ผจญภัยในสุสานกษัตริย์ ตอน สุสานจิ๋นซี

-

เขียนโดย Lunalily

วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 09.49 น.

  11 บท
  3 วิจารณ์
  15.74K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 เมษายน พ.ศ. 2558 10.27 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) ผีพนันบอล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่1

ผีพนันบอล

 

 

 

              

 

2-0!

เหมือนถูกอัดหน้าด้วยบอลเพลิงของหงส์แดง ปราบผีอย่างแมนยูกระเจิงด้วยประตูชัย2-0 ผมยืนอึ้งภายในบ่อนท่ามกลางเสียงโห่ร้องของฝั่งตรงข้าม เงินสองล้านหยวนลอยหายไปในพริบตา

ไอ้เฮียฟานไหนแม่งคอนเฟิร์มนักหนาว่า "ผีมาแน่ มาแน่"

มาแน่พ่องสิ! ผมนี่แทบอยากลงไปแดดิ้นตาย ชิบหายแล้วไหมเล่า ลงขันกับเฮียฟานไปคนละล้านหยวน กะรวยข้ามคืน กลายเป็นว่าพวกผมกำลังจะตายข้ามคืน หลังจากศึกแดงเดือดจบลง ผมกับไอ้เฮียตัวดีก็พากันโกยแนบออกจากบ่อนพนันนั่นในทันที กลับหอทางใครทางมันหนีไอ้พวกบ่อนกู้มาเฟียหน้าเลือดพวกนั้น ถ้าพวกมันรู้ว่าไม่มีเงินสดไปจ่าย มีหวังได้ถูกเจื๋อนแน่นอน

หลังจากที่ผมหนีกลับมา เก็บตัวสักพักหนึ่ง มหาลัยไม่ได้เข้าจนอาจารย์ให้เพื่อนรักโทรมาตามตัว แต่ตอนนี้ผมยังออกไปไหนไม่ได้อยู่ในที่กบดาน รอให้เฮียฟานมันหาเงินใช้บ่อนได้ก่อนถึงจะออกไป ถ้าขืนออกไปเดินลอยหน้าลอยตากลางถนนมีหวังโดนหิ้วโดยที่ไม่รู้ตัว อาศัยรูมเมทของผมคือนายเฉินเหว่ยถิงคอยซื้อข้าวกลับมาให้ อีกทั้งยังติดต่อกับคนอื่นโดยผ่านหมอนี่อีกที

เหว่ยถิงเรียนหมออยู่มหาลัยเดียวกันกับผม เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเกรดสิบ เป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เราพอจะไว้ใจกันได้ ทุกเรื่องที่ผมรู้หมอนี่ก็รู้ด้วย พอมันรู้ว่าผมติดหนี้พนันบอลก็ด่าเช็ด แต่ด่าอย่างเดียวไม่พอ มันไม่ช่วยผมด้วยเรื่องเงินนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

"แล้วนี่จะเอายังไงกับหนี้ล้านหยวน ศาสตราจารย์จะโทรไปฟ้องเตี่ยนายอยู่แล้วเรื่องไม่เข้าเรียนเนี่ย" เหว่ยถิงมันว่าพลางโยนกล่องข้าวให้เหมือนทุกที ผมหยิบออกมาเปิดดูอย่างเนือยๆ บะหมี่อีกแล้ว นี่กินจนหน้าจะเป็นเส้นอยู่แล้วเถอะ

"อือ เฮียเขากำลังหาเงินอยู่คงต้องรออีกสักพัก"

เหว่ยถิงส่ายหน้า ชักสีหน้าละอาใส่ผมแล้วนั่งลงบนโซฟาข้างๆ มองผมที่กำลังเปิดกล่องบะหมี่เตรียมโซ้ย ยิ่งมันเห็นผมไม่กระตือรือร้นที่จะแก้ปัญหาก็กระชากกล่องบะหมี่กลับ แล้ววางไว้บนโต๊ะข้างหน้าผม

"มึงหยุดมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ ใกล้จะจบแล้ว วิจัยมึงก็ไม่คืบหน้า เดี๋ยวเถอะ เตี่ยมึงรู้กูว่าเรื่องใหญ่" มันเบะปากใส่แล้วก็คว้ารีโมท์เปลี่ยนช่องเป็นข่าว

"แล้วมึงจะให้กูบากหน้าไปยืมเงินเตี่ยหรอ กูคงโดนเขาเอาตีนนาบหน้ามาอีกที กูกำลังคิดอยู่ไม่ใช่ไม่คิดแต่เงินล้านหยวนคิดว่ามันหาง่ายๆหรอ"

"แล้วตอนมึงเล่นทำไมไม่คิดละวะ"

ไอ้นี่จี้ใจดำอีกแล้ว จนผมเริ่มรำคาญไม่กงไม่กินมันแล้ว ลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์โทรหาเฮียฟาน ไอ้ที่เหว่ยถิงพูดออกมามันก็ถูกของมัน ผมเอาแต่หลบแบบนี้ไม่ได้ การเรียนเสียหมด ยิ่งศาสตราจารย์ที่เป็นที่ปรึกษาของผมรู้จักกับเตี่ยยิ่งแล้วใหญ่ มีหวังโดนรายงานความประพฤติแน่ๆ แต่จะให้ขอเงินเตี่ยนี่ก็ไม่ได้ เงินหนึ่งล้านหยวนอ้างมาทำวิจัยนี่โดนซักจนสะอาด ดีไม่ดีโดนด่าเช็ดอีก

ผมโทรหาเฮียเขาไม่รับเลยโทรกลับไปใหม่ รอสายอยู่นานจึงรับ ผมเลยบ่นไม่พอใจไปว่า "กว่าจะรับสายนะเฮียโดนเจื๋อนแล้วหรือไง"

 เสียงจากปลายสายดูวุ่นวาย แล้วคำตอบที่ได้ทำเอาหนังหัวผมถึงกับชาหนึบ

"นายน้อยหลี่นั่นเอง"

เชี่ยนั่นมันเสียงตาแก่เซี่ยลี่หาง เจ้าพ่อเงินกู้ที่ผมยืมเงินมันนี่หว่า!

"มึง! เอ้ย ลี่หาง อี้ฟานอยู่ไหน!" ผมโพล่งตกใจ เหว่ยถิงหันมามองเลยต้องรีบเดินออกไปคุยที่ระเบียงห้อง

ปลายสายหัวเราะขบขัน "ลูกพี่ลูกน้องคุณน่ะหรอ อืม สบายดีอวัยวะตอนนี้ยังครบอยู่" น้ำเสียงมันตอบกวนตีนมาก ผมพยายามระงับอารมณ์เอาไว้ ทั้งโกรธทั้งกลัว ป่านนี้เฮียคงโดนซ้อมเละแล้วแน่ๆ

"ผมให้เวลาคุณมาหาผมที่เดิม ที่เราตกลงกันไว้ ถ้าไม่มา ไม่ต้องบอกคุณน่าจะรู้นะนายน้อย ว่าลูกพี่ลูกน้องคุณจะเป็นยังไง ถึงหมอนี่จะเป็นลูกชายคนโตตระกูลอู๋ แต่ผมก็ไม่เคยไว้หน้าใครเหมือนกัน เห็นแก่เตี่ยคุณมีบุญคุณกับผม เรามาคุยกันสักหน่อยดีไหม"

ไอ้เลวลี่หางมันเอาเตี่ยมาขู่ผมจนได้สินะ ผมรู้ดีถ้าเกิดไปเจอมันผมอาจจะเละเป็นโจ๊กไม่ต่างจากเฮีย แต่ถ้าไม่ไปไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรกับเฮียฟานบ้าง

ลี่หางเมื่อก่อนมันเคยทำงานกับเตี่ยของผม เป็นลูกมือนักโบราณคดีมีธุรกิจดำมืดค้นหาสุสานโบราณ เตี่ยได้ชื่อเสียงเรื่องค้นพบสุสาน ส่วนพวกมันได้ของโบราณหายากเป็นส่วนแบ่ง ของพวกนี้ต้องผ่านมือเตี่ยกับพวกมันก่อนส่งทางหน่วยงาน หรือทางพิพิธภัณฑ์

ภายหลัง เตี่ยเลิกออกภาคสนามกลับมาเป็นศาสตราจารย์ทำวิทยานิพนธ์ก๊องแก๊ง วิจัยเรื่องโครงกระดูกโบราณให้ชาวต่างชาติ เงินเดือนดีกว่าเสี่ยงบุกป่าฝ่าดงคลุกดินโคลน ลี่หางมันจึงแยกตัวไปทำธุรกิจของมันต่างหาก แน่นอนว่าผิดกฎหมาย

เรื่องพนันบอลผมก็ได้หมอนี่ช่วยเสมอ อาศัยความรู้จักกันขอหยิบยืมเงินก่อน แต่ผมก็จ่ายเงินคืนตรงเวลาทุกครั้งยกเว้นครั้งนี้ มูลค่ามันเยอะเกินกว่าที่ผมจะหามาคืนในเวลาอันสั้น ดูจากน้ำเสียงของหมอนั่นคงจะไม่พอใจผมอยู่แน่ๆ

แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำแค่ขู่ ผมเลยต้องรับปากมัน "ก็ได้ผมจะไปหาคุณ" จากนั้นก็ตัดสายทิ้งไป

มายืนอึนอยู่กับที่ ทำไงดี ทำไงดีวะ หัวของผมตีกันยุ่งเหยิงคิดไม่ออก หรือจะลองคุยกับลี่หางลองผลัดวันไปก่อน แต่คิดว่าเขาคงไม่ยอมแน่ๆ พอคิดอะไรไม่ออกก็เกิดความปอดแหกไม่อยากไป หรือจะโดดตึกตายดี แต่ตายศพไม่หล่อเท่าไรไม่เอาดีกว่า อีกทั้งยังสิ้นคิด อาจเป็นข่าว โดนชาวโซเชียลวิจารณ์ถ่มน้ำลายรดศพซ้ำอีก

ผมสูดลมหายใจฮึดหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าดูมิดชิดหน่อย อย่างน้อยตอนโดนตืบอาจจะบอบช้ำน้อยลง รีบออกจากห้องไม่รอให้เหว่ยถิงถาม โบกแท๊กซี่กลับไปที่บ่อนนั่นอีกครั้ง

พอมาถึงหน้าร้านลูกน้องพวกมันก็เข้ามาล็อคตัวผมเลย ลากผมเข้าไปในโซนด้านใน เป็นห้องพักของเซี่ยลี่หาง ด้านในคล้ายๆห้องVIPตามผับ ลี่หางมันนั่งอยู่ตรงโซฟาสีแดงตัวยาว กำลังนั่งดื่มเหล้ากระดิกเท้าสบายใจ ลูกน้องยืนคุมเชิงเหมือนพวกมาเฟีย ด้านข้าง เฮียฟานนอนกองอยู่ที่พื้น พอเห็นแล้วมันของขึ้น

"คุณทำอะไรพี่ชายผม!"

ลี่หางหัวเราะหึหึ ใช้เท้าเขี่ยสภาพกึ่งศพของเฮียฟาน "ก็แค่สั่งสอนนิดหน่อย คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครผิดเวลา โดยเฉพาะเรื่องเงิน"

ผมกำหมัดแน่น อยากต่อยมันสักป้าบแต่ก็ต้องฝืนใจเย็นไว้ "เรื่องเงิน ผมใช้คืนแน่ แต่ขอเวลาอีกสักหน่อย ผมไม่เบี้ยวคุณหรอก"

ลี่หางเหลือบมองผมแล้วยิ้ม วางแก้วเหล้าลง "พี่ชายคุณก็พูดแบบนี้เมื่อสามวันก่อน ผมให้เวลาพวกคุณแล้วทำกันไม่ได้เองไม่ใช่หรือ คุณก็โตแล้วนะนายน้อย ทำไมไม่รู้จักประมาณตัวบ้าง เงินสองล้านหยวนคุณคิดว่าหาง่ายๆหรือ"

นี่ผมกำลังถูกไอ้แก่นี่สั่งสอนใช่ไหม มันจี้ใจดำผมชอบกล แอบเหลือบมองเฮียฟาน ไอ้เฮียนี่แหละตัวต้นเหตุ ถ้าผมคิดสักนิดก่อนแทงบอลปัญหาคงไม่เกิด พอคิดก็ถูกของเขา แววตาของลี่หางคงเห็นผมเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง

พอเขาเห็นผมเงียบก็พูดขึ้นมาอีก "ผมเคยทำงานให้เตี่ยคุณ เตี่ยคุณก็มีบุญคุณกับผมมาก ที่ผมมาได้ถึงทุกวันนี้ผมไม่เคยลืมบุญคุณหรอกนะ แต่บุญคุณก็ส่วนบุญคุณ หนี้สินก็ส่วนหนี้สิน ที่ผมยังไม่อยากโทรไปหาเตี่ยคุณก็เพื่ออยากให้คุณลองแก้ปัญหานี้ดู ลูกผู้ชายหน่อยสิ ไม่ใช่หนีปัญหาแบบนี้"

คิดอีกก็ถูกอีก ผมนี่ถึงกับเถียงไม่ออกหน้าชาหนึบ หลายวันมานี่หนีปัญหา สุดท้ายเรื่องมันถึงบานปลายแบบนี้ เอาแต่พึ่งเฮียฟานไม่ได้จริงๆ

"ก็ได้ ผมยอมรับว่าผมหนี แต่คราวนี้ผมไม่หนีแล้ว คุณจะเอายังไงกับผม เงินสองล้านผมรับปากว่าจะคืนแน่นอน ขอเวลาอีกหน่อย แต่คุณต้องปล่อยเฮียฟานไปก่อน ให้เวลาผมอีกหน่อยเถอะ"

ลี่หางกลั้วหัวเราะ "คุณยังคิดจะหาเงินมาคืนอีกหรือทั้งๆที่มันไม่มีทางเป็นไปได้"

"ผมหาได้แน่" ผมยันคำ ลี่หางจ้องหน้าผมนิ่งเหมือนกำลังกดดันผมให้กลัว แต่ผมไม่กลัวหรอก ไม่กลัวเลยแต่ขาตัวเองมันกลับทรยศ นี่เขาเรียกว่าสั่นสู้หรือเปล่า แววตาของลี่หางนี่น่ากลัวชิบหาย

"ก็ได้" เขาตบเข่าตัวเอง ลุกขึ้นยืน เดินเข้ามาหาผม หันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องนำตัวเฮียฟานคืน ผมรับร่างสูงที่ง่อนแง่นเต็มที ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาบัดนี้เขียวช้ำดูแทบไม่ได้ สงสัยจะโดนจัดหนัก "ผมให้เวลาคุณสามวัน เอาเงินมาคืนผม"

"สามวัน!" ให้ตายเหอะนี่มันแกล้งกันชัดๆ

"ทำไม คุณทำไม่ได้หรือ หรือคุณจะกลับคำล่ะ เอาอย่างนั้นก็ได้นะผมจะคิดว่าไม่เคยได้ยินที่คุณพูดเมื่อครู่"

"ก็ได้" ผมรับปากเขาอย่างหัวเสีย "ผมจะหามาคืน สามวันใช่ไหม ได้ โอเค"

ลี่หางกระตุกยิ้ม พยักพเยิดให้ลูกน้องมันออกมาส่งแขก ผมกับเฮียฟานโดนหิ้วปีกแทบจะถูกลาก

ลูกน้องมันนี่ก็ไม่เบามือเลย จับผลักออกมาหน้าบ่อน เฮียฟานนี่สภาพย่ำแย่ ซีดปากพยุงตัวลุกขึ้น ผมมองเขาอย่างเห็นใจ โชคดีแค่ไหนที่ไม่โดนเอง ใจหนึ่งก็อยากด่าซ้ำ อีกใจก็สงสารเจ็บแทน แต่ความคิดว่าจะรอดนี่อยู่ได้ไม่นานหรอก

ไอ้ผู้ชายตัวโต มันสูงกว่าเฮียฟานคืบหนึ่งเดินออกมา สีหน้าเหี้ยมเกรียม ยิ้มให้ผมบางๆ พูดกับพวกผมอย่างสุภาพ "พี่ใหญ่ให้ผมมาแจ้งแก่คุณว่า ภายในสามสิบวิ ถ้าคุณวิ่งหนีพวกผมไม่พ้น เตรียมเข้าเฝ้ายมบาลได้เลย

"ไอ้เช็ดแม่ง!" เฮียฟานนี่ยังปากดีสบถด่าพร้อมถ่มน้ำลายเปื้อนเลือดลงพื้น ผมมองไอ้ยักษ์ที่บอกผมปากค้าง

สมัยนี้เขาขู่คนด้วยถ้อยคำสุภาพกันแล้วหรอวะ แต่ถึงจะยิ้ม ดูก็รู้ว่ามันไม่ได้พูดเล่น ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ลูกน้องแต่ละคนของลี่หางนี่พวกเดนตายทั้งนั้น เดินออกมาหน้าบ่อนทีละคนสองคน ผมนับๆดูนี่หลายตีนอยู่

รีบหันไปพยุงเฮียฟาน แล้ววิ่งโกยอ้าวออกไปในทันที ลี่หางนี่มันจะโหดเกินไปหน่อยแล้วม้าง! ฝากไว้ก่อนเถอะ ใช้หนี้หมดเมื่อไรจะฟ้องเตี่ยแน่ไอ้หมอนี่มันเกรงใจเตี่ย แต่มันไม่เกรงใจผม นี่กะซ้อมกันแบบนี้ไม่ไว้หน้ากันเลย เห็นแก่ความเป็นอาเป็นหลานกันหน่อยก็ไม่ได้

เสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาใกล้เต็มที ผมว่าพวกผมเพิ่งจะวิ่งมาได้ไม่ถึงยี่สิบก้าวด้วยซ้ำ พวกมันก็วิ่งมาแล้ว เฮียฟานผลักผมออกไปแล้วใช้ขายาวๆวิ่งเอง ผมนี่ก็วิ่งไม่ต้องคิด ถ้าถูกจับได้นี่หลายตีนอยู่

สุดท้ายพากันลัดเลาะซอยหลายซอย วิ่งกันมั่วไปหมดไม่รู้ว่าเลี้ยวผ่านซอยไหนบ้าง เฮียฟานร่างกายบอบช้ำ กำลังถดถอยเริ่มหอบ ไอ้พวกเดนตายข้างหลังนี่ก็ตะโกนสั่งให้หยุดตลอด บางคนบึ่งมอไซต์ ตามพวกผมมาโคตรเอาเปรียบ ผมก่นด่า นี่พวกมึงจะเรียนแบบพวกแยงกี้ญี่ปุ่นหรือไง!

สุดท้ายพวกผมไปไม่รอด พอเลี้ยวมาอีกเลี้ยวเจอทางตัน พวกมันตามมาทันก็ตะลุมบอนกัน เฮียฟานนี่เป็นพวกประเภทไม่ยอมใครอยู่แล้ว แรงเยอะ นัวใส่พวกเดนตายสี่ห้าคน ผลักไม่ให้พวกมันเข้าใกล้ผม ถึงผมจะดูเหมือนพวกนักเลงหัวโต แต่พอเอาเข้าจริงๆสกิลการชกต่อยนี่เลเวลหนึ่ง เฮียฟานรู้ดี อย่าว่าแต่เฮียเลย ลี่หางมันก็รู้แต่ดันให้คนมากระทืบผมเลวไหมเล่า ชกต่อยกันตุบตับ สุดท้ายเฮียก็ทนไม่ไหวปล่อยให้มันอัดเล่น แล้วคิดว่าผมจะรอดหรอหลังจากนั้น

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา