พ่อบ้านปีศาจ ภาคชิเอลเป็นปีศาจ บท3 YAOI 18+
เขียนโดย sebbynoi
วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 09.51 น.
แก้ไขเมื่อ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557 09.55 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
14) ตอนที่ 14
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแล้วชิเอลก็เอาเอกสารมายืนกรอกซึ่งในนั้นถามเกี่ยวกับชื่อและที่อยู่ของเขาอย่างละเอียด เด็กหนุ่มจึงกรอกข้อมูลไปตามเท่าที่ตนรู้เท่านั้น ส่วนข้อมูลบางอย่างเขาไม่รู้ก็เว้นว่างเอาไว้ ก่อนจะเซ็นต์ชื่อด้วยลายเซ็นต์ของตนเองแล้วก็ยื่นส่งให้เจ้าหน้าที่
"อ่ะนี่ครับ ผมเขียนเสร็จแล้ว"ชิเอลบอกพรางยื่นเอกสารที่เขากรอกเสร็จแล้วส่งให้กับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์
"จ้า..เดี๋ยวขอพี่ตรวจดูความเรียบร้อยของเอกสารนี้แป๊บนะจ๊ะ"เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธืพูดยิ้มๆพรางยื่นมือมารับเอกสารที่ชิเอลกรอกเสร็จแล้วมาตรวจทานอย่างละเอียด พอเห็นว่ามีบางอย่างถุกเว้นว่างไว้จึงส่งคืนไปให้
"น้องยังไม่ได้กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับหมายเลขบัญชีที่น้องจะโอนค่าใช้จ่ายมาให้ทางคลีนิคเลยนะคะ รวมทั้งอายุและชื่อผู้ปกครองคนปัจจุบันที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าคุณยังไม่บรรลุนิติภาวะก็จะมาสมัครด้วยตัวเองไม่ได้นะ ต้องให้คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองที่เป็นผู้ใหญ่มาสมัครแทนให้นะจ๊ะ"เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์พูดยิ้มๆถึงเธอจะดูใจดีแต่ก็เป็นคนทำงานละเอียดและเข้มงวดไม่น้อยเลยทีเดียว
ชิเอลขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจะทำอะไรต้องมีผู้ใหญ่มาเกี่ยวข้องตลอดเลยนะ เด็กอย่างเขาจะทำอะไรด้วยตัวเองบ้างไม่ได้เลยเหรอ
"ผู้ปกครองงั้นเหรอ พวกนั้นตายไปหมดแล้ว แล้วผมจะไปหาคนพวกนั้นได้ที่ไหนกัน"ชิเอลโต้เถียงอย่างหงุดหงิด
"ถ้าไม่มีผู้ปกครอง เราก็จะไม่อนุญาติให้เด็กตัวเล็กอย่างคุณลงทะเบียนขอใช้บริการอาหารคนไข้ได้นะคะ"เจ้าหน้าประชาสัมพันธ์ที่พูดอย่างใจเย็น
"หนอย..เจ็บใจนัก..ทำไมเด็กถึงทำอะไรไม่ได้ จะดูถุกเด็กอย่างฉันเกินไปแล้วนะ"ชิเอลตวาดใส่อย่างโมโหดังลั่นคลีนิคเลย
"เสียใจด้วยนะคะ ถ้าคุณไม่มีผู้ปกครอง เราจะให้คุณสมัครขอใช้บริการไม่ได้ค่ะ นอกซะจากว่าคุณจะบรรลุนิติภาวะแล้วเท่านั้นนะคะ"เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์พูดยิ้มๆอย่างใจเย็น
ชิเอลกำลังยืนกำมือแน่นด้วยความเจ็บใจที่ตนไม่สมารถทำอะไรได้จนกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่ เอาแต่ยืนก้มหน้านิ่งพยายามข่มโทสะไม่ให้ระเบิดออกมาใส่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ แต่ระหว่างนั้น
"ถ้าหากว่าต้องการผู้ปกครองล่ะก็ ผมเองนี่แหละครับที่เป็นผู้ปกครองของเด็กคนนี้ ไม่ทราบว่าผมจะต้องทำยังไงบ้างครับ คุณผู้หญิง"เซบาสเตียนลุกขึ้นมาจากที่นั่งเดินตรงมาสมทบกับชิเอลและอาสาจะเป็นผู้ปกครองให้นายน้อยของเขา พูดด้วยรอยยิ้มกระชากใจสาวๆ
"อ่า...0///0 "เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ถึงกลับเขินหน้าแดงเลยทีเดียวเมื่อได้เห็นหนุ่มหล่อเดินมาพูดกับเธอในระยะประชิดขนาดนี้
ชิเอลเงยหน้าหันไปมองชายที่อ้างตนเป็นผู้ปกครองอย่างตกใจ แล้วก็อ้าปากพะงาบๆไปเมื่อเห็นเจ้าพ่อบ้านตัวแสบกำลังหว่านเสน่ห์ใส่ผู้หญิงต่อหน้าต่อตาเขาอีกแล้ว
"หนอย เจ้าอีกาจอมเจ้าชู้ เอาอีกแล้วนะแก อึ้ย!มานี่เลย!"ชิเอลสบทเบาๆก่อนจะวิ่งตรงไปกระชากคอเสื้อลากพ่อบ้านของตนออกมาห่างๆเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ด้วยความหงุดหงิด
"อะไรเล่านายน้อย ผมก็กำลังจะช่วยคุณอยู่นี่ไง ก็คุณผู้หญิงเค้าต้องการพบผู้ปกครองของคุณไม่ใช่เหรอ ก็ผมนี่ไงผู้ปกครอง"เซบาสเตียนพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง
"แล้วทำไมแกต้องไปพูดซะใกล้ยัยนั่นขนาดนั้นด้วยเล่า ฮะ แกอยากตายเหรอ มานี่เลยถอยมาห่างๆยัยนั่นเลยนะ นี่แน่ะ!!"ชิเอลหรี่ตากัดฟันพูดข่มขูพ่อบ้านจอมเจ้าชู้ด้วยความหึงหวงแล้วเปลี่ยนมาเป้นดึงหูลากเซบาสเตียนออกมาห่างๆโต๊ะประชาสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว
"โอยยา โอยยาเจ็บนะนายน้อย อย่าดึงหูผมสิ! อูย..!"เซบาสเตียนร้องลั่นที่โดนเด็กอารมณ์ร้ายดึงหูลากออกมาห่างๆโต๊ะประชาสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว จมาถึงเก้าอี้ชิเอลก็ผลักตัวชายเจ้าชู้ให้นั่งลง
"นั่งรอตรงนี้เลย ห้ามไปไหนอีก นี่คือคำสั่ง เข้าใจมัย"ชิเอลออกคำสั่งอย่างเชียบขาดเอามือวางบนไหล่ทั้งสองข้างกดตัวพ่อบ้านจอมเจ้าชู้ให้นั่งรอเขาที่เก้าอี้นี้ ไม่ให้ไปไหนอีก
"แต่ว่า...เรื่องสมัครขอใช้บริการอาหารคนไข้ล่ะ ก็เจ้าหน้าที่คนนั้นบอกว่าคุณต้องมีผู้ปกครองไม่ใช่เหรอ ถ้าหากผมไม่ไปแสดงตัว แล้วเด็กตัวกะเปี้ยกอย่างคุณจะทำธุรกรรมพวกนั้นได้ยังไงล่ะครับ"เซบาสเตียนโต้แย้งอย่างมีเหตุผล
ชิเอลยืนคิดครู่หนึ่งเพื่อหาทางออกของปัญหานี้ให้ได้ นั่นสินะถ้าไม่มีผู้ปกครองเขาก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเขาเขียนชื่อเจ้าอีกานี่ลงไปแอบสมอ้างเป็นผู้ปกครองแล้วให้เจ้านั่นเซ็นต์ที่นี่ก็น่าจะได้ล่ะมั้ง
"ฉันพอจะรู้แล้วล่ะว่าต้องทำยังไง นายรออยู่นี่ห้ามไปไหน เดี๋ยวฉันมา"ชิเอลสั่งเขาหาทางออกได้แล้วและไม่จำเป้นต้องให้เซบาสเตียนไปอยู่ใกล้ๆพวกผู้หญิงพวกนั้นด้วย
"เห..."เซบาสเตียนกระพริบตาปริบๆแต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะทันทีที่ถูกนายน้อยสั่งให้นั่งรออยู่ที่เก้าอี้นี้แล้ว เด็กคนนั้นก็วิ่งจากไปทันที สงสัยคงจะกลับไปที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ล่ะมั้ง
"อ้าวเจ้าหนู ตกลงผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันหรือจ๊ะ ที่บอกว่าเป็นผู้ปกครองของเธอน่ะ"เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ถามขึ้นมาทันที ดุเหมือนเธอจะติดใจชายผู้นั้นเข้าซะแล้ว
"อ้อ..เจ้านั่นเป็นพ่อของผมเอง เดี่ยวกรอกข้อมูลเสร็จแล้วจะไปให้เขาเซ็นต์ ทำแค่นี้ก็เสร็จแล้วใช่มัย"ชิเอลรีบตอบทันทีพรางหยิบเอกสารมากรอกชื่อและอายุปลอมของเซบาสเตียนลงไป
"ตายจริงพ่อของหนูอายุ 30 แล้วเหรอ แหมคิดว่าน่าจะยี่สิบต้นๆซะอีก ว้าน่าเสียดายจังรูปหล่อซะขนาดนั้น ฉันคิดว่าจะได้พบผู้ชายในฝันแล้วเชียวน้า.."เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์พยักหน้าให้ แล้วเธอก็พูดพร่ามออกมาด้วยความเสียดาย ที่ชายคนนั้นดันมีลูกมีเมียแล้ว เธอกะว่าถ้าเขายังโศดกะจะจีบทำแฟนซะหน่อย
"หึหึหึ เสียใจด้วยนะป้า เจ้านั่นมีเจ้าของแล้ว เลิกฝันลมๆแล้งๆซะเถอะน่าไม่มีใครอยากได้ชะนีอย่างป้ามาทำเมียหรอกนะ อ้อ..เดี๋ยวผมจะรีบเอาไปให้พ่อเซ็นต์เดี๋ยวนี้ล่ะ"ชิเอลพูดเสียงเยาะๆก่อนจะหยิบเอกสารที่พึ่งกรอกเสร็จทำท่าจะเดินไปหาเซบาสเตียนที่นั่งรออยู่ไกลโต๊ะประชาสัมพันธ์
"กรี๊ดดดด กล้าดียังไงมาหาว่าฉันเป็นป้าชะนียะ เจ้าเด็กบ้า!!กรี๊ดดดดด!!!"แล้วเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ก็กรีดร้องลั่นด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่มีเด็กอวดดีมาด่าว่าเธอหาว่าเป็นป้าชะนี ทำท่าจะกลายร่างเป็นกอตซิลล่าในอีกไม่ช้า
"ผัว ผัว ผัว แบร่"ชิเอลหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ แล้วทำท่าทางยั่วโทสะเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ก่อนจะวิ่งหนีไปหาเซบาสเตียน
"กรี๊ดดดด เจ้าเด็กบ้า แกนะแก กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ใช่ป้าชะนีนะยะ กรี๊ดดด กรี๊ดดด!!!"และยัยป้าชะนีก็กลายร่างเป็นกอตซิลล่า คว้างปาข้าวของใส่ จนบุรุษพยาบาลที่อยู่แถวนั้นต้องเข้ามาห้ามก่อนที่คุณเธอจะอาลาวาดป่วนคลีนิคไปมากกว่านี้
"ใจเย็นๆครับคุณชาน่า นั่นเป็นลูกค้านะ เดี๋ยวก็โดนไล่ออกหรอก ใจเย็นๆครับ"บุรุษพยาบาลพยายามจับดึงรั้งตัวป้าชะนี เอ้ยเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ยึดแขนของเธอเอาไว้ไม่ให้อาลวาดคว้างปาข้าวของแล้วลากพาตัวเธอไปสงบสติอารมณ์อยู่ให้ห่างๆผู้คน และเจ้าของคลีนิคก็เดินมาต่อว่าเธอที่เอะอะอาละวาดในคลีนิคและสั่งพักงานเธอชั่วคราว ไล่กลับบ้านไป และให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน
ส่วนชิเอลในตอนนี้เดินยิ้มร่ามาหาเซบาสเตียนแล้วยื่นเอกสารส่งให้ เขาอดสะใจไม่ได้ที่ได้ยั่วโมโหผู้หญิงคนนั้น จนคุณเธอถูกผู้จัดการสั่งพักงานไปเลย
