The Heart เพราะหัวใจรักใครไม่เป็น...

8.8

เขียนโดย พายุลมหนาว

วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 07.14 น.

  12 chapter
  83 วิจารณ์
  18.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กันยายน พ.ศ. 2558 00.03 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

9) [9] งานเลี้ยง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

The Heartเพราะหัวใจรักใครไม่เป็น...

 

Chapter (9)

 

 

 

            “ไอ้ป็อปทำไมรอบตัวมึงแม่งมีแต่ผู้หญิงโหดๆทั้งนั้นเลยว่ะ กูนิเจ็บท้องไม่หาย” ไอ้เขื่อนบ่นกับไอ้ป็อปอยู่ระหว่างนั่งรอภีม ก็สมควรอยู่อยากไปเจ้าชู้ใส่เขาทำไมล่ะไอ้หน้ายาว -^- เขาไม่เอามีดจวกแกก็ดีแค่ไหนล่ะ อ้ะภีมมาพอดี

 

 

 

            “โทษทีที่ทำให้รอนาน” เขาเข้ามานั่งตรงข้ามพวกเราโดยมีเฟย์นั่งตามทีหลัง และดูท่าเฟย์จะยังหงุดหงิดไอ้หน้ายาวของเราอยู่ไม่ใช่น้อย จ้องซะไอ้เขื่อนนิยิ้มไม่ออกเลย

 

 

 

            “นายรู้ข่าวเรื่องนั้นแล้วใช่ไหม” ไอ้ป็อปถามเรื่องถึงเรื่องผู้ป่วย 2107 พยานปากสำคัญกับนายภีม เขาพยักหน้าตอบแล้วเอนตัวพิงเบาะ ทำหน้าเหนื่อยๆ

 

 

 

            “รู้ล่ะ ฉันคิดอยู่แล้วว่ายังไงสักวันพวกมันก็ต้องเก็บไอ้หมอนั้นแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ สายฉันที่อยู่ในกลุ่มพวกมันเองก็เงียบไปเลย” มีสายรายงานข่าวด้วย ทำยักกะสายลับ =v=

 

 

 

            “อืม นายได้อะไรมาบ้าง” ภีมพยักหน้าตอบไอ้ป็อปอีกครั้งแล้วเรียกเฟย์ที่นั่งชมวิว เธอกระแอมทีหนึ่งตามด้วยส่งสายตาจิกไอ้เขื่อนเพราะมันเอาแต่นั่งพิมพ์ไลน์ สงสัยจะคุยกับสาวๆในสต็อกชัวร์

 

 

 

            “อาทิตย์หน้าที่จะถึงนี้จะมีงานกุศลใหญ่ในรีสอร์ทเวนเดล ซึ่งเจ้าภาพครั้งนี้คือ มิสเตอร์ซัน สายเรารายงานมาว่าครั้งนี้จะมีผู้คนมากมายโดยเฉพาะพวกไฮโซมาร่วมตัวกันสังสรรค์ แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นหลัก การที่พวกมันจัดงานครั้งนี้ขึ้นมาก็เพื่อที่จะดึงดูดความสนใจพวกตำรวจ เพื่อจะได้ง่ายต่อการส่งสินค้าออกนอกเมืองซึ่งเรารู้ว่าพวกมันขนไปที่ไหนแต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้มันขนอะไรไปนี้สิเพราะพวกเราดันขาดการติดต่อกับสายเราไปซะก่อนเมื่อสามวันที่ผ่านมา” สินค้าที่ว่าคืออะไรนะ ไอ้แก่หัวโล้นนั้นมันกำลังทำการใหญ่อีกแล้วเรอะว่ะ เอ๊ะ!? รีสอร์ทชื่อคุ้นๆแฮะ

 

 

 

            “ไอ้เขื่อน นั้นใช่รีสอร์ทที่นายพักอยู่รึป่าว” ฉันหันไปถามมัน

 

 

 

            “ใช่ บังเอิญดีจังเนอะ” นั้นไงล่ะ

 

 

 

            “อืมอย่างงี้พวกเราคงต้องแบ่งเป็นสองกลุ่ม” ไอ้ป็อปมันพูดขึ้นมา ฉันมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ ทำไมว่ะ? ก็ถ้าเรารู้ว่าขนไปที่ไหนก็ดักจับไปเลยก็น่าจะจบไม่ใช่เรอะว่ะไอ้ป็อป?

