก
“อื้ม”โทโมะตอบแล้วปั่นจักรยานไปด้วย แต่ทำไมความรู้สึกของฉันมันบอกว่าเขากำลังยิ้มอยู่เลยล่ะ?
เอ่อ...เพ้อไปเองรึปล่าวเนี่ย = =?
อีกด้านหนึ่ง...
“หึ...”
ห่าง ไปไม่ไกลจากมุมหนึ่งนั้นมีสายตาของใครคนหนึ่งกำลังจับจ้องมองชายหญิงที่นั่ง พากันขี่จักรยานกลับบ้านหลังเลิกเรียน ซึ่งสองคนนั้นคงไม่ใช่เพื่อนกันอย่างแน่นอนเพราะดูจากท่าทางแล้ว คงจะเป็นคู่รักกันเสียมากว่า ซึ่งนั่นก็ทำให้ร่างสูงคนนั้นที่กำลังแอบมองอยู่เดินออกมาหลังจากที่จักรยาน นั้นได้ถูกปั่นห่างไปพอสมควรแล้วกรีดยิ้มร้ายเมื่อได้เห็นภาพนั้น
ดวงตาคมกริบของไฟท์นั้นก้มลงมองรูปภาพในมือถือที่เป็นรูปของผู้หญิงที่เมื่อ สักครู่นี้ได้นั่งซ้อนท้ายจักรยานไปกับโทโมะ ภาพนนั้นคือหญิงสาวคนนั้นกำลังอยู่ในชุดนักเรียนสีขาวสวมใส่เสื้อสูทของ โรงเรียนและมันเป็นภาพที่ถูกถ่ายทีเผลอซะด้วยสิ
แต่มันก็ออกมาดูน่ามองอย่างน่าเหลือเชื่อทั้งๆที่ใบหน้าของเธอนั้นไม่ ได้ถูกแต่งเติมใดๆเลยแม้แต่น้อย
“นี่น่ะเหรอ...แก้วผู้หญิงของไอ้โทโมะ”ไฟท์เค้นหัวเราะหลังจากมองดูภาพนนั้นก่อนจะเอามือถือนั้นเก็บใส่ไว้กระเป๋ากางเกงยีนส์ตามเดิม
ถ้าถามว่าเขาได้รูปนี้และรู้ชื่อของแก้วได้ยังไง คำตอบคือหลังจากคืนนั้น...เขาได้ให้ลดีโอตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับโทโมะในเรื่องของ คนสนิท แล้วดีโอก็จัดการแซะถามกลุ่มนักเรียนที่อยู่โรงเรียนนี้ แล้วก็ได้ข้อมูลมาว่าโทโมะกำลังคบอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อแก้วอยู่ ม.5/2 ซึ่งเขาสองคนอยู่บ้านข้างๆกันด้วย
และเพิ่งคบกันเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เองและดูรักกันสุดๆสาวๆใน โรงเรียนอกหักกันระนาวแต่ก็ไม่มีใครค้านอะไรแต่อย่างใดเพราะอำนาจของโทโมะเพียง คำพูดเดียวนี่อาจจะทำให้เจ็บไปถึงขั้วหัวใจได้เลย
ดีโอจึงจ้างให้นักเรียนที่เรียนที่นี่ให้ถ่ายรูปแก้วมาให้หน่อยพร้อมกับ จ่ายค่าปิดปากให้อย่างดีว่าห้ามบอกใครทั้งสิ้น เมื่อได้รูปดีโอจึงส่งมาให้ไฟท์ทางโทรศัพท์ และไฟท์จึงมาที่นี่...