"อ่ะเอาไปเซ็นต์ซะคุณพ่อ และเขียนเลขบัญชีของฉันให้ด้วยล่ะ"ชิเอลบอกพรางยื่นเอกสารส่งให้เซบาสเตียนเอาไปเซนต์
"หึ ให้ผมเป็นพ่องั้นเหรอ แหมเขียนอายุผมซะแก่เลยนะ ตั้งสามสิบ"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆพรางหยิบแว่นมาสวมก่อนจะก้มลงดูข้อความในเอกสารเขาเป็นปีศาจสายตาสั้นเลยต้องสวมแว่นเวลาอ่านหนังสือ
"ก็ช่วยไม่ได้ ถ้าเขียนอายุปีศาจจริงๆไป ยัยนั่นจะสงสัยได้ว่านายมีอายุเหมาะจะเป็นผู้ปกครองของฉันหรือเปล่า ใจจริงอยากจะเขียน อายุห้าร้อยกว่าปีด้วยซ้ำแต่กลัวว่าจะทำให้ยัยชะนีนั่นตกใจซะก่อนน่ะสิ"ชิเอลหลับตาพูดพรางทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆเซบาสเตียนอย่างไม่สบอารมณ์
"หึหึหึ นายน้อยนี่ล่ะน้า ไปว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นชะนีไปซะได้ ร้ายจริงๆเลยคุณนี่"เซบาสเตียนพุดยิ้มๆพรางเอามือมาลูบหัวเด็กตัวร้ายอย่างเอ็นดู เขารู้ที่นายน้อยทำไปเพราะความหึงหวงจึงอดรู้สึกดีใจนิดๆไม่ได้ที่เด็กคนนั้นต้องการเขามากขนาดนี้
"ก็ช่วยไม่ได้อยากจะคิดจะจับคนของฉันก็ต้องโดนแบบนี้แหละ หนอย..ผู้ชายในฝัน แหวะ นายหล่อตายล่ะ สมน้ำหน้าป่านนี้ยัยนั่นคงโดนสั่งพักงานไปแล้วล่ะมั้ง ยัยชะนีเอ๊ย หึหึหึ"ชิเอลพูดกลั้วหัวเราะอย่างสะใจ
"หึหึหึ จุ๊บ"เซบาสเตียนหัวเราะชอบใจพรางก้มลงมาหอมแก้มชิเอลเบาๆด้วยความเอ็นดู ปลอบขวัญเด็กของเขาสักหน่อย ก่อนจะลงมือกรอกหมายเลขบัญชีแฟนท่อมไฮด์และเซ็นต์ชื่อตนเองกำกับไว้ในเอกสารที่ชิเอลส่งสมอ้างตนเองว่าเป็นผู้ปกครองของ ชิเอล แฟนท่อมไฮด์จริงๆ
"อ๊ะ 0///0"ชิเอลหน้าแดงด้วยความเขิน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแค่เอามือมาลูบแก้มแล้วนั่งนิ่งๆรอให้เซบาสเตียนเขียนเอกสารให้เสร็จไปเงียบๆ
แล้วไม่นานเซบาสเตียนก็เขียนเสร็จเขาก็ยื่นเอกสารส่งให้ชิเอล
"อ่ะ เอาไปส่งให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์นะครับ"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆพร้อมกับยื่นเอกสารส่งให้ชิเอลไปยื่นเรื่องต่อให้เสร็จ
"อืม..นายรออยู่นี่นะ ห้ามตามไปล่ะ"ชิเอลพยักหน้าแล้วยื่นมือมารับเอกสารจากเซบาสเตียนแล้วสั่งให้ชายหนุ่มรอเขาอยู่ที่นี่ห้ามตามไป เผื่อว่าจะเจอพนักงานสาวๆอีก
"ครับ"เซบาสเตียนตอบรับ
ชิเอลวิ่งถือเอกสารกลับไปที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ ซึ่งในครั้งนี้มีผู้มาทำหน้าที่แทนคนเก่าที่โดนสั่งพักงานไป แน่นอนว่าครั้งนี้เป็นผู้หญิงอีกเช่นกัน
"มายื่นเอกสารขอใช้บริการอาหารคนไข้ครับ"ชิเอลพุดอย่างสุภาพพร้อมกับเอาเอกสารที่เขียนเสร็จหมดแล้วยื่นส่งให้พนักงานประชาสัมพันธ์คนใหม่ทันที
"ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ ส่วนอาหารคนไข้ทางคลีนิคจะจัดให้ตามเวลาเช้า กลางวัน เย็น และของว่างก่อนนอน ตลอดทุกวันจนกว่าคนไข้จะหายป่วยและกลับบ้านได้ค่ะ"เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์คนใหม่พูดอย่างสุภาพ เดิมทีเธอเป็นพยาบาลแต่ถูกส่งตัวมาทำหน้าที่แทนคนเก่าที่โดนพักงานไป เธอค่อนข้างมีอัธยาศัยดีพอสมควร
"ขอบคุณครับ แล้วจะเริ่มส่งอาหารให้กี่โมง"ชิเอลถามต่อ
"ทันทีที่คุณกรอกใบสมัคร ทางคลีนิคจะจัดบริการให้เดี่ยวนี้ค่ะ ตกลงว่าคนไข้มีสามคน ห้อง 201 และห้อง 203 คุณเมย์ลิน คุณฟินนี่ และคุณบันโดรอย ใช่มัยคะ"เจ้าหน้าที่สาวถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
"ครับ"ชิเอลตอบรับ
แล้วจากนั้นเจ้าหน้าที่สาวคนใหม่ก็กดโทรศัพท์ติดต่อไปยังแผนกห้องครัวให้ทำอาหารเช้ามาบริการคนไข้ตามที่เธอบอกอย่างละเอียด
และพอเธอคุยธุระเสร็จก็วางสายแล้วหันมาพุดกับชิเอล
"เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณชิเอล แฟนท่อมไฮด์ ตอนนี้อาหารเช้ากำลังจัดส่งไปให้คนไข้ตามที่ระบุไว้ในเอกสารแล้วค่ะ"พนักงานสาวพุดอย่างสุภาพแล้วเธอก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
"อืม"ชิเอลพยักหน้าก่อนจะเดินกลับมาสมทบกับเซบาสเตียน ตอนนี้เขาทำการลงทะเบียนขอใช้บริการอาหารคนไข้เสร็จสมบุรณ์แล้ว
"เซบาสเตียน"ชิเอลมาถึงก็ทักพ่อบ้านหนุ่มในทันที
"ครับ"เซบาสเตียนขานรับเงยหน้าขึ้นมามอง
"ตอนนี้อาหารเช้าของเจ้าพวกนั้นคงจัดส่งไปที่ห้องพักแล้วล่ะ เราขึ้นไปหาเจ้าพวกนั้นกันก่อนแล้วค่อยไปรับทานากะที่โรงแรมของพวกโซมา"ชิเอลเอ่ยปากชวน
"ครับ"เซบาสเตียนตอบรับพรางลุกขึ้นยืนคว้าแขนชิเอลมาจูงพาเดินไปที่บันไดทางขึ้นไปยังห้องพักเพื่อตรวจสอบดูให้แน่ใจว่าอาหารของสาวคนนั้นถูกส่งไปเรียบร้อยแล้วหรือยัง
และเพียงไม่นานเซบาสเตียนกับชิเอลก้ขึ้นมาถึงชั้นสองหน้าห้อง 201ซึ่งเป็นห้องที่เมย์ลินพักรักษาตัวอยู่
"ป่านนี้เมย์ลินฟื้นหรือยังก็ไม่รู้ เข้าไปดูหน่อยดีมัย"ชิเอลหัวมาชวนด้วยความเป็นห่วงสาวใช้ขึ้นมา
"ครับ"เซบาสเตียนตอบรับก่อนจะทำการดันประดูเปิดเข้าไปดูอาการของสาวใช้เมย์ลินในทันที
และเมื่อทั้งสองเข้ามาถึงก็พบว่าที่โต๊ะข้างเตียงมีถาดอาหารวางเอาไว้แล้ว พร้อมทั้งมีพยาบาลมาคอยดูแล
"มาดูแลคนไข้สินะครับ"เซบาสเตียนถาม
"ค่ะ มาตรวจดูน้ำเกลือและเช็กชีพจรของคนไข้น่ะค่ะ"นางพยาบาลหันมาพุดก่อนจะก้มหน้าก้มตาจับชีพจรของคนไข้ที่ยังคงหลับไม่ได้สติอยู่ตามหน้าที่
"อาการเป็นยังไงบ้างครับ"ชิเอลถามบ้าง
"ตอนนี้ไข้ลดลงจนพ้นขีดอันตรายแล้วล่ะค่ะ คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะฟื้น"นางพยาบาลบอก พรางเอาผ้าชุบน้ำมาโปะที่หน้าผากให้คนไข้ค่อยๆเช็ดตามใบหน้าและลำคออย่างอ่อนโยน
ชิเอลกับเซบาสเตียนมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันด้วยความโล่งใจที่สาวใช้เมย์ลินพ้นขีดอันตรายแล้ว อีกไม่นานเธอก็จะฟื้น
"ดีจังเลยที่เธอปลอดภัยแล้วนะเมย์ลิน"ชิเอลพูดอย่างดีใจเดินมาดูสาวใช้ที่ยังหลับสนิทใกล้ๆก่อนจะผละถอยออกมาแล้วคว้าแขนเซบาสเตียนมาจับไว้
"นายน้อย"เซบาสเตียนเรียกอย่างแปลกใจที่ชิเอลคว้ามือเขามาจับไว้
"ไปกันเถอะเซบาสเตียน เราไม่ต้องกังวลว่ายัยนี่จะตายแล้วล่ะ ไปดูเจ้าสองคนนั้นต่อกันเถอะ"ชิเอลพูดชักชวน
"ขอรับ"เซบาสเตียนตอบรับก่อนจะเดินจูงมือชิเอลพาเดินกันออกไปนอกห้อง นางพยาบาลมองดูอย่างแปลกใจที่คนมาเยี่ยมไม่ได้พูดอะไรแค่มาดูแล้วก็จากไป
พอชิเอลกับเซบาสเตียนออกมาจากห้อง 201 แล้วก็เดินตรงไปยังห้อง 203 พวกเขาแค่จะมาดุให้แน่ใจว่าอาหารได้ถูกส่งมาให้คนพวกนั้นครบหรือเปล่าเท่านั้นส่วนหน้าที่ในการดุแลคนเจ็บปล่อยเป็นหน้าที่ของหมอและพยาบาลไป
พอทั้งสองเดินเข้ามาในห้อง 203 แล้วชิเอลก็เดินมาดูฟินนี่ที่เตียงซึ่งตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังนั่งทานอาหารอยู่บนเตียงโดยมีพยาบาลสาวสวยหุ่นดีกำลังป้อนอาหารเช้าให้อยู่
"ค่อยๆทานนะคะระวังปากพอง"พยาบาลสาวแสนสวยค่อยป้อนอาหารให้ฟินนี่อย่างอ่อนโยน
"คร๊าบบ คุณพยาบาลคนสวย อ้าม"ฟินนี่ตอบรับอย่างร่าเริงดูท่าทางมีความสุขมากๆเลยที่มีสาวสวยมาดูแลป้อนอาหารป้อนน้ำให้
"หึ ดูท่าเราไม่ต้องห่วงคนสวนแล้วล่ะเซบาสเตียน"ชิเอลหันมากระซิบบอกยิ้มๆ
"นั้นสิครับ"เซบาสเตียนเห็นด้วย จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินไปที่เตียงของบันโดบ้าง
"เอ้าค่อยๆทานนะค้า คุณบันโดรอย อ้ามมมม"เสียงพยาบาลอีกคนกำลังป้อนข้าวให้คนไข้อีกเช่นกัน
"แหมให้คุณพยาบาลคนสวยมาป้อนให้แบบนี้ ผมเขิลจัง"บันโดพูดอย่างเขินๆหน้าแดงซ่านดูมีความสุขไม่น้อยเลยที่มีสาวสวยหุ่นเซ็กซี่มาคอยป้อนอาหารเช้าให้แบบนี้ ต่อให้เขาต้องนอนที่คลีนิคเป็นเดือนๆก็ยอมล่ะถ้ามีพยาบาลสวยๆมาดุแลให้แบบนี้ล่ะก็นะ
"เจ้าหมอนี่ก็ไม่ต้องห่วงแล้วเหมือนกัน เราไปรับทานากะกันเถอะ เซบาสเตียน"ชิเอลหันมาบอกเซบสเตียนรู้สึกหมั่นไส้เจ้าสองคนนี่ขึ้นมาตงิดๆ
"ครับ"เซบาสเตียนได้แต่ตอบรับยิ้มๆ ก่อนจะคว้าตัวชิเอลอุ้มไว้ในอ้อมแขนแล้วพากันหายตัววับไปทันทีโดยที่ไม่มีใครรู้หรือผิดสังเกตเลย เพราะแต่ละคกำลังยุ่งกันอยู่ (ถูกป้อนอาหาร)
เปี้ยง!!แล้วเซบาสเตียนก็พาชิเอลหายตัวมาที่ด้านหลังคลีนิคที่ไม่มีคนเห็นแล้วพากันเดินมาเรียกรถม้าเพื่อไปยังโรงแรมที่เจ้าชายโซมากับอัคนี้อยู่ ตอนนี้ยังเช้าเขาไม่กล้าพานายน้อยบินขึ้นฟ้าหรอกเดี๋ยวผู้คนจะแตกตื่น
เอี๊ยดดด เสียงรถม้ามาจอดตรงหน้าฟุตบาทเมื่อถุกมือของเซบาสเตียนกวักเรียก
"ไปไหนครับ"คนขับหันมาถามจุดหมายปลายทาง
"โรงแรมนานาชาติของลอนดอน"เซบาสเตียนตอบ
"เชิญครับ"คนขับรถจึงก้าวลงมาจากที่นั่งคนขับแล้วมาบริการเปิดประตูให้ตามมารยาท