 

 

 

            “ทำไม?” ภีมถามแทนฉันซะก่อน

 

 

 

            “ก็เพราะมันอาจจะเป็นข่าวลวงก็ได้ นายบอกเองว่าสายของนายว่ามาก่อนเขาจะหายไป บางทีมันอาจจะวางแผนหลอกล่อเราให้ติดกับ” เอ่อ มีเหตุผลเว้ย 0^0

 

 

 

            “นายเอาอะไรมามั่นใจนักว่าสิ่งที่นายคิดมันถูก จะบอกว่าสายเราไม่น่าเชื่อถือเรอะ” เฟย์แย้งว่าแล้วลุกจะเอาเรื่องไอ้ป็อปแต่ภีมดึงไว้ก่อน

 

 

 

            “นี้คุณ เพื่อนผมน่ะเขาก็แค่เผื่อไว้ก่อนไม่ได้ว่าคนของคุณสักนิด” เขื่อนสวนกลับ เฮ้ย แกกล้าเถียงเฟย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อกี้ยังกลัวหัวหดอยู่เลย

 

 

 

            “หุบปากไปเลย ไอ้หน้าม่อ!” เฟย์จ้องเอาเรื่องไอ้เขื่อนแทน

 

 

 

            “หยุดก่อนทั้งสองคน นี้เราหารือกันอยู่นะอย่าพึ่งทะเลาะกันสิ นายนั่งลงไปเดียวนี้ไอ้เขื่อน คุณเฟย์ใจเย็นๆก่อนนะ” ฉันรีบห้ามปรามทั้งสองคน ไอ้เขื่อนนี้หน้างอนิดหนึ่งแล้วยอมนั่งส่วนเฟย์มองหน้าฉันหน่อยๆถึงเดินออกไป หล่อนจะเกลียดขี้หน้าฉันอีกคนไหมเนี่ย = =;;

 

 

 

            “ขอโทษแทนยัยนั้นด้วยนะ ปกติเขาไม่ใช่คนไร้เหตุผลหรอก” ภีมโค้งขอโทษแทนเฟย์ ไอ้ป็อปก็ยิ้มๆ ส่วนฉันนี้ไม่ได้คิดอะไรหรอก เขาอาจจะแค่ร้อนใจเป็นเรื่องธรรมดา

 

 

 

            “ผู้กองอยากให้ผมทำอะไรบอกมาเลยดีกว่า พวกกลุ่มเสือยินดีจะช่วยเหลือเต็มที่ถ้าเพื่อจะเอาผิดไอ้พวกสิงห์ที่กล้าเป็นใหญ่ในบ้านเกิดเราแล้วล่ะก็ พวกผมยินดี” เดียวนะ อะหยั่งคือกลุ่มเสือกลุ่มสิงห์ล่ะนั้น =o=? ฉันรีบหันไปสะกิดไอ้ป็อปมันทันทีแล้วนิ่วหน้าให้มันรู้ มันแอบงงนิดหนึ่งก่อนจะเข้าใจความหมายที่ฉันต้องการสื่อ ไอ้เขื่อนที่มัวแต่แชทสาวๆก็หันมามองเราทั้งคู่สลับกันเหมือนกำลังอยากจะถามว่าเรื่องไรกันเหรอประมาณนี้

 

 

 

            “เอ้อ กูลืมบอกไป กลุ่มเสือกับกลุ่มสิงห์ที่ว่าคือพวกเรากับพวกไอ้แสนเนี่ยแหละ เดิมทีตอนที่พวกไอ้แสนเข้ามาใหม่ๆมันเรียกตัวเองว่า สิงห์ ” อ้อมีชื่อกลุ่มด้วย ทำเป็นมาเฟียไปได้ มันก็มาเฟียนี่หว่า = =.. 