“หึ...”หลัง จากที่ไฟท์เค้นหัวเราะในลำคอนั้นเขาก็เดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สีแดง ที่จอดเอาไว้ใกล้ๆแล้วสวมหมวกกันน็อคก่อนจะขับรถตามสองคนนั้นไปอย่างแนบ เนียน
หึ...งานนี้สนุกแน่
ซุปเปอร์มาเก็ต
“นายรออยู่นี่ก็ได้เราเข้าไปแป๊ปเดียว”ฉันบอกโทโมะเมื่อโทโมะขี่จักรยานมาจนถึงซุปเปอร์มาเก็ต
“แน่ใจอ่ะว่าไม่ให้เข้าไปด้วย”โทโมะที่เพิ่งจอดจักรยานเสร็จถามฉันก่อนจะหันหน้ามามองฉันที่กำลังลงจากเบาะซ้อนท้าย
“อื้ม แค่นี้เอง อีกอย่างเราไม่ได้ซื้อเยอะซะหน่อย นายก็รออยู่นี่แหละ”
“อ่าๆ”โทโมะพยักหน้าแล้วใช้มือสางผมสีดำของเขาขึ้นเพราะดูเหมือนว่าเขาจะร้อนนะเพราะเหงื่อออกเต็มเลย นี่ขนาดไม่ได้ใส่เสื้อสูทนะเนี่ย
เมื่อฉันเห็นแบบ นั้นก็เลยเอามือล้วงเข้ากระเป๋าเสื้อสูทก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าลายสก็อตสี ดำขึ้นมาแล้วจัดการเช็ดซับเบาๆที่บริเวณหน้าผากของโทโมะอย่างเบามือที่สุด โทโมะที่เห็นแบบนั้นจึงชะงักไปสักผักก่อนที่เขาจะหลับตาลงในตอนที่ฉันเลื่อนมา เช็ดตรงบริเวณจมูกของเขา
โทโมะนี่เวลาหลับตาฉันว่าเขาน่ารักดีนะ เห็นแบบนี้ก็ยิ้มออกมา ^^////
“ไปละนะเดี๋ยวมา”ฉันบอกหลังจากที่เช็ดหน้าให้โทโมะเสร็จ
“เห็นแบบนี้แล้วไม่อยากให้ไปเลย ^^”โทโมะฉีกยิ้มกว้างซึ่งนานๆทีฉันถึงจะได้เห็น ให้ตายเหอะ เขาจะน่ารักไปไหนเนี่ย ><?
“อย่ามาๆ อยู่ตรงนี้นะห้ามไปไหน”
“ทำไม? กลัวฉันไปเหล่สาวเหรอ?”เขาเลิกคิ้วถามจนทำให้ฉันถอนหายใจออกมาแต่ก็ยังคงอมยิ้มไปด้วย
“ก็ลองสิ”
“รู้ว่าไม่อยากให้ลอง ^^”
“โอ๊ะ! โทโมะอ่ะ ไปละ”ฉันบอกก่อนเดินเข้าซุปเปอร์ไป พร้อมกับความหมั่นไส้โทโมะไปด้วย ฮึ่ย! หมอนี่นิ! ทำไมชอบดักทาฉันถูกตลอดเลยนะ
ในตอนที่เดินๆเลือกๆของไปฉันก็ดูของเพลินแล้วก็หยิบเอาชีสที่พิชชี่ชอบกินกับขนมปังมาถือเอาไว้ในมือ พลางคิดไปด้วยว่าจะซื้ออะไรต่อดีนะ? ซื้ออันนี้เพิ่มมั้ย?
“เอาอะไรอีกดีน้า”ฉันคิดแล้วยกนิ้วจิ้มๆปากพลางมองของที่ว่าจะซื้อเพิ่มดีมั้ย เอิ่ม แค่นี้ดีกว่ามั้งเดี๋ยวโทโมะรอนาน...
ปึก!
“อ๊ะ...!”ระหว่างที่ฉันหันไปอีกทางเพื่อจะไปจ่ายเงินร่างของตัวเองก็ถูกใครคนหนึ่งเดินมาชนเข้าเสียก่อนจนฉันทำชีสกับขนมปังตกลงพื้นซะงั้น
“...”ฉัน ชะงักไปเมื่อกำลังจะก้มเก็บของที่ทำตก มือของคนที่เดินชนนั้นก็ดันหยิบมันขึ้นมายื่นให้เสียก่อน และพอฉันเงยหน้าขึ้นไปมองคนๆนั้นฉันก็จำต้องขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีเพราะว่า รู้สึกคุ้นๆหน้าเขามากๆเลยเหมือนกับว่าเคยเจอที่ไหนสักที่หนึ่ง
เขา เป็นผู้ชายที่มีเรือนสีเทาควันบุหรี่ที่เข้ากันกับใบหน้าที่หล่อค้มเข้มนั่น แถมเขาสูงพอๆกับโทโมะด้วย เอ...ฉันเคยเห็นเขาที่ไหนนะทำไมมันดูคุ้นจริงๆ
“ขอโทษด้วยนะครับ”น้ำเสียงอันเรียบสงบเอ่ยขึ้นก่อนที่เขาจะยื่นห่อชีสกับห่อขนมปังส่งคืนฉัน
“ไม่เป็นไรค่ะ”ฉัน เอ่ยแบบไม่คิดอะไรแล้วรับมันมาแต่ช่วงจังหวะนั้นที่มือของเขาส่งยื่นให้ดู เหมือนว่าเขาจงใจใช้เรียวนิ้วของเขาลูบผ่านปลายนิ้วมือของฉันยังไงไม่รู้สิ
และฉันไม่รู้ว่าเขาตั้งใจรึปล่าว แต่ดูจากรอยยิ้มที่เผยออกมาหน่อยๆบนใบหน้าของเขาที่มองมาแล้วฉันรู้สึกไม่ ค่อยโอเคยังไงไม่รู้
“ชื่ออะไรเหรอครับ”
“ฮะ?”ตอนนั้นรู้สึกว่าหน้าของตัวเองอ๋อมากที่โดนถามแบบนั้น คือ...มันจำเป็นต้องถามมั้ยอ่ะ? คือฉันไม่คิดว่าถ้าเราเดินชนคนอื่นแล้วเราจำเป็นต้องถามชื่อของเขาด้วยนี่นา ใช่มั้ย?