เซบาสเตียนส่งชิเอลขึ้นรถไปก่อนแล้วเขาค่อยตามขึ้นไปพร้อมกับปิดประตูตามหลัง คนขับกระโดนขึ้นประจำที่นั่งคนขับแล้วกำสายบังเหียนควบม้าแล่นไปตามทางทันที
ฮี๊ๆๆๆๆเสียงม้าส่งเสียงร้องเมื่อถูกแส้หวดบังคับให้วิ่งไปยังจุดหมายปลายทางที่ผู้โดยสารบอกอย่างรวดเร็ว เข้าซอยนั้นออกซอยนี้ไป ออกจากเมืองก็เข้าสู่เส้นทางชนบท ไปเรื่อยๆ
ในระหว่างนั้นชิเอลกับเซบาสเตียนต่างก็นั่งมองดูวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก พวกเขากำลังรอคอยให้รถม้าคันนี้ไปถึงจุดหมายเร็วๆ เพราะในใจของซาตานหนุ่มกำลังจดจ่ออยู่กับการกลับเกาะปีศาจ เขาอยากจะฝึกนายน้อยจะแย่แล้ว
"นายน้อย"จู่ๆเซบาสเตียนก็เรียกขึ้นมาหลังจากที่นั่งเงียบกันมาอยู่หลายนาที
"มีอะไร"ชิเอลหันมาถามมองคนเรียกตนอย่างสงสัย
"บ่ายนี้คุณอยากจะทานอะไรครับ"เซบาสเตียนถามยิ้มๆ
"ถามทำไม"ชิเอลหันมาถามหรี่ตาลงอย่างสงสัย
"ก็แค่ถามดูว่ากลางวันนี้นายน้อยอยากทานอะไรผมจะได้ทำให้คุณทานไง"เซบาสเตียนหลับตาพูดยิ้มๆ
"อะไรก็ได้ อร่อยๆ"ชิเอลหลับตาตอบเขากินได้หมดแหละขอให้อร่อยถูกปากเขาก็พอแล้ว
"อะไรก็ได้เหรอ งั้นเอาอุ้งตีนหมีราดน้ำผึ้งดีมัยขอรับ ผมว่าจะไปล่าหมีมาทำอาหารให้คุณตอนไปตั้งแคมในป่า"เซบาสเตียนพูดเสนอความเห็น
"บ้า ใครจะอยากกินของพรรนั้นกัน ไม่เอา!!"ชิเอลหันมาโวยใส่ ใครเขาจะกินอุ้งตีนหมีกัน
"อ้าวก็คุณบอกเองว่าอะไรก็ได้ ผมก็เลยคิดเมนูพิสดารที่หาได้ง่ายๆในป่าไงขอรับ"เซบาสเตียนโตแย้งยิ้มๆ
"งั้นเอาเห็ดเมาราดซอสกีวี่"เซบาสเตียนเสนอเมนูขึ้นมาอีก
"ไม่เอา"ชิเอลส่ายหน้ารัวๆจะบ้าหรือไงให้กินเห็ดเมา
"อ้องั้นเอาเนื้องูชุบแป้งทอดราดซอสมะเขือเทศ"เซบาสเตียนเสนอขึ้นมาอีก
"แหวะ ไม่เอาใครจะบ้ากินเนื้องู "ชิเอลทำท่าจะแหวะใส่คนคิดเมนูพิศดารหากไม่รีบเอามือปิดปากเอาไว้เขาต้องอาเจียนออกมาแน่ๆแค่คิดก็สยองแล้ว
"งั้นก็บอกมาสิว่านายน้อยอยากกินอะไร ผมจะได้จัดหาให้"เซบาสเตียนถาม
"หึ นึกไงถึงคิดจะมาเอาใจฉัน คงอยากให้ฉันลงแข่งให้งั้นสิ"ชิเอลหรี่ตาถามอย่างรู้ทัน
เซบาสเตียนพยักหน้าหงึกๆยอมรับว่าอยากให้นายน้อยลงแข่งจริงๆ
"ไม่มีทาง ถ้าอยากให้ฉันลงแข่งก็มาคุกเข่าอ้อนวอนฉัน และขอโทษฉันด้วย เผื่อฉันจะเมตตานายยอมลงแข่งให้ก็ได้"ชิเอลหลับตาพูดยิ้มเจ้าเล่ห์ถึงจะมาเอาใจเขามากแค่ไหนก็ไม่ใจอ่อนให้กับพ่อบ้านใจร้ายนี่เด็ดขาด
"โธ่..นายน้อยอ่า.."เซบาสเตียนร้องประท้วงอย่างไม่สบอารมณ์
"ไม่รู้ล่ะ ถ้านายไม่มาคุกเข่าอ้อนวอนและขอโทษฉันอย่าหวังเลยว่าฉันจะลงแข่งให้ "ชิเอลพูดเงื่อนไขอย่างเด็ดขาด
"เฮ้อ..ช่างเถอะไม่แข่งก็ไม่เป็นไร แต่ว่าบ่ายนี้นายน้อยอยากกินอะไรล่ะ ผมจะทำให้เพราะผมอยากทำไม่ใช่เพราะจะเอาใจคุณหรอกนะครับ"เซบาสเตียนถอนใจอย่างเหนื่อยใจ แต่ถึงไงเขาก็ไม่ยอมคุกเข่าอ้อนวอนเด็กคนนี้แน่ๆ ยังไงก็ต้องหาวิธีทำให้เด็กคนนี้ยอมฝึกให้ได้
"อยากกินเค้กชอกโกแลตครีม ถ้ามีชาอุ่นๆซักถ้วยก็คงจะดี"ชิเอลยอมตอบในสิ่งที่เขาอยากกินมากที่สุด ก็เขาไม่ได้กินขนมมานานแล้วนี่นาตั้งแต่ป่วยไม่สบายก็ไม่ได้กินขนมหวานๆเลย
"ได้ขอรับ เดี่ยวนายน้อยล่วงหน้าไปที่โรงแรมก่อนนะเดี่ยวผมแวะที่ตลาดซื้อของแป๊บ แล้วเดี๋ยวจะตามไป รอผมที่หน้าประตูนะครับ บ๊ายบาย"เซบาสเตียนพูดพรางทำท่าจะพุ่งออกนอนหน้าต่างเพื่อแวะลงกลางทางไปหาซื้อวัตถุดิบมาทำขนมให้ชิเอลอย่างรวดเร็ว
"อืม"ชิเอลพยักหน้ารับแล้วโบกมือบ๊ายบาย เขาจะไปรอพบเจ้านั่นที่โรงแรมนานาชาติก่อน
และพอเซบาสเตียนไปแล้วชิเอลก็ถอนใจหลับตาลงเอาหัวพิงผนัง
"เฮ้อ...จู่ๆก็อยากจะมาทำของโปรดให้เรากิน เจ้านั่นจะมาไม้ไหนกันแน่นะ ถ้าไม่ได้ทำเพื่อเอาใจเรา จะทำไปเพื่ออะไรกันล่ะ มันน่าสงสัยจริงๆ"ชิเอลยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเซบาสเตียนจะมาไม้ไหนกันแน่ ที่จู่ๆก็อยากจะทำอาหารให้เขากินถ้าไม่ใช่เพื่อเอาใจเขา ทำให้เขาใจอ่อนหรือหลอกล่อเขา แล้วมันจะเป็นรูปแบบไหนกัน
ชิเอลได้แต่คิดแต่เขาก็คิดไม่ออกว่าเซบาสเตียนมีแผนอะไรกันแน่ หรือแค่อยากจะทำให้เขากินเท่านั้นกันแน่นะ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของซาตานตนนั้นเลยจริงๆ
"โอยคิดไม่ออกเลยว่าเจ้านั่นจะมีแผนอะไร คงแค่จะเอาใจเราเฉยๆล่ะมั้งอย่าคิดมากเลย นอนดีกว่าอีกตั้งนานกว่าจะถึง"ในที่สุดชิเอลก็เลิกสงสัยตัดสินใจเอนตัวลงนอนหลับไปพรางๆระวห่างรอให้รถม้าไปถึงที่หมายซึ่งระยะทางค่อนข้างไกลอีกหลายนาทีกว่าจะไปถึง
และทางด้านเซบาสเตียนพอเขาลงมาจากรถม้าก็หายตัววับไปที่ตลาดในเมืองลอนดอน ซึ่งเขาสามารถกำหนดจุดแลนดิ้งได้อย่างแม่นยำแม้มันจะไกลแค่ไหนก็ตามเขาหายตัวมาปรากฎหลังร้านค้าที่ปลอดผู้คน จนไม่มีใครผิดสังเกตเลยว่าจู่จะมีคนโผล่ขึ้นมาได้ยังไง
พอซาตานหนุ่มเดินออกมาจากตรงบริเวณหลังร้านค้าแล้วเขาก็เดินปะปนไปกับผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของไปตามทางหาซื้อวัตถุดิบมาทำขนมให้นายน้อยในทันที และตั้งใจจะแวะซื้อของจำเป็นที่จะเอาไปใช้เดินทางในป่าและแวะซื้อเสื้อผ้าของชิเอลไปเลยทีเดียว เขาจำขนาดไซล์ของนายน้อยได้อย่างแม่นยำ
จนกระทั่งหลายนาทีต่อมา ในที่สุดเซบาสเตียนก็ซื้อของมาจนครบ เขาถือของพะลุงพะลุงไปหารถม้าเพื่อไปยังโรงแรมนานาชาติซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดในลอนดอนสักเท่าไหร่ ของจำเป็นที่เอาไว้ใช้ในการตั้งแคมเขาเตรียมมาหมดแล้ว เตนท์หลังใหม่ กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบ เสื้อผ้า ชุดนอน รองเท้า ถุงเท้า ของจิปาถะสำหรับตอนกลางคืน ชุดชั้นในของนายน้อย และอื่นๆอีกมากมายที่จำเป็นต่อการอยู่ป่าหลายวัน
"เอาหล่ะเท่านี้ก็ครบแล้ว ไว้ไปถึงโรงแรมค่อยเก็บใส่ในกระเป๋าอีกที"เซบาสเตียนบอกกับตนเองอย่างร่าเริง ที่จะได้ไปตั้งแคมกันในป่ากับนายน้อย คงจะเป็นการเที่ยวที่สนุกสุดๆไปเลยล่ะ
และพอเซบาสเตียนเห็นรถม้าแล่นแผ่นมาจึงโบกมือเรียก
"ไปไหนครับ"คนขับรถม้าถามเมื่อแล่นมาจอดตรงหน้าผู้โดยสาร
"โรงแรมนานาชาติลอนดอนครับ"เซบาสเตียนบอกเสียงเรียบ
แล้วคนขับรถม้าก็ลงมาช่วยเซบาสเตียนขนของลำเลียงขึ้นรถจนเต็มตู้เลย เซบาสเตียนจึงเดินไปนั่งข้างหน้าข้างๆคนขับเพราะไม่มีที่ว่างสำหรับผู้ชายตัวโตๆจะนั่งได้อีกแล้วนอกซะจากบนหลังคากับข้างๆคนขับนั่นแหละ
และเมื่อชายหนุ่มผมดำร่างสูงขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้วคนขับก็ตามขึ้นมานั่งประจำที่แล้วบังคับรถม้าแล่นไปตามทางในทันที มุ่งตรงสู่จุดหมายปลายทาง
และเพียงไม่นานรถม้าที่เซบาสเตียนนั่งมาถึงที่หมายก่อน รถม้าคันที่ชิเอลนั่งเพราะระยะทางไกลกว่า
เอียดดด เสียงล้อรถม้าค่อยๆชะลอช้าลงจนหยุดนิ่งสนิทที่หน้าประตูทางเข้าสู่โรงแรมนานาชาติ มีพนักงานต้อรับเคยเปิดประตูให้แต่ในนั้นกลับไม่มีใครเพราะคนนั่งอยู่ข้างหน้ากับคนขับ
"ไม่มีคนอยู่ข้างในหรอกครับ ในตู้นั้นมีแต่ของน่ะ"เซบาสเตียนตะโกนบอกก่อนจะกระโดดลงมาจากรถม้าเดินมาหยุดยืนที่ประตูแล้วลงมือขนของออกมาจากในตู้รถม้าที่เต็มแน่นจะแทบจะไม่มีที่จะวางของเลยทีเดียว
และพวกพนักงานกับคนขับก็ช่วยเซบาสเตียนขนของออกมาจากในรถเอามาวางไว้ที่ข้างๆประตูทางเข้าสู่โรงแรมระดับห้าดาว
"ขอบคุณมากที่ช่วยถือของนะครับ อ่ะน้ำใจเล็กน้อยๆและค่าโดยสารครับ"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆพรางเอาถุงเงินค่าโดยสารและค่าทิปส่งให้กับคนขับรถและพนักงานต้อนรับคนละถุง
คนขับรถรับถุงเงินมาก็รีบเดินกลับไปที่รถม้าแล้วขึ้นนั่งประจำที่ขับรถออกไปจากบริเวณนี้เพื่อไปหาลูกค้าคนอื่นๆในทันที ส่วนพนักงานต้อนรับพอได้ทิบแล้วก็เดินไปให้บริการลูกค้าท่านอื่นๆต่อเช่นกัน ทิ้งเซบาสเตียนให้ยืนอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับข้าวของสำภาระมากมายเต็มพื้นที่ไปตามลำพัง
และหลังจากนั้นไม่นานชิเอลก็มาถึง เซบาสเตียนเดินมาเปิดประตูให้แล้วยื่นหน้าเข้าไปพุดกับนายน้อยของเขา
"เชิญขอรับนายน้อย"เซบาสเตียนพุดพรางยื่นมือส่งมาให้ชิเอลจับเพื่อประครองลงมาจากรถม้าอย่างช้าๆนุ่มนวล
"นายมาถึงก่อนฉันได้ไงเนี่ย"ชิเอลถามอย่างแปลกใจแต่ก้ยอมยื่นมือส่งให้พ่อบ้านมาประครองไว้แล้วค่อยก้าวลงบันไดมาจากรถม้าแล้วเดินมาสมทบกับพ่อบ้านของตน
"หึหึหึ ก็ผมเป็นพ่อบ้านซาตานนี่ขอรับ"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆก่อนจะเดินไปหาคนขับรถม้าที่งงเป็นไก่ตาแตกว่าชายผู้นี้ลงมาได้ยังไง ก็เขายังไม่ได้ไปเปิดประตูให้เลยนี่
"ขอบคุณน้าที่มาส่งนายน้อยอย่างปลอดภัย นี่ครับค่าโดยสาร"เซบาสเตียนพูดยิ้มพร้อมกับส่งถุงเงินให้กับคนขับที่เอาแต่จ้องมองตาไม่กระพริบ แล้วเกาหัวแกรกๆว่าชายผู้นี้ไม่ได้โดยสารมากับเขาเหรอ
