The Heart เพราะหัวใจรักใครไม่เป็น...
เขียนโดย พายุลมหนาว
วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 07.14 น.
แก้ไขเมื่อ 14 กันยายน พ.ศ. 2558 00.03 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
7) [7] ฝันร้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
The Heartเพราะหัวใจรักใครไม่เป็น...
Chapter (7)
“ที่นี้มัน?” ฉันลืมตาจากห้วงนิทราซึ่งไม่รู้ว่าหลับไปยามไหน แต่ทำไมกัน ฉันขยับร่างกายไม่ได้เลยสักนิด พอมองดูร่างตัวเองก็พบว่าร่างของฉันถูกมัดตึงด้วยเชือกเส้นหนาทับกันหลายทบบนเตียงผู้ป่วยและสวมเสื้อผ้าคนไข้ ฉันกวาดมองไปรอบๆอย่างลุกลน ไม่เข้าใจ ทำไมฉันถึงมาอยู่นี้ได้ ตาคู่สวยเหลือบไปเห็นถาดเข็มฉีดยาข้างกายก็ต้องตกใจเพราะมันเหมือนกับเข็มเดียวกันที่คร่าชีวิตผู้ป่วยชายคนนั้น และพอลองสังเกตดูดีๆห้องนี้ก็เป็นห้องเดียวกัน ฉันจำมันได้
“แกะไม่ออก ฮึ่ย!?” ฉันพยายามลองกระตุกเชือกอยู่หลายทีด้วยความร้อนรน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ที่ฉันถูกจับมัดไว้อย่างนี้ อ้ะ!? แสบตา อยู่ๆไฟดวงใหญ่บนเพดานก็ส่องสว่างจ้ากะทันหันทำให้ฉันต้องหรี่ตากระพริบอยู่หลายทีก่อนจะเหลือบไปเห็นเงาดำสูงใหญ่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“เฮ้ย กะ แกเป็นใครจับฉันไว้ทำไม!?” สัญชาตญาณเอาตัวรอดสั่งให้ฉันกระสับกระส่ายไม่หยุด จิตใต้สำนึกส่งซิกเตือน”อันตราย!” ฉันพยายามปรับสายตาเพื่อจะมองใบหน้าของเงาดำชัดๆแล้วก็ต้องผวาเมื่อเงาดำที่ว่านั้นคือ ชายคนเดียวกันที่ฉันเจอในห้อง 2107 ฉันไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขาเป็นใครเพราะเขาเล่นสวมปิดใบหน้าทั้งหมด
“ฉันถามว่าแกเป็นใคร จับฉันมัดไว้ทำไมกัน!!” ฉันรีบตวาดลั่นอีกครั้งเมื่อเขาเข้ามายืนข้างๆตัวฉันแล้วเอี่ยวศีรษะไปมาเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง เขาไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆกับคำถามที่ฉันยัดเยียดกลับทำเพียงยืนมองอยู่นิ่งๆก่อนจะแค่นหัวเราะ
“ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานเธอก็จะได้ตามมันไปอีกคน” ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำหัวใจฉันที่เต้นเร็วอย่างหวาดหวั่นกับการกระทำที่เป็นต่อของชายผู้นี้ ภายใต้หน้ากากนั้นฉันรับรู้ได้เลยว่าเขากำลังยิ้มเยาะตัวฉันที่หวาดกลัวดิ้นพล่ามเหมือนหมาจนตรอก
“ยะ อย่านะ” เสียงฉันสั่นพร่าเมื่อเห็นมือใหญ่หยิบเข็มฉีดยาข้างกายฉันขึ้นมาแล้วเลื่อนมือมาจับสายน้ำเกลือและค่อยๆบรรจงทิ่มปลายแหลมเข้าไปข้างในปล่อยให้ของเหลวสีเหลืองรวมตัวกับน้ำเกลือที่เชื่อมต่อกับร่างกายฉัน ฉันโยกตัวแรงด้วยความตื่นตกใจในอันตรายที่จะมาถึงตัวอีกไม่ถึงวินาที
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!
ร่างของฉันกระตุกแรง ดิ้นด้วยความทรมาน เหมือนกับมีอะไรมาบีบรัดก้อนเนื้อข้างซ้ายแน่นแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ สมองพร่าเบลอสลับกับความเจ็บปวดที่สรรหาคำอธิบายไม่ได้ เล็บจิกกัดผ้าหวังระบายความรู้สึกกล้ำกลืนเหลืออด ร่างกายแอ่นอย่างทนรับไม่ไหวทั้งเกร็งไปพร้อมๆกัน ถ้าจะให้พูดมันทรมานซะยิ่งกว่าถูกมีดแทงหลายทีเสียอีก
“กรี้ดดดด!” นั้นเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่ตัวฉันจะแน่นิ่ง ภาพสุดท้ายที่ฉันเห็น ชายร่างสูงคนนั้นถอดแมสออกพร้อมกับแว่นตาเฉลยโฉมหน้าของตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มชวนน่าขนลุก ซึ่งฉันแทบไม่เชื่อสายตาว่าจะเป็น..โทโมะ
“ไม่จริงงงงงงง!!!” แฮ่กๆๆ ห่ะ? ฉันเด้งตัวขึ้นหอบหายใจถี่แล้วหันไปมองรอบๆตัวเองก็ถึงได้รู้ว่าอยู่ที่ไหน มันคือห้องประจำของฉันเอง ฉันกุมหน้าผากอย่างเหนื่อยอ่อนพยายามปรับระดับการหายใจให้เป็นปกติ เพราะฝันบ้าๆเมื่อกี้เล่นเอาฉันเหงื่อแตกพลั่ก หายใจไม่ทั่วท้อง เสียงหัวใจดังกึกก้องทั่วประสาทสัมผัส
“บ้าจริง ฝันร้ายเรอะเนี่ย” โอ๊ย มันจะสมจริงเกินไปแล้ว ไม่น่าเป็นคนสมาธิดีเล้ย เล่นซะเหมือนจริง ตั้งสติหน่อยอีแก้ว ตั้งสติ..ฉันก้มหน้าซุกฝ่ามืออุ่นหวังให้มันช่วยคลายอารมณ์ฉันลงก่อนจะเสยผมหน้าขึ้นไล่ลงมากุมคอบางแทน ฟู่ว OK มันก็แค่ฝัน ฝันเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ใช่ หลังฉันนั่งสงบสติอารมณ์ได้สักพักก็ตัดสินใจพยุงร่างตัวเองลงจากเตียง
“แก้ว ฟื้นแล้วเหรอ!?” อ้ะ หมอฟ้า
“เป็นห่วงแทบแย่แน่ะ นี้จ้ะดื่มน้ำสักหน่อยจะได้สดชื่น” หมอฟ้ายื่นแก้วน้ำให้ ฉันจึงรีบรับมาดื่มรวดเดียวหมดก่อนจะยิ้มขอบคุณพลางปาดเหงื่อบนใบหน้า เดียวนะเมื่อกี้หมอฟ้าบอกว่าฟื้นเรอะ?
“เอ่อ เกิดอะไรขึ้นกับแก้วเหรอค่ะ?” ฉันลองถามหมอฟ้าดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันเพราะเท่าที่ฉันจำได้ล่าสุดฉันกำลังคุยอยู่กับ....
“แก้วเป็นลมน่ะ” ที่แท้ฉันก็เป็นลมนี้เอง ดูท่าโรคกระเพาะจะเล่นงานอีกแหละไม่น่าลืมข้าวเที่ยงเลยจริงๆ =_=;;
“แล้วใครเป็นคนพาแก้วมา..” ฉันวูบไปตอนที่คุยกับเขานี้น่า แล้วเขาไปไหน?
“ฉันเป็นคนแบกมาเองแหละ ดีนะที่ฉันไปเจอเข้าพอดี แล้วทำไมอยู่ๆถึงไปนอนอยู่ตรงนั้นได้ล่ะ?” หมอฟ้าบอกฉันยังงั้นเล่นเอาฉันมึนตึบ เขาไม่สนใจฉันเลยรึไง
“โรคเก่ากำเริบนะค่ะ เรื้อรังมานาน ฮะฮ่าๆๆ” ฉันรีบปั้นหน้าร่าเริง หมอฟ้าก็ยิ้มแล้วบอกให้ฉันดูแลตัวเองก่อนไป เฮ้อ มึนหัวชะมัด จริงสิแล้วผู้ป่วยในห้องนั้นล่ะ!?