 

 

 

            “ก็อย่างที่ว่าส่วนกลุ่มเสือคือกลุ่มของพวกชาวบ้านบางส่วนที่ไม่พอใจในการกระทำของพวกมันจึงรวมตัวกันเพื่อต่อต้านกลุ่มสิงห์หรือพวกนายแสนนั่นแหละ ซึ่งผมเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ว่านั้น” มาเป็นขบวนการเลยเว้ย แล้วนายภีมดันเป็นหัวหน้าซะด้วย เท่ว่ะ

 

 

 

            “อืมอย่างนี่นี้เองแล้วมึงมีแผนยังไงว่ะ” พอได้คำตอบฉันก็รีบถามถึงเรื่องแผนกับมันทันที ไอ้ป็อปมันยิ้มแล้วหันไปมองไอ้เขื่อน

 

 

 

            “งานนี้มึงต้องออกโรงเร็วกว่าที่คิดว่ะ” มันยิ้มแล้วกอดคอไอ้เขื่อน ส่วนหน้าไอ้เขื่อนนี้เหมือนเอ๋อๆกับสิ่งที่ไอ้ป็อปพูดแล้วชี้ตัวเองอย่างงงๆ อย่าว่าแต่มันฉันก็เป็น 0_x ออกโรงไรว้า ทำเป็นหนังเข้าโรงออกโรงไปได้

 

 

 

 

            “คุณหนูค่ะ อย่าทำหน้าบึ้งตึงอย่างนั้นสิค่ะ เดียวไม่สวยนะ” มณีพูดขณะละเลงแป้งบนใบหน้าหวานของคุณหนูสาว

 

 

 

            “จะสวยหรือไม่สวยก็ไม่ได้มีใครสนอยู่แล้ว” ฟางทำหน้าเบื่อโลกแบบสุดๆเพราะคืนนี้เป็นวันงานกุศลใหญ่ของมิสเตอร์ซันแล้วเธอก็ต้องออกงานคู่กับแสนในฐานะคู่หมั้นของเขาซึ่งตัวเธอไม่ได้ยินยอมเลยสักนิดเดียว

 

 

 

            “พี่คนหนึ่งล่ะที่สนใจ” แสนเดินเข้ามาพร้อมกับโทโมะในชุดสูทสุดเนี้ยบทั้งคู่ มณียิ้มเมื่อเห็นแสนเข้ามาต่างกับฟางที่ออกอาการไม่ชอบใจแต่ฝืนๆยิ้มไป

 

 

 

            “อย่าลืมสิค่ะ ว่าคืนนี้เราเป็นคู่ออกงานกับพี่น่ะ” แสนยิ้มหวานให้ฟาง

 

 

 

            “ฟางรู้ค่ะ แต่ฟางแค่เบื่อนิดหน่อยแล้วก็ไม่อยากออกงานอะไรแบบนี้ด้วยพี่แสนก็รู้” ฟางหน้างอบ่น ส่วนตัวเธออยากจะนอนกลิ้งอยู่บ้านเสียมากกว่า

 

 

 

            “ไม่เอาค่ะ ไม่บ่นนะคนดีของพี่งานใกล้เริ่มแล้วไปกันดีกว่านะค่ะ” แสนยื่นมือพร้อมกับรอยยิ้มเชิญชวน ฟางมองหน้าก่อนแล้วถึงยอมให้แสนจูงพาไปเข้างาน โทโมะเหล่มณีที่แอบซึมอยู่ข้างหลังแล้วถึงจะเดินตามแสนกับฟางไปทีหลัง

 

 

 

            นอกจากงานในคืนนี้จะเป็นงานการกุศลแล้วก็ยังเป็นงานเลี้ยงฉลองครบรอบ 1 ปีของรีสอร์ทเวนเดล ทำให้มีอาหารเลี้ยงแขกในงานมากมายและไวท์ชั้นเลิศจากไร่ดังต่างๆมาร่วมตัวกันไม่พอยังมีการจัดฟลอร์เต้นรำอีกด้วย บรรดาพวกแวดล้อมไฮโซ แขกในรีสอร์ท รวมถึงผู้คนในเมืองต่างพากันมาฉลองแสดงความยินดีให้แก่มิสเตอร์ซันเจ้าของงานครั้งนี้อย่างล้นหลามและหนึ่งในนั้นก็มีครอบครัวของแก้วร่วมอยู่ด้วยแต่คืนนี้คนที่มาได้มีเพียงกิ่งกับแก้วและแม่ของเธอสองคนเนื่องจากพ่อติดงานต่างจังหวัด

 

 

 

            “สวัดดีครับ คุณป้า” ป็อปปี้เดินเข้ามากล่าวทักทายกับแม่ของแก้วที่เดินเข้างานมาพร้อมกับพี่กิ่งสองคน

 

 

 

            “สวัดดีจ้ะ” แม่แก้วรับไหว้ส่วนกิ่งยิ้มให้ ป็อปปี้มองไปมองมาด้วยความแปลกใจที่ไม่เห็นเพื่อนสาว

 

 

 

            “ถ้าหายัยแก้วล่ะก็ วิ่งกลับไปเอาของที่รถอยู่น่ะ เดียวก็มาจ้ะ” กิ่งไขกระจ่างข้อสงสัยให้ชายหนุ่ม ป็อปปี้รับคำแล้วพาทั้งสองเข้างานล่วงหน้าไปก่อน ไม่นานนักหญิงสาวที่วิ่งกลับมาจากรถก็มาถึงหน้างาน ตาแลซ้ายเหล่ขวาหาคนในครอบครัวหรือใครก็ได้ที่รู้จักแต่สุดท้ายก็ไม่เจอ จึงจำใจเดินเข้างานคนเดียวเพราะสงสัยคนที่ว่าจะล่วงหน้าไปก่อนแล้วทิ้งเธอไว้

 

 

 

            “โธ่ อีแก้วน้อไม่น่าลืมโทรศัพท์ไว้เลยจริงๆเป็นไงล่ะโดนม๊ากับพี่กิ่งทิ้งจนได้” ฉันเดินบ่นพึมพำคนเดียว อูย เย็นหลังชะมัด พี่นะพี่เอาชุดอะไรมาให้อีแก้วใส่เนี่ยเย็นเป็นบ้าเลย แล้วไอ้พวกผู้ชายมันจะมองอะไรนักหนา อย่างอื่นไม่มีให้มองหรือไงย่ะ จ้องอยู่ได้ถ้าไม่ติดว่าอยู่งานนะแม่จะตบเรียงตัวเลยคอยดูสิ = =+ หลังฉันเดินเข้าในงานก็พบเจอกับความอลังการ แสงไฟ สีสัน ผู้คนมากมายก่ายกองและดูๆแล้วรวยทั้งนั้น สมแล้วที่เป็นงานเลี้ยงใหญ่ของไอ้แก่ชีกอนั้น คิดแล้วก็แค้นไม่หาย แล้วนี้แม่กับพี่กิ่งหายไปไหนกันนะ?

 

 

 

            “ขอบคุณแขกทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานของผมในคืนนี้ ผมไม่หวังอะไรมากแค่อยากให้ทุกท่านมีความสุขกับงานเลี้ยงฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปี” บ่นปุ๊บโผล่ปั๊บ ปุบปับดีจริง มิสเตอร์ซันยืนยิ้มอยู่บนบันไดแสนหรูซึ่งไกลออกไปจากฉันเยอะ ดีนะที่ยังไม่ได้เดินไปแถวนั้น ไม่อย่างงั้นฉันคงเผลอเอาอะไรซักอย่างปาหน้ามัน บุญคุณต้องทดแทนหนี้แค้นต้องเอาคืนให้สาสม!

 

 

 

            “เอ๊ะนั้น!?” ฉันเห็นฟางกับนายแสนเดินควงลงบันไดมาพร้อมทั้งโบกมือสวัสดี พวกผู้คนในงานก็ต่างพร้อมใจกันตบมือต้อนรับเสียงดังสนั่น แต่ดูเหมือนฟางจะอึดอัดนะนั้น ไม่เห็นยิ้มเลยสักนิดเดียว ก็อย่างว่าถูกบังคับให้หมั้นกับผู้ชายที่ไม่ได้รักใครมันจะยิ้มออกกัน สงสัยต้องเข้าไปทักสักหน่อย

 

 

 

