THE WAY OF LOVE.หลงทางรัก
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.46 น.
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 18.24 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความTHE WAY OF LOVE.หลงทางรัก
ตอนที่๒
เป็นเวลากว่าอาทิตย์ที่ภาณุจะเดินทางกลับจากต่างประเทศ ใบหน้าหล่อคมมีร่องรอย
ของความเคร่งเครียดที่ยังไม่จางหายไปทว่าด้วยบุคลิกที่เคร่งขรึมและไม่ค่อยพูดของชายหนุ่มนั้น
ทำให้คนรอบข้างไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าเขาเองกำลังคิดอะไรอยู่ ร่างสูงใหญ่เดินออกจากสนามบิน
ตรงไปขึ้นรถและมุ่งหน้าไปยังบริษัท เพื่อเข้าร่วมการประชุมที่ถูกจัดขึ้นอย่างกะทันหัน นั่นด้วยเพื่อ
ความผิดปกติบางอย่างที่หากปล่อยทิ้งไว้จะสร้างปัญหาอย่างใหญ่หลวงให้กับความมั่นคงของ
บริษัท
ทว่าเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ที่เขาปิดทิ้งไว้นานนับสัปดาห์ก็ดังขึ้น และแน่นอนว่า
เขาได้เบนความสนใจไปยังเบอร์โทรแปลกหน้าที่ปรากฏบนหน้าจอเรียบร้อยแล้ว
“ใคร...”คิ้วเข้มขมวดมุ่น ก่อนจะกดตัดสายทิ้งอย่างไม่ใยดี เขามีเรื่องให้ต้องสะสาง
มากมาย ไม่ว่างที่จะรับสายจากใครทั้งนั้น ทว่าดูเหมือนปลายสายจะไม่ลดละความพยายาม เมื่อ
เสียงเรียกเข้านั้นยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาพ่นลมหายใจอย่างสุดแสนจะรำคาญ ก่อนจะกดรับ
และกรอกเสียงทักทายปลายสายอย่างไม่ใคร่พอใจนัก
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ นั่นคุณภาณุรึเปล่าคะ”เขาขมวดคิ้วเมื่อปลายสายนั่นเป็นเสียงของผู้หญิง นี่
แม่ของเขาคงไม่ได้จัดการหาคู่เดทให้เขาอีกแล้วหรอกนะ
“คุณเป็นใคร”
“ฉันชื่อธนันต์ธรญ์ค่ะ เป็น...”
“คุณจะเป็นลูกสาวคุณหญิงคุณนายหน้าไหนผมก็ไม่สนทั้งนั้นแหละ แค่นี้นะ!”
เขายิ้มเยาะกับหน้าจอโทรศัพท์ ผู้หญิงสมัยนี้ก็ยังไงกัน...นี่มันหมดยุคคลุมถุงชนไป
นานโขแล้ว และเขาก็ไม่ยอมเด็ดขาดที่จะต้องถูกจับคลุมถุงชน เพราะมันน่าตลกสิ้นดี!
ธนันต์ธรญ์ขมวดคิ้วให้กับโทรศัพท์ที่เพิ่งจะถูกตัดสายไป นึกตลกกับคำพูดของปลาย
สาย นึกแล้วก็อยากจะเห็นหน้าผู้ชายคนนี้เสียจริงๆ เพราะอะไรถึงทำให้เขาหลงตัวเองได้มากถึง
ขนาดนี้นะ เพราะนอกจากเขาจะรวยแล้ว เธอก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีข้อดีอะไรอีก เพราะแค่
สามัญสำนึกที่พึงมี...ก็ยังไม่มี!
“พี่ฟาง”
“อ้าว พิม”เธอรีบเดินไปประคองน้องสาวที่พยายามลุกจากเตียงอย่างทุลักทุเลมานั่ง
บนโซฟาที่อยู่ใกล้ๆกัน
“เมื่อไหร่พิมจะหายสักทีคะ อยู่แบบนี้ทรมาน แถมมีท่าว่าจะเรียนไม่จบ เฮ้อ...”เธอ
ลูบผมน้องสาวที่ถอนหายใจยาวอย่างท้อแท้ ก่อนจะยิ้มบางๆให้กับพิมประภา
“พี่จะทำทุกอย่างให้พิมเรียนจบ ในเมื่อคนที่ทำให้พิมต้องเป็นแบบนี้เป็นถึงผู้บริหาร
เขาก็ต้องจัดการเรื่องแค่นี้ได้ เพราะว่าเขานั่นแหละที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องพี่ต้องเป็นแบบนี้”
“แล้วพี่ฟางจะทำไงล่ะคะ”
“ทำได้แล้วกันน่ะ พี่จะไปเตรียมของก่อน นี่ก็เกือบจะเจ็ดโมงแล้ว พักผ่อนนะ
จะได้หายไวๆ”เธอยิ้มบางๆให้น้องสาว ก่อนจะปลีกตัวออกมาจากห้องนอนของเธอและพิมประภา
และเดินตรงไปยังหน้าร้านขายข้าวราดแกงเล็กๆที่เธอใช้พื้นที่หน้าบ้านเป็นที่ตั้ง ร้านขายข้าวร้าน
เล็กทาสีขาวสะอาดตา รั้วถูกดอกไม้นานาพรรณเลื้อยลดจนกลายเป็นสีเขียวชอุ่ม
แม้จะไม่ได้ใหญ่โต แต่ร้านเล็กๆนี่ก็ทำให้เธอสานฝันของตัวเองไปได้กว่าครึ่ง เพราะนอกจากเธอ
จะมีรายได้พอที่จะส่งน้องสาวเรียนแล้ว เธอยังพอมีเงินสำหรับส่งตัวเองเรียนให้จบปริญญาตรี แม้
ต้องตรากตรำไปเรียนในภาคค่ำก็ตาม และถึงแม้ว่าค่าเรียนจะแพงกว่า เหนื่อยกว่า แต่เธอก็ยอม
แลกทุกอย่างเพื่อสานฝันให้ตัวเอง และความสำเร็จที่ได้มามันหอมหวานคุ้มค่าเหนื่อยที่เสียไปไม่
น้อย
คิ้วเข้มขมวดมุ่น สายตาคมกริบมองบนจอโปรเจกเตอร์ที่ฉายอยู่ตรงหน้าอย่างใจจด
ใจจ่อ ริมฝีปากหยักลึกเม้มเข้าหากันอย่างพินิจพิเคราะห์ เรื่องนี้ไม่ใช่พนักงานหรือหัวหน้าแผนกที่
จะทำแน่ๆ เพราะมันมีเงื่อนงำมากกว่า ข้อมูลทางการเงินที่คิดว่าจะใช้เป็นข้อมูลได้ก็ไม่เป็นอย่างที่
ตั้งใจ ทุกอย่างยุ่งเหยิงไปหมด ซ้ำร้ายสิ่งที่พยายามทำมาทั้งหมดนั้นสูญเปล่า นั่นเท่ากับว่าเขา
ต้องเริ่มต้นใหม่
“หยุด!”เสียงเข้มคำราม ผู้จัดการฝ่ายบัญชีหยุดชะงัก กลืนน้ำลายลงคออย่างยาก
ลำบาก เหงื่อแตกพลั่ก เมื่อเห็นสายตาพิฆาตจากเจ้านายหนุ่ม
“ผมต้องการข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เวลาของผมมีค่าเกินกว่าจะมาฟังเรื่องไร้สาระ
แบบนี้!...ไปหามาให้ได้ว่าใครทำ ไม่อย่างนั้นผมจะไล่ออกยกแผนกนั่นแหละ!”ร่างสูงหุนหันออก
จากห้องประชุมเล็ก ขาแกร่งก้าวฉับๆไปยังห้องทำงานของตัวเอง
มือหนากวาดทุกอย่างบนโต๊ะทำงานลงบนพื้นด้วยแรงโทสะ ใบหน้าหล่อคมบัดนี้กลับ
เต็มไปด้วยร่องรอยของความเครียดขึง
“เวรเอ๊ย!”กรามแกร่งบดเข้าหากันแน่นอย่างสุดจะทน มือหนากำเข้าหากันจน
เส้นเลือดปูดโปน ลมหายใจถูกพ่นออกมาแรงๆด้วยความกลัดกลุ้ม
“ไง”
ใบหน้าหล่อคมที่เต็มไปด้วยแรงโทสะหันไปมองร่างสูงของบุคคลคุ้นเคย ใบหน้าที่
ละม้ายคล้ายกับเขานั่นยิ้มเจ้าเล่ห์มองมาที่เขาคล้ายเยาะเย้ย ร่างสูงเดินมานั่งบนโซฟาก่อนจะยก
ขาขึ้นไขว่ห้างด้วยท่วงท่าสบายๆ
“แกมาทำไม”
“เอ้า ฉันก็มาหาน้องชายสุดที่รักน่ะสิ”
“ใครเป็นน้องแก ไสหัวออกไปก่อนฉันจะให้ยามลากแกออกไป”เสียงเข้มเอ่ยขู่อย่าง
ขุ่นเคือง
“ทำไมพูดกับพี่อย่างนี้ล่ะ ได้ข่าวว่าบริษัทแกกำลังจะล้มละลาย”
“หุบปากหมาๆของแกซะ ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว!”ร่างสูงแกร่งหุนหันเดินไปกระชาก
คอเสื้อภาสกรจากโซฟาทันทีทันใด
“แกนี่ยังใจร้อนเหมือนเดิม ฉันก็แค่แวะมาดูใจ ไม่มีอะไรหรอก”มือแกร่งของภาสกร
ดึงมือของภาณุที่กุมคอเสื้อออก ก่อนจะกระชับสูทให้เข้าที่เข้าทาง
“ไปล่ะ ขอให้เจ๊งไวๆ”รอยยิ้มที่คล้ายกับน้องชายต่างมารดาส่งให้อย่างเย้ยหยัน
ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานใหญ่ของภาณุอย่างไม่เร่งรีบ ทำให้แฟ้มเอกสารที่ปลิวมาจากมือ
ภาณุเฉียดที่แผ่นหลังกว้างไปอย่างหวุดหวิด
“ไอ้เวร!”เขาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาเพื่อสงบสติอารมณ์ นานเท่านานกว่าอารมณ์จะ
กลับมาสงบดังเดิม อันที่จริงเงินแค่นี้ไม่สามารถจะทำให้ธุรกิจของเขาขาดทุนไปได้ แต่คนแบบนี้
คนที่คิดคดโกงปล่อยไว้ไม่ได้ หากปล่อยไว้ก็เป็นเหมือนหนอนที่จะคอยกัดกินพืชผลจนเสียหาย
ลุกลามไปทั้งสวน
ภาณุถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้าวออกจากห้องทำงานไปที่ไหนสักที่ที่มันจะ
ทำให้เขาสบายใจ ทว่าเมื่อก้าวผ่านห้องทำงานออกไปก็ต้องเจอกับร่างบอบบางของใครบางคนที่
กำลังคะยั้นคะยอบางอย่างกับเลขาฯของเขา
“อะไรกัน”
“คือเธอมาขอพบคุณภาณุ แต่ดิฉันแจ้งแล้วว่าคุณไม่ต้องการพบใคร แต่เธอยืนกรานจะ...”
"มานี่”มือแกร่งฉุดข้อมือเล็กให้เดินตามโดยไม่ฟังเลขาฯสาวพูดจนจบ อยากจะรู้นัก
ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใครอีก ผู้หญิงที่มารดาหามาให้แต่ละคนนี่ขัดใจเขาเป็นบ้า ไม่รัก
นวลสงวนตัวเอาเสียเลย และท่านไม่รู้หรือไงกันว่าเขาไม่พร้อมที่จะรักใครหรือดูแลใคร ในเมื่อชีวิต
ของเขาเองก็ยังแขวนอยู่บนเส้นด้ายทุกวินาที...
มาแล้ววววว ตอนที่สอง ขอบคุณทุกกำลังใจน้า สัญญาว่าจะแต่งออกมาให้ดีที่สุด
ขอเม้น+โหวตเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