“มีอะไรกันเรอะ” พอฉันมาถึงที่หมายปลายทาง แถวบริเวณห้อง 2107 ก็มีเหล่าพยาบาทและหมอหลายคนมามะรุมมะตุ้มกันเต็ม วุ่นวายน่าดู และหนึ่งในนั้นมีคนรู้จักฉันคนหนึ่งฉันเลยตีเนียนทำเป็นไปถามด้วยความไม่รู้ทั้งที่รู้ก่อนเพื่อนซะอีก
“คุณหมอแก้ว คือผู้ป่วยห้องนี้นะค่ะเกิดหัวใจวายเฉียบพลันเสียชีวิต ตอนนี้พวกคุณหมอกำลังดูว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่และกำลังจะให้พวกบุรุษพยาบาทขนศพไปค่ะ” น้ำผึ้ง พยาบาทสาวว่าที่ผู้ช่วยฉันที่กำลังไปเบิกตัวมาตอบซะหมดจบ เลิศดีจริง ระหว่างที่ฉันกำลังส่องไปเรื่อยก็ดันไปสะดุดตาเข้ากับวัตถุบนเพดาน เฮือก!นั้นมัน
“น้ำผึ้ง ตรงนั้นมีกล้องวงจรปิดด้วยเหรอ?” เวรแล้วไงก่อนมาฉันไม่ได้เช็คซะด้วยว่าแถวนี้มีกล้อง ถ้ายังงั้นฉันก็ต้องติดอยู่ในภาพด้วยนะสิ O[]O!
“ค่ะ” ตายห่าแล้วอีแก้ว เดียวให้ไอ้ป็อปจัดการให้ล่ะกัน
“จริงด้วย แล้วคนของนายแสนเขาว่าไงบ้าง” ฉันถามน้ำผึ้งถึงพวกลูกน้องที่มันส่งมาเฝ้า
“เขาบอกว่า พวกเขาไม่รู้เพราะตอนกลับจากขากินข้าว ผู้ป่วยก็ตายซะแล้วคะ” วางแผนมาดีเว้ย เนียนเหลือเกิน
“แล้วมีอะไรผิดปกติในห้องไหม” ยังไงมันก็ต้องมีร่องรอยสักอย่างสิน่า น้ำผึ้งส่ายหน้าตอบฉันก่อนที่บุรุษพยาบาทคนหนึ่งจะเข็นเอาศพออกมา ฉันมองร่างไร้ชีวิตด้วยความอาลัย ผิดที่ช่วยเขาไว้ไม่ได้ แต่ถึงว่าทำไมพวกมันถึงไม่อยู่เฝ้าห้องที่แท้ก็คิดจะปิดเกมในวันนี้นี้เอง นั้นโทโมะก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ด้วยสินะ ก็เขาเป็นลูกน้องนายแสน
“นายเป็นคนยังไงกันแน่..” ฉันหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าของเขาขึ้นมาดู แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนลงมือฆ่าเพราะชายคนที่ฉันเจอในห้องดูจะสูงกว่าเขาซะอีกและใจหนึ่งฉันไม่อยากให้เป็นเขานี้สิ
“ไอ้แก้วไหวไหมว่ะ” หลังฉันกลับถึงบ้านก็เจอไอ้ป็อปดักประตู มันลงทุนมาดักฉันถึงบ้าน เอ๋ย ไม่ใช่มันบอกว่ามันเป็นห่วงฉันที่ฉันเล่นไม่รับสายมัน เราสองคนเลยพากันมานั่งคุยกันในห้องนอนแทนเพราะกลัวคนอื่นได้ยินเรื่องที่เราจะคุยกัน
“เอ่อๆ ไหวนะไหว เฮ้อ แต่มึงรู้มั้ยวินาทีนั้นกูแทบอยากเอามีดปาดคอตัวเอง กูเสียใจที่กูช่วยอะไรเขาไม่ได้” ฉันกุมขมับตอบมันอย่างเหนื่อยล้า มันที่นั่งอยู่ข้างๆก็เลยโอบไหล่ฉันแล้วโยกเป็นการปลอบให้กำลังใจ
“กูขอโทษที่เกือบเอามึงไปเสี่ยงตาย ตอนนี้กูแอบส่งคนไปตรวจเรียบร้อยล่ะ ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิด กูไปเช็คแล้วเว้ย มันไม่มีอะไรเลย” ช่างเหอะไอ้ป็อป งานเสี่ยงตายมันฉันอยู่แล้วแต่ไอ้เรื่องกล้องไม่มีอะไรเนี่ย คืออะไรว่ะ?
“มันไม่มีอะไร อะไรของมึง” ฉันชักหน้างงกับมัน
“ก็มันไม่มีภาพมึงนะดิถามได้ วีดิโอนี้วิ่งชิ้ว ไม่เห็นมีภาพมึงติดเลยสักนิดรวมถึงไอ้ผู้ชายที่มึงว่าด้วย กูคิดว่ามันคงแอบสลับเทปไปแน่ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่กูกังวลคือถ้ามันเปิดเทปดูมันก็ต้องเห็นมึงอยู่ด้วยนอกจากว่ามันจะทำลายทิ้งไปซะก่อนที่จะดู” ขออย่าให้เป็นอันแรกเล้ย อันหลังเถอะ เกิดมันรู้ล่ะก็ฉันต้องโดนมันเพ่งเล็งฆ่าเป็นรายต่อไปเหมือนในฝันบ้าๆนั้นแน่ T T เครียดเว้ย เครียดดดดดดดดดดดดดดดด ฉันทิ้งตัวนอนก่อนที่ไอ้ป็อปจะตามลงมาด้วย มันหันมายิ้มทำให้ฉันรู้สึกสบายใจเมื่อมีมันอยู่ข้างๆ
“มึงไม่ต้องห่วง กูจะไม่ยอมให้มึงเป็นอันตรายแน่นอน กูสัญญา” โครตรักมึงเลยว่ะ T T
“ขอบใจนะ เอ่อว่าแต่ปกติกูจำได้ถ้าวันไหนว่างๆมึงจะใส่ไอ้เสื้อลายหมีพูห์ตัวโปรดมึงทุกวันไม่ใช่เรอะแล้วไหงรอบนี้ใส่เสื้อยืดธรรมดาว่ะ” มันน่าหงิกทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันพูดไรผิดอ่ะ
“อย่าถามเลยกูไม่อยากพูดถึง คิดแล้วมันแค้น” ฉันพลาดอะไรไปหรือป่าวว่ะ มันหันข้างให้ฉันแล้วแกล้งหลับเพราะรู้ว่าฉันต้องถามมันต่อ แต่ทำไงได้เกจความสงสัยไอ้แก้วมันปรี๊ดขึ้นมาซะแล้วดังนั้นฉันจึงจัดการจี้เอวมันเล่นเอามันสะดุ้งก่อนมันจะเอาคืนฉันจนเราทั้งคู่พลัดกันรุกพลัดกันหนีจน
โครม!!!
ตกเตียงทั้งคู่ เจ็บโว้ยไอ้ป็อป มึงลุกออกไปเดียวนี้นะ กูหนากกกกกกกกกกกกกกกก!!!
“พวกลูก เอะอะอะไรเสียงดังน่ะ!!!” ว้าย ลืมไปว่าแม่อยู่ชั้นล่าง แก้วขอโทษค่ะแม่ >^<;;
“จัดการเรียบร้อยดีใช่ไหม โทโมะ” ชายหนุ่มผู้เป็นนายถามกับลูกน้องคนสนิทที่นั่งเผาอะไรบ้างอย่าง โทโมะหันมามองแล้วโชว์เทปที่เขาเป็นคนไปเอามาก่อนจะจับโยนลงกองไฟจนเปลวเพลิงกระจายฟุ้งเป็นละอองไฟ แสนยิ้มพอใจกับฝีมือลูกน้องคนสนิทแล้วหันไปจูบกอดสาวข้างกายหรือของชั่วคราวของเขา
“จะเอาด้วยไหม” แสนถามกับชายหนุ่มที่นั่งจดจ่อกับกองไฟ
“ผมไม่มีอารมณ์” โทโมะตอบ
“น่าน่ะ เอาสักหน่อยน่าวันนี้นายอุส่าทำผลงานดี เป็นไงล่ะไอ้พวกตำรวจมันคิดจะเล่นกับเราเอง ต้องสอนให้รู้ซะบ้าง” โทโมะเหล่ผู้เป็นนายยืนยิ้มอารมณ์เบิกบานก่อนเอี่ยวหน้ากลับไปจ้องกองไฟต่อ
“เสร็จเรื่องแล้วพรุ่งนี้ผมขออนุญาตไปทำธุระส่วนตัวครับ” โทโมะลุกขึ้นแล้วโยนกิ่งไม้ที่เขาควงเล่นลงกองเพลิง
“เอาสิตามสบายเลยเพื่อน ฉันอนุญาตแต่อย่างน้อยนายต้องรับของขวัญจากฉันซะก่อน ไม่อย่างงั้นฉันไม่สบายใจ” แสนเข้ามากอดคอโทโมะว่าก่อนจะเรียกบรรดาสาวๆที่เขาเลือกมา ปรนนิบัติ โทโมะถอนหายใจเล็กๆเพราะคงไม่อาจปฏิเสธผู้เป็นนายได้จึงยอมๆไป
“แก้วจะออกไปไหนแต่เช้านะลูก วันนี้ลูกไม่เข้างานไม่ใช่เหรอ?” เช้าวันรุ่งขึ้นฉันที่กำลังเตรียมตัวจากบ้านก็เจอแม่กับชมพูสวนทางกันพอดี ตื่นเช้าแสดงว่าไปทำบุญมาสินะ ถาดสะอาดเชียว
“อ้อ พอดีแก้วกะว่าจะไปเยี่ยมคุณย่าสักหน่อยนะค่ะ แล้วรวดไปทำธุระกับไอ้ป็อปมัน” ฉันตอบแม่ อุส่ากลับมาทั้งทีฉันไม่ได้ไหว้หลุมศพคุณย่าสุดรักตั้งนานขอหน่อยล่ะกัน
“วันนี้มีเดทรึจ้ะ” พี่กิ่งที่หายตัวไปนานปรากฏตัวอีกครั้ง แอบไปเมามาอีกล่ะสิกลับซะเช้าเชียวเจ้าแม่ขาเที่ยว
“จะบ้าเรอะพี่กิ่ง มันกับแก้วสนิทกันจนแทบจะรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้วนะ” ฉันเถียงพี่กิ่งกลับ
“โหย! สนิทกันนั้นแหละดีไม่เคยเห็นเรอะคู่รักส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นจากเพื่อนสนิทน่ะ ระวังไว้เถอะยัยแก้วแกอาจจะหลงน้องป็อปปี้โดยไม่รู้ตัว เขาเป็นถึงว่าที่สารวัตรใหญ่ในอนาคตเลยนะจ้ะ” ที่พี่กิ่งว่ามันก็ถูก แต่ข้อนั้นใช้กับฉันไม่ได้หรอก ขืนฉันกับมันมีลูกด้วยกันเชื่อเหอะต้องเป็นอภิมหาป่วนกำลังสองแน่ ความแสบคูณสอง
“มัวแต่แซวน้องอยู่ได้ เรานะแก่ปูนนี้เมื่อไหร่จะได้แต่งงานเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักที” แม่บ่นซะพี่กิ่งหน้าเจื่อนเลย แม่แก้วสุดยอด -v-
“เป็นไงล่ะอยากเจ้าชู้ดีนัก สมน้ำหน้า” ฉันยักคิ้วกวนทีหนึ่ง พี่กิ่งเลยหันมาจิกตาฉันทันควัน
“เขาเรียกว่ามีให้เลือกย่ะ ไม่เหมือนแก สักคนน่ะมีรึยังจ้ะ” พี่กิ่งยิ้มเยาะแล้วเอานิ้วมาเกาคางฉัน ฉันไม่ใช่แมวนะยัยพี่บ้า ฉันเชิดหน้าทิ้งก่อนเล่นเกมมองแรงกับพี่ ในหัวแต่ล่ะคนคงมีแต่คำเหยียดหยามฝ่ายตรงข้าม "หนอย คิดว่าสวยเหรอฉันสวยกว่าตั้งเยอะ" อันนั้นความคิดฉันเองแหละ ก่อนแม่จะเข้ามาปักธงยึดสมรภูมิรบ ลากเราสองพี่น้องไปทานข้าวเช้าด้วยกัน
“แก้วกลับบ้านมาแล้วนะค่ะ คุณย่า” ฉันนั่งอยู่หน้าป้ายหลุมศพของคุณย่าสุดที่รัก ในรูปป้ายหลุมศพใบหน้าของท่านยังสดใสไม่เปลี่ยน ฉันมองกี่ทีก็ยิ้มตามทุกครั้งแต่ก็แอบซึมเพราะจริงๆท่านไม่น่าด่วนไปเลย คุณย่าของฉันตายด้วยอุบัติเหตุ คืนนั้นท่านกำลังไปช่วยเหลือคนบาดเจ็บบนเขาในคืนที่ฝนตกหนัก รถของท่านเกิดเสียหลักตกหน้าผาทำให้รถที่ท่านโดยสารมาผลัดตกแม่น้ำ เราใช้เวลาร่วมอาทิตย์กว่าจะเจอท่านอยู่กับพวกชาวบ้านกลุ่มหนึ่งแต่ไม่ทันท่านได้เสียชีวิตลงซะก่อนเพราะร่างกายอ่อนแอ วันเผาศพฉันไม่ยอมไปไหนนั่งร้องไห้อยู่หน้าโลงศพ ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน จนแม่กับพี่กิ่งต้องช่วยกันลากฉันไปกระทั่งไอ้ป็อปเองก็ด้วย ฉันร้องไห้เป็นอาทิตย์เพราะทำใจไม่ได้เมื่อคนที่ฉันรักต้องจากไปโดยไม่รำลา กว่าจะรู้สึกดีขึ้นก็เป็นวันที่พ่อกับแม่เข้ามานั่งคุยกับฉันแล้วมอบของบางอย่างที่คุณย่าตั้งใจจะให้ฉันหลังจบม.6 มันเป็นจี้เส้นเดียวกันกับที่ท่านสวมใส่ตลอดเวลา วินาทีนั้นฉันกอดแม่แล้วร้องไห้หนักมากในใจสัญญากับท่านว่าฉันจะเข้มแข็ง จนในที่สุดฉันก็สอบติดหมอได้ทุนไปเรียนต่างประเทศในที่สุด
“คุณย่าไม่ต้องห่วงนะ แก้วจะอยู่กับคุณย่า แก้วจะมาหาคุณย่าไม่ให้ขาด แก้วคิดถึงคุณย่านะ” น้ำตาฉันไหลลงหยดบนแท่นวาง ฉันปาดน้ำตาก่อนจะวางช่อดอกไม้สีขาวบนหลุมศพท่าน ถึงแม้ท่านจะไม่อยู่แต่ฉันก็รู้สึกเหมือนท่านยังอยู่ใกล้ๆเมื่อมองของสิ่งเดียวที่ท่านมอบให้กับฉัน
“ตายล่ะ เรานัดไอ้ป็อปไว้กี่โมงว่ะ” ฉันลุกพรวดแล้วมองนาฬิกาโทรศัพท์พลางนึกว่าฉันกับมันนัดไว้กี่โมงกัน จำได้ว่า ราวๆ 9 โมง และเวลานี้ก็ 8 โมงครึ่ง O_O! ขืนสายอีกรอบฉันได้ไปเยี่ยมยมบาทแน่
“หืม นั้นมัน” ระหว่างที่ฉันกำลังเหลียวหลังไปเพื่อเตรียมวิ่งกลับรถฉันดันไปเห็น ผู้ชายที่ทิ้งฉันไว้เมื่อวาน เขามาทำอะไรที่นี้ ฉันรีบวิ่งมาตรงที่เห็นเขาก็พบกับความว่างเปล่า สงสัยจะตาฟาดไปเอง หมอนั้นจะมาอยู่ที่นี้ได้ไงกันเนอะ
“โทโมะ” ฉันพูดเบากับตัวเองหลังเดินมาถึงทางยาว เขากำลังเดินไปไหนสักที่ซึ่งตัวฉันไม่แน่ใจแต่ที่ฉันอยากจะวิ่งตามเขาไปก็เพราะความขี้เสือกของฉันเนี่ยแหละ =^= ไหนๆเจอแล้วก็ดี ใครสั่งใครสอนให้ทิ้งคนเป็นลมไว้ย่ะ แทนที่จะช่วย หึ่ย!
“โอย! ทางมันจะวกวนไปไหนเนี่ย” นายหัวเหลืองนั้นเล่นเดินเลี้ยวไปเลี้ยวมาเอาซะฉันงงไปหมดแต่ก็พยายามตามเขาให้ทันจนมาถึงทางตันซึ่งปิดล้อมด้วยกำแพงต้นไม้ที่วางไว้ประดับเป็นรั้วสุสาน แล้วตานั้นหายไปไหนแล้ว? ซ้ายก็ตัน ขวาก็ไม่มีทางไป เฮ้ย อย่าบอกนะว่าฉันถูกผีอำอ่ะ ว่าไปเรื่อย เอาเหอะไปหาไอ้ป็อปดีกว่าอยู่ไปก็เสียเวลาป่าวๆ
“เหวอ!”
อัพ ตอน เรื่อยๆ ถ้าชอบก็อย่าลืมคอมเม้นให้กำลังใจไรต์ด้วยนะทุกคน จะเป็นพระคุณอย่างสูงเลยทีเดียว พึ่งสังเกตว่าคนอ่านเพิ่มขึ้น ใครที่ติดตามเราก็อย่าลืมเม้นกันด้วยนะ >v<!
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