“ผมไฟท์นะ”
ไฟท์?
เอิ่ม...เออช่างเหอะ! เขาก็ถามดีๆนี่เน๊อะ แต่ทำไมฉันรู้สึกกลัวๆเขาอย่างบอกไม่ถูกเลยเนี่ย
“อ้อค่ะ”ฉันพยักหน้ารับแบบไม่ให้เสียมารยาทจนเกินไป
“คุณยังไม่ได้บอกผมเลยนะครับว่า...คุณชื่ออะไร”เขาถามย้ำอีกครั้งจนฉันเริ่มรู้สึกอึดอัดแต่ก็พยายามกลั้นอารมณ์เอาไว้
“ชื่อแก้วค่ะ แล้วก็ขอตัวก่อนนะคะพอดีแฟนรออยู่”ฉันบอกให้จบๆไปแล้วเดินผ่านร่างสูงมาแต่เท้ากลับต้องหยุดชะงักลงเมื่อเสียงจากทางด้านหลังเอ่ยขึ้นมา
“แหม๋ แลดูรีบจังนะครับ”
เอ๋า! ไอ้บ้านี่ ก็บอกว่าแฟนรออยู่ยังจะมาพูดจากวนประสาทแบบนี้อีกนะ หมอนี่เขาเป็นโรคจิตรึยังไงกัน
“ต้องรีบค่ะ แฟนรออยู่ ฉันไม่อยากให้เขารอนาน ชัดนะคะ?”ฉันหันไปบอกเขาแล้วทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจนิดๆก่อนจะหันหลังแล้วกำลังจะเดินออกไปจากล็อคของขนม
“เดี๋ยวสิครับ^^”แต่หากทว่าผู้ชายที่ชื่อไฟท์คนนี้ก็วิ่งมาดักหน้าของฉันเอาไว้เพื่อดักไม่ให้ฉันไป
อะไรของเขาเนี่ย?
“ขอทางด้วยค่ะ”ฉันพยายามใจเย็นอีกครั้ง
“ทำไมครับ? กลัวแฟนเดินเข้ามาเห็นว่าคุณอยู่กับผู้ชายเหรอ”ไม่พูดปล่าวเพราะว่าเขายังใช้มือของเขามาลูบจับเส้นผมสีน้ำตาลของฉันด้วยและนั่นก็ทำเอาฉันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“นี่คุณ...!”
“แก้ว”ฉัน ชะงักปากที่กำลังจะด่าผู้ชายคนนี้เพราะว่าเขาพูดจาไม่เข้าหูแถมยังทำกิริยา แบบนี้อีก แต่เสียงจากข้างหลังก็ดังขัดขึ้นเสียก่อนพอฉันหันไปมองเจ้าของเสียงนั้นในใจ ก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาทันที “มีอะไรอ่ะ”โทโมะถามเมื่อเดินมาจนถึงตัวฉันฉันก็รีบเดินไปอยู่ข้างๆโทโมะทันทีทันใด
สงสัยว่าโทโมะจะคิดว่าทำไมฉันถึงเข้ามานานล่ะมั้งเพราะฉันบอกว่าจะมาแป๊ปเดียว เขาก็เลยตามเข้ามาดู ซึ่งมันถูกจังหวะมากเลยล่ะ
“ไงงงงง ยินดีที่ได้เจอนะ โทโมะผู้เย็นชาและเงียบขรึมของเคโอติค ^^”
อ้าว?! ทะ...ทำไมเขารู้จักโทโมะด้วยล่ะ?
“เออ”โทโมะเอ่ยเพีงแค่นั้นฉันก็เงยหน้าขึ้นไปมองเขาก็เห็นว่าโทโมะมองไฟท์อย่างไม่ค่อยถูกชะตานัก “มายุ่งอะไรกับผู้หญิงของฉัน”
“ปล๊าว ไม่ได้ยุ่งนิ”ตอบได้หน้าด้านมาก! เมื่อกี้ที่เขาทำกับฉันไม่ได้เรียกว่า‘ยุ่ง’ งั้นเหรอ?
“แน่ใจ?”โทโมะเค้นเสียงถามก่อนที่เขาจะเอามือตัวเองมาจับมือของฉันเอาไว้แล้วกำมันแน่นเพื่อจะบอกกับฉันว่าไม่ต้องกังวลเพราะว่าเขาอยู่นี่แล้ว
“หึ...”ไฟท์หัวเราะในลำคอเมื่อที่เลื่อนสายตาลงมามองมือฉันกับวีที่กำลังจับประสานกันอยู่ “แหม ดูท่าทางจะ‘หวง’ มากเลยนะ”
“...”
“คบกันมานานรึยังล่ะ”
“ก็นานพอ”โทโมะตอบแบบนิ่งๆแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเพราะดูจากสายของเขาที่มองไฟท์แล้ว
“งั้นเหรอ”ไฟท์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วใช้ดิ้นกระดุงกระพุ้งแก้มอย่างกวนๆ “แฟนสวยดีนะ...”พูดแล้วก็ลากสายตาโรคจิตนั่นมามองฉัน ฉันจึงเงยหน้าไปมองโทโมะ
“...”เมื่อไฟท์พูดแบบนั้นโทโมะก็เลื่อนสายมามองที่ฉันนิ่งๆเช่นกันก่อนจะเลื่อนกลับไปมองไฟท์ตามเดิม“ไสหัวไปได้ยัง?”
“ไล่?”
“เออ”โทโมะตอบไฟท์จึงพยักหน้าแล้วเบ้ปากก่อนจะเอ่ยขึ้นมาจนทำเอาฉันกลัวเลยทีเดียว
“ถ้างั้นก็...ระวังแฟนหายนะครับ คุณโทโมะ ^^”
“...หึ ระวังตัวเองจะหายไปจากโลกนี้ก่อนดีกว่ามั้ง”
“ไอ้โทโมะ!...!”ไฟท์ รู้สึกโมโหที่โทโมะพูดตอกกลับเขาไปแบบนั้นเขาจึงหันกลับมาทำท่าจะเข้ามาเอา เรื่อง แต่เขาก็จำต้องหยุดคำพูดที่เขากำลังจะเอ่ยแล้วกลืนลงคอไปพร้อมกับการกระทำ ห่ามๆนั่นเพราะว่าที่นี่มันเป็นซุปเปอร์มาเก็ตและมันมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ ทุกมุม และถ้าขืนเขาทำอะไรล่ะก็
เขานั่นแหละที่จะโดนเต็มๆ!
“ไปกันเถอะแก้ว”โทโมะบอกก่อนจะพาฉันเดินหันหลังเตรียมจะไปจ่ายเงิน แต่ไฟท์ก็ทำพูดตามหลังมาด้วยเหมือนจะให้โทโมะได้ยินแต่โทโมะก็เดินต่อไปไม่ได้สนใจ
“ระวังไว้เถอะไอ้โทโมะ คราวที่แล้วแกแข่งชนะฉันยังไม่ได้เอาคืน ครั้งนี้ก็ระวังไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
เฮ้ย! ฉันจำได้แล้ว! เขาใช่คนๆนั้นใช่มั้ยที่ตอนนั้นมาแข่งที่สนามแข่งของจองเบแล้วถ้าแข่งอีกรอบแล้วโทโมะลงแข่งจนชนะราบคาบไปเลยน่ะ ใช่แน่ๆ! แต่ว่าเมื่อกี้หมอนั่นบอกว่า...‘เอาคืน’ อย่างงั้นเหรอ?
ขะ...เขาพูดแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?!
น่ะ...นี่ฉันรู้สึกว่าตัวเองจะไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่แล้วนะ YOY!!!!
__________________________________________________________อัพแล้วเม้นกันหน่อยย
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