"คุณมายังไงเนี่ย ก็คุณ..คุณโดยสารมากับ.."คนขับพยายามละลำละลักถามด้วยท่าทีตกใจและสับสนงุนงง
"เอาน่ารีบๆรับเงินแล้วรีบไปได้แล้วก่อนที่คุณจะถูก..ฆ่า.."เซบาสเตียนพูดเสียงกระซิบด้วยเสียงอันเยือกเย็นน่าสะพรึงกลัวจนคนขับขี้สงสัยเริ่มเกิดอาการหวาดผวาขึ้นมา พอรับเงินมาปุ๊บก็รีบเผ่นแนบขึ้นรถม้าควบหนีไปทันที
"แหมท่าทางคนขับคนนั้นใจร้อนจังเลยน้า คงอยากจะรีบไปหาผู้โดยสารคนอื่นแน่ๆเลย"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"หึ"ชิเอลหลับตายิ้มๆรู้ดีว่าเจ้าพ่อบ้านตัวแสบคงจะแกล้งข่มขู่คนขับแน่ๆถึงได้กลัวเผ่นแนบไปแบบนั้น
แล้วพอคนขับรถม้าเผ่นแนบไปไกลลิบแล้วเซบาสเตียนก็เดินมาขนของหอบหิ้วอีลุงตุงนังเป็นคนบ้าหอบฟางเดินนำชิเอลเข้าไปในโรงแรม โดยมีพนักงานต้อนรับเคยเปิดประตุให้
"แล้วนี่นายขนซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย"ชิเอลถามพรางเดินตามพ่อบ้านบ้าหอบฟางเข้าไปข้างในโรงแรมด้วยเช่นกัน
"ก็มีแต่ของจำเป็นทั้งนั้นแหละครับ"เซบาสเตียนตอบทั้งที่ตนหอบหิ้วข้าวของกล่องต่างๆมาเต็มมือจนแทบจะมองทางไม่เห็นอยู่แล้ว
"ชิ ชอบทำตัวเป็นไอ้บ้าหอบฟางแทนที่จะส่งทานากะเสร็จแล้วค่อยไปแวะซื้อทีหลังก็ได้แท้ๆ ไปเดินห่างๆฉันเลยไป ฉันไม่รู้จักนาย"ชิเอลบ่นอย่างไม่สบอารมณ์หน้าแดงระเรื้อพรางรีบเดินผละออกมาห่างๆคนบ้าหอบฟางเพราะรู้สึกอับอายแทนพ่อบ้านที่มีแต่คนมองดูว่าอีตานี่ขนอะไรมาเยอะแยะ
"ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปนายน้อยก็มาช่วยผมถือบ้างก็ดีนะครับ เพราะของพวกนี้มีแต่ของของคุณทั้งนั้นเลย"เซบาสเตียนพูดหยั่งเชิงรอดูว่านายน้อยจะมีน้ำใจบ้างหรือเปล่า
ชิเอลหันมามองแล้วถอนใจ
"เฮ้อ..นายนี่นะ น่ารำคาญชะมัดเลย มา..ช่วยถือให้ก็ได้"แต่สุดท้ายชิเอลก็ยอมช่วยเซบาสเตียนถือเท่าที่ตนพอจะถือไหว เพราะเขาไม่อยากโดนว่าหาว่าเป็นเด็กแร้งน้ำใจอีก
เซบาสเตียนหยุดเดินยืนอึ้งไปครู่หนึ่ง กระพริบตาปริบๆด้วยความคาดไม่ถึงว่าชิเอลจะยอมช่วยเขาถือของด้วยเป็นไปได้ด้วยเหรอเนี่ย เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
"เป็นอะไรของนาย หยุดเดินทำไม"ชิเอลถามตอนนี้เขาช่วยแบ่งกล่องต่างๆมาถือเต็มสองมือเดินนำไปสองสามก้าว
"อ้อ..เปล่าครับ ขอบคุณที่ช่วยผมถือของนะ ใจดีจังเลยนะครับ"เซบาสเตียนเอ่ยปากชมก่อนจะตามชิเอลมาเดินเคียงข้างไปด้วยกัน
"พูดมากน่า"ชิเอลหลับตาพูดอย่างเขินๆที่ได้รับคำชมแล้ว
แล้วพวกเขาทั้งสองก็พากันเดินถือของไปตามทางเรื่อยๆจนมาถึงที่จุดเคาเตอร์เซอร์วิช
"ไม่ทราบว่าห้องพักของคุณอัคนีกับเจ้าชายโซมาอยู่ห้องไหนครับ ผมจะมาเยี่ยมเพื่อนน่ะ"เซบาสเตียนมาถึงที่หน้าเคาเตอร์เซอวิชก็ถามหาห้องของพวกอัคนี้ทันที
"ห้อง 505 ครับ มีลิฟให้บริการที่ทางด้านขวา ของสำภาระจะฝากเอาไว้ที่นี่ก่อนก็ได้นะครับ "พนักงานเคาเตอร์เซอร์วิชพูดพรางอาสาจะรับฝากเขาให้ชั่วคราวเพราะเป็นบริการพิเศษของทางโรงแรมที่จัดให้ลูกค้าหรือผู้มาติดต่ออยู่แล้ว
"งั้นขอฝากของไว้ก่อนแล้วกันนะครับ เดี่ยวลงมาเอา"เซบาสเตียนบอกยิ้มๆพรางเอาของต่างไปวางไว้ที่ชั้นวางของที่ทางโรงแรมจัดเอาไว้บริการ ชิเอลก็ตามเอาของไปวางด้วยเช่นกัน แล้วก็รับหมายเลขที่ฝากของมาถือไว้
"อ่ะนายเก็บไว้เดี๋ยวฉันทำหาย"ชิเอลพูดพรางยื่นแผ่นป้ายหมายเลขกองสำภาระส่งให้เซบาสเตียนเก็บไว้ เขากลัวทำหาย
"ครับ"เซบาสเตียนตอบรับพรางยื่นมือมารับแผ่นไปเอามาเก็บใส่กระเป่าเสื้อพ่อบ้านเอาไว้ให้มิดชิดรัดกลุม แล้วคว้าแขนชิเอลมาจูงพาเดินตรงไปยังลิฟ
ซึ่งลิฟนั้นมีพนักงานประจำลิฟคอยหมุนรอกสายพานก็จะดึงตัวลิฟขึ้นไปอย่างช้าๆไปเรื่อยๆ
"ชั้นหนึ่งครับ"พนักงานหมุนรอกพูดบอกพรางคอยดันประตูประตูซี่กรงลิฟให้คนที่มาใช้บริการเข้าไปยืนซึ่งในลิฟสามารถบรรจุคนได้อย่างมากที่สุดแค่สิบคนเท่านั้น
"นายน้อยลิฟมาแล้วครับ มาเร็วเข้า"เซบาสเตียนเรียกชิเอลเมื่อลิฟเลื่อนมาจุดที่ตนยืนรออยู่และพอคนออกมาจากลิฟสองจนหมดก็มีคนอื่นๆทยอยกันเข้าไปในลิฟ เซบาสเตียนจูงมือชิเอลเดินตามคนอื่นๆพาเข้าไปในลิฟได้ทันก่อนที่คนจะเต็ม
"ครบสิบคนแล้วครับรอรอบหน้านะครับ"เจ้าพนักงานประจำลิฟบอกกับชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ทำท่าจะเดินเข้ามาในลิฟซึ่งเกินจำนวนที่กำหนด เขาเป้นคนที่สิบเอ็ด ถ้าหากว่าชิเอลช้ากว่านี้คงต้องรอรอบหน้าแน่นอน เพราะลิฟคนใช้เยอะมากเต็มทุกรอบเลยทีเดียว
ชิเอลพึ่งเคยขึ้นลิฟของโรงแรมเป็นครั้งแรกในชีวิต ปกติจะใช้บันได กับการหายตัวขึ้นไปพร้อมกับเซบาสเตียน เขาจึงอดที่จะตื่นเต้นเล็กน้อยไม่ได้ที่ได้ขึ้นลิฟ
"ชั้นสองครับ"พนักงานลิฟพูดเมื่อเขาหมุนรอกของลิฟขึ้นมาถึงชั้นสองแล้วเปิดประตูให้ผู้คนออกไปและคนเข้ามาให้ครบสิบคน จากนั้นเขาก็หมุนรอกต่อจนลิฟค่อยๆเลื่อนขึ้นไปยังชั้นที่สาม
"ชั้นสามครับ"พนักงานลิฟตอบ และเปิดประตูอย่างเคย พอครับสิบก็ไปต่อ
"นี่..ห้องของเจ้าชายโซมาอยู่ชั้นห้าเลยเหรอเซบาสเตียน"ชิเอลถามเพื่อความแน่ใจ
"ครับน่าจะเป็นอย่างนั้น 505 นี่นะ"เซบาสเตียนตอบตอนนี้พวกเขากำลังถูกคนที่พึ่งเข้ามาใหม่จากชั้นสามเบียดจนชิเอลแทบหายใจไม่ออก
"อือ คนแน่นจังเลย ฉันชักหายใจไม่ออกแล้วนะเนี่ย กระเถิบไปหน่อยได้มัย"ชิเอลบ่นเพราะเขาเป็นเด็กตัวเล็กพวกผู้ใหญ่ที่เข้ามาก็เบียดจนเขาแทบแบนติดผนังลิฟอยู่แล้ว
แก๊ก ครืดดด แล้วพนักงานลิฟก็ปิดประตูจากนั้นก็หมุนดึงรอกขึ้นไปยังชั้นต่อไป (นี่ถ้าเกิดรอกขาดนี่คงตกลิฟตายหมู่แหง๋ๆ)
"ชั้นสี่ครับ"พนักงานลิฟบอกก่อนจะดันประตูซี่กรงลิฟออก แล้วผู้คนที่อยู่ในลิฟก็ทยอยกันออกไปสองสามคน และมีเข้ามาเพิ่มใหม่อีกจนเต็มสิบคนพนักงานก็ปิดประตูและหมุนรอกไปต่อ
กึก กึก กึก เสียงการเคลื่อนตัวของลิฟดังตลอดการหมุนรอกของพนักงานจนกระทั่ง ตึก มาถึงชั้นต่อไป
"ชั้นห้าครับ"พนักงานลิฟบอกก่อนทำการเปิดประตูซี่กรง
"ถึงแล้วครับนายน้อย"เซบาสเตียบนบอกพรางคว้าแขนชิเอลลากพาฝ่าออกมาจากกำแพงมนุษย์
"อือ"ชิเอลพยายามเบียดตัวออกมาจากลิฟให้ได้ แต่ชายตัวใหญ่สองสามคนปิดกั้นเส้นทางทางจนมืดเลย
"ขอทางให้เด็กออกมาก่อนได้มัยครับอย่าพึ่งเข้ามา"เซบาสเตียนบอกกับคนที่กำลังกรูกันเข้ามาในลิฟ
แต่คนพวกนั้นเห็นแก่ตัวมากไม่ยอมหลีกทางให้ชิเอลออกมาเลยแถมยังเบียดเข้ามาจนเด็กตัวเล็กๆถูกเบียดจนแทบแบนติดผนังลิฟอยู่แล้ว
สุดท้ายเซบาสเตียนชักทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของผู้คนในลิฟจึงพาชิเอลหายตัววับไปทันทีแต่ก็ไม่วายทิ้งของบางอย่างเอาไว้นั่นก็คือซากโครงกระดูกคนตาย จนคนที่ยืนเบียดกันอยู่แทบล้มหงายหลังเมื่อรู้สึกว่าเด็กกับชายร่างสูงผมดำที่เคยยืนอยู่ตรงนั้นหายไปอย่างกระทันหัน พอหันมาดูก็พบสิ่งแปลกปลอมในลิฟ
"เอ้ย..หายไปได้ไง เมื่อกี๊ยังอยู่เลยนี่หว่า!เอ้ยนั่นมัน...!"เสียงผู้คนที่อยู่ในลิฟต่างร้องออกมาอย่างแตกตื่น
และนาทีต่อมา
"ว๊ากกกก ผีหลอก!อ๊ากกก กรี๊ดดด!!"ผู้คนที่อยู่ในลิฟพากันวิ่งออกมาจากลิฟกันอุตหลุดมองแทบไม่ทันเลยทีเดียว รวมทั้งพนักงานลิฟด้วย พอคนอื่นๆออกไปกันหมดเขาก็เห็นโครงกระดูกทำท่าโบกมือทักทายก็เผ่นแนบไปเช่นกันทันที
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า นายนี่นะแสบจริงๆไปแกล้งคนพวกนั้นซะได้ เซบาสเตียน ป่านนี้คงหัวโกร๋นกันหมดทั้งลิฟแล้ว"ชิเอลหัวเราะชอบใจเอามือตบไหล่พ่อบ้านพากันหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็งเลยทีเดียว
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็มันน่าโมโหนี่ครับแทนที่จะหลีกทางให้เด็กตัวเล็กๆออกมาก่อนดันเบียดเข้ามาเพิ่มอีกไม่มีน้ำใจกันเลยคนพวกนั้น ต้องลงโทษ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"เซบาสเตียนบ่นไปหัวเราะไปอย่าสะใจ
"ใช่ต้องลงโทษ เอาหล่ะไปหาเจ้าชายบ๊องๆนั้นกันต่อเถอะ เซบาสเตียน"พอได้หัวเราะกันจนหนำใจแล้วชิเอลจังเอ่ยปากชวนพ่อบ้านตัวแสบไปหาห้องพักของเจ้าชายโซมาต่อ
"ครับ" เซบาสเตียนตอบรับพรางเอามือปาดเช็ดน้ำตาออกจากการหัวเราะอย่างเต็มที่ไปเมื่อครู่นี้
และทั้งสองก็พากันเดินไปตามทางค้นหาห้องพัก 505 ต่อ จนกระทั่ง
"เซบาสเตียนห้องนี้ไง 505 "ชิเอลร้องบอกพรางคว้าแขนพ่อบ้านลากมายืนข้างๆ
เซบาสเตียนจึงทำการเคาะประตูเรียก ก๊อกๆ ก๊อกๆ
แอดดดดด แล้วเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดประตูให้
"มาพบใคร..โอ๊ะ..ฮึก..จะเจ้า เจ้า.. "และเจ้าของห้องที่มาเปิดประตูถึงกลับยืนอึ้งเมื่อเห็นว่าใครกำลังยืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีตกใจแทบช๊อก ชายเจ้าของห้องยังยืนตะลึงตาค้างอยู่ เขาไม่ใช่ใครที่ไหนเขาก็คือ..
"หวัดดี เจ้าชายโซมา"ชิเอลเอ่ยทักทายยิ้มๆแล้วโบกมือให้
"ชะ ชิเอล!!! ชิเอล !!โฮ ชิเอล ฮือๆๆๆๆ ชิเอล!!!แง๊ๆๆๆ"เด็กหนุ่มอินเดียถึงกลับน้ำตาไหลทะลักร้องไห้โฮๆออกมาอย่างสุดจะกลั้นเหมือนกับเด็กเล็กๆแถมยังตะเบ็งเสียกเรียกชื่อเด็กตรงหน้าด้วยความโหยหาสุดเสียงก่อนโผลเข้าสวมกอดเด็กหนุ่มที่เอ่ยทักเขาไปเมื่อครู่ด้วยความดีใจและคิดถึงแบบสุดๆ
"เอ้ย!!"ชิเอลถึงกลับตกใจแทบเซล้มหงายหลังเมื่อถูกร่างของเจ้าชายโซมาโถมทับมาอย่างแรง ยังดีที่มีเซบาสเตียนคอยดันตัวเอาไว้ไม่ให้ล้มอยู่จึงพอทรงตัวได้และพยายามเอามือดันตัวหนุ่มอินเดียขี้แยออกไปห่างๆ
"โฮ ชิเอล!! ชิเอล !!เป็นเจ้าจริงๆด้วยเป็นเจ้าจริงๆ ข้าคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าแล้ว ฮือๆ โฮๆๆ แง๊ๆๆ พรืด ฮึกๆพรืด"โซม่าละลำละลึกพูดซุกซบหน้าร้องไห้ฟูมฟายยังกับเด็กเล็กๆ จนน้ำมูกน้ำตาไหลเปอะเลอะเสื้อผ้าของชิเอลหมดเลย
"อึ้ย พอได้แล้วน่า นี่นายทำเสื้อผ้าฉันเปียกหมดแล้วนะ ปล่อยฉันสักทีเซ่ อึ้ย! ปล่อย!"ชิเอลพยายามจะดันหัวดันตัวเจ้าชายขีแยออกไปห่างๆเพราะตอนนี้เขากำลังโดนกอดรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
"ข้าไม่ได้ฝันไปใช่มัย ฮือๆๆ เป็นเจ้าจริงๆใช่มัย ฮือๆ โฮๆๆ"โซมายังคงกอดรัดชิเอลไว้แน่นไม่ยอมปล่อยร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุด
ชิเอลเกิดหมั่นไส้ขึ้นมาเลยเอามือดึงแก้มเจ้าชายขี้แยนี่สักทีให้รู้สึกตัวว่าไม่ได้ฝันไป
"โอ๊ยยย เจ็บๆ ฮึ่กๆข้าไม่ได้ฝันจริงๆด้วยสินะ เจ้ากลับมาแล้วจริงๆ"โซมาเริ่มทำใจได้แล้วจึงดันตัวออกแล้วเอามือมาลูบแก้มตนเองป้อยๆที่โดนชิเอลหยิกจนแก้มแดงเลย
"ก็เออน่ะสิกลับมาแล้ว ฉันยังไม่ตายสักหน่อย ทำเป็นร้องไห้ฟูมฟายเป็นเด็กๆไปได้ เจ้าชายบ๊องเอ๊ย"ชิเอลหลับตาพูดพรางก้มลงมองดูเสื้อผ้าที่เลอะทั้งน้ำตาและน้ำมูก อย่างไม่สบอารมณ์
"ฮือๆแล้วทำไมเจ้าต้องโกหกข้าด้วย รู้มัยข้าเสียใจมากขนาดไหนที่ได้การ์ดงานศพบ้าๆนั้น ทำไมต้องโกหก ทำไมต้องหลอกข้าว่าตายแล้ว!!ทำไม!ฮือๆ!"แล้วเจ้าชายโซมายังคงร้องไห้ไม่หยุดพรางคว้าตัวชิเอลมาเขย่าๆจนเด็กหนุ่มหัวสั่นหัวคลอนแทบมึนกันเลยทีเดียว
"โอ๊ยยย อย่าเขย่าได้มัย ใจเย็นๆก่อนสิ ที่ต้องบอกไปแบบนั้นก็แค่ไม่อยากให้นายเป็นห่วง "ชิเอลพยายามแก้ต่างๆทั้งที่ตนยังถูกเจ้าชายขี้แยเขย่าตัวรัวๆจนหัวสั่นหัวครอน
"งั้นเหรอ"เจ้าชายโซมาจึงหยุดเขย่าทันทีเมื่อรู้เหตุผลของชิเอลที่พอฟังขึ้น
"เฮ้อ.."ชิเอลถอนใจอย่างโล่งอกที่ตนเป็นอิสระจากการถูกจับเขย่าตัวรัวๆสักที เล่นทำเอาเขาแทบมึนเลย
"แล้วยังไงต่ออธิบายมาซิ ชิเอล"โซมาถามต่ออีกเขาอยากรู้ลายละเอียด อยากจะรู้ว่าที่ผ่านๆมาชิเอลไปอยู่ไหน ทำอะไรอยู่
แต่ยังไม่ทันที่ชิเอลจะตอบคำถามของเจ้าชายโซมาอัคนีก็เดินผ่านมาพอดี เขาพึ่งลงไปทำขนมปังแกงกระหลี่มาให้เจ้าชายเมื่อครุ่นี้เอง
"ท่านโซมา ขนมปังแกงกระหรี่.."อัคนีถือจานอาหารเดินเลี้ยวมาตามทางและกำลังจะเดินเข้าไปหาผู้เป็นนายแต่แล้วเขากลับพบกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญมายืนขวางอยู่หน้าประตูห้องขึ้นมาเสียก่อน
"อ้าว..ท่านชิเอลมากันแล้วเหรอขอรับ"อัคนีเอ่ยทักอย่างดีใจที่ได้เจอชิเอลยืนอยู่และข้างๆก็คือ..
"เซบาสเตียน!!"พอเจอหน้าชายที่ยืนอยู่ข้างๆชิเอลเขาก็ปรี่ตรงเข้าหาเซบาสเตียนแล้วกระชากคอเสื้อมาคาดคั้นในทันทีด้วยความโมโหที่เจ้านั่นทิ้งพ่อบ้านชราเอาไว้แล้วหนีไปไม่บอกอะไรเลยสักคำ
"อ่า..คุณอัคนีจะทำอะไรผมน่ะครับ "เซบาสเตียนทักตอบอย่าตกใจเหงื่อตกที่จู่ๆอัคนีเดินตรงมาก็จับกระชากคอเสื้อเขาทันทีเมื่อเจอหน้าเขา
"ไหนๆเจ้าก็มาแล้วเล่าให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้เลยเซบาสเตียน ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมถึงจู่ๆก็ทิ้งตาแก่นั้นแล้วจากไป อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อธิบายมา!!"อัคนี้พูดอย่างโมโหจับคอเสื้อเซบาสเตียนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
"ใจเย็นๆน่าคุณอัคนี เข้าไปข้างในกันก่อนเดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง"เซบาสเตียนพยายามประนีประนอมอย่างใจเย็นพรางคว้าแขนชิเอลพาจูงเข้ามาในห้องพักของโซมากับอัคนีแล้วจากนั้นพวกเขาก็ปิดประตูและหาที่นั่งพูดคุยกัน
อัคนีกับโซมาเลยไม่ได้โวยวายอะไรต่างรอฟังเรื่องราวที่เซบาสเตียนเล่าให้ฟังและตอบคำถามข้อสงสัยของพวกเขา ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร ส่วนพ่อบ้านชราที่ยังคงเป็นตาชายแก่ร่างเล็กก็เดินมาเอาน้ำชามาลินใส่แก้วแล้วเอามานั่งคุกเข่าบนเก้าอี้ดื่มไปด้วยและรอฟังการบอกเล่าเรื่องราวของเวบาสเตียนไปอย่างเพลิดเพลิน
"เรื่องก็มีอยู่ว่า หลังจากที่ผมกับนายน้อยไปเจอกับปีศาจแมงมุมและคนของพวกตระกูลทรานซี่ นายน้อยของผมก็ถูกวิญญาณของเด็กหนุ่มที่ชื่อลัวทรานซี่ที่พวกคุณเคยไปร่วมงานเลี้ยงกันแล้วเกิดเรื่องนั้นแหละ จากนั้นก็เกิดการแย่งชิงตัวนายน้อยกัน และวิญญาณของอลัวก็เข้าไปสิงในร่างของนายน้อยของผมและก็ทำพันธะสัญญากับปีศาจสาวที่ชื่อฮันนา แล้วสาบให้นายน้อยกลายเป็นปีศาจ"เซบาสเตียนเริ่มต้นเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปให้พวกอัคนีและเจ้าชายโซมารับรู้
"ใช่แล้วฉันก็เลยเกิดใหม่ในฐานะของปีศาจ ที่ฉันส่งการ์ดงานศพไปให้พวกนายก็เพราะว่าฉันได้ตายไปแล้วในฐานะมนุษย์ ตอนนี้ฉันกลายเป็นปีศาจจึงคิดว่าจะเดินทางไปกับเซบาสเตียนตามลำพังและไม่รู้ว่าจะได้กลับมาพบกับพวกนายอีกหรือเปล่าก็เลยคิดซะว่าหากพวกนายได้รู้ว่าฉันได้ตายไปแล้วมันคงจะดีกว่า อย่างน้อยพวกนายก็ไม่ต้องมาคอยห่วงว่าพวกฉันหายตัวไปอยุ่ที่ไหน"ชิเอลช่วยเล่าด้วยอีกคน
"แล้วเจ้าไปอยุ่ไหนมาเหรอชิเอล"เจ้าชายโซมาถามตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่บนเตียงกำลังตั้งใจฟังเรื่องของชิเอลกับเซบาสเตียนอยู่ด้วยความสนใจ
"อยู่บ้านของผมครับ"เซบาสเตียนตอบยิ้มๆ
"ที่ไหนเหรอ"อัคนี้ถามบ้าง
"หมู่เกาะที่ห่างไกลที่เต็มไปด้วยปีศาจ"เซบาสเตียนหลับตาตอบ
"โห..มีหมู่เกาะแบบนั้นด้วยเหรอน่าสนใจแฮะ"โซมาร้องขึ้นมาอย่างสนใจ
"นายอย่าสนใจเลยโซมา ดินแดนของปีศาจไม่ใช่สถานที่ที่พวกมนุษย์จะเข้าไปได้หรอกนะขืนพวกนายเข้าไปได้ตายกันหมดแน่ๆ"ชิเอลรีบพูดเตือนทันที
"ใช่แล้วล่ะครับ และเป็นสถานที่ที่เหมาะมากสำหรับการฆ่าตัวตายเลยล่ะ ถ้าพวกคุณอยากตายล่ะก็บอกนะครับผมจะพาไป"เซบาสเตียนยื่นหน้ามาขู่
"เฮือก!!"เจ้าชายโซมาจถึงกลับสะดุ้งตกใจรีบวิ่งมาหลบข้างหลังอัคนีทันทีด้วยความเกรงกลัว
"จะจริงเหรอชิเอล"โซมาหันมาถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
"อืม ดังนั้นพวกนายเลิกคิดจะตามพวกฉันไปที่เกาะนั้นเป็นอันขาดเลยนะถ้ายังอยากจะมีชีวิตอยู่ ต่อให้มีหัตขวาของพระเจ้าก็ไม่ช่วยให้รอดตายได้หรอกนะ"ชิเอลหลับตาตอบรับยิ้มๆ
"ถ้าเป็นอย่างงั้นพวกข้าก็ไม่คิดจะเสี่ยงหรอกว่าแต่ช่วยเล่าต่อทีสิว่าเป็นไงมาไงถึงได้เอาตาแก่นี่มาฝากไว้กับเรา"โซมาถามต่อ อัคนีเองก็รอฟังด้วยความอยากรู้เช่นกัน
"ก็เพราะว่าปีศาจจากเกาะนั้นจับคนของแฟนท่อมไฮด์ไปผมก็เลยต้องหาที่หลบภัยให้กับคุณทานากะชั่วคราวแล้วก็พานายน้อยไปฝากไว้กับปีศาจที่ไว้ใจได้ช่วยดูแล และตอนนี้เราก็ได้ช่วยพวกเมย์ลิน ฟินนี่ บันโดกลับมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว แต่ทว่าพวกนั้นถูกทำร้ายอาการสาหัสทีเดียวตอนนี้ผมกับนายน้อยเลยให้สามคนนั้นไปพักรักษาตัวที่คลีนิคและที่มาในตอนนี้เพื่อจะมาพาคุณทานากะกลับไปช่วยดูแลพวกนั้นแทนพวกผมที่ต้องเดินไปธุระที่อื่นต่อน่ะครับ"เซบาสเตียนพูดอย่างตรงไปตรงมาจับเอาแต่ใจความสำคัญมาบอกเล่าเท่านั้นไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมด
"ที่ไหนล่ะเผื่อพวกข้าจะไปเยี่ยมด้วย"โซมาเกิดอยากไปเยี่ยมพวกคนรับใช้ขึ้นมาซะงั้น
"คลีนิคแถวบ้านน่ะถ้าจะไปด้วยก็ได้แต่ขากลับเดินทางกลับมากันเองนะ เพราะผมกับนายน้อยจะต้องไปที่อื่นกันต่อซึ่งแน่นอนว่าพวกคุณไม่สามารถตามไปด้วยได้"เซบาสเตียนบอกเขายอมให้คนพวกนั้นติดตามไปที่คลีนิคได้เท่านั้น
"งั้นเหรอ ไปอัคนีเราไปเยี่ยมสามคนนั้นกันเถอะ ข้าอยากไป"โซมาเอ่ยปากชวนพ่อบ้านคนสนิทของตนให้ตามเซบาสเตียนกับชิเอลและพ่อบ้านชราไปที่คลีนิค
"หาแต่ว่า...แล้วขนมปังแกงกระหรี่นี่ล่ะขอรับ ข้าอุตส่าห์ทำมาหลายชิ้นจะไม่มีใครลองกินสักหน่อยเหรอ"อัคนีพูดขึ้นมาอย่างน้อยใจที่ไม่มีใครสนใจอาหารที่เขาทำเลย
"ก็เอาไปด้วยเลยสิ เอาไปใส่กล่องซะอัคนีเดี่ยวเราค่อยเอาไปกินกันในรถม้าด้วยเลยไง"โซมาพูดอย่างร่าเริง ตอนนี้ความโศกเศร้าที่คิดถึงชิเอลนั้นหายไปหมดแล้ว เหลือแต่ความปิติยินดีที่เพื่อนตัวน้อยยังมีชีวิตอยู่แถมยังเป็นปีศาจที่ไม่มีวันตายด้วย แน่นอนว่าพวกเขาต้องตายก่อนเด็กคนนี้แน่ๆเลยไม่รู้สึกกังวลใดๆอีก
"ขอรับ"อัคนีตอบรับพรางเดินออกไปจากห้องเพื่อไปหากล่องมาใส่ขนมปังแกงกระหรี่และคงจะลงไปรอข้างล่าง ปล่อยให้เจ้าชายอยู่กับพวกชิเอลไป
"เอาหล่ะชิเอล.."หมับ โซมาพูดยิ้มๆอย่างร่าเริงพรางเดินตรงมาหาชิเอลแล้วจับรวบตัวเด็กหนุ่มอุ้มขึ้นมาในอ้อมแขน
"เหวอ!!"ชิเอลร้องเสียงหลงอย่างตกใจที่จู่ๆตนก็ถูกเจ้าชายบ๊องๆนี่อุ้มไว้ในอ้อนแขนอย่างกระทันหัน
"เราลงไปข้างล่างกันเถอะ เดี่ยวอัคนีก็คงจะรอพวกเราอยู่ข้างล่างน่ะแหละ ไปกันเจ้าเปี๊ยก ฮ่า ฮ่า ฮ่า"โซมาพูดอย่างอารมณ์ดีพรางจับชิเอลอุ้มพาออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
"อ๊าาาา ปล่อยน้าาา โซมา ปล่อยเซ่!ฉันไม่ใช่เจ้าเปี๊ยกนะ!"ชิเอลร้องโวยลั่นดิ้นพลาดๆจะลงให้ได้
"ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆๆ น้องชายตัวน้อยของข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า"เจ้าชายโซมาหัวเราะอย่างสนุกสนานพรางอุ้มชิเอลลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว
"ว๊ากกกปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะโซมา ช่วยด้วย เซบาสเตียน!เซบาสเตียนนนนน!!"ชิเอลร้องลั่นเรียกหาพ่อบ้านให้มาช่วยเขาให้พ้นจากเจ้าชายบ๊องๆนี่ที
"เฮ้อ โดนอุ้มไปซะแล้วนายน้อยของผม คงต้องไปแย่งคืนมาสินะ ว่าแต่คุณทานากะ.."เซบาสเตียนถึงกลับถอนใจแล้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจก่อนจะหันไปหาชายชราที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ที่เก้าอี้..
"โฮะ โฮะ โฮะ"และยังคงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"จะลงลิฟไปหรือจะลงบันไดไปดีล่ะครับ"เซบาสเตียนหันมาถามชายชราที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ยิ้มๆ
"โฮะ โฮะ โฮะ"แต่ชายชราร่างเล็กกลับไม่ได้ตอบอะไรแค่ลุกขึ้นรีบกระดกซดชาจนหมดแก้วแล้ววางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจะเดินตัวปลิววิ่งฉิวลงบันไดตามชิเอลกับเจ้าชายโซมาไป นั่นล่ะคือคำตอบ
"เฮ้อ...ตาแก่เอ๊ย ตั้ง 5 ชั้นวิ่งลงบันไดไปแบบนั้นเดี๋ยวก็เป็นลมตายหรอก แต่ก็ช่างเหอะ ไปชิงตัวนายน้อยมาให้ได้ก่อนดีกว่า ป่านนี้คงร้องโวยวายลั่นโรงแรมอยู่แน่ๆ เฮ้อ นายน้อยนี่ล่ะน้าชอบให้ตัวเองถูกลักพาตัวไปอยู่เรื่อยเล้ย.."เซบาสเตียนบ่นไปพรางถอนใจไปพรางเอามือกุมขมับส่ายหน้าก่อนจะตัดสินใจเดินตามพวกชิเอลออกไปจากห้อง แล้วปิดประตูตามหลังซึ่งประตูเป็นประตูล๊อกจากข้างในอัตโนมัตเพื่อป้องกันขโมยบุคเข้าไปในห้อง
จากนั้นพ่อบ้านหนุ่มก็หายตัววับไปดักหน้าเจ้าชายโซมาซึ่งในตอนนี้พวกเขาพากันลงมาถึงชั้นสามแล้ว ชิเอลยังคงเอะอ่ะร้องโวยวายไม่หยุด
"ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ โซมา!!"ชิเอลร้องโวยลั่นดิ้นพลาดๆตอนนี้เขาถูกเจ้าชายโซมาจับอุ้มพาดบ่าพาวิ่งลงบันไดมาเรื่อยๆ
"อย่าดิ้นสิชิเอลเดี่ยวเจ้าก็ตกลงไปหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า"เจ้าชายโซมาพูดพรางจับรวบตัวชิเอลไว้แน่นวิ่งหัวเราะร่าลงบันไดไปอย่างร่าเริง
"ปล่อยเซ่ เจ้าบ้าเอ๊ย เซบาสเตียนช่วยฉันที!อุก!"ชิเอลร้องลั่นเรียกหาพ่อบ้านให้มาช่วยเขาให้หลุดพ้นจากการถูกเจ้าชายบ๊องๆนี่อุ้มพาวิ่งลงบันไดวนที ทำแบบนี้เขาเวียนหัวจวนจะอ้วกแล้ว
และเมื่อเซบาสเตียนได้ยินการเรียกหาเขาก็มาปรากฎตัวดักหน้าเจ้าชายโซมาในทันทีที่ขั้นบันไดของชั้นสอง
"หยุดพานายน้อยวิ่งลงบันไดแบบนี้เถอะครับเจ้าชายโซมา ทำแบบนี้ยิ่งทำให้เค้าเวียนหัวได้นะ"เซบาสเตียนพูดเตือนดักทางขวางหน้าหนุ่มอินเดียสูงศักดิ์เอาไว้ไม่ให้วิ่งลงบันไดไปไหนได้อีก
"อ๋า เซบาสเตียน!!"เจ้าชายโวมาร้องอย่างตกใจที่จู่ๆก็ถูกพ่อบ้านผู้นี้มายืนดักขวางทางลงเอาไว้อย่างกระทันหัน
"ขอนายน้อยของผมคืนด้วยเถอะครับ เจ้าชายโซมา"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆแต่แฝงไปด้วยออร่าอันน่าสะพรึงกลัว
"เฮือก!! คะคืนก็ได้"เจ้าชายโซมาถึงกลับสะดุ้งรีบส่งตัวชิเอลคืนให้เซบาสเตียนผู้น่าสะพรึงกลัวอุ้มไว้ในอ้อมแขนทันทีแล้วจากนั้นก็เผ่นแนบหนีลงบันไดไปอย่างหวาดผวา
"โอยเวียนหัวชะมัดเลย อุก!!"ชิเอลบ่นหน้าซีดเผือดทำท่าผะอืดผะอมรีบเอามือมาปิดปากของตนเอาไว้ก่อนจะอาเจียนออกมารดใส่เสื้อพ่อบ้านของคนอุ้มเข้าเสียก่อน
"เฮ้อ..เจ้าชายโซมานี่เหลือเกินจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่านายน้อยเป็นเด็กตัวเล็กๆแสนบอบบางอย่างงี้ ยังจะอุ้มลงบันไดวนเร็วๆอีก"เซบาสเตียนบ่นขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
ชิเอลเงยหน้าขึ้นมามองค้อนอย่างไม่สบอารมณ์ที่เจ้าพ่อบ้านนี่มาว่าเขาเป็นเด็กตัวเล็กบอบบาง เขาออกจะแข็งแรง
"ถ้าอยากจะอุ้มเด็กก็ต้องอุ้มให้ถูกวิธีแบบนี้สิ วิ่งลงบันไดใครเขาจับอุ้มพาดบ่ากันเล่าคนถุกอุ้มได้เวียนหัวกันพอดี"เซบาสเตียนพูดเสนอแนะไปอย่างงั้นเองคนฟังน่ะเผ่นไปไหนต่อไหนแล้ว
"ฉันไม่ใช่เด็ก!! และที่นายบอกน่ะลงไปไหนแล้วไม่รู้ แล้วก็ช่วยปล่อยฉันลงสักทีสิฉันจะเดินไปเอง"ชิเอลโวยใส่หน้าบึ้งตึงดีดดิ้นๆจะลงเดินเองให้ได้
เซบาสเตียนเลยตามใจปล่อยให้ชิเอลลงยืนแต่ก็ไม่วายคว้าแขนมาจูงเอาไว้เขากลัวนายน้อยของเขาจะเดินซุ่มซ่ามกลิ้งตกบันได
"แล้วนายมาจูงฉันทำไมเนี่ยปล่อยได้แล้ว"ชิเอลสะบัดแขนดึงมือตนเองออก แต่ทว่า ขากลับก้าวพลาดที่ขอบของบันไดจนผลิกเสียหลัก
"เหวอ!!"ชิเอลร้องเสียงหลงอย่างตกใจขาข้างหนึ่งเกิดลื่นพรืดจนซวนเซล้มหงายหลัง
"นายน้อย!!"เซบาสเตียนร้องอย่างตกใจรีบโผลตะครุบคว้าตัวเด็กซุ่มซ่ามเอาไว้โดยเอาตัวเองเข้าปกป้องจนกลิ้งตกบันไดไปพร้อมกันจนหล่นไปถึงบันไดขั้นล่างสุดของชั้นหนึ่ง
ตุบ!!แล้วทั้งเซบาสเตียนและชิเอลก็ล้มลงไปนอนกอดกันกลมดิ๊กที่พื้นพรมข้างล่างที่ชั้นหนึ่ง เพราะบันไดวนของโรงแรมชันมากหากตกลงไปก็จะกลิ้งหลุนๆไปหลายสิบตลบจนกว่าจะมาถึงที่พื้นข้างล่างสุดนั่นแหละ
"เป็นอะไรไปหรือเปล่าชิเอล เซบาสเตียน"เจ้าชายโซมาที่ยืนรออยู่ข้างล่างวิ่งมาถามคนตกบันไดอย่างห่วงใย
เซบาสเตียนคลายอ้อมกอดดันตัวลุกขึ้นนั่งปล่อยให้นายน้อยของเขาสามารถตะเกียกตะกายลุกขึ้นมานั่งเองได้ ชิเอลไม่เป็นอะไรมากนักแค่เจ็บนิดๆหน่อยๆเท่านั้น เพราะตอนที่กลิ้งตกลงมาพ่อบ้านของเขาเอาตัวเข้าปกป้องเอาไว้ตลอด
"แฮ่กๆ ไม่เป็นอะไร แค่เจ็บนิดหน่อยเดี่ยวก็หาย"ชิเอลพูดอย่างหอบๆลุกขึ้นนั่งเอามือลูบเนื้อลูบตัวเบาๆ
เซบาสเตียนลุกขึ้นมายืนเอามือปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าตนเอง เขาไม่เป็นอะไรมากนักแค่เจ็บที่หัวไหล่เล็กน้อยเพราะตอนตกบันไดเขาโอบตัวนายน้อยเอาไว้ไหล่ของเขาเกิดไปกระแทกกับขอบของขั้นบันไดหลายครั้งจึงเอามือกุมไหล่แล้วพยายามขยับกร้ามเนื้อคลายเส้นให้ตัวเอง
ส่วนชิเอลถูกเจ้าชายโซมาคว้าแขนเอาไว้แล้วค่อยๆฉุดดึงพยุงให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล
"นายเป็นไงบ้างเซบาสเตียน"ชิเอลพอยืนได้แล้วเขาก็หันมาถามอาการของพ่อบ้าน
"เจ็บไหล่นิดหน่อยครับ ไม่เป็นอะไรมากหรอก"เซบาสเตียนพูดพรางขยับแขนของตนบริหารไปมาเขาเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งแค่ตกบันไดแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก แค่เคร็ดขัดยอกเล็กน้อยพอคลายเส้นสักพักก็หายเป็นปกติ
"ทำไมนายถึงไม่บิน พุ่งหลาวมาแบบนี้เจ็บแย่น่ะสิ ดีที่ตกลงมาแค่ชั้นเดียวนะ หากตกลงมาตั้งแต่ชั้นห้าล่ะก็ได้กระอั่กเลือดกันแน่ๆ "ชิเอลถามอย่างแปลกใจพรางเอามือมาลูบเนื้อลูบตัวเพราะยังเจ็บอยู่เล็กน้อย
"เอ่อ..พอดีตอนนั้นมันตกใจน่ะเลยลืมไปเลยว่าตนเองบินได้ ขออภัยจริงๆขอรับ "เซบาสเตียนพูดพรางเอามือลูบผมตนเองอย่างเขินๆเขาตกใจมากไปหน่อยคิดแต่จะคอยปกป้องคนสำคัญของเขาเลยลืมทรงตัวกลางอากาศ
"หึ..ช่างเหอะ ถึงยังไงนายก็ยังอุตส่าห์ปกป้องฉันเอาไว้ ขอบใจนะ เซบาสเตียน"ชิเอลเดินตรงมาแตะไหล่เซบาสเตียนเบาๆกล่าวขอบคุณที่ช่วยเขาเอาไว้แล้วยิ้มให้กำลังใจไม่ถือสาเอาความอะไรอีก
"ไม่เป็นไรมิได้ขอรับ มันเป็นหน้าที่ของผมนี่นา จริงๆไม่จำเป็นต้องมาเจ็บตัวด้วยซ้ำ ผมมันสัพเพร่าเอง ขออภัยจริงๆขอรับ ทำให้คุณพลอยเจ็บตัวไปด้วยเลย"เซบาสเตียนคำนับขอมาอย่างอายๆ
"ไม่เป็นไรหรอกน่า คราวหลังก็อย่าลืมตัวว่าตนเองเป็นปีศาจบินได้อีกก็แล้วกัน ถ้าขืนนายลืมบ่อยๆมีหวังฉันได้คอหักตายเข้าสักวันแน่ๆ จำเอาไว้ล่ะจะช่วยฉันทั้งทีน่ะหัดมีสติหน่อยนะ เข้าใจมัย"ชิเอลหลับตาพูดตักเตือนพ่อบ้านของเขาอย่างใจเย็น
"ครับนายน้อย ผมจะไม่ลืมอีกแล้วขอรับ"เซบาสเตียนตอบรับด้วยท่าทีสำนึกผิดแล้วยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง
"ดี..แล้วนี่..ตาแก่ทานากะไปไหน..ทำไมยังไม่ลงมาอีกล่ะ"สิ้นการอบรมพ่อบ้านของเขาแล้วชิเอลก็หันไปมองรอบๆเพราะพึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่เห็นพ่อบ้านชราลงมาเลย จะเป็นลมกลางทางหรือเปล่าก็ไม่รู้
"นั่นสินะขอรับ ไม่รู้ป่านนี้ไปเป็นลมที่ไหนแล้วก็ไม่ทราบ"เซบาสเตียนเห็นด้วยว่าพ่อบ้านชราทานากะยังไม่ลงมาอาจจะเป็นลมกลางทางก็เป็นได้
"นายขึ้นไปดูทีซิเซบาสเตียน แล้วถ้าเจอก็พาลงมาเลย"ชิเอลจึงสั่งให้พ่อบ้านขึ้นไปตามหาพ่อบ้านชราทานากะเผื่อว่าคนแก่จะเป็นลมเป็นแร้งไป
"เยส มายลอร์ด"เซบาสเตียนตอบรับคำนับทีนึงก่อนจะหายตัววับไปทันที
ชิเอลจึงยืนรออยุ่ที่หน้าบันไดชั้นหนึ่งกับเจ้าชายโซมา รอให้เวบาสเตียนพาพ่อบ้านชราทานากะมาก่อนค่อยเดินไปเอาของที่ตรงเคาเตอร์เซอวิช
"ยังเจ็บอยู่มัยชิเอล"เจ้าชายโซมาถามอย่างห่วงใย
"ไม่ค่อยเจ็บแล้วล่ะ"ชิเอลหลับตาตอบยืนกอดอกรอพ่อบ้านของเขาอย่างสงบ
และเพียงไม่นานเซบาสเตียนก็เดินลงบันไดมา เขาไปขึ้นไปค้วาตัวชายชราที่นอนเป็นลมหมดสติอยู่ที่ขั้นบันไดชั้นสาม สงสัยคงเหนื่อยมากจากการลงบันไดหลายสิบขั้นแน่ๆ
"มาแล้วเหรอตาแก่เป็นอะไรไปหรือเปล่าล่ะ"ชิเอลถามอย่างห่วงใย
"ไม่เป็นอะไรมากครับ คุณทานากะแค่เป็นลมหมดสติไปกลางทางน่ะ สงสัยจะเหนื่อยจากการวิ่งลงบันไดมากไปหน่อย"เซบาสเตียนบอกพรางพาร่างหมดสติของพ่อบ้านทนากะเดินลงบันไดมาสมทบกับชิเอลและเจ้าชายโซมา
"เฮ้อ..ก็แน่ล่ะ แก่แล้วยังไม่เจียมสังขาลก็เป็นแบบนี้แหละ นายพาไปหาที่ให้ตาแก่พักก่อนละกัน ฉันคิดว่าตรงลอบบี้น่าจะมีโซฟาไว้บริการล่ะมั้ง นายเอาไปปล่อยไว้ตรงนั้นก่อน ไว้ฟื้นเมื่อไหร่ค่อยออกเดินทางแล้วกัน"ชิเอลสั่งเสียงเรียบ
"ครับนายน้อย"เซบาสเตียนตอบรับพรางอุ้มร่างหมดสติของพ่อบ้านชราเดินไปตามทางไปหาที่นั่งพักชั่วคราว
ส่วนชิเอลกับโซมาก็เดินตามหลังมาอย่างเงียบๆ
และพอมาถึงที่หน้าล๊อบบี้เซบาสเตียนก็พาร่างหมดสติของทานากะไปวางนอนหงายที่โซฟา
"จะปล่อยให้นอนไปแบบนี้จะดีเหรอครับ นายน้อย"เซบาสเตียนหันมาถามความเห็น
"อืม นายเอาป้ายไปแลกของได้แล้วไปเดี่ยวเราจะได้ออกเดินทางกัน ถ้าตาแก่นี่ยังไม่ฟื้นนายก็อุ้มเขาขึ้นไปนอนในรถก็แล้วกัน ฉันขี้เกียจรอให้ฟื้นแล้วล่ะ"ชิเอลเดิดเปลี่ยนใจกระทันหันว่าจะออกเดินทางกันทันทีไม่รอให้พ่อบ้านชราฟื้นก่อนแล้ว
"เอางั้นก็ได้ขอรับ เดี๋ยวผมไปเอาของก่อน"เซบาสสเตียนพยักหน้าเห็นด้วยพรางเดินตรงไปยังที่เคาเตอร์เซอวิชจุดบริการรับฝากของของลูกค้าในโรงแรม
และพอเซบาสเตียนมาถึงเขาก็ยื่นป้ายหมายเลขที่ตรงกับกองสำภาระที่ฝากไว้ให้กับพนักงานที่รับฝากของทันที เจ้าหน้าที่จึงเอาป้ายนั่นไปเทียบกับกองสัมภาระจนหาเจอแล้วหยิบข้าวของมาส่งให้เซบาสเตียนทีละสองสามอย่างจนครบแล้วเดินถือของกองพะเนินมาสมทบกับพวกชิเอลที่ยืนรออยุ่ใกล้โซฟาที่พ่อบ้านชรานอนหลับอยู่
"เอามาครบหมดแล้วใช่มัย"ชิเอลถามพรางมองสำรวจข้าวของต่างดูว่าครบหรือไม่
"ครับ ครบแล้ว"เซบาสเตียนตอบรับพรางค่อยๆเอาข้าวของมาวางเต็มพื้นจากนั้นก็เริ่มแกะกล่องออก เขาจะถือโอกาสเอาของมาจัดใส่กระเป๋าเดินทางไปเลย ไปถึงบ้านแล้วจะได้ไม่ต้องจัดอีก
"แล้วนี่นายทำอะไรน่ะแกะของพวกนั้นออกมาทำไม"ชิเอลถามอย่างสงสัย
"เอามาจัดใส่กระเป๋าครับ เดี๋ยวพอส่งพวกเจ้าชายกับคุณทานากะเสร็จจะได้เดินทางอย่างสะดวก"เซบาสเตียนหันมาตอบก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดข้าวของลำเลียงใส่กระเป๋าเดินทางทั้งสองใบโดยแยกเป็นใบหนึ่งไว้ใส่เสื้อผ้าทั้งของตนและชิเอล อีกใบไว้ใส่พวกของใช้จิปาถะที่จำเป้นต่อการไปตั้งแคม ส่วนวัตถุดิบจะถือใส่ไว้ในถุงใบใหญ่ทีเดียวไปเลยเขาจะได้ถือเพียงแค่กระเป๋าสองใบและถุงกระสอบใบใหญ่อีกหนึ่งใบเท่านั้น ส่วนนายน้อยก็จับขี่หลังไป
"อืม เอางั้นก็ได้ ไหนนายซื้ออะไรมากบ้างดูหน่อยซิ"และชิเอลก็เดินสนใจข้าวของที่ซื้อมาแทนที่จะช่วยพ่อบ้านจัดเขากลับลื้อออกมาดูแล้ววางกองไว้ให้เซบาสเตียนจัดเก็บใส่กระเป่าไป
เซบาสเตียนไม่ปริปากบนเพราะอย่างน้อยก็มีคนช่วยแกะของออกมาจากกล่องล่ะนะ
และพอชิเอลแกะออกมากล่องหนึ่งหยิบขึ้นมาดูอย่างสงสัยว่ามันคืออะไรเอามาคลี่ออกดูขมวดคิ้วมุ่น
"นี่มันอะไรน่ะเซบาสเตียนไอ้เศษผ้าสีดำๆเป็นเส้นๆเนี่ย"ชิเอลถามในขณะที่เอามาคลี่กางออกดูอย่างสงสัย
"กางเกงชั้นในของนายน้อยไงขอรับ"เซบาสเตียนตอบยิ้มๆ
"หา!!"ชิเอลถึงกลับร้องอย่างตกใจตาเบิกกว้าง ก้มลงมองดูอีกรอบให้แน่ใจว่าของสิ่งนี้มันใช่กกน.ของเขาแน่เหรอ ทำไมมันดูแปลกๆล่ะ
"โหว..ไม่น่าเชื่อ เจ้าชอบใส่แบบนี้ด้วยเหรอ ชิเอล"เจ้าชายโซมายื่นมามาดูใกล้ๆอย่างแปลกใจ
"เฮือก!! 0////0"ชิเอลถึงกลับสะดุ้งหน้าแดงซ่านหันมามองหน้าเจ้าชายโซมาเลิกลั่กพรางรีบเอากางเกงในนั่นยัดลวกๆใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางทันทีด้วยความอับอายเพราะว่ามันคือ จีสตริงสีดำสุดเซ็กซี่
"เจ้าบ้า!!0///0 ฉันอายุแค่สิบสามเองนะ ทำไมเอาของพรรนี้มาให้ฉันใส่!!"ชิเอลหันมาโวยใส่พ่อบ้านตัวแสบที่เป้นคนซื้อกกนมาให้หน้าแดงกล่ำ
"ก็เห็นว่ามันแปลกดีน่ะ ทางเจ้าของร้านเค้าแนะนำมานายน้อยอย่าลืมใส่นะขอรับผมอยากเห็น"เซบาสเตียนพูดหน้าตาเฉยมือก็เอาข้าวของมาจัดใส่กระเป๋าอย่างมีระเบียบ
"อึ้ย >////< ไม่ใส่เด็ดขาด ถ้าหากจะต้องใส่ไอ้ของพรรนี้ สู้ไม่ต้องใส่อะไรเลยจะดีกว่า!!"ชิเอลโวยใส่เสียงดังหน้าแดงกล่ำด้วยความเขินอาย
"ชู่เบาๆสิครับอยากให้คนทั้งโรงแรมรู้เหรอว่านายน้อยชอบแก้ผ้า"เซบาสเตียนทำเป็นจุปากห้ามไม่ให้ชิเอลส่งเสียงดัง
"อุ๊บ >////<"ชิเอลรีบเอามือปิดปากทันทีหันไปมองรอบๆตัวเห็นผู้คนจ้องมองดูอยู่บางคนอมยิ้ม บางคนหัวเราะ บางคนนินทาซุบซิบกัน
และด้วยความอับอายที่ตนเองปล่อยไกไปหมดเล้า ชิเอลจึงวิ่งหนีออกไปข้างนอกเพื่อไปสงบสติอารมณ์
"อ้าวนายน้อยไปไหนล่ะครับ เดี่ยวก่อนสิ"เซบาสเตียนหยุดจัดของชั่วคราวลุกเดินไปคว้าแขนเด็กของเขาเอาไว้
"ปล่อยฉันนะ ฉันจะออกไปรอข้างนอก นายทำฉันอับอายจนอยู่ตรงนี้ไม่ได้อีกแล้ว อึ้ย >/////<"ชิเอลพูดปัดมือเซบาสเตียนออกแล้ววิ่งหนีออกไปจากโรงแรมทันทีแล้วไปแอบหลบตาเสาหายใจหอบ เอามือปิดหน้าด้วยความอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
เซบาเตียนเลยยอมปล่อยไปแต่เขาก็อดห่วงไม่ได้เลยบอกให้โซมาตามไปดูแล
"เจ้าชายช่วยตามนายน้อยไปหน่อยครับ ผมจะต้องจัดของต่อให้เสร็จ ขืนปล่อยเอาไว้เดี๋ยวเด็กคนนั้นจะเตลิดไปไกล"เซบาสเตียนหันมาบอก
"ได้สิ เดี๋ยวข้าจะดูแลชิเอลให้เอง"โซมาตอบรับพรางวิ่งออกไปจากโรงแรมตามชิเอลไปปล่อยให้เซบาสเตียนอยู่จัดข้าวของใส่กระเป่าเดินทางแถวโซฟาให้เสร็จ
"เฮ้อ..."แล้วเซบาสเตียนก็ถอนใจก่อนจะก้มหน้าก้มตารีบๆจัดข้าวของใส่กระเป๋าอย่างเร็วจี๋
ในระหว่างนั้นอัคนีก็เดินผ่านมาพอดี เขาไปหากล่องมาใส่ขนมแต่ก็หาไม่ได้เลยตัดสินใจเดินถือจานขนมปังแกงกระหรี่มาสมทบที่โซฟาที่พ่อบ้านชรานอนหลับอยู่
"เซบาสเตียน เจ้าชายกับท่านชิเอลไปไหนแล้วล่ะ"มาถึงอัคนีก็ถามหาคนที่หายไปทันที
"ออกไปเดินเล่นข้างนอกน่ะ เดี๋ยวผมจัดของเสร็จแล้วค่อยตามออกไปอีกที"เซบาสเตียนพุดไปพรางจัดเก็บข้าวของไปพราง
อัคนีก้มลงมองดูกล่องเปล่าที่ถูกวางเอาไว้เต็มพื้นอย่างสนใจ
"กล่องพวกนี้ใช้หรือเปล่า เข้าขอได้มัยจะเอามาใส่ขนมน่ะ พอดีข้าไปขอในครัวไม่มีกล่องใส่เลย"อัคนีเอ่ยปากขอ
"ไม่ใช้แล้วครับ เชิญเอาไปเถอะ เพราะเดี่ยวจัดเสร็จกล่องพวกนี้ก็ต้องทิ้งหมดแหละ"เซบาสเตียนบอกไปพรางจัดของต่อไปพรางซึ่งเหลืออยุ่ไม่กี่กล่องเท่านั้นที่เขายังแกะออกมาจัดใส่กระเป๋าไม่หมด
"อืม งั้นข้าขอล่ะนะ"อัคนีพูดพรางก้มลงเก็บก่องใบใหญ่ใบหนึ่งเอามาเปิดฝาแล้วก็เอาขนมปังแกงกระหรี่ออกมาจัดวางลงไปในกล่องซึ่งสามารถบรรจุขนมปังได้ทั้งหมดแล้วยื่นกล่องมาตรงหน้าเซบาสเตียน
"ช่วยปิดผนึกกล่องให้หน่อยสิคุณเซบาสเตียนเวลาถือไปจะได้ไม่หก"อัคนีบอกยิ้มๆยื่นกล่องมาให้พ่อบ้านซาตานปิดผนึกให้
เซบาสเตียนใช้นิ้วแตะที่ริมกล่องแล้วเขาก็ปล่อยมือออก กล่องก็ถูกปิดแน่นทันทีเหมือนมีแทบกาวที่มองไม่เห็นปิดเอาไว้ยังไงอย่างงั้นเลย
"ขอบคุณมาก ข้าไปรอข้างนอกก่อนนะ ข้าเป็นห่วงเจ้าชายน่ะ"อัคนีพูดแล้วถือกล่องออกไปข้างนอกเพื่อไปสมทบกับเจ้าชายโซมา
"อืม"เซบาเตียนพยักหน้าให้ทีหนึ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดของต่อ
และเพียงไม่นานเซบาสเตียนก็จัดของใส่กระเป๋าเสร็จเหลือเพียงวัตถุดิบไม่กี่อย่างเขาก็เอาแต่ละอย่างมาเทใส่รวมๆกันลงในถุงกระสอบใบใหญ่ พร้อมทั้งปิดกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบ ส่วนกล่องขยะต่างๆก็เอาเก็บใส่ถุงที่ไม่ใช้แล้วรวบรวมไว้แล้วเอาไปทิ้งลงในถังขยะ จากนั้นค่อยเดินมาที่โซฟาจับรวบตัวพ่อบ้านชรามาอุ้มพาดบ่าสองสองมือก็หิ้วกระเป๋าและถุงกระสอบเดินออกไปตรงประตูโรงแรมออกมายืนข้างนอกเพื่อเตรียมออกเดินทาง
ซึ่งอัคนีได้เรียกรถม้ามาจอดรอเอาไว้แล้วโดยมีเจ้าชายโซมา และชิเอลขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้วข้างนอกจึงเหลือแต่อัคนีคนเดียวที่ยังยืนรออยู่
"อ้ามากันแล้วสินะ ข้าได้เรียกรถม้าเตรียมไว้แล้วล่ะ เชิญขึ้นไปก่อนได้เลยเดี่ยวข้าจะตามขึ้นไปทีหลัง ตกลงว่าจะไปที่ไหนนะข้าจะได้บอกคนขับได้ถูก"อัคนีพูดอาสาจะไปนั่งกับคนขับเองยื่นมือมาช่วยเซบาสเตียนอุ้มพาพ่อบ้านชราไปวางที่เบาะและเอาของต่างๆจัดวางใส่ในตู้รถม้าอีกแรง
"คุณนั้นแหละไปนั่งข้างหลัง ผมจะนั่งข้างหน้าเอง คุณบอกทางไม่ถูกหรอกครับ"เซบาสเตียนไม่ยอมนั่งหลังพอส่งพ่อบ้านชรากับกองสำภาระเอาไปไว้ในตู้รถม้าแล้วเขารีบเดินขึ้นไปนั่งข้างๆคนขับอย่างรวดเร็วก่อนที่อัคนีจะขึ้นไป
"ก็ได้..งั้นข้าไปนั่งกับเจ้าชายข้างหลังละกัน ฮึบ" สุดท้ายพ่อบ้านชาวอินเดียจึงต้องเดินขึ้นไปนั่งรวมกับพวกชิเอลและเจ้าชายไปโดยปริยายเพราะตนยอมรับแล้วว่าไม่รู้เส้นทางจริงๆ
และทันทีที่อัคนีขึ้นรถม้าไปเป็นคนสุดท้ายและปิดประตูตามหลัง รถม้าก็แล่นไปตามทางอย่างรวดเร็วไปตามเส้นทางที่เซบาสเตียนเป็นคนบอก ชิเอลยังคงนั่งเงียบหน้ายังแดงๆอยู่ด้วยความอับอายไม่กล้ามองหน้าใครๆเอาแต่มองดูวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง โซมากับอัคนีก็คุยเรื่องสัพเพเหระ บางทีก็หยิบเอาขนมปังแกงกระรี่มากินระหว่างทาง ถึงแม้เซบาสเตียนจะใช้คาถาผนึกกล่องเอาไว้แต่เขาแค่ผนึกไว้หลวมๆแค่อัคนีกระชากดึงออกเพียงเล้กน้อยก็สามารถเปิดกล่องออกได้แล้ว ส่วนพ่อบ้านชราก็นอนหลับไปยังไม่มีใครสนใจที่จะปลุก
รถม้าก็แล่นไปตามทางเรื่อยๆออกซอยนั้นเข้าซอยนี้ ผ่านทุ่งหญ้า ผ่านทะเลสาบ จนกระทั่งมาถึงที่หมายในที่สุด
"ถึงแล้วครับ"เสียงคนขับตะโกนบอกก่อนจะบังคับรถม้าให้ชะลอความเร็วลงเรื่อยๆและก็จอดสนิทยังหน้าคลีนิคแห่งหนึ่งใกล้หมู่บ้านฮาวเวิร์ด
เซบาสเตียนกระโดดลงมาจากรถม้าแล้วเดินไปเปิดประตูให้พวกชิเอลลงจากรถ
อัคนีลงมาก่อนแล้วเขาก็ส่งมือเตรียมพยุงเจ้าชายโซมาลงมาจากรถ ส่วนชิเอลยังคงนั่งอยู่ไม่ได้ลงตามไปด้วย เซบาสเตียนจึงไปสะกิดตัวปลุกพ่อบ้านชราทานากะ
"ถึงแล้วนะครับคุณทานากะ ตื่นได้แล้วครับ"เซบาสเตียนเขย่าตัวส่งเสียงปลุกชายชราให้ตื่นได้แล้ว
พ่อบ้านชราค่อยๆลืมตาและตะเกียกตะกายลุกขึ้นมานั่งเอามือขยีตาก่อนจะเดินลงมาจากรถม้าโดยมีเซบาสเตียนคอยประครองเอาไว้
"ที่นี่คือคลีนิคที่พวกฟินนี่ บันโด เมย์ลินพักรักษาตัวอยู่ ผมกับนายน้อยจึงต้องขอฝากให้คุณทานากะดูแลพวกเขาแทนด้วยนะครับ ห้องพักของพวกเขาคือ 201 และ 203 ว่างๆผมจะมาเยี่ยมผมกับนายน้อยจะต้องเดินทางกลับเกาะแล้วล่ะ ฝากด้วยนะครับ"เซบาสเตียนบอกกับพ่อบ้านชราให้ดูแลคนรับใช้ของแฟนท่อมไฮด์แทนเขาด้วย
"โฮะ โฮะ โฮะ"พ่อบ้านชราหัวเราะก่อนจะกลายร่างเป็นพ่อบ้านร่างสูง
"โอ้ตาแก่นี่ตัวยืดได้ด้วยเหรอ อัคนี"เจ้าชายโซมาร้องอย่างตื่นเต้น เขาไม่เคยเห็นทานากะตัวยืดตัวหดได้มาก่อน
"ขอรับท่านโซมา"อัคนีตอบรับยิ้มๆเขาไม่แปลกใจสักเท่าไหร่หรอกที่คนของพวกแฟนท่อมไฮด์มีแต่แปลกๆทั้งนั้น
"ไม่ต้องห่วงคุณเซบาสเตียน ผมจะดูแลคนพวกนั้นให้อย่างดี ขอให้เดินทางโดยสวัสดิ์ภาพนะครับ แล้วพบกัน"พ่อบ้านชราร่างสูงตอบรับคำขอของเซบาสเตียนอย่างมุ่งมั้น
"ครับ แล้วพบกัน"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆโบกมือลาก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งในตู้รถม้าสมทบกับชิเอลเพื่อเดินทางไปต่อ
"ไว้พบกันนะคุณเซบาสเตียน ท่านชิเอล"อัคนีเองก็โบกมือลาเช่นกัน เขากับเจ้าชายจะไปเยี่ยมคนพวกนั้นกันเองแล้วค่อยกลับบ้าน
"ชิเอลว่างๆอย่าลืมมาหาข้าอีกน้า แล้วข้าจะรอพวกเจ้าน้า บ๊ายบาย"โซมาตะโกนบอกพร้อมทั้งโบกมือลาชิเอลที่ตอนนี้ยังคงนั่งเฉยอยู่ข้างๆหน้าต่าง ไม่ได้ชะโงกหน้าออกมาบอกลาเพราะเขายังเขินอยู่เรื่องที่ปล่อยไกในโรงแรม
"ไม่คิดจะบอกลาพวกเจ้าชายหน่อยเหรอขอรับ นายน้อย"เซบาสเตียนถามพรางเอื้อมมือมาปิดประตูตู้รถม้า ก่อนหน้านั้นเขาบอกกับคนขับไปแล้วว่าให้แวะส่งที่หน้าคลีนิคก่อนแล้วค่อยพาไปส่งที่ท่าเรือที่ไหนก็ได้แถวๆนี้
ชิเอลหันมามองค้อนและสะบัดหน้าเชิดใส่ไม่พูดอะไรอีกเพราะตอนนี้เขากำลังงอนพ่อบ้านอยู่ที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องอับอายผู้คน
เซบาสเตียนเลยไม่ได้พูดอะไรมากนักหันไปมองวิวทิวทัศน์นั่งไปเงียบๆ
และเพียงไม่นานก็มาถึงที่หมาย เซบาสเตียนเปิดประตูตู้รถม้าเดินลงมาก่อนแล้วเอาขนย้ายสำภาระออกมาจากรถเอามาวางไว้ที่พื้น ยื่นมือเข้าไปข้างในตู้รถม้า
"ส่งมือมาครับนายน้อย"เซบาสเตียนพูดพรางยื่นมือส่งให้ชิเอลจับเพื่อพยุงลงมาจากรถ
ชิเอลไม่มีทางเลือกจึงยอมส่งมือให้พ่อบ้านจูงลงมาจากรถแต่โดยดี เพราะเขาไม่กล้าลงมาเองกลัวก้าวพลาดกลิ้งตกลงมาอีก เขายังขยาดกับการตกบันไดอยู่เลย และรู้ตัวดีว่าตนเองซุ่มซ่ามแค่ไหน
และพอพวกเขาทั้งสองลงมากันหมดแล้วเซบาสเตียนก็เดินไปจ่ายค่าโดยสารให้กับคนขับรถม้า แล้วเขาก็เดินกลับมาหยิบสำภาระขึ้นมาถือไว้ทั้งสองมือเลย
"นายจะเดินทางกลับเกาะยังไงของเต็มมือแบบนี้"ชิเอลเดินมาถามมองดูสำภาระที่เซบาสเตียนถืออย่างสงสัย
"ไม่เห็นยากแค่เอานายน้อยขี่หลังผมแล้วผมก็ถือของพวกนี้ก็เดินทางได้แล้วล่ะครับ"เซบาสเตียนบอกยิ้มๆของพวกนี้เขาถือได้สบายมากเลย
"บินตอนกลางวันไม่กลัวคนเห็นเหรอ"ชิเอลถามต่อหันไปมองดูรอบๆอย่างไม่แน่ใจ
"ถ้าบินเหนือเมฆน่ะคงไม่มีใครสังเกตเท่าไหร่หรอกครับ"เซบาสเตียนเสนอความเห็น
"บินเหนือเมฆอีกแล้วมันสูงมากเลยนะ ฉันกลัวตกอ่ะ"ชิเอลพูดอย่างกังวล
"นายน้อยก็จับตัวผมไว้ให้แน่นๆสิขอรับ เราเคยบินกันอยู่บ่อยๆยังไม่ชินอีกเหรอ"เซบาสเตียนยังยืนกรานว่าจะบินเหนือเมฆจริงๆ
"มันก็ใช่แต่ว่า ฉันไม่ค่อยชอบเลย"ชิเอลบ่นทำเป็นอิดออด
"งั้นจะให้ผมทำยังไงล่ะ ไปหาซื้อกระเป๋าอีกใบแล้วเอาตัวคุณใส่เอาไว้ในกระเป๋าดีมัย"เซบาสเตียนเสนอทางเลือกที่สอง
"ไม่เอา ฉันไม่ใช่ตุ๊กตานะ เจ้าบ้า"ชิเอลโวยใส่เรื่องอะไรจะยอมลงไปอยุ่ในกระเป๋าเขาเป็นคนนะไม่ใช่ตุ๊กตา
"งั้นไปทางเรือแล้วกัน เดี่ยวผมจะเสกให้มันแล่นฉิวแบบติดเทอโบว์เลย"เซบาสเตียนบอกยิ้มๆ
"อืม..ตกลง"ชิเอลเห็นด้วยซะงั้น
แล้วเซบาสเตียนจึงพาชิเอลไปที่ท่าเรือเพื่อขอยืมเช่าเรือในทันที
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