            “ฟาง” ฉันเดินเข้ามาหาฟางหลังนายแสนกล่าวเปิดงานเสร็จแล้วมัวแต่ยุ่งกับแขกของเขาจนลืมยัยคู่หมั้นตัวน้อย ฟางยิ้มแป้นแล้ววิ่งเข้ามากอดฉันทันที

 

 

 

            “แก้ว มางานนี้ด้วยเรอะ ไม่เห็นบอกฟางเลยอ่ะ” อารมณ์ดีขึ้นทันตา สงสัยฉันจะเป็นยาดีของยัยนี้แฮะ

 

 

 

            “ก็กะเซอร์ไพรส์ไงจ้ะ ฟางว่างป่ะไปช่วยแก้วหาม๊ากับพี่กิ่งหน่อยสิ เนี่ยเค้าโดนสองคนนั้นทิ้งให้อยู่เดียวดาย เง้าเหงา” ฉันลากเสียงยาวกะให้ยัยตัวเล็กขำแล้วก็สำเร็จตามเคย ฟางปิดปากหัวเราะฉันใหญ่ก่อนจะจูงมือฉันพาไปตามหาบุคคลผู้ทิ้งให้อีแก้วเดียวดายทันที อย่าให้เจอนะ อีแก้วจะขอจิกสักทีข้อหาทิ้งคนสวยไว้กลางฝูงหมาป่า

 

 

 

            “สวัสดีครับคุณแสนหรือจะให้เรียกนายแสนดีล่ะครับ” ชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์กับใบหน้าทะเล้นกล่าวสวัสดีแสนที่ยืนคุยกับคนในงาน

 

 

 

            “เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณคือ..” แสนทำหน้าเหมือนพยายามคิด

 

 

 

            “ผมภัทรดนัย เจ้าของธุรกิจส่งออกการค้าต่างประเทศครับ” เขื่อนเผยตัวจริงให้แสนทำความรู้จัก แสนยิ้มทันทีเมื่อนึกออกว่าเคยติดต่อกับเขาครั้งหนึ่งแต่ไม่ได้เจอหน้ากันโดยตรง

 

 

 

            “เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับที่คุณภัทรดนัยยอมเดินทางมาร่วมงานของผมถึงที่นี้” แสนพูด

 

 

 

            “แน่นอนครับ หวังว่าของที่ว่าจะถูกใจผมจริงๆ” เขื่อนพูดถึงสินค้าที่เคยติดต่อกับเขาครั้งก่อน

 

 

 

            “คนอย่างผมไม่มีพลาดและผมก็หวังไว้เช่นกันว่าคุณจะไม่เบี้ยวผม” แสนว่ากลับ

 

 

 

            “หึๆ ผมนะจ่ายสดอยู่แล้ว แค่เนี่ยขี้ปะติ๋วมากสำหรับผม เดียวผมขอตัวสักครู่นะครับ” เขื่อนพูดจบก็ปลีกตัวออกมาทันที แสนมองตามก่อนจะหุบยิ้ม

 

 

 

            “นายส่งคนไปสืบประวัติหมอนี้มารึยัง” แสนกระซิบถามกับโทโมะที่ยืนข้างกาย

 

 

 

            “ครับ จากที่ตรวจสอบมาเขาเป็นลูกของบริษัทส่งออกจริงๆและกำลังสืบต่อกิจการของบิดา” โทโมะตอบตามที่สายเขาบอกมา

 

 

 

            “ก็ดี ฉันเชื่อใจนายโทโมะ อ่ะไหนๆวันงานหัดทำตัวให้สนุกสมกับชุดที่ฉันให้หน่อยสิ ไปสนุกซะนะเพื่อน” แสนตบบ่าโทโมะก่อนจะไปหาผู้เป็นพ่อ โทโมะนิ่งนิดหนึ่งแล้วเงยหน้าเพราะเสียงเพลงเริ่มเปิดดังขึ้นแสดงว่าถึงเวลาที่ฟลอร์จะเริ่มต้น ผู้คนในงานต่างทยอยลงไปเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน

 

 

 

            “ไอ้แก้ว หายไปไหนมาตั้งนานว่ะ โห้ว สวยว่ะมึง!” ฉันกับฟางเดินวนกันเป็นรอบจนมาเจอกับไอ้ป็อปที่พึ่งแยกตัวกับนายเขื่อนไม่ไกลอย่างลับๆ มันเห็นฉันก็รีบวิ่งแจ๊ดมาหาอย่างเร็ว ดีมากฉันขี้เกียจเดินอยู่ เมื่อย

 

 

 

            “กูใช่ม่ะ” ฉันยิ้มอย่างภาคภูมิ

 

 

 

            “ป่าว ชุดมึงสวยดี” นั้นดูมันหักหน้าฉันซะหงายเลย ฉันมองไอ้ป็อปที่ทำท่าโอ้ๆง้อขอคืนดีเพราะเห็นฉันหน้ายู่หลังมันหักหน้า เอ่อ ให้อภัยก็ได้ นิเห็นว่าเป็นเพื่อนซี้หรอกนะ

 

 

 

            “อิตานี้ได้รับเชิญมางานฉันด้วยหรอ เอามาตรฐานไหนมาวัดเนี่ยพี่แสน” ฟางแอบบ่นมันเบาๆและไอ้ป็อปก็ดันหูดีเลยหันมาค้อนใส่ฟาง

 

 

 

            “นี้คุณ เป็นผมแล้วมันจะทำไมห่ะ!?” มันรีบหาเรื่องฟางอย่างเร็ว ฟางมองมันแล้วเบ้ปากนิดหนึ่งเอาซะไอ้ป็อปฉุนกับท่าทีของยัยตัวเล็ก

 

 

 

            “ไอ้ป็อป แล้วม๊ากับพี่กิ่งล่ะ!?” ฉันรีบดักทางทั้งสองคนแล้วถามหาแม่กับพี่สาวฉันกับมัน

 

 

 

            “อ้อ คงอยู่แถวๆนู่นว่ะ เอ่อแล้วมึงน่ะอย่าลืมแผนของพวกเราล่ะ เป็นหูเป็นตา เจออะไรผิดปกติรีบส่งข่าวมาด่วนๆ” เอ่อ ลืมเสียสนิทว่าไม่ได้มาตัวปลิวมีภาระอันยิ่งใหญ่อยู่

 

 

 

            “นี้สองคนซุบซิบอะไรกัน เดียวนี้แก้วหัดมีความลับกับฟางแล้วหรอ?” ฟางถามฉันกับไอ้ป็อปที่กำลังซุบซิบกัน ฉันสะดุ้งแล้วรีบหาทางแก้ เกิดฟางรู้เรื่องแผนเรามีหวังต้องห้ามฉันร่วมแน่ เอาไงดีๆ อ้อรู้ล่ะ

 

 

 

            “อ้อ พอดีไอ้ป็อปมันกะจะชวนฟางไปเต้นรำกับมันอ่ะ” ขอโทษนะไอ้ป็อป

 

 

 

            “เฮ้ย! ไอ้แก้วกูไปพะ.. โอ๊ะ โอ๊ยๆๆใช่ๆๆ ผมกะชวนคุณไปเต้นรำ” มันกำลังจะเถียงฉัน ฉันเลยแอบบิดเอวมันแล้วขยิบตาให้ ไอ้ป็อปรีบอีออตามฉันแม้มีแอบเขม่นฉันเบาๆก็เหอะ ฟางมองหน้ามันเหมือนไม่อย่างจะเชื่อว่ามันจะชวน

 

 

 

            “ไม่เอาอ่ะ ฟางไม่อยากไปกับอิตานี้” ฟางยี้ใส่มันพร้อมส่ายหน้าประกอบ

 

 

 

            “ทำไม ไม่อยากเต้นรำกับผมหรือเต้นไม่เป็นกันแน่ เก่งแต่ปากนิหว่า” อ้าวไอ้นี้ไปแขวะเขาทำไม เดียวยัยฟางก็ก้านคอมึงหรอก ไอ้เชี่ยป็อป =A=!?

 

 

 

            “ฉันไม่ได้เก่งแต่ปากนะ!” ฟางเถียงมันกลับ ไอ้ป็อปยักคิ้วแล้วโค้งตัวพร้อมกับแบมือท้าคู่เต้น ฟางรับคำท้ามันแล้วลงฟลอร์ไปกันสองคน ฉันมองตามอย่างมึนๆ แม่ง คิดได้ไงว่ะไอ้ป็อปโครตฉลาดเลย จี้จุดซะยัยตัวเล็กยอมไปด้วย แล้วนี่ฉันถูกทิ้งไว้ให้ชายเดี่ยวอีกแล้วเหรอ กรรมลืมนึกถึงตัวเอง  ชิ อยู่คนเดียวก็ได้

 

 

 

            “หืม?” ขณะฉันยืนกอดอกด้วยความเซ็ง สายตาคู่สวยก็ดันไปพบเข้ากับร่างของผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่อยากเจอที่สุดในสามโลกเพราะนึกถึงทีไร โครตหงุดหงิดเล้ย แล้วดันลืมไปว่างานไอ้แก่นั้นยังไงเขาก็ต้องอยู่อยู่แล้ว เขาหันมาทางฉันก็กระตุกนิดหนึ่งเมื่อเห็นหน้าอันแสนบูดเบี้ยวของฉันเพราะฝีมือเขานั้นแหละ ฉันมองเขาตอบก่อนจะเชิดหนีด้วยความว่ายังงอนอยู่แต่ร่างฉันก็ถูกฉุดรั้งไว้ซะก่อน ฉันหันไปหาคนที่ดึงฉันไว้ก็อึ้งทันควันเพราะโทโมะเป็นคนดึงแขนฉัน

 

 

 

            “ต้องการอะไร?” ฉันชักสีหน้าตึงถาม ไม่อยากให้ฉันยุ่งแล้วมายุ่งกับฉันทำไมมิทราบ

 

 

 

            “เธอมาทำอะไร” มาซักผ้ามั่งถามได้ ฉันอยากจะตอบยังงั้นเหมือนกันแต่ไม่เอาดีกว่า

 

 

 

            “เรื่องของฉันนายไม่เกี่ยว” ฉันกระชากแขนกลับแล้วสะบัดตัวหนีเพราะยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งโมโห แต่ก้าวไม่ถึงสามก้าวด้วยซ้ำร่างฉันก็ถูกดึงกลับโดยเจ้าของแขนใหญ่คนเดิมแถมรอบนี้ดันตกอยู่ในอ้อมกอดเขานี้สิ หน้าฉันกับเขาเกือบจะชนกันอยู่แล้ว อ้ายยย >/////< ทำบ้าไรเนี่ย!!!

 

 

 

            “ปล่อยฉันเดียวนี้!” ฉันดันร่างเขาออกแต่ดันยังไงมันก็ไม่ไปเสียที

 

 

 

            “โกรธฉันเรอะ” ยังมีหน้ามาถามอีก ตัวเองทำแท้ๆ

 

 

 

            “ไม่ได้โกรธ!” ฉันรีบปฏิเสธพร้อมทั้งดิ้นหนีแต่เขากลับรัดร่างฉันแน่นกว่าเดิมนี้สิ ว้าย อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉันนะ คนมองใหญ่แล้ว แต่พึ่งสังเกตว่าวันนี้เขาแต่งตัวหล่อบาดใจสุดๆ ชุดสูทสีดำข้างในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมบนสองเม็ดปล่อยโล่งกับกางเกงขายาวดำสนิท เห็นแล้วเลือดจะออก =.,= เฮ้ย ไม่ใช่เรื่องแล้วอีแก้วอย่าพึ่งหลง อย่าพึ่ง!

 

 

 

            “หึ” โทโมะแสยะยิ้มแล้วยอมปล่อยร่างฉันก่อนจะฉุดแขนลากตามเขาไปหน้าตาเฉย =[]=???   

 

 

 

            “จะพาฉันไปไหนน่ะ โทโมะ!!!”

 

 

 

 

 

            อืม มันชักจะงงยังไงไม่รู้แล้วสินะ คนอ่านยังอยู่ดีอ่ะป่าวถ้าอยู่ช่วยเม้นเป็นกำลังให้ไรต์ด้วยนะ จะพยายามทำให้ดีที่สุด >^<!!! เพราะพึ่งเคยมันเลยค่อนข้างจะมึนๆอ่ะนะ 5555

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา