City of Evil

-

เขียนโดย pim_chiangrai

วันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.59 น.

  1 ตอน
  1 วิจารณ์
  3,846 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 มกราคม พ.ศ. 2558 14.41 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

บทนำ

 

 

บทนำ

 

          รถแท็กซี่ค่อยๆ ชะลอลงหลังจากเห็นที่หมายอยู่ไม่ไกลนัก ดวงตาสีเทาหม่นของโชเฟอร์หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบแปดเหลือบมองผู้โดยสารที่นั่งเงียบมาตลอดทาง เป็นเด็กสาววัยรุ่นอายุประมาณสิบแปดปี ไว้ผมม้าและดัดผมเป็นลอนเล็ก ดวงตาสีฟ้าที่เหม่อมองไปด้านนอกดูหม่นหมองราวกับมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ภายใน

          “เอ่อ... คุณหนูครับ”

          “อ๊ะ !! ถึงแล้วเหรอคะ ?”

          แววตากลับมาอีกครั้ง รถสีเหลืองจอดลงที่หน้าประตูรั้วเหล็กแห่งหนึ่ง ด้านในเป็นพื้นที่ร้างไปแล้ว ลานน้ำพุว่างเปล่า พื้นปูด้วยหินอ่อนถูกปกคลุมด้วยใบไม้ ในฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้ตอนกลางวันก็ดูแห้งแล้งอยู่แล้ว ยิ่งเป็นตอนกลางคืนมันยิ่งดูหดหู่ ตายซาก ดูลึกลับ น่ากลัวและไม่สมควรมาเยือนเป็นอย่างยิ่ง แต่ผู้โดยสารคนนี้กลับดูไม่กลัวมันเลยสักนิด แถมยังชะเง้อคอดูเหมือนหาอะไรบางอย่างอีกด้วย

          “อย่าหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะครับ แต่ว่าคุณหนูมาที่นี่ทำไมเหรอครับ ?”

          “อ๋อ... เพื่อนนัดมาน่ะค่ะ แล้วก็นี่ค่าโดยสาร ไม่ต้องทอน แล้วก็ขอบคุณมากนะคะ”

          ร่างเล็กพูดแล้วลงรถพร้อมกับกระเป๋าสะพายข้างอย่างรีบร้อน เขามองเธออย่างงงๆ ก่อนจะขับรถออกไป ทิ้งผู้โดยสารคนสุดท้ายในค่ำคืนนี้ให้อยู่ที่นี่ตามลำพัง ในใจหวาดหวั่นด้วยเกรงว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นจะเป็นจริง

          กล่าวกันว่าที่รกร้างแห่งหนึ่งในรัฐนี้เป็นทางเข้าของอีกโลกหนึ่ง ผู้มองเห็นที่แห่งนี้คือผู้ที่รู้สึกสิ้นหวังและใกล้ตาย มีข่าวการหายตัวไปของวัยรุ่นไปหนึ่งคืน และพบเจอพวกเขาที่เป็นศพจากการฆ่าตัวตายที่บ้าน และเป็นฝีมือของสิ่งเหลือธรรมชาติในที่แห่งนี้...

          ซิตี้ ออฟ อีวิล...

 

          ราเชลมองไปยังสถานที่ตรงหน้า คนอื่นอาจจะมองว่ามันเป็นที่รกร้างไร้ประโยชน์ เป็นเพียงที่สำหรับพวกขี้ยาหรือพวกชอบลองของ แต่สิ่งที่เธอเห็นนั้นไม่ใช่

          พื้นปูหินอ่อนดูเรียบร้อยสะอาดตา โคมไฟยังคงมีแสงสว่างสีส้มนวลตา นาฬิกาเหนือหอคอยยังคงเดินอยู่ ลานน้ำพุรูปคนแบกหม้อน้ำในดาวจักรราศี ล้อมด้วยรูปปั้นเทพราศีมีน พิจิก กรกฎและมังกร ตัวอาคารสร้างจากดินกี่ทั้งหมด แสงสีเหลืองอ่อนส่องสว่างจากด้านใน นั่นคือทั้งหมดที่มองเห็นจากภายนอก

          มือเรียวเล็กสีขาวสะอาดแตะที่รั้วแผ่วเบา พลันประตูรั้วก็เปิดออกเหมือนไม่มีอะไรพันธนาการไว้มาก่อน เธอกลืนน้ำลายก่อนจะกลั้นใจเดินเข้าไป แม้เมืองตรงหน้าจะสวยงามเพียงใด แต่ขึ้นชื่อเป็นเมืองแห่งความชั่วร้ายแล้วมันน่ากลัวเสมอ

          “ซิตี้ ออฟ อีวิล ยินดีต้อนรับ คุณหนูราเชล”

          “กรี๊ด !!”

          ราเชลกรีดร้องสั้นๆ กระโดดออกจากที่มาของเสียง ก่อนจะต้องประหลาดใจเมื่อคนที่เรียกเธอเป็นเพียงชายหนุ่มตัวค่อนข้างเล็กคนหนึ่งเท่านั้น บุคลิกภายนอกที่ดูเป็นมิตรและน่ารัก (??) ทำให้ความกลัวลดลงไปได้เกือบหมด ราเชลพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

          “ค... คุณ...”

          “โจนาธาน ซีวาร์ด เรียกผมว่าจอห์นนี่ก็ได้”

          “รู้ได้ไงคะว่าฉันจะมา ?”

          “โอ๊ย ชื่อของคุณขึ้นมาอยู่ในกลุ่มคนที่มีแนวโน้มจะมาที่นี่ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้วล่ะครับ คำนวณความเป็นไปได้นิดหน่อย คุณแซ็คให้ผมมารอรับคุณ ยังไงก็เชิญทางนี้เลยก็แล้วกันนะครับ”

          จอห์นนี่ผายมือไปทางตัวคฤหาสน์ที่กว้างราวกับพระราชวังแวร์ชายน์แล้วเดินนำไป ราเชลมองรอบข้างด้วยแววตาตื่นเต้น มันไม่เหมือนเมืองที่หลับใหลหรือเมืองของคนตายเลยสักนิด ในตำนานไม่ได้กล่าวไว้แบบนั้น

          “เชื่อมั้ย คุณมาถึงที่นี่เร็วกว่าที่คิดไว้นะ ตามที่เราคิดไว้ คุณจะมาถึงประมาณสองวันข้างหน้า”

          “อย่างนั้นหรือคะ”

          “ครับ แต่ว่า... คิดดีแล้วจริงเหรอ ? ถ้ายิ่งถลำลึกแล้วคุณไม่สามารถออกไปได้อีกนะ”

          เสียงพลันเคร่งขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด ราเชลใจหายวาบก่อนจะกำกระเป๋าสะพายข้างไว้แน่น ในนั้นมีสิ่งสำคัญที่เธอนำติดตัวมาด้วย...

          ...สิ่งสำคัญที่จะตัดสินชีวิตของเธอในค่ำคืนนี้

          จอห์นนี่เดินนำเธอมาที่ประตูไม้บานใหญ่ บานประตูแกะสลักเป็นรูปเทพฮาเดสดูน่ากลัว ลึกลับ และมีมนต์ขลัง จอห์นนี่ผลักประตูเข้าไป ความหรูหราโอ่อ่าภายในทำให้ผู้มาเยือนใหม่อ้าปากค้าง

          เพียงแค่แสงสีส้มนวลตาส่องจากชาแนลเลียเหนือศีรษะ โคมระย้าทำจากทองคำยิ่งบ่งบอกฐานะของที่นี่ คริสตัลสีใสสะท้อนแสงไฟส่องไปทั่วบริเวณ ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่เป็นตลอดทางเดิน !!

          ภาพวาดของเจ้าแห่งบาปทั้งเจ็ดเรียงกันเป็นแนว ตรงกลางเป็นภาพวาดขนาดใหญ่ของซาตาน ด้านซ้ายมีรูปวาดของลุซซูเรีย มอสก้า และแมมม่อน ส่วนด้านขวาเป็นเบลเฟกอล เลวีอาธาน และลูซิเฟอร์ แต่ไม่มีเวลาได้ชื่นชมความงามของมันมากนักเมื่อเขากระแอมประหนึ่งเป็นการบอกว่า ‘หมดเวลา’ แล้วนั่นแหละถึงได้เดินตามไป

          “คุณแซ็คกี้อยู่ที่ชั้นบน ชั้นล่างเป็นห้องนอนของพวกผม ขอเตือนว่าอย่าเปิดเข้าไปเด็ดขาดเลยนะครับ โดยเฉพาะห้องของวิเวียนกับไบรอัน เดี๋ยวจะช็อกเอา”

          จอห์นนี่เตือนเสร็จสรรพพร้อมกับพาเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่บานหนึ่ง ปูนที่ฉาบอิฐทาด้วยสีครีม โคมไฟคู่ส่องแสงสว่างอยู่ที่ข้างประตู ราเชลมองตามมือของจอห์นนี่ที่ผลักเข้าไป และภายในห้องนั้นทำให้เธอต้องตะลึงอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ตั้งแต่ย่างกรายเข้ามาที่นี่ จะหรูหราเกินไปแล้ว !!

          ห้องขนาดใหญ่เท่าสวนสนุก ผนังห้องโค้งมนมีตู้ลิ้นชักที่ทำจากไม้วางอยู่เป็นแนวตามผนัง เว้นช่องว่างไว้สำหรับหน้าต่างบานใสที่ทำให้มองเห็นทัศนียภาพด้านนอกได้อย่างชัดเจน อยากจะไปถามไอ้คนเขียนตำนานเหมือนเกินว่ามันเป็นเมืองปีศาจตรงไหน !!

          “มาแล้วเหรอ ? เร็วกว่าที่คิดซะอีก”

          ชายหนุ่มในชุดสูทพูดขึ้นแต่ยังไม่ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า มือซ้ายจับปากกาขนนกเงางามตวัดหมึกสีเลือดก่อนจะเสียบไว้ที่ขวดหมึกเหมือนเดิมแล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อสบกับร่างเล็กของราเชล ดวงตาสีมรกตนั่นทำให้ว่าที่วิญญาณแห่งนี้ถึงกับหน้าแดงถึงใบหูทีเดียว เพราะความมีเสน่ห์แบบชวนหลงเข้าไปในสถานที่ชวนฝันนั่นเอง

          ...ช่างดูน่าหลงใหล

          “โอเค จอห์นนี่ ขอบใจนายมาก ช่วยไปดูบ้านของผอ. เบนจามินหน่อยซิ เมื่อกี้กดกริ่งเรียกอีกแล้ว วิเวียนก็ยุ่งๆ อยู่กับบ้านใหม่แล้วก็ช่วยเคลียร์เรื่องวิญญาณที่หมดสัญญาด้วยล่ะ”

          “ได้เลยครับท่าน”

          พูดแกมหยอกล้อก่อนจะได้สายตาดุกลับมาแทนจนรีบออกมาจากที่นั่นแทบไม่ทัน เขายังไม่อยากตายรอบสองหรอกนะ

          ทั่วทั้งห้องเงียบไปชั่วอึดใจก่อนที่แซ็คกี้จะผายมือเชื้อเชิญมาที่เก้าอี้ไม้บุนวมสีแดงเป็นเบาะนั่งด้านตรงข้ามกับโต๊ะพร้อมพูดว่า “คงไม่ต้องออกจดหมายเชิญหรอกใช่มั้ย ?”

          ฝีปากร้ายกาจ !!

          ราเชลคิดในใจก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างเรียบร้อย ดวงตาสีมรกตเหลือบมองกระเป๋าสะพายข้างแล้วเหยียดยิ้ม มือหนาเปิดลิ้นชักนำกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาแล้วคุยกับเธอ

          “ราเชล สมิธ ลูกสาวนายอำเภอแห่งรัฐนิว ออร์ลีน... มีเรื่องอะไรเหรอสาวน้อย ?”

          “...ฉันเบื่อที่จะอยู่ ‘แบบนั้น’ เต็มทีแล้วค่ะ ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย”

          “เธอยังเด็กนะคุณหนู มีเวลาอีกตั้งห้าสิบหกปีนับจากปีนี้ที่จะหายใจ ตอนนี้ยังมีเวลาคิดนะ คิดให้ดี...”

          ลงท้ายด้วยเสียงทุ้มต่ำเย็นยะเยือกแต่แฝงไปด้วยเหตุผลและความหวังดี แต่เธอได้เลือกแล้ว

          มือเรียวเล็กล้วงเข้าไปในกระเป๋า หยิบขวดสารเคมีที่แอบเอามาจากห้องวิทยาศาสตร์วางไว้บนโต๊ะ เลื่อนให้เขาดู “ไซยาไนด์ ? ใจถึงนี่คุณหนู ถ้างั้นก็... ช่วยอ่านนี่ให้ละเอียดๆ ด้วยล่ะก่อนจะลงนาม” แซ็คกี้ยื่นแผ่นกระดาษให้ เป็นเรื่องพันธะสัญญาเกี่ยวกับการอยู่ที่นี่ กฎระเบียบข้อปฏิบัติตามต่างๆ และข้อห้าม

          “ถ้าคุณหนูลงนามแล้วช่วยทำตามกฎด้วย สัญญานี่ไม่สามารถยกเลิกได้กลางคันนะ”

          พูดพร้อมยื่นขวดน้ำหมึกสีเลือดและปากกาขนนกให้ เฝ้าดูท่าทางของอีกฝ่ายที่กำลังตัดสินใจอยู่

          “เธอกลัวความมืดหรือกลางคืนมั้ย ?”

          “ก็... นิดหน่อยค่ะ”

          “ถ้างั้นก็ยินดีด้วย ที่นี่ไม่มีกลางวัน เธอจะอยู่แบบนี้ไปอีกหกสิบห้าปีมนุษย์โดยไม่มีกลางวันได้อย่างนั้นหรือ ?”

          “โลกที่ฉันมาก็ไม่เคยมีกลางวันสำหรับฉันอยู่แล้ว”

          ราเชลเริ่มเสียงแข็งกร้าวขึ้น แซ็คกี้พยักหน้าอย่างไม่ถือสา แต่เมื่อเห็นเธอทำท่าจะหยิบขวดยาพิษที่บรรจุความตายอยู่เต็มแก้วก็คว้ามือเธอกดลงกับโต๊ะทันที

          “ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่เขียนสาเหตุการตาย ยาที่เธอใช้ ถ้าเธอมีจดหมายลาตายก็เอามาให้ฉันด้วย หลังจากนั้นก็ลงนามได้เลย ทุกอย่างจบ เธอจะได้มาอยู่ที่นี่”

          ราเชลดึงมือออกมาจากการกอบกุมแล้วหยิบปากกาขนนกขึ้นมา อ่านทบทวนอีกครั้ง เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วจึงเขียนชื่อของตนเองลงไปแล้วส่งสัญญาคืนให้พร้อมกับจดหมายลาตาย แซ็คกี้ยิ้มมุมปากก่อนจะพูดปิดท้ายว่า

          “มันอาจจะเจ็บนิดหน่อยนะ แต่ว่าเมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็จะมีชีวิตใหม่ทันที ซิตี้ ออฟ อีวิลขอต้อนรับ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นบนใบหน้า และตอนนั้นเองที่อาการของพิษไซยาไนด์เริ่มทำปฏิกิริยากับร่างกาย

          หญิงสาวนำมือลูบที่คอเพราะความระคายเคืองก่อนจะล้มลงไปนอนกับพื้น ยมทูตหนุ่มหันหลังให้ร่างนั้นแล้วผิวปากมองสัญญามอบวิญญาณที่เพิ่งได้มาล่าสุด ก่อนจะเก็บขวดยาที่ว่างเปล่าอย่างอัศจรรย์และจดหมายมาใส่ในตู้ล็อกเกอร์ ส่วนจดหมายใส่ในช่องจดหมาย

          เสียงดิ้นทุรนทุรายเงียบลงแล้ว สักพักก็มีเสียงแกรกๆ ขึ้นมาแทน เขาเหยียดยิ้ม รู้ดีว่ามันคืออะไร

          ของเหลวสีดำเงาไหลออกมาจากปาก น่าแปลกที่มันไม่ไหลลงพื้น แต่ไล่ไปตามเส้นเลือดและเคลือบผิวหนังแทน มันไล้ไปตามร่างกายอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างกลายเป็นสีดำไม่เว้นกระทั่งเส้นผมสีน้ำตาลและดวงตาสีฟ้านั่นด้วย และไม่นานนักเส้นสีดำก็ค่อยๆ เลือนร่างของเธอให้หายไป

          “ราตรีสวัสดิ์ พรุ่งนี้เจอกัน”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา