พ่อบ้านปีศาจ ภาคชิเอลเป็นปีศาจ บท2 YAOI 18+
8.9
เขียนโดย sebbynoi
วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.33 น.
40 บทที่ 2 พ่อบ้านผู้นั้น กับเรื่องในอดีด
11 วิจารณ์
108.16K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557 10.58 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
29) ตอนที่ 29
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ2 ชั่วโมงต่อมา
แก๊ง แก๊ง แก๊ง เสียงนาฬิกาแขวนดังขึ้นปลุกชายผมดำในชุดพ่อบ้านสีดำให้ตื่นขึ้นจากการงีบหลับ
"อืม"เสียงครางในลำคอบ่งบอกว่าเซบาสเตียนรู้สึกตัวตื่นขึ้นแล้ว และเขาก็ลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจไปมาสองสามที จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียงในห้องนอนของเขา ซึ่งก่อนหน้านั้น ชิเอลแฟนท่อมไฮด์ นายน้อยของเขาได้ปล่อยให้เขากลับมานอนพักผ่อนสักหน่อย แล้วค่อยกลับมาเล่าต่อซึ่งพอชายหนุ่มผมดำได้มองดูที่นาฬิกาที่ตั้งอยู่บนผนังบ่งบอกว่าเขาหลับไปสองชั่วโมงแล้ว
"อืม สองโมงแล้วเหรอ ไปหานายน้อยดีกว่าไปเล่าต่อ ป่านนี้คงหลับอยู่ล่ะมั้ง"เซบาสเตียนพูดพรางมองไปที่ประตูห้องของตน แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไปตรงไปยังห้องนอนของชิเอล
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเวบาสเตียนยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องของนายน้อย
"เข้ามา"เสียงตอบกลับมาทำให้คนเคาะประตูสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจที่มีเสียงเล็กๆตอบกับมา
แล้วเขาก็เปิดประตูเดินเข้าไปแล้วส่งยิ้มทักทายเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนเตียงกำลังอ่านหนังสืออยู่
"นายน้อยตื่นนานแล้วหรือครับ ทำไมไม่เรียกผมล่ะ"เซบาสเตียนถามขึ้นทันทีอย่างแปลกใจว่าทำไมถึงตื่นเร็วขนาดนี้
"อืม ฉันตื่นมาได้สักพักแล้วล่ะ พอดีนอนไปแล้วมันนอนไม่หลับน่ะ อาจเพราะฉันยังติดใจเรื่องของนายอยู่ล่ะมั้ง ฉันตื่นมาได้ชั่วโมงนึงแล้ว มานั่งนี่สิแล้วเล่าต่อ"ชิเอลสั่งพรางชี้ไปที่เกาอี้ข้างๆเตียงของเขา
"เยสมายลอร์ด"เซบาสเตียนตอบรับแล้วเดินตรงไปที่เตียงสี่เสาแล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆเตียง
"นายน้อยลุกขึ้นนั่งได้แล้วหรือครับ ยังเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ"เซบาสเตียนถามอย่างเป็นห่วง
"ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่ถ้านั่งบนฟุกนุ่มๆ ฉันพอทนได้ เอาสิเล่าต่อ เซบาสเตียน ฉันอยากจะฟังว่าหลังจากที่นายนอนในบ้านตำรวจนั้นแล้วเกิดเรื่องอะไรต่อ"ชิเอลเร่งให้เวบาสเตียนเล่าต่อ
"ครับ แต่ขอถามหน่อยว่า ในเมื่อนายน้อยตื่นมานานแล้วทำไมไม่เรียกผมล่ะ"เซบาสเตียนถามอย่างสงสัย
"ฉันอยากให้นายพักให้เต็มที่น่ะ รอให้นายมาหาเองจะดีกว่าเลยไม่เรียก"ชิเอลตอบยิ้มๆ
"โอ้ยังงั้นเองหรือครับ เอาหล่ะงั้นผมเล่าต่อนะครับ นายน้อยนึกภาพตามไปนะผมจะเล่ายาวเลย ถ้าหากว่าติดใจสงสัยอะไรยกมือขึ้นให้สัญญาณนะครับ"เซบาสเตียนพูด
"อืม"ชิเอลพยักหน้า พรางเอนตัวเอาเหยียดขาเอาหลังผิงหมอนแล้วหันหน้ามาฟังเซบาสเตียนเล่าเรื่องของเขาอย่างตั้งใจ
"เรื่องก็มีอยู่ว่า"เซบาสเตียนเริ่มเล่าต่อแล้วนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นตามไปด้วย
-------- ภาพในเหตุการณ์เมื่อ 500 ปีก่อน ตอนเซบาสเตียนยังเป็นเด็กอายุ11ปี ณ เมืองมนุษย์--------
ในบ้านหลังหนึ่งของคู่สามีภรรยาที่พึ่งได้เชื้อเชิญแขกวัยเยาวน์มาพักที่บ้าน และคนๆนั้นคือเด็กผู้ชายอายุประมาณ 10-11ปี เขามีผมสีดำสวมชุดแปลกๆสีดำที่ไม่เหมือนคนที่อยู่อาศัยที่นี่ เหมือนกับว่าเขาไม่ใช่คนในโลกใบนี้รูปร่างหน้าตาคล้ายเด็กมนุษย์วัย11ปีทั่วไป แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคือดวงตาสีแดงดุจทับทิมกลมโต ผิวพรรณขาวเนียนพุดพ่องตัดกับชุดสีดำที่เขากำลังสวมใส่อยู่ เด็กชายคนนั้นกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงที่ทำจากฟางหยาบๆไม่ค่อยนุ่นเท่าไหร่นักแต่ก็พอที่จะนอนหลับไปได้ ในห้องนอนเล็กๆที่คับแคบและเต็มไปด้วยฝุ่น และข้าวของที่ดูรกๆในขณะนั้นเขากำลังจะหลับฝันแต่ก็ต้องตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังโหวกแหวกซึ่งเขาไม่เข้าใจภาษาของพวกนั้นว่าพูดอะไรกันอยู่
"นี่เจมส์จะดีเหรอเอาเด็กที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามานอนที่บ้านด้วยแบบนี้น่ะ ทั้งหูหนวกเป็นใบ แล้วจะสื่อสารกับเจ้าเด็กนั้นยังไงกันล่ะ "เสียงแหลมทุ้มของผู้หญิงดังขึ้นอย่างไม่พอใจ
"นี่เบาๆหน่อยสิมารีแอตต้า เดี๋ยวเจ้าหนูนั้นก็ตื่นขึ้นมาหรอก เจ้าเสียงดังไปแล้วนะ"เสียงทุ้มๆของชายผมสั้นสีดำพูดออมเสียง
"มันหูหนวกจะมาได้ยินอะไร ท่านพึ่งบอกกับข้าเองไม่ใช่เหรอว่าเจ้าเด็กนั้นหูหนวก มันไม่ได้ยินที่เราคุยกันหรอก ข้าขอบอกเลยนะว่าข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าเด็กนั่นมานอนที่นี่ตลอดไปหรอกนะ ข้าไม่เลี้ยงมันเด็ดขาด มันดูหน้ากลัวยังไงไม่รู้ ข้ารู้สึกขนลุกแปลกๆเวลาที่ข้ามองหน้าเจ้าเด็กใบ้นั้น"มารีแอตต้าพูดเสียงดัง เธอไม่ยอมออมเสียงตามที่เจมส์ได้ขอเอาไว้
"น่ากงน่ากลัวอะไรกัน เจ้าเพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว เด็กคนนั้นน่าสงสารออกทั้งพิการทั้งไร้ญาติ หน้าตาก็น่ารัก อีกอย่างเราแต่งงานกันมาตั้งหลายปีแล้วยังไม่มีลูกเลย ข้าว่าข้าอยากได้เด็กคนนั้นมาเลี้ยง"เจมส์พูดพยายามเกลี่ยกล่อมภรรยา
"ไม่ ยังไงข้าก็ไม่ยอมรับเลี้ยงเด็กนั้น ข้าไม่ชอบหน้ามัน ถ้าเจ้าจะเลี้ยงล่ะก็เราหย่ากัน เจ้าจะเลือกใครระหว่างเด็กใบ้นั้นกับตัวข้า เลือกเอาแล้วกันเจมส์"มารีแอตต้าตวาดลั่นยื่นคำขาดกับสามี
"โถ่ อย่าทำอย่างนี้สิที่รัก ถึงขนาดจะหย่ากันเลยเหรอ ทำไมเจ้าถึงจงเกลียดจงชังเด็กคนนี้นักหล่ะ เขายังไม่เห็นจะทำอะไรให้เจ้าขุ่นเคืองใจเลย น่าสงสารออก ตัวนิดเดียวอยู่ตามลำพังแบบนั้น"เจมส์พยายามเกลี้ยกล่อมภรรยาพรางค้วาตัวมารีแอดต้ามาสวมกอดอย่างรักใคร่
"ไม่รู้แหละถ้าเจ้ารักข้า เจ้าต้องปล่อยเด็กคนนั้นไป คืนนี้ข้าจะให้มันอยู่ที่นี่แค่คืนเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้มันต้องไป ข้าไม่ยอมให้มันมาอยู่ที่นี่นานนักหรอก"มารีแอตต้ายื่นคำขาด เจมส์ถอนใจเฮ้อ แต่เขาก็ต้องทำตามที่ภรรยาขอล่ะนะ เขารักภรรยามากกว่าจะยอมเสียเธอไป
"ก็ได้ ข้ารักเจ้านะมารีแอตต้า ข้าเลือกเจ้า พรุ่งนี้ข้าจะปล่อยเด็กคนนั้นไปตามทางของเขา แต่ว่าข้าสงสารเขาจริงๆ ขอให้ข้าได้ดูแลเขาอีกสักพักแล้วกันนะ"เจมส์สวมกอดภรรยาพรางพูดขอร้องเธอข้างๆหู
"ก็ได้ พรุ่งนี้ข้าจะทำอาหารเช้าเลี้ยงมันเป็นมื้อสุดท้ายก่อนที่จะเอาไปปล่อยในเมืองแล้วกัน"มารีแอตต้าพูดเสียงอ่อนลง แล้วจากนั้นเธอก็เดินหนีสามีขึ้นห้องนอนของเธอไปทันที
ทางด้านเด็กชายผมดำเขากำลังแอบฟังอยู่ พอจะรู้เป็นบางคำว่าพวกนั้นกำลังพุดถึงเขาแน่ๆ เพราะเขายังจำคำและปรโยคที่เจมส์นายตำรวจหนุ่มสอนเขาได้ พอเห็นว่าเจมส์กำลังเดินขึ้นมาที่ห้องที่เขานอนอยู่นี้ เจ้าหนูก็รีบกลับไปนอนที่เตียงต่อทันทีแล้วแกล้งทำเป็นหลับตา
"ไม่ตื่นจริงๆด้วยสินะ น่าสงสารจริงๆเจ้าหนูพรุ่งนี้เจ้าต้องไปแล้วสินะ ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเลย ข้าอยากเลี้ยงดูเจ้าในฐานะบุตรชายแต่ว่าภรรยาของข้าไม่ยอมรับเจ้าเนี่ยสิ ข้าไม่รู้จะทำไงดี นางขู่ว่าจะหย่ากับข้า ถ้าข้าไม่ปล่อยเจ้าไป "เจมส์เดินมานั่งข้างเตียงพรางเอามือลูบหัวเด็กชายที่กำลังหลับอยู่อย่างเอ็นดู
"ผมนุ่มจังไปทำอะไรมานะ ดูแล้วไม่เหมือนเด็กยากจนทั่วไปเลย ทั้งรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ เจ้าเป็นใครกันแน่นะ เจ้าหนู"เจมส์พูดเบาๆพรางก้มลงมองดูเรือนร่างของเด็กชายผมดำตัวเล็กๆ
"หน้าตาก็น่ารักออก แต่ทำไมมารีแอตต้าถึงบอกว่าน่ากลัวกันนะ เด็กตัวนิดเดียวเองแท้ๆจะกลัวอะไรกันนักหนา ทำยังกับว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่คนงั้นแหละ เพ้อเจ้อจริงๆยัยนั่น"เจมส์พูดพรางลูบหัวเด็กชายเพลินเลย
"หลับซะนะเด็กน้อย พรุ่งนี้ข้าจะเอาอาหารเช้าให้เจ้ากินก่อนไปแล้วกัน แม้เจ้าจะไม่ได้ยินเสียงข้าแต่ข้าก็เอ็นดูเจ้านะ เจ้าหนู"เจมส์พูดเสียงเบาเขาเอามือลูบแก้มใสๆของเด็กชายตัวน้อยก่อนจะลุกออกไปจากห้องพอรู้สึกว่านายตำรวจเจมส์เดินออกจากห้องไปแล้ว เด็กชายตัวน้อยก็ลืมตาตื่นขึ้น พรางเอามือลูบหัวตัวเองไปพราง
"เขาดูเป็นคนดีมีเมตตาจริงๆ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา ข้าจะต้องปกป้องเขาจากอันตรายให้ได้ ขอบคุณนะขอรับที่ท่านให้ที่หลับนอนแก่ข้า พรุ่งนี้ข้าก็จะไปแล้วล่ะ ข้าไม่รบกวนท่านนานนักหรอก เจมส์ ขอโทษที่แกล้งทำเป็นหูหนวกเป็นใบ้ ก็ข้าไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับท่านยังไงให้เข้าใจ ข้าไม่รู้ภาษาของมนุษย์นี่นา" เด็กชายตัวน้อยพูดรำพึงอย่างแผ่วเบาแล้วเขาก็หลับไปด้วยความง่วงนอน
เช้าวันต่อมา
จิ๊บ จิ๊บ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วปลุกคนที่กำลังหลับให้ตื่นนอน
"อืม"เสียงครางของเด็กชายผมสีดำดังในลำคอขึ้นเมื่อเขาเริ่มรู้สึกตัวตื่นนอน
"เช้าแล้วเหรอ ฮ้าววว"เขาลุกขึ้นนั่งเอามือขยี้ตาพรางทำท่าบิดขี้เกียจไปมาแล้วเอามือปิดปากหาว ท่าทางงัวเงียเหมือนพึ่งตื่นนอน
ก๊อก ๆๆเสียงคนเคาะประตูแล้วเปิดประตูเข้ามา
"ไง ตื่นแล้วเหรอเจ้าตัวน้อย"เจมส์ส่งเสียงพรางทำท่าทำทางทักทายแล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู เด็กชายพยักหน้าแล้วยิ้มตอบ
จากนั้นเจมส์ก็เดินมาหาที่เตียงแล้วหยิบกระดาษกับปากกาขนนกแล้วเอามาจุ่มหมึกวาดเป็นรูปอ่างน้ำ แล้วชี้มาที่ตัวเด็กชาย
"ไป-อาบน้ำ-กัน"เจมส์พูดช้าๆพรางทำท่าและวาดรูปไปด้วยเพื่อสื่อสารกับเด็กผมดำ เด็กชายพยักหน้า แล้วนายตำรวจหนุ่มก็คว้าแขนเด็กชายจูงพาเดินมาหาใกล้ๆแล้วจับเขาถอดเสื้อผ้าออกให้ เด็กชายยืนนิ่งยอมให้ถอดเสื้อผ้าอย่างว่าง่าย
จากนั้นเด็กชายก็ถูกพาเดินไปที่ห้องน้ำ ด้วยสภาพเปลือยล้อนจ้อนเนื้อตัวขาวเนียนใสพุดผ่อง
"เจ้าเด็กนี่ผิวพรรณดีจัง สงสัยเป็นลูกผู้ดีล่ะมั้ง แล้วคงจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเขาจนทำให้หูหนวกเป็นใบ้ไร้ญาติขาดมิตรล่ะมั้ง น่าสงสารจริงๆ ที่ขโมยของตามร้านค้าเพราะไม่มีเงินไว้เลี้ยงตัวเองสินะ "เจมส์พูดเบาๆในขณะที่กำลังอาบน้ำให้เด็กชายผมดำอยู่ เขาคิดว่าเด็กที่เขาอาบน้ำให้นั้นไม่ได้ยินเลยพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ
โดยหารู้ไม่ว่า เด็กใบ้คนนี้ได้ยินทุกอย่างเพียงแต่ฟังไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจเท่านั้น แต่ก็มีบางคำที่พอจะเข้าใจเพราะพึ่งได้เรียนรู้มาเมื่อวานทำให้เขาพอจะรู้ว่าชายที่กำลังอาบน้ำให้เขาอยู่นั้นกำลังพูดถึงตัวเขาอยู่ เขาก็ได้แต่ฟังพูดอะไรออกมาไม่ได้ การมาใช้ชีวิตเพียงลำพังในโลกต่างมิตินี้ดูยากลำบากเสียจริงมิน่าล่าถึงได้ไม่ยอมให้เด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดมาที่โลกมนุษย์เพราะมันลำบากมากนี่เองหลังจากนั้นไม่นานก็อาบน้ำเสร็จ เจมส์ก็ไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดๆถูๆที่ตัวของเด็กชายผมดำ เขาไม่รู้ชื่อของเด็กคนนั้นจึงเรียกเพียงแค่ เจ้าหนู
"เอาหล่ะใส่เสื้อผ้าชุดเดิมแล้วกันข้าไม่ได้เตรียมชุดใหม่ไว้ให้เจ้า "เจมส์พูดพรางเอาเสื้อผ้าสีดำชุดเดิมของเด็กชายมาสวมใส่ให้อย่างรวดเร็ว
"เดี๋ยวกินข้าวเช้าแล้วเจ้าจะต้องไปกับข้านะ"เจมส์พูดพรางทำท่าทางไปด้วย เด็กชายพยักหน้ารับรู้แล้วจากนั้นเจมส์ก็คว้าแขนเด็กชายผมดำพาลงไปข้างล่างเพื่อพาไปทานอาหารเช้า ซึ่งคนทำคือมารีแอตต้าภรรยาของนายตำรวจหนุ่ม
"มารีแอตต้า เช้านี้มีอะไรกินบ้างล่ะ ให้เจ้าหนูทานด้วยได้มัย"เจมส์ถามเมื่อเขาพึ่งจูงมือเด็กชายลงบันไดเข้ามาในห้องอาหาร แล้วพาไปนั่งที่เกาอี้ตรงโต๊ะอาหาร
"เชิญ เช้านี้มีซุบเห็ดกินเสร็จแล้วก็รีบๆพามันไปเร็วๆล่ะ"มารีแอตต้าบอกพรางเทน้ำซุบใส่จานยื่นส่งให้สามี แล้วก็เทใส่อีกจานเอามาวางกระแทกตรงหน้าเด็กผมดำที่พึ่งมานั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วย
"เอ้ากินเข้าไปซะ เจ้าใบ้ บ้านข้ามีอาหารแค่นี้แหละ จะกินหรือไม่กินเรื่องของเจ้า"มารีแอตต้าพูดเสียงกระด้าง เด็กชายหันมามองหน้ามารีแอตต้าอย่างไม่พอใจที่เธอกระแทกจานซุบใส่เขา ดูเธอไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ทั้งๆที่สามีของเธอใจดีออกขนาดนั้น
"ดูๆอุตส่าห์หาอาหารให้กินแท้ๆยังจะมามองหน้าหาเรื่องข้าอีก เดี๊ยะฟาดด้วยจานเปล่าซะเลย เจ้าเด็กนี่ วอนซะแล้ว" มารีแอตต้าตวาดแวดใส่พรางคว้าหยิบจานเปล่าๆทำท่าจะเอามาตีเด็กชาย
"ใจเย็นๆน่า มารีแอตต้า เจ้าหนูไม่ได้ยินหรอกนะที่เจ้าไปตวาดแวดๆใส่น่ะ อีกอย่างข้าก็ไม่เห็นว่าเจ้าหนูจะทำอะไรเลย แล้วเจ้าจะเอาจานไปตีเขาทำไม"เจมส์รีบเข้ามาห้ามก่อนที่ภรรยาสุดที่รักของเขาจะเอาจานฟาดหัวเด็กผมดำที่นั่งมองดูซูบอยู่
"เอามันออกไปเดี๋ยวนี้ ข้าไม่ให้มันกินแล้ว เอาออกไปเดี๋ยวนี้เลยเจมส์"มารีแอตต้าออกคำสั่งกับสามี เจมส์ได้แต่ถอนใจพรางรีบกระดกซดน้ำซุบเห็ดนั้นเข้าปากไปอย่างรวดเร็วแล้วหันไปมองดูเจ้าหนูที่กำลังนั่งมองจานซุบบนโต๊ะไม่มีทีท่าว่าจะกิน
"ไปกันเถอะเจ้าหนู ดูท่าภรรยาของข้ากำลังอารมณ์ไม่ดี อย่าไปอยู่ใกล้นางเลย เดี๋ยวเจ้าจะโดนนางตีเอา มารีแอตต้าข้าไปทำงานก่อนนะ "เจมส์คว้าแขนเด็กชายแล้วดึงตัวให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ส่วนอีกมือหยิบจานซุบของเจ้าหนูขึ้นมาถือไว้ แล้วพาตัวเด็กชายออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว
พอออกมาจากบ้านแล้วเจมส์ก็ยืนรอรถม้าจากที่ทำงานมารับเพื่อจะเดินทางไปยังที่ทำงานโดยมีเจ้าหนูยืนรออยู่ข้างๆด้วย
"เอ้ารีบๆกินซะ ในระหว่างที่รอรถม้ามาเดี๋ยวมันจะเย็นหมดไม่อร่อยนะ"เจมส์พูดพรางทำท่าไปพรางเพื่อสื่อสารกับเด็กใบ้หูหนวกอย่างทุลักทุเลเด็กชายพยักหน้าแล้วยื่นมือมารับจานซุบมากิน ทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรเลยแต่เพื่อรักษาน้ำใจของนายตำรวจเจมส์คนนี้เขาจึงต้องจำใจกิน
"เป็นไง ซุปของเมียข้าอร่อยมัย"เจมส์ถามพรางทำท่าทาง เด็กชายพยักหน้า เขาไม่ได้รับรู้รสชาติสักเท่าไหร่หรอกแต่เพื่อรักษาน้ำใจเลยต้องบอกว่าอร่อยเอาไว้ก่อนล่ะนะ พอกินจนหมดก็ส่งจานคืนให้ เจมส์เอาจานวางไว้ที่พื้นข้างประตูบ้านเดี๋ยวมารีแอดต้ามาเก็บไปล้างเอง
"ต้องขอโทษแทนเมียข้าด้วยที่นางอารมณ์ร้ายใส่เจ้า นางไม่ค่อยชอบเจ้าเท่าไหร่ ข้าคงให้เจ้าอยู่ที่บ้านข้าไม่ได้แล้ว ขืนเจ้าอยู่ด้วยนางคงจะทำร้ายเจ้าทุกวันแน่ๆ นี่แค่เจ้ามองหน้านาง นางก็ทำท่าจะตีเจ้าแล้ว อย่าไปถือสานางเลยนะ เจ้าหนู"เจมส์พูดเสียยืดยาวอย่างลืมตัวไปว่าเขากำลังพูดกับเด็กหูหนวกเป็นใบ้ทำให้เด็กชายทำท่างุนงงเกาหัวแกรกๆ ไม่เข้าใจว่าชายคนนั้นพูดอะไรบ้าง
"โอ้ ตายจริงข้าลืมไปเลย ว่าเจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดนี่นา ถึงพูดอะไรไปเจ้าก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี ชั่งเถอะคิดซะว่าข้าไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน"เจมส์พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ยินที่เขาพูดเลยหยุดพูดไปแล้วรอคอยรถม้ามารับอย่างเงียบๆ
"ไปๆรถม้ามาแล้ว เจ้าหนู"เจมส์พูดพรางกระตุกแขนของเด็กชายผมดำให้รู้ว่ารถม้ามาแล้ว เด็กชายพยักหน้าแล้วจากนั้นนายตำรวจเจมส์ก็ส่งตัวอุ้มเด็กชายเข้าไปในตู้รถม้าแล้วเขาก็ก้าวขึ้นบันไดตามเข้าไปนั่งข้างๆแล้วรถม้าก็แล่นทยานไปตามทางเข้าไปในเมืองมาหยุดตรงที่ทำการของตำรวจเมื่อมาถึงที่หมายแล้วเจมส์ก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วก้าวลงจากรถม้าก่อนจากนั้นก็ยื่นมือส่งมาให้เด็กชาย
"ส่งมือมา ระวังตกนะเจ้าหนู"เจมส์พูดอย่างอ่อนโยนพรางยื่นมือส่งให้เด็กชายจับเพื่อพยุงตัวลงมาจากรถม้า เด็กชายพยักหน้ายิ้มๆแล้วยื่นมือเล็กๆส่งให้นายตำรวจหนุ่มจับไว้แล้วก็อุ้มลงมาจากรถม้า พอลงมาจากรถม้าแล้วเด็กชายผมดำก็เดินถอยออกมา แล้วโค้งคำนับให้นายตำรวจหนุ่มแล้วเขาลองพูดภาษามนุษย์ที่ได้เรียนรู้จากชายหนุ่มด้วยคำง่ายๆสั้นๆว่า
"ขอบคุณขอรับ เจมส์ ลาก่อน"เด็กชายพูดยิ้มๆพรางทำท่าโบกมือบ๊ายบายแล้วเขาก็หันหลังเดินจากไปทันที เจมส์ถึงกับเบิกตากว้างคาดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะพูดได้ นี่ที่ผ่านๆมาเขาถูกหลอกหรือเนี่ย
"เดี่ยวเจ้าหนู นี่เจ้า เจ้า ไม่ได้หูหนวกเป็นใบ้หรอกเหรอ "เจมส์ถึงกับเหงื่อตกนี่เขาเสียรู้เจ้าเด็กจอมเจ้าเล่ห์นี่เสียแล้ว หนอยมาหลอกกันได้นะเจ้าเด็กบ้านี่
"คิกๆบาย บู๊ เจมส์ "เจ้าเด็กจอมเจ้าเล่ห์หันมาหัวเราะแล้วโบกมือลาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็วิ่งหนีไปทันทีไม่รออยู่ฟังนายตำรวจโวยวาย ถึงอยู่ฟังบางทีก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี
"หนอย กลับมานี่เลยนะเจ้าเด็กบ้ามาหลอกกันได้ อึ่มเจ็บใจนัก คอยดูเถอะถ้าเจอตัวอีกละก็จะจับตีให้น่าดูเลย "เจมส์ร้องโวยทำท่ากระฟัดกระเฟียดอย่างเจ็บใจที่โดนเด็กเจ้าเล่ห์ต้มซะเปื่อย
"หึหึหึ ท่าทางจะโกรธข้าน่าดู แต่ทำไงได้ล่ะข้าไม่รู้ภาษามนุษย์นี่นา ต้องขอบคุณท่านล่ะนะที่ช่วยสอนภาษามนุษย์ให้ข้าน่ะ ไว้ว่างๆข้าจะมาเยี่ยมใหม่นะเจมส์ เอ่อเอาไว้ให้เจมส์หายโกรธก่อนแล้วกัน ขืนไปตอนนี้มีหวังโดนจับตีแหง๋"เด็กน้อยผมดำตาสีทับทิมพูดกับตัวเองด้วยภาษาปีศาจไปพรางขณะที่กำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ในเมือง
"เฮือก เจ้าพวกนั้น!แย่หล่ะ!"เด็กชายสะดุ้งเมื่อได้ยินภาษาที่คุ้นเคยดังมาเขารีบหาที่หลบทันทีแล้วแอบมองดูต้นทางก็เจอกับปีศาจในร่างมนุษย์สองตนนั้นกำลังเดินคุยกันด้วยภาษาปีศาจ โชคดีที่มองไม่เห็นไม่งั้นเขาคงโดนจับกลับส่งโลกปีศาจแหง๋
เด็กชายจึงหลบซ่อนตัวตรงมุนตึกที่พอมองเห็นปีศาจสองตนนั้นได้ชัดเจนแล้วเขาก็แอบฟังการสนทนากันของปีศาจสองตนนั่นพวกนั้นพูดด้วยภาษารูนซึ่งมีแต่ปีศาจเท่านั้นที่จะฟังรู้เรื่อง
"นี่ลูกพี่ตกลงจะเริ่มแผนการกันเมื่อไหร่ดี คืนนี้หรือว่าพรุ่งนี้ดีล่ะ "ปีศาจในคราบมนุษย์ร่างผอมหน้าซูบตอบถามขึ้น
"ข้าว่าน่าจะเป็นคืนนี้จะดีกว่า ดูพวกมนุษย์พวกนั้นสิ มันไม่ได้ระมัดระวังตัวอะไรกันเลย แต่ว่าข้าอยากเที่ยวสักหน่อยค่อยจัดการ ไปดื่มเหล้ากันดีกว่าไอ้น้อง ข้าอยากจะลองลิ้มรสสุราของพวกมนุษย์ดูว่ามันจะแรงๆพอๆกับสุราในโลกปีศาจหรือเปล่า" ปีศาจในคราบมนุษย์ร่างสูงใหญ่พูดอย่างงร่าเริงพลางคว้าคอเจ้าร่างผอมนั้นพาเดินตรงไปหาร้านเหล้าดื่มกันอย่างรวดเร็ว
ทางด้านเจ้าหนูที่แอบดูอยู่เริ่มติดใจสงสัยกับคำว่าแผนการของปีศาจสองตนนั่น
"พวกนั้นจะไปไหนกันนะ แล้วแผนการของพวกนั้นมันคืออะไร แถมยังจะเริ่มคืนนี้อีก น่าสงสัย "เด็กชายตัวน้อยถามกับตัวเองพรางมองตามปีศาจสองตนนั้นเดินเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่ง
"ดีล่ะข้าจะต้องไปสืบให้รู้ให้ได้ว่าปีศาจสองตนนั้นคิดจะทำอะไรคืนนี้ "เด็กชายผมดำพึมพำกับตนเองพรางค่อยๆออกจากมุมตึกแล้วเดินตรงไปยังสถานที่ที่พวกปีศาจสองตนนั้นเข้าไปแต่
"เข้าไม่ได้เจ้าหนู ที่นี่ไม่ใช่ที่เหมาะสำหรับเด็กอย่างเจ้า ไว้เจ้าโตแล้วค่อยมาใหม่ ไปๆ อย่ามาเกะกะหน้าร้านของข้า"เสียงชายร่างบึกบึนตวาดใส่ขับไล่เด็กชายผมดำออกไปห่างๆร้านเหล้าเขาเป็นยามเฝ้าหน้าร้านคอยต้อนรับลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่เจ้าหนูทำท่างงเขาไม่เข้าใจว่าชายร่างบึกบึนนี่พูดว่าอะไรแต่ทำท่าทำทางแบบนี้คงจะไม่ให้เข้าไปในร้านสินะ ทำไมล่ะหรือว่าเขาไม่มีเงินต้องไปหาเงินก่อนสินะพอคิดได้แล้วเขาก็รีบเดินออกมาห่างๆสถานที่นั้นเพราะพอไปยืนเกะกะหน้าร้านก็ถูกนายร่างบึกบึนพลักกระเด็นแล้วตะโกนไล่อย่างไม่ปราณี
"อืมแล้วข้าจะไปหาเงินมาจากไหนล่ะ ไปขโมยเหรอ ไม่เอาเดี๋ยวโดนจับอีก"เด็กชายผมดำเดินไปคิดไปว่าจะหาทางเข้าไปในร้านนั้นยังไงดีต้องรีบด้วยไม่งั้นเกิดพวกนั้นพูดกันจบแล้วเขาก็อดรู้น่ะสิว่าพวกนั้นวางแผนอะไรกัน
"จริงสิ เราจะมัวแต่เสียเวลาไม่ได้เกิดพวกนั้นพูดกันจบแล้วเราก็ไม่มีทางรู้น่ะสิว่าพวกนั้นวางแผนจะทำอะไรคืนนี้ ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว อืม ทำไงดี "เจ้าหนูนึกพรางมองรอบๆตัวไปพรางเพื่อเค้นสมองคบคิดหาวิธีเข้าไปในร้านเหล้านั้นให้ได้
"จริงสิในเมื่อไม่ให้เข้าทางประตู งั้นข้าเข้าทางหน้าต่างก็ได้นี่"เด็กชายยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่จำเป็นต้องเข้าตามรอกออกตามประตูเหมือนมนุษย์ก็เขาเป็นปีศาจนี่นา พอนึกได้แล้วเจ้าหนูก็วิ่งอ้อมไปที่หลังร้านเหล้าที่มีสองชั้นแอบปีนหน้าต่างชั้นหนึ่งมองเข้าไปข้างใน
"พวกนั้นไม่ได้อยู่ชั้นล่างเหรอ สงสัยคงจะอยู่ชั้นสองล่ะมั้งขึ้นไปดูดีกว่า"ว่าแล้วเด็กชายผมดำก็กระโดดใช้วิชาตัวเบาขึ้นไปเกาะที่ขอบหน้าต่างชั้นสองได้อย่างง่ายดาย แล้วแอบดูผู้คนที่นั่งเกาะกลุ่มกันพูดคุยเสียงดังจ่อกแจ่ก แล้วเขาก็มองเห็นโต๊ะที่มีปีศาจสองตนนั่งอยู่ เด็กชายค่อยๆปีนจากหน้าต่างอีกบานมาอีกบานที่อยู่ใกล้โต๊ะที่ปีศาจพวกนั้นนั่งอยู่มากที่สุดเพื่อแอบฟังการสนทนา
"ลูกพี่แน่ใจเหรอว่าเราจะลงมือคืนนี้น่ะ ปีศาจที่มาบุกเบิกที่นี่ส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับเราสองตนเหรอ พวกนั้นจะยอมร่วมมือกับเราเหรอ"ชายร่างผอมถามอย่างไม่แน่ใจ
"แน่ใจสิ ข้าว่าพวกมันส่วนใหญ่น่าจะชอบที่นี่ จากที่ข้าลองสำรวจดูที่นี่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยธรรมชาติที่ดูร่มรื่น ทำเลก็ดีมีทิวทัศน์งดงาม ถ้าหากว่าเราเอาสถานที่นี้ไปเสนอพวกนั้นต้องเห็นด้วยแน่"ชายร่างใหญ่พูดพรางปรายตามองดูผู้คนที่นั่งดื่มกินอาหาร ดื่มสุราและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
"ดูสิพวกมนุษย์มันไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน ช่างประมาทจริงๆมันไม่รู้ตัวเลยว่ามีปีศาจมานั่งด้วยน่ะ แต่ว่าข้าติดใจสุราที่นี่ซะแล้วสิ ถ้าหากว่าเริ่มแผนสิ่งแรกที่ข้าจะยึดคือที่นี่ล่ะ"เจ้าร่างใหญ่พูดพรางยกแก้วเหล้าขึ้นจิบช้าๆ
"แล้วพวกมนุษย์ล่ะลูกพี่จะทำยังไง"เจ้าผอมถามออมเสียง
"ฆ่ามันให้หมดอย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว เอ่อยกเว้นเจ้าของร้านไว้คนข้าจะให้มันมาเป็นทาสของข้า หมักเหล้าให้ข้ากินทุกวันเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า"เจ้าร่างใหญ่พูดด้วยเสียงที่น่าสะพรึงกลัวพรางยกแก้วเหล้าจิบไปพรางหัวเราะอย่างร่าเริง
"ฮะ!!อุ๊บ"เสียงเด็กชายที่กำลังแอบฟังการสนทนาของปีศาจสองตนนั้นอยู่เขาเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจพรางรีบเอามือปิดปากเอาไว้ จากนั้นก็กระโดดลงไปข้างล่างแล้วหาที่หลบทันทีเพราะเสียงร้องของเขาอาจทำให้ปีศาจสองตนนั้นระแคะระคายสงสัยเอาได้
"เจ้าได้ยินมัย เมื่อกี้เสียงอะไร"เจ้าร่างใหญ่ถามพรางลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่หน้าต่างแล้วก้มมองลงไปข้างล่าง เพื่อหาต้นตอของเสียงน่าสงสัยนั้น
"ไม่รู้สิลูกพี่ ฟังดูเหมือนเสียงเด็กร้อง"เจ้าร่างผอมบอกพรางก้มมองไปดูข้างล่างด้วยอีกคน
"เด็กเหรอ นี่มันชั้นสองนะเจ้าบ้า เด็กที่ไหนจะปีนขึ้นมาได้ เพ้อเจ้อ ช่างเหอะ กินเหล้าต่อดีกว่า "เจ้าร่างใหญ่พูดพรางตบกระโหลกเจ้าร่างผอมหนึ่งที จากนั้นก็เดินกลับไปดื่มเหล้าต่อจนหมดแก้ว พรางเดินไปหลีเจ้าของร้านแสนสวยแล้วก็ชวนกันออกไปจากร้าน ซึ่งในตอนนี้มีเด็กผมดำกำลังแอบสะกดรอยตามดูพวกนั้นอยู่ห่างๆ
"แหมเหล้าที่นี่รสชาติไม่เลวเลย แถมเจ้าของร้านก็สวยถูกใจข้า ข้าจะเอามาทำเมียดีมัยวะจะได้ให้นางทำเหล้าให้ข้ากินทุกวันเลย ตอนแรกจะเอามาเป็นทาส ข้าเปลี่ยนใจและเอามาทำเมียดีกว่า เอิ้ก หึหึหึ "เจ้าร่างใหญ่พูดอย่างร่าเริงพรางเดินโซเซด้วยความเมามายเพราะพิษสุรา
"เอาเลยลูกพี่ว่าแต่ตอนนี้เรานัดพวกนั้นไว้ที่ไหนกันล่ะ เรื่องประชุมแผนการในคืนนี้"เจ้าร่างผอมพูด
"นายป่า ตามข้ามาอากาส"เจ้าร่างใหญ่หันมาบอกเสียงยานคางด้วยความเมา
"ข้าชื่ออากัส ไม่ใช่อากาสนะลูกพี่ เรียกให้ดีหน่อยสิ"เจ้าร่างผอมร้องประท้วงที่ลูกพี่เรียกชื่อผิด
"เออๆ ข้ารู้น่า ก้อข้ามาวนี่ จาเอาอารายกาบปีศาจมาวว้า เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวเลย"เจ้าร่างใหญ่พูดยานคางพรางทำท่าจะตบกระโหลกลูกน้องอีกที
"อย่าเลยน่าลูกพี่ เอ้าเดินดีๆหน่อยสิ เดี๋ยวชนต้นไม้หรอกลูกพี่"เจ้าร่างผอมพยายามพยุงตัวลูกพี่ของตนที่เดินโซเซเมาแอ๋ไม่ให้เดินชนต้นไม้ในระหว่างที่กำลังเดินเข้าไปในป่าเพื่อไปยังจุดนัดพบเหล่าปีศาจผู้บุกเบิกโลกมนุษย์ เด็กชายผมดำที่แอบสะกดรอยตามปีศาจสองตนนั้นจากในเมืองมาจนถึงชายป่า ดูท่าสองตนนั้นจะไม่รู้ตัวเลยว่าถูกสะกดรอยตาม
"พวกนั้นจะไปไหนกันนะ ทำไมถึงเข้าไปในป่า ต้องตามเสียแล้วอาจจะได้ข้อมูลดีๆ"เด็กชายพูดเบาๆพรางแอบสะกดรอยตามไปเรื่อยๆจนเข้าไปในป่าลึก แล้วเด็กชายก็สะกดลอยเจ้าปีศาจสองตนนั้นเข้ามาจนถึงใจกลางป่า ซึ่งพอมาถึงเด็กชายผมดำก็เห็นว่ามีปีศาจผู้ใหญ่เต็มไปหมดเลยพวกนั้นมาชุมนุมกันในนี้สินะ
"โอ้พวกท่านมากันแล้วสินะ ตกลงว่าคืนนี้พวกท่านจะร่วมปาตี้สังหารหมู่กับพวกข้าหรือไม่"ชายรางใหญ่ที่ตอนนี้หายเมาแล้วพูดอย่างเป็นทางการ
"ข้าอยากเที่ยวให้สนุกอยู่นะ พวกมนุษย์ก็ดีหลายคนนะ ข้าเสียดายหากข้าสังหารพวกมันไปมีมนุษย์คนหนึ่งมาเป็นเพื่อนกับข้าแล้วด้วย ข้าไม่เห็นด้วยที่จะสังหารหมู่ "หนึ่งในเหล่าปีศาจผู้บุกเบิกพูดขึ้นเพื่อคัดค้าน
"เรามาบุกเบิกกันที่โลกมนุษย์นี้เพื่ออะไรกัน ยึดครองดินแดนแห่งนี้ไม่ใช่เหรอ ข้าเห็นด้วย ต้องฆ่าให้หมดยึดที่นี่เป็นของพวกเราซะว่าแต่จะเริ่มปาตี้เมื่อไหร่"ปีศาจร่างสูงใหญ่พูด
"เที่ยงคืน"เจ้าร่างใหญ่ที่ส่างเมาบอกเขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการปลุกระดมเหล่าปีศาจให้ยึดครองดินแดนแห่งนี้
"เอาหล่ะ ใครเห็นด้วยให้อยู่ที่นี่กับข้า ส่วนใครไม่เห็นด้วยจงกลับไปซะแล้วอยู่เฉยๆของเจ้าไป แล้วอย่ามาขัดขวางการทำงานของพวกเรา หากใครกล้ามาขัดขวางถือว่าเป็นศัตรู จะต้องถูกฆ่า " ปีศาจร่างใหญ่เจ้าของงานปาตี้สังหารหมู่พูดแล้วจากนั้นก็เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวกกัน ปีศาจที่ไม่เห็นด้วยกับการเข่นฆ่ามนุษย์ก็เดินออกไปจากป่าทันทีซึ่งมีส่วนน้อยไม่ถึงสิบตน ส่วนที่เหลือที่อยู่ที่นี่คือพวกเห็นด้วยกับการสังหารหมู่ยึดครองดินแดนแห่งนี้ แล้วเด็กชายตัวน้อยที่แอบสะกดรอยตามมาในตอนนี้แอบหลบดูเหตุการณ์การประชุมของเหล่าปีศาจอยู่ถึงกับเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก
"สังหารหมู่ !!!พวกนั้นจะฆ่ามนุษย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่งั้นเหรอ ไม่นะ แล้วเจมส์ล่ะ เขาจะต้องไม่ตาย ต้องรีบกลับไปบอกเจมส์ให้รีบหนีไปจากที่นี่ก่อนเที่ยงคืน"เด็กชายผมดำเกิดเป็นห่วงชีวิตของนายตำรวจหนุ่มที่ให้ที่หลับนอนกับเขาขึ้นมาเขาจะต้องช่วยชายคนนั้นให้รอดชีวิตให้ได้
แล้วเด็กชายก็วิ่งกลับเข้าไปในเมืองเขาไม่สนแล้วว่าพวกปีศาจนั้นจะฆ่าสังหารหมู่ยังไง แต่เขาขอแค่ให้นายตำรวจรอดไว้สักคนก็พอแล้ว ลำพังตัวเขาคนเดียวไม่อาจปกป้องคนทั้งเมืองนี้ได้หรอก เขายังเป็นแค่เด็กตัวเล็กที่ไร้พิษสงสู้ปีศาจผู้ใหญ่พวกนั้นไม่ไหวหรอกแล้วเด็กชายก็วิ่งห้อกลับมาที่สถานที่ทำงานที่เจมส์รักษาการณ์อยู่
"เจมส์ หนี เร็ว"เด็กชายพูดเป็นคำๆแล้วชี้ไปที่ประตูเขาพึ่งเรียนภาษามนุษย์มาได้เพียงเล็กน้อย นายตำรวจตกใจไม่น้อยเลยที่เห็นเจ้าเด็กแกล้งใบ้วิ่งกลับมาหาเขา
"เจ้าหนู!!!"นายตำรวจหนุ่มลุกขึ้นยืนทันที
"เจมส์หนีไป"เด็กผมดำพูดช้าๆพรางคว้าแขนเสื้อของนายตำรวจแล้วดึงไปที่ประตู
"เจ้ากลับมาอีกทำไม มาให้ข้าตีเจ้างั้นเหรอ เจ้าเด็กโกหก"นายตัวรวจจับไหล่เล็กๆของเด็กชายแล้วเขย่าอย่างโมโห พรางทำท่าจะเงื้อฝ่ามือขึ้นเตรียมลงมือฟาดก้นเจ้าหนู
"ฟังก่อน หนีไป หนีไป เร็ว"เด็กชายพยายามพูดภาษามนุษย์เพื่อบอกให้นายตำรวจหนีไปนายตำรวจชะงักมือเอาไว้ เขามองดูเด็กชายอย่างงุนงงว่าทำไมถึงบอกให้เขาหนีไป
"หนีไปงั้นเหรอ หนีทำไมกันล่ะ เกิดอะไรขึ้น"เขาพูดพรางเขย่าตัวเด็กชายจนหัวสั่นหัวคลอน
" เจมส์ ตาย หนีเร็ว"เด็กชายพูดไม่เป็นประโยคได้แต่เป็นคำๆจนทำให้นายตำรวจงุนงงหนักเข้าไปอีก
"อะไรนะ นี่เจ้าคิดจะแช่งให้ข้าตายงั้นเหรอ"เจมส์ร้องอย่างโมโห พรางจ้องหน้าใสๆนั้นอย่างขุ่นเคืองใจ เจ้าหนูกระพริบตาปริบๆไม่เข้าใจว่าเจมส์โกรธอะไร
"ตาย หนีเร็ว เจมส์ "เด็กชายลองเปลี่ยนคำเรียงใหม่ดู เมื่อกี้เขาอาจเรียงผิดเลยทำให้เจมส์โกรธเขาก็ได้
"ทำไมข้าถึงตายล่ะ เจ้าหนูนี่เจ้าพูดเหมือนว่าเจ้าไม่รู้ภาษาของเราเลย ไม่ได้เรียนหนังสือมาหรือไง"นายตำรวจถามขึ้น เด็กชายกระพริบตาปริบๆแล้วส่ายหน้าเขาไม่เข้าใจที่เจมส์พูด
" ข้า ไม่รู้ ภาษา เจมส์"เด็กชายพูดเป็นคำๆบอกว่าเขาไม่รู้ภาษาของมนุษย์ นายตำรวจจ้องมองดู เด็กคนนี้ไม่เข้าใจภาษาของเขางั้นเหรอ ตอนแรกถึงได้ทำเป็นใบ้เพราะสื่อสารกันไม่เข้าใจสินะ หรือว่าที่เด็กคนนี้ยอมพูดเพราะเขาเผลอไปสอนให้โดยไม่รู้ตัวสินะ
"เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดสินะ เจ้าเป็นคนต่างชาติงั้นเหรอ"เจมส์พูดพรางทำท่าไปด้วย เด็กชายยิ้มให้แล้วพยักหน้า
"อ้อเข้าใจแล้วที่เจ้าทำเป็นหูหนวกเป็นใบ้เพราะเจ้าไม่รู้จะพูดกับข้ายังไงสินะ "เจมส์พูดมายาวเหยียด เด็กชายได้แต่ทำท่างุนงงเกาหัวแกรกๆบ่งบอกว่าไม่เข้าใจที่เจมส์พูด
"เอาหล่ะงั้นข้าจะสอนภาษาให้เจ้าแล้วกัน"แล้วเจมส์ก็ก้มลงหยิบกระดาษเปล่าออกมาจากนั้นก็ส่งปากกาขนนกจุ่มหมึกแล้วยื่นส่งให้เด็กชาย
"ทำอะไรขอรับ"เจ้าหนูถาม
"วาดรูปสื่อสารกับเจ้าไง "เจมส์พูดพรางทำท่าให้ดู เจ้าหนูพยักหน้า
"ให้ข้าหนีไปทำไม เจ้าหนู"เจมส์เริ่มเปิดประเด็ก เด็กชายวาดภาพรูปปีศาจน่ากลัวตัวใหญ่ๆหลายตัวเลยแล้วก็ชี้มาที่เจมส์
"นี่ ฆ่า เจมส์ หนีไปเร็ว"เด็กชายบอก
"ตัวอะไรน่ะ วาดเยอะแยะเลยดูน่ากลัวจัง"เจมส์มองดูรูปตัวประหลาดที่เด็กชายวาดอย่างสงสัย
"ไม่ใช่ คน"เด็กชายบอก
"หา*0*จริงเหรอ "เจมส์ถึงกับเบิกตากว้าง
"ใช่ ไม่ใช่คน ฆ่า เจมส์ หนีไปเร็วขอรับ"เจ้าหนูใช้คำง่ายๆลองเรียงเป็นประโยคดู
"อย่ามาล้อเล่นน่า มีที่ไหนกันที่ไม่ใช่คนน่ะ "เจมส์อย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดของเด็กชายผมดำ
"มีสิ ข้า ไม่ใช่คน"เด็กชายตัดสินใจบอกความจริง เพราะดูเหมือนนายตำรวจจะไม่เชื่อในคำพูดของเขาคิดว่าเป็นเรื่องตลก
"ฮ่า ฮ่า อะไรกันเจ้าหนูอย่ามาล้อเล่นน่า เจ้าน่ะนะไม่ใช่คน เพ้อเจ้อ อย่ามาพูดให้ขำดีกว่า"เจมส์พูดกลัวหัวเราะ
"ไม่ใช่คน"เจ้าหนูยืนยันเสียงหนักแน่น
"เหรอ ไหนล่ะหลักฐาน ถ้าเจ้าอยากให้ข้าเชื่อก็แสดงให้ข้าดูสิว่าเจ้าทำอะไรได้"เจมส์พูดยืดยาว เด็กชายขมวกคิ้วฟังไม่รู้เรื่อง
"ไม่เข้าใจ เจมส์พูด "พูดพรางส่ายหน้า
"อ้อลืมไปเจ้าไม่รู้ภาษาอังกฤษนี่นะ งั้นเอาง่ายๆ ถ้าเจ้าเป็นปีศาจน่าจะบินได้ ไหนลองทำให้ดูหน่อยสิ บินน่ะ"เจมส์พูดทำท่าบินให้เด็กชายดู
"บิน ได้ขอรับ"เด็กชายตอบยิ้มๆจากนั้นเขาก็หลับตาลงเพ่งสมาธิแล้วจากนั้นก็ใช้พลังปีศาจทำให้ตนเองลอยขึ้นจากพื้น
ท่ามกลางความตกตลึงของนายตำรวจเขาตกใจเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึงว่าเด็กชายจะลอยตัวขึ้นมาจากพื้นอยู่เหนือโต๊ะทำงาน
"ปะ ปีศาจ!!!"เจมส์ร้องลั่นพรางก้าวถอยออกมาด้วยความตกใจกลัว แล้วจากนั้นเด็กชายก็ปล่อยตัวล่อนลงมานั่งขัดสมาธิบนโต๊ะทำงานของนายตำรวจหนุ่ม
"หึหึหึ"เด็กชายยิ้มกริ่มพรางกระพริบตาปริบๆท่าทางดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว
"ใช่ ข้า ไม่ใช่คน เจมส์หนีไป ปีศาจ ฆ่าเจมส์"เด็กชายผมดำพูดเตือนอีกครั้ง
"ถึงจะบอกว่าให้หนีไปแต่จะให้ข้าหนีไปไหนล่ะ ที่นี่มันเป็นเกาะนะ "เจมส์พูดช้าๆเขาหายกลัวเด็กชายแล้ว ถึงเป็นปีศาจแต่เด็กคนนี้ก็น่ารัก อุตส่าห์มาเตือน
"เกาะ อะไร"เด็กชายไม่รู้จักคำๆนี้
"เกาะที่มีน้ำเต็มไปหมดเลย น้ำ ภูเขา ล้อมรอบ"เจมส์พูดพรางวาดรูปวงกลม ทะเล แล้ววาดภูเขาโอบล้อมพื้นที่วงกลมแล้วมีทะเลล้อมอีกที เด็กชายจึงเข้าใจ
"เกาะ น้ำ ภูเขา ล้อมเกาะ ใช่มัย"เด็กชายเริ่มใช้คำถามเป็นแล้ว
"ใช่เจ้านี่เก่งนะ ขนาดไม่รู้ภาษามนุษย์ยังสื่อสารกับข้าได้ เรียนรู้ได้ไวทีเดียวนี่"เจมส์พูดยิ้มๆมีเพื่อนคุยเป็นปีศาจเด็กก็ดีเหมือนกันคลายเหงาไปได้เยอะเลย
" เจมส์ ชมข้า ใช่มัย"เจ้าหนูถามยิ้มๆ
"ใช่ข้าชมเจ้า เอาหล่ะ เจ้าหนู ไหนบอกมาซิว่า ปีศาจพวกนั้นจะทำอะไร "เจมส์ถามช้าๆ
"ฆ่าคน ที่เกาะ ตายหมด "เด็กชายพูดพรางทำท่าให้ดูตามไปด้วย
"แล้วเจ้ารู้ได้ไง"เจมส์ถามพรางทำท่าทางไปด้วย
เด็กชายชี้ไปที่หู
"หู ได้ยินเหรอ"เจมส์ถามเด็กชายพยักหน้า จากนั้นเขาก็ชี้ที่ตา
"ตา มองเห็นใช่มัย"เจมส์ลองทายดู เด็กชายยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นเขาก็วาดรูปต้นไม้หลายต้นเลยแล้วยื่นส่งให้นายตำรวจดู
"ต้นไม้เยอะๆ ป่าเหรอ"เจมส์มองดูภาพแล้วลองทายดูพราง พูดไปด้วยเพื่อสอนภาษาให้เด็กชายไปในตัว
"พวกนั้นทำอะไรกันในป่าล่ะ"เจมส์ถามอย่างสงสัย
"พูด เต็มเลย"เด็กชายบอก
"หมายความว่าพูดกันหลายคนสินะ ปีศาจมีเยอะมัยที่เจ้าเห็นน่ะ"เจมส์พูดพรางทำท่าให้ดู
"มาก"เด็กชายบอกพรางพยักหน้า นายตำรวจหนุ่มถึงกับเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนกไม่ได้การแล้วเขาต้องไปเตือนคนอื่นๆให้รู้ถึงภัยอันตรายที่กำลังมาเยือน
"พวกปีศาจจะมาตอนไหน"เจมส์ถาม
"กลางคืน"เด็กชายบอกพรางวาดรูปดวงจันทร์ส่งให้ดู
"ไม่ได้การแล้ว มานี่เจ้าหนู เราต้องไปบอกชาวบ้านให้ระวังตัว "เจมส์พูดพรางเดินตรงมาคว้าแขนเล็กๆของเด็กชายพาเดินตามเขาออกจากประตูห้องทำงานไป
"ไปไหน"เด็กชายร้องถาม
"ไปบอกชาวบ้านให้เตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้ เราจะสู้"เจมส์บอกพรางลากตัวเด็กชายเดินตรงไปยังใจกลางเมืองเพื่อส่งสัญญาณเตือนภัย
"ไม่ เจมส์ หนีไป "เด็กชายร้องห้าม เขารู้ดีว่ามนุษย์ไม่อาจสู้ปีศาจได้
"ข้าหนีไปไม่ได้เจ้าหนู ข้าเป็นผู้พิทักษ์สันติราช ในเมื่อจะมีปีศาจที่ชั่วร้ายมารุกรานบ้านเมืองของข้า ข้าไม่อาจนิ่งดูดายได้ "เจมส์บอกพรางทำท่าจะเดินไปส่งสัญญาณเตือนแต่แล้ว ก็ถูกเด็กชายดันตัวห้ามเอาไว้เสียก่อน
"มีอะไร"ตำรวจหนุ่มถามอย่างแปลกใจที่เด็กชายห้ามเขา
"ปีศาจ"เด็กชายบอกพรางเป็นฝ่ายคว้าจับแขนนายตำรวจลากพาวิ่งมาหลบซ่อนตัวที่มุมตึก เจมส์มองอย่างแปลกใจ ไม่น่าเชื่อตัวนิดเดียวแต่แรงเยอะมากเลย สมกับเป็นปีศาจจริงๆ ลากจนแทบตัวปลิวเลย
"เจ้าหนูนี่เจ้าจะพาข้าไปไหน แฮ่กๆ"เจมส์ร้องถามในขณะที่ถูกเด็กปีศาจลากจูงวิ่งไปตามทาง
เด็กชายไม่พูดอะไรเขาพาเจมส์มาหาที่หลบซ่อนแล้วจับนายตำรวจหนุ่มกดตัวก้มหลบ แล้วจากนั้นก็มองดูปีศาจเดินผ่านหน้าไปอย่างเฉียดเฉียว
"นั้นปีศาจเหรอ"เจมส์กระซิบถาม เขามองดูแล้วก็ไม่เห็นจะเหมือนปีศาจตรงไหนเลย เท่าที่เขาเห็นก็เห็นแต่ชายหนุ่มเดินผ่านไปธรรมดาเอง แล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงบอกให้หลบล่ะ
"ใช่ ปีศาจ ฆ่า คน"เด็กชายตอบ
"มองดูแล้วก็ไม่เห็นเหมือนปีศาจเลยนี่นา"เจมส์ให้ข้อสังเกต
"ปีศาจ หลอก คน"เด็กชายเตือน
"เจ้ารู้ได้ไงว่าคนๆนั้นเป็นปีศาจ"เจมส์ถาม
"ข้า เป็น ปีศาจ"เด็กชายบอก
"อ้อเพราะเจ้าเป็นปีศาจเลยรู้สินะว่าคนไหนคือปีศาจปลอมตัวมา"เจมส์พูด เด็กชายทำท่างุนงง
"ไม่เข้าใจ"เด็กชายบอก
"เอ่อ เอาไงดีล่ะจะบอกไงดีไม่มีกระดาษด้วยสิ "เจมส์เอามือกุมขมับ มีเพื่อนเป็นปีศาจก็ดีอยู่หรอกแต่จะสื่อสารยังไงให้เข้าใจดี
"ไม่เป็นไร เอาเป็นว่า ข้าเชื่อเจ้าแล้วกัน เชื่อเจ้าน่ะ เข้าใจเปล่า"เจมส์พูดพรางทำท่าไปด้วย
"เชื่อข้า อืม เข้าใจแล้ว"เด็กชายพูดพรางพยักหน้ารับรู้ความหมายที่เจมส์พูด
"แต่ว่าข้าหนีไปไม่ได้ ประชาชนที่นี่ของข้ายังอยู่ ถ้าเจ้ากลัว เจ้าหนีไปเถอะเจ้าหนู ปีศาจน้อยอย่างเจ้าคงสู้พวกนั้นไม่ไหวหรอก ให้พวกข้าสู้กับพวกมันดีกว่า"เจมส์พูดยาวเหยียด เด็กชายทำหน้างง
"ไม่เข้าใจ"เด็กชายพูดพรางส่ายหน้าไปมา
"เอาง่ายๆ ข้าจะสู้กับปีศาจ เข้าใจยัง"เจมส์พูดพรางทำท่าทางประกอบ เด็กชายทำหน้ามุ่ยทันที
"ไม่ได้ เจมส์ หนี ไม่สู้"เด็กชายบอก
"อย่ามาห้ามข้าเลย ถ้าเจ้ากลัว เจ้าก็หนีไป แต่ข้าไม่หนี"เจมส์พูดช้าๆ
"ข้า กับคนของข้า จะสู้กับปีศาจ"เจมส์พูดคำง่ายๆให้เด็กชายฟังแล้วเขาก็ลุกจากที่ซ่อนเดินตรงไปยังใจกลางเมืองเพื่อป่าวประกาศสงครามกับเหล่าปีศาจ เตรียมอาวุธ
"ไม่ เจมส์ หนี สู้ปีศาจไม่ได้ ปีศาจ ฆ่า ตายหมด "เด็กชายบอกพรางคว้าจับเสื้อของนายตำรวจเอาไว้ไม่ยอมให้ไปบอกชาวบ้าน
แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถห้ามได้ นายตำรวจสะบัดแขนของตนหลุดจากการเกาะกุมของเด็กชายตัวน้อย แล้วรีบวิ่งไปส่งสัญญาณที่ใจกลางเมือง เด็กชายไม่ได้ตามไปเขาต้องหลบพวกปีศาจ หากพวกนั้นเห็นเขาเรื่องใหญ่แน่
แก๊งๆ แก๊ง ๆเสียงตีเกราะ เคาะไม้เรียกชาวบ้านมาชุมนุมกัน จริงๆต้องเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านแต่ว่า ในตอนนี้เรื่องเร่งด่วนไม่อาจไปตามผู้ใหญ่หรือนายอำเภอมาได้มาได้
"ประชาชนทุกท่าน ข้ามีเรื่องจะประกาศ ขณะนี้ในเมืองของเราได้เกิดภัยร้ายมาคุกคาม มันคือปีศาจ ขอให้พวกคนที่ไม่อยากจะตายให้รีบอพยพหนีไป หากใครประสงจะต่อสู้ ให้อยู่ที่นี่ เราจะระดมกำลังกันขับไล่พวกปีศาจ" เจมส์ป่าวประกาศเสียงดังตรงใจกลางเมือง ผู้คนที่มาคอยฟังต่างไม่เชื่อในคำพูดของเขาไม่มีใครเชื่อเลยแม้แต่คนเดียว
"ปีศาจ เฮอะ เรื่องตลกอะไรกันนะ สารวัตร เพ้อเจ้อ สงสัยอากาศจะร้อนมากจนทำให้ท่านสติเลอะเลือนสินะ เหลวไหลน่า ในโลกมนุษย์เนี่ยนะจะมีปีศาจมารุกราน บ้าสิ้นดี ไปพวกเรากลับเถอะอย่าไปฟังคนบ้าพูดเลย"ชายคนหนึ่งพูดคัดค้านพรางต่อว่านายตำรวจหนุ่มสาดเสียเทเสียเลย
"อลัน ข้าพูดจริงๆนะ คืนนี้จะมีปีศาจบุกมาฆ่าพวกเรา เราต้องสู้ ไม่งั้นพวกเราทุกคนจะถูกฆ่าตายหมด"เจมส์พูดเกลี่ยกล่อมแต่ไม่มีใครเชื่อเลย ผู้คนที่มาฟังต่างแยกย้ายกันไปตามทางของตนไม่สนคำเตือนของนายตำรวจคนนี้เลยแม้แต่คนเดียว
"โถ่นี่ ทุกคน เชื่อข้าสิ ข้าไม่ได้โกหกนะ ไม่ได้เพ้อเจ้อด้วย มีปีศาจจริงๆ เชื่อข้าเถอะ ทุกคน ได้โปรด เชื่อข้า"นายตำรวจพยายามพูดเพื่อชักจูงให้ผู้คนเชื่อในคำพูดของเขาแต่ไม่มีใครสนใจเลย จนบางคนรำคาญเอาข้าวของขว้างปาใส่ไล่ให้นายตำรวจกลับที่ทำงานไป
"ไปทำงานซะไป พูดบ้าๆ กลับไปซะเจ้าตำรวจบ้า เพ้อเจ้อ"ชายคนหนึ่งตวาดใส่พรางเอาหินปาใส่เพื่อขับไล่คนพูดจาเพ้อเจ้อ
เด็กชายเห็นแล้วอดสงสารนายตำรวจไม่ได้จึงรีบวิ่งไปคว้าแขนเจมส์ลากออกมาจากใจกลางเมือง
"เจ้าหนู ช่วยข้าพูดหน่อยสิ คนพวกนั้นไม่ยอมเชื่อข้าเลย ทำยังไงดี"เจมส์บอกอย่างเหนื่อยใจ
"ข้า ไม่รู้"เด็กชายบอกอย่างหมดหนทาง
"โอยกลุ้ม จะทำยังไงดี คืนนี้แย่แน่ๆ "เจมส์พูดอย่างสิ้นหวัง
"ข้า พา เจมส์หนี"เด็กชายบอก
"แล้วคนอื่นๆล่ะ เมียข้ามารีแอตต้าล่ะ ถึงนางจะใจร้ายกับเจ้าแต่ข้ารักนางมากนะ ข้าทิ้งนางไปไม่ได้หรอก"เจมส์บอกอย่างเศร้าๆ
"ข้า พา มารีแอตต้าหนีด้วย"เด็กชายบอกยิ้มๆ
"เจ้าไม่โกรธเมียข้าเหรอ"เจมส์ถาม
"ไม่โกรธ"เด็กชายตอบยิ้มๆ
"แล้วคนอื่นๆล่ะ เจ้าช่วยได้หรือเปล่า"เจมส์ถามพรางมองตาเด็กชายอย่างมีความหวัง
"ไม่ได้ ข้า เด็ก ไม่สู้ ปีศาจ พวกนั้น"เด็กชายบอกพรางส่ายหน้า
"งั้นข้าไม่หนีไปหรอกเจ้าหนู เจ้าพาเมียข้าหนีไปละกัน พานางไปให้ไกลจากที่นี่"เจมส์บอกอย่างตัดสินใจที่จะสู้ อยู่ร่วมเป็นร่วมตายกับคนในเมือง
"ไม่ เจมส์ ต้อง ไป "เด็กชายบอกพรางคว้าแขนนายตำรวจเอาไว้ทำท่าจะลากให้หนี
"ปล่อยข้าเจ้าหนู ข้าจะสู้กับพวกปีศาจ เอาหล่ะกลับไปเตรียมตัวก่อน ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ข้าไม่ยอมให้ปีศาจมาฆ่าเอาตามใจชอบหรอก"เจมส์พูดพรางสะบัดแขนออกจากมือเล็กๆของเด็กชาย แล้วเดินจ้ำอ้าวตรงกลับไปที่ทำงานจองตนทันที เพื่อตระเตรียมอาวุธเตรียมสู้กับปีศาจ โดยมีเจ้าหนูเดินตามอย่างไม่สบอารมณ์
"เจ้าตำรวจนี่ดื้อจริงๆ อยากจะตายหรือไงกันนะ อุตส่าห์จะช่วยให้รอดแท้ๆ ดันมารนหาที่ตายอีก"เด็กชายบ่นเป็นภาษาปีศาจเบาๆอย่างไม่สบอารมณ์
"ข้าควรจะทำยังไงดีนะ จะช่วยเขาหรือว่าปล่อยไปตามยะถากรรมดี"เจ้าปีศาจน้อยทำท่าครุ่นคิดพรางเดินตามนายตำรวจไปที่สถาที่ทำงาน
--------ตัดฉับ มาปัจจุบัน เซบาเตียนหยุดเล่าเมื่อมือของนายน้อยยกให้สัญญานให้เขาหยุด---------
"มีอะไรหรือขอรับนายน้อย"เซบาสเตียนหันมาถามอย่างสงสัยที่นายน้อยให้สัญญาณ
"ฉันสงสัยว่า ปีศาจที่นายเจอในป่ามีกี่ตน นายไม่เห็นบอกเลย" ชิเอลถามอย่างสงสัยตอนนี้เขากำลังนั่งเอาหลังผิงหมอนอยู่บนเตียง
"ประมาณ ห้าสิบตนได้มั้งขอรับผมก็ไม่ได้นับเท่าไหร่ แต่เยอะมากน่ะขอรับ "เซบาสเตียนพูดยิ้มๆพรางเดินไปหยิบน้ำมารินใส่แก้มแล้วดื่มแก้กระหาย
"อืม แล้วพวกที่ไม่เห็นด้วยกับการสังหารหมู่พวกนั้นตอนหลังมาช่วยมนุษย์หรือเปล่า"ชิเอลถาม
"ไม่มาช่วยเลยขอรับ พวกนั้นเมินเฉยไม่กล้าเข้าไปยุ่งกลัวถูกฆ่าในฐานะศัตรู "เซบาสเตียนบอกเศร้าๆพรางยกแก้วขึ้นกระดกดื่มน้ำไปหลายอึก
"แล้วนายทำไงกับเจมส์"ชิเอลถามไม่เลิก
"อยู่เป็นเพื่อนเขาจนกว่าจะถึงเวลา "เซบาสเตียนบอก
"แล้วหลังจากที่ถึงเวลาล่ะ นายทำไง"ชิเอลถามต่อ
"ผมก็หาที่หลบน่ะสิ ผมไม่กล้าไปเผชิญหน้ากับพวกนั้นหรอก พวกนั้นเป็นปีศาจผู้ใหญ่โตเต็มวัย จะให้เด็กตัวเล็กๆอย่างผมไปสู้ได้ไงล่ะ"เซบาสเตียนบอกเศร้าๆ
"แล้วเจมส์ล่ะ โดนปีศาจฆ่าตายมัย"ชิเอลถามอย่างลุ้นๆ เซบาสเตียนไม่ตอบพรางดื่มน้ำไปหลายอึกจนซดหมดแก้วจากนั้นก็หันไปดูนาฬิกาที่ผนังห้อง
"โอ้ว หกโมงเย็นแล้วเหรอ มานายน้อยได้เวลาทายาอีกรอบแล้วขอรับ "เซบาสเตียนพูดยิ้มๆพรางวางแก้วน้ำลงที่โต๊ะแล้วเดินมาหาชิเอลที่เตียง
"อะไรนะ ไม่นะเซบาสเตียนฉันยังอยากฟังเรื่องของนายต่อ ยังไม่ต้องมาทายาให้ฉันตอนนี้เลยนะ "ชิเอลร้องโวยไม่อยากถูกจับทายาอีก พยายามหาข้อบ้างบ่ายเบี่ยง
"ไม่ทาได้ไงมันถึงเวลาแล้วนะครับ มาเร็วจะให้ผมจับมัดหรือว่าจะยอมนอนดีๆให้ผมทายา ว่ามา"เซบาสเตียนถามพรางเปิดลิ้นชักหยิบหลอดยาออกมา
"ไม่เอาแบบเมื่อกลางวันแล้วนะ "ชิเอลโวยทันที
"งั้นก็หมายความว่าจะยอมนอนให้ผมทายาดีๆใช่มัยขอรับ"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆ
"ชิก็ได้ เอาผ้ามาให้ฉันกัดด้วย"ชิเอลบอกหน้าแดงกล่ำ
"เยสมายลอร์ด"เซบาสเตียนตอบรับพรางลุกเข้าไปหยิบผ้าในตู้ออกมาแล้วยื่นส่งให้ชิเอล
"นอนลงสิครับ"เซบาสเตียนสั่ง ชิเอลหันมามองหน้าพ่อบ้านหนุ่มตาขวาง
"ชิ"ชิเอลจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์พรางรับผ้าสะอาดเอามาใส่ปากตนเองจากนั้นก็ถลกชายเสื้อขึ้นมาถึงกลางหลังเปิดก้นแล้วนอนในท่าคงคว่ำยอมให้เซบาสเตียนทายาให้แต่โดยดี
"หึหึหึ นายน้อยนี่น่ารักดีนะครับ ยอมให้ทายาดีๆก็เป็นด้วย"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆ ชิเอลหน้าแดงกล่ำ
"พูดมากน่า รีบทายาเร็วๆเข้าเถอะ ฉันอยากฟังเรื่องของนายต่อ "ชิเอลเอาผ้าออกจากปากชั่วคราวเพื่อพูด พอพูดจบก็เอาผ้ามาอุดปากไว้ตามเดิมเตรียมงับเพราะเขารู้ว่าเวลาทายาจะเจ็บมาก
"เยสมายลอร์ด"เซบาสเตียนตอบรับพรางเปิดฝายาแล้วเอามาเทใส่ที่ปลายนิ้วแล้วจากนั้นก็เอามาทาให้ชิเอลทันที
แก๊ง แก๊ง แก๊ง เสียงนาฬิกาแขวนดังขึ้นปลุกชายผมดำในชุดพ่อบ้านสีดำให้ตื่นขึ้นจากการงีบหลับ
"อืม"เสียงครางในลำคอบ่งบอกว่าเซบาสเตียนรู้สึกตัวตื่นขึ้นแล้ว และเขาก็ลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจไปมาสองสามที จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียงในห้องนอนของเขา ซึ่งก่อนหน้านั้น ชิเอลแฟนท่อมไฮด์ นายน้อยของเขาได้ปล่อยให้เขากลับมานอนพักผ่อนสักหน่อย แล้วค่อยกลับมาเล่าต่อซึ่งพอชายหนุ่มผมดำได้มองดูที่นาฬิกาที่ตั้งอยู่บนผนังบ่งบอกว่าเขาหลับไปสองชั่วโมงแล้ว
"อืม สองโมงแล้วเหรอ ไปหานายน้อยดีกว่าไปเล่าต่อ ป่านนี้คงหลับอยู่ล่ะมั้ง"เซบาสเตียนพูดพรางมองไปที่ประตูห้องของตน แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไปตรงไปยังห้องนอนของชิเอล
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเวบาสเตียนยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องของนายน้อย
"เข้ามา"เสียงตอบกลับมาทำให้คนเคาะประตูสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจที่มีเสียงเล็กๆตอบกับมา
แล้วเขาก็เปิดประตูเดินเข้าไปแล้วส่งยิ้มทักทายเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนเตียงกำลังอ่านหนังสืออยู่
"นายน้อยตื่นนานแล้วหรือครับ ทำไมไม่เรียกผมล่ะ"เซบาสเตียนถามขึ้นทันทีอย่างแปลกใจว่าทำไมถึงตื่นเร็วขนาดนี้
"อืม ฉันตื่นมาได้สักพักแล้วล่ะ พอดีนอนไปแล้วมันนอนไม่หลับน่ะ อาจเพราะฉันยังติดใจเรื่องของนายอยู่ล่ะมั้ง ฉันตื่นมาได้ชั่วโมงนึงแล้ว มานั่งนี่สิแล้วเล่าต่อ"ชิเอลสั่งพรางชี้ไปที่เกาอี้ข้างๆเตียงของเขา
"เยสมายลอร์ด"เซบาสเตียนตอบรับแล้วเดินตรงไปที่เตียงสี่เสาแล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆเตียง
"นายน้อยลุกขึ้นนั่งได้แล้วหรือครับ ยังเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ"เซบาสเตียนถามอย่างเป็นห่วง
"ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่ถ้านั่งบนฟุกนุ่มๆ ฉันพอทนได้ เอาสิเล่าต่อ เซบาสเตียน ฉันอยากจะฟังว่าหลังจากที่นายนอนในบ้านตำรวจนั้นแล้วเกิดเรื่องอะไรต่อ"ชิเอลเร่งให้เวบาสเตียนเล่าต่อ
"ครับ แต่ขอถามหน่อยว่า ในเมื่อนายน้อยตื่นมานานแล้วทำไมไม่เรียกผมล่ะ"เซบาสเตียนถามอย่างสงสัย
"ฉันอยากให้นายพักให้เต็มที่น่ะ รอให้นายมาหาเองจะดีกว่าเลยไม่เรียก"ชิเอลตอบยิ้มๆ
"โอ้ยังงั้นเองหรือครับ เอาหล่ะงั้นผมเล่าต่อนะครับ นายน้อยนึกภาพตามไปนะผมจะเล่ายาวเลย ถ้าหากว่าติดใจสงสัยอะไรยกมือขึ้นให้สัญญาณนะครับ"เซบาสเตียนพูด
"อืม"ชิเอลพยักหน้า พรางเอนตัวเอาเหยียดขาเอาหลังผิงหมอนแล้วหันหน้ามาฟังเซบาสเตียนเล่าเรื่องของเขาอย่างตั้งใจ
"เรื่องก็มีอยู่ว่า"เซบาสเตียนเริ่มเล่าต่อแล้วนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นตามไปด้วย
-------- ภาพในเหตุการณ์เมื่อ 500 ปีก่อน ตอนเซบาสเตียนยังเป็นเด็กอายุ11ปี ณ เมืองมนุษย์--------
ในบ้านหลังหนึ่งของคู่สามีภรรยาที่พึ่งได้เชื้อเชิญแขกวัยเยาวน์มาพักที่บ้าน และคนๆนั้นคือเด็กผู้ชายอายุประมาณ 10-11ปี เขามีผมสีดำสวมชุดแปลกๆสีดำที่ไม่เหมือนคนที่อยู่อาศัยที่นี่ เหมือนกับว่าเขาไม่ใช่คนในโลกใบนี้รูปร่างหน้าตาคล้ายเด็กมนุษย์วัย11ปีทั่วไป แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคือดวงตาสีแดงดุจทับทิมกลมโต ผิวพรรณขาวเนียนพุดพ่องตัดกับชุดสีดำที่เขากำลังสวมใส่อยู่ เด็กชายคนนั้นกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงที่ทำจากฟางหยาบๆไม่ค่อยนุ่นเท่าไหร่นักแต่ก็พอที่จะนอนหลับไปได้ ในห้องนอนเล็กๆที่คับแคบและเต็มไปด้วยฝุ่น และข้าวของที่ดูรกๆในขณะนั้นเขากำลังจะหลับฝันแต่ก็ต้องตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังโหวกแหวกซึ่งเขาไม่เข้าใจภาษาของพวกนั้นว่าพูดอะไรกันอยู่
"นี่เจมส์จะดีเหรอเอาเด็กที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามานอนที่บ้านด้วยแบบนี้น่ะ ทั้งหูหนวกเป็นใบ แล้วจะสื่อสารกับเจ้าเด็กนั้นยังไงกันล่ะ "เสียงแหลมทุ้มของผู้หญิงดังขึ้นอย่างไม่พอใจ
"นี่เบาๆหน่อยสิมารีแอตต้า เดี๋ยวเจ้าหนูนั้นก็ตื่นขึ้นมาหรอก เจ้าเสียงดังไปแล้วนะ"เสียงทุ้มๆของชายผมสั้นสีดำพูดออมเสียง
"มันหูหนวกจะมาได้ยินอะไร ท่านพึ่งบอกกับข้าเองไม่ใช่เหรอว่าเจ้าเด็กนั้นหูหนวก มันไม่ได้ยินที่เราคุยกันหรอก ข้าขอบอกเลยนะว่าข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าเด็กนั่นมานอนที่นี่ตลอดไปหรอกนะ ข้าไม่เลี้ยงมันเด็ดขาด มันดูหน้ากลัวยังไงไม่รู้ ข้ารู้สึกขนลุกแปลกๆเวลาที่ข้ามองหน้าเจ้าเด็กใบ้นั้น"มารีแอตต้าพูดเสียงดัง เธอไม่ยอมออมเสียงตามที่เจมส์ได้ขอเอาไว้
"น่ากงน่ากลัวอะไรกัน เจ้าเพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว เด็กคนนั้นน่าสงสารออกทั้งพิการทั้งไร้ญาติ หน้าตาก็น่ารัก อีกอย่างเราแต่งงานกันมาตั้งหลายปีแล้วยังไม่มีลูกเลย ข้าว่าข้าอยากได้เด็กคนนั้นมาเลี้ยง"เจมส์พูดพยายามเกลี่ยกล่อมภรรยา
"ไม่ ยังไงข้าก็ไม่ยอมรับเลี้ยงเด็กนั้น ข้าไม่ชอบหน้ามัน ถ้าเจ้าจะเลี้ยงล่ะก็เราหย่ากัน เจ้าจะเลือกใครระหว่างเด็กใบ้นั้นกับตัวข้า เลือกเอาแล้วกันเจมส์"มารีแอตต้าตวาดลั่นยื่นคำขาดกับสามี
"โถ่ อย่าทำอย่างนี้สิที่รัก ถึงขนาดจะหย่ากันเลยเหรอ ทำไมเจ้าถึงจงเกลียดจงชังเด็กคนนี้นักหล่ะ เขายังไม่เห็นจะทำอะไรให้เจ้าขุ่นเคืองใจเลย น่าสงสารออก ตัวนิดเดียวอยู่ตามลำพังแบบนั้น"เจมส์พยายามเกลี้ยกล่อมภรรยาพรางค้วาตัวมารีแอดต้ามาสวมกอดอย่างรักใคร่
"ไม่รู้แหละถ้าเจ้ารักข้า เจ้าต้องปล่อยเด็กคนนั้นไป คืนนี้ข้าจะให้มันอยู่ที่นี่แค่คืนเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้มันต้องไป ข้าไม่ยอมให้มันมาอยู่ที่นี่นานนักหรอก"มารีแอตต้ายื่นคำขาด เจมส์ถอนใจเฮ้อ แต่เขาก็ต้องทำตามที่ภรรยาขอล่ะนะ เขารักภรรยามากกว่าจะยอมเสียเธอไป
"ก็ได้ ข้ารักเจ้านะมารีแอตต้า ข้าเลือกเจ้า พรุ่งนี้ข้าจะปล่อยเด็กคนนั้นไปตามทางของเขา แต่ว่าข้าสงสารเขาจริงๆ ขอให้ข้าได้ดูแลเขาอีกสักพักแล้วกันนะ"เจมส์สวมกอดภรรยาพรางพูดขอร้องเธอข้างๆหู
"ก็ได้ พรุ่งนี้ข้าจะทำอาหารเช้าเลี้ยงมันเป็นมื้อสุดท้ายก่อนที่จะเอาไปปล่อยในเมืองแล้วกัน"มารีแอตต้าพูดเสียงอ่อนลง แล้วจากนั้นเธอก็เดินหนีสามีขึ้นห้องนอนของเธอไปทันที
ทางด้านเด็กชายผมดำเขากำลังแอบฟังอยู่ พอจะรู้เป็นบางคำว่าพวกนั้นกำลังพุดถึงเขาแน่ๆ เพราะเขายังจำคำและปรโยคที่เจมส์นายตำรวจหนุ่มสอนเขาได้ พอเห็นว่าเจมส์กำลังเดินขึ้นมาที่ห้องที่เขานอนอยู่นี้ เจ้าหนูก็รีบกลับไปนอนที่เตียงต่อทันทีแล้วแกล้งทำเป็นหลับตา
"ไม่ตื่นจริงๆด้วยสินะ น่าสงสารจริงๆเจ้าหนูพรุ่งนี้เจ้าต้องไปแล้วสินะ ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเลย ข้าอยากเลี้ยงดูเจ้าในฐานะบุตรชายแต่ว่าภรรยาของข้าไม่ยอมรับเจ้าเนี่ยสิ ข้าไม่รู้จะทำไงดี นางขู่ว่าจะหย่ากับข้า ถ้าข้าไม่ปล่อยเจ้าไป "เจมส์เดินมานั่งข้างเตียงพรางเอามือลูบหัวเด็กชายที่กำลังหลับอยู่อย่างเอ็นดู
"ผมนุ่มจังไปทำอะไรมานะ ดูแล้วไม่เหมือนเด็กยากจนทั่วไปเลย ทั้งรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ เจ้าเป็นใครกันแน่นะ เจ้าหนู"เจมส์พูดเบาๆพรางก้มลงมองดูเรือนร่างของเด็กชายผมดำตัวเล็กๆ
"หน้าตาก็น่ารักออก แต่ทำไมมารีแอตต้าถึงบอกว่าน่ากลัวกันนะ เด็กตัวนิดเดียวเองแท้ๆจะกลัวอะไรกันนักหนา ทำยังกับว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่คนงั้นแหละ เพ้อเจ้อจริงๆยัยนั่น"เจมส์พูดพรางลูบหัวเด็กชายเพลินเลย
"หลับซะนะเด็กน้อย พรุ่งนี้ข้าจะเอาอาหารเช้าให้เจ้ากินก่อนไปแล้วกัน แม้เจ้าจะไม่ได้ยินเสียงข้าแต่ข้าก็เอ็นดูเจ้านะ เจ้าหนู"เจมส์พูดเสียงเบาเขาเอามือลูบแก้มใสๆของเด็กชายตัวน้อยก่อนจะลุกออกไปจากห้องพอรู้สึกว่านายตำรวจเจมส์เดินออกจากห้องไปแล้ว เด็กชายตัวน้อยก็ลืมตาตื่นขึ้น พรางเอามือลูบหัวตัวเองไปพราง
"เขาดูเป็นคนดีมีเมตตาจริงๆ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา ข้าจะต้องปกป้องเขาจากอันตรายให้ได้ ขอบคุณนะขอรับที่ท่านให้ที่หลับนอนแก่ข้า พรุ่งนี้ข้าก็จะไปแล้วล่ะ ข้าไม่รบกวนท่านนานนักหรอก เจมส์ ขอโทษที่แกล้งทำเป็นหูหนวกเป็นใบ้ ก็ข้าไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับท่านยังไงให้เข้าใจ ข้าไม่รู้ภาษาของมนุษย์นี่นา" เด็กชายตัวน้อยพูดรำพึงอย่างแผ่วเบาแล้วเขาก็หลับไปด้วยความง่วงนอน
เช้าวันต่อมา
จิ๊บ จิ๊บ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วปลุกคนที่กำลังหลับให้ตื่นนอน
"อืม"เสียงครางของเด็กชายผมสีดำดังในลำคอขึ้นเมื่อเขาเริ่มรู้สึกตัวตื่นนอน
"เช้าแล้วเหรอ ฮ้าววว"เขาลุกขึ้นนั่งเอามือขยี้ตาพรางทำท่าบิดขี้เกียจไปมาแล้วเอามือปิดปากหาว ท่าทางงัวเงียเหมือนพึ่งตื่นนอน
ก๊อก ๆๆเสียงคนเคาะประตูแล้วเปิดประตูเข้ามา
"ไง ตื่นแล้วเหรอเจ้าตัวน้อย"เจมส์ส่งเสียงพรางทำท่าทำทางทักทายแล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู เด็กชายพยักหน้าแล้วยิ้มตอบ
จากนั้นเจมส์ก็เดินมาหาที่เตียงแล้วหยิบกระดาษกับปากกาขนนกแล้วเอามาจุ่มหมึกวาดเป็นรูปอ่างน้ำ แล้วชี้มาที่ตัวเด็กชาย
"ไป-อาบน้ำ-กัน"เจมส์พูดช้าๆพรางทำท่าและวาดรูปไปด้วยเพื่อสื่อสารกับเด็กผมดำ เด็กชายพยักหน้า แล้วนายตำรวจหนุ่มก็คว้าแขนเด็กชายจูงพาเดินมาหาใกล้ๆแล้วจับเขาถอดเสื้อผ้าออกให้ เด็กชายยืนนิ่งยอมให้ถอดเสื้อผ้าอย่างว่าง่าย
จากนั้นเด็กชายก็ถูกพาเดินไปที่ห้องน้ำ ด้วยสภาพเปลือยล้อนจ้อนเนื้อตัวขาวเนียนใสพุดผ่อง
"เจ้าเด็กนี่ผิวพรรณดีจัง สงสัยเป็นลูกผู้ดีล่ะมั้ง แล้วคงจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเขาจนทำให้หูหนวกเป็นใบ้ไร้ญาติขาดมิตรล่ะมั้ง น่าสงสารจริงๆ ที่ขโมยของตามร้านค้าเพราะไม่มีเงินไว้เลี้ยงตัวเองสินะ "เจมส์พูดเบาๆในขณะที่กำลังอาบน้ำให้เด็กชายผมดำอยู่ เขาคิดว่าเด็กที่เขาอาบน้ำให้นั้นไม่ได้ยินเลยพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ
โดยหารู้ไม่ว่า เด็กใบ้คนนี้ได้ยินทุกอย่างเพียงแต่ฟังไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจเท่านั้น แต่ก็มีบางคำที่พอจะเข้าใจเพราะพึ่งได้เรียนรู้มาเมื่อวานทำให้เขาพอจะรู้ว่าชายที่กำลังอาบน้ำให้เขาอยู่นั้นกำลังพูดถึงตัวเขาอยู่ เขาก็ได้แต่ฟังพูดอะไรออกมาไม่ได้ การมาใช้ชีวิตเพียงลำพังในโลกต่างมิตินี้ดูยากลำบากเสียจริงมิน่าล่าถึงได้ไม่ยอมให้เด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดมาที่โลกมนุษย์เพราะมันลำบากมากนี่เองหลังจากนั้นไม่นานก็อาบน้ำเสร็จ เจมส์ก็ไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดๆถูๆที่ตัวของเด็กชายผมดำ เขาไม่รู้ชื่อของเด็กคนนั้นจึงเรียกเพียงแค่ เจ้าหนู
"เอาหล่ะใส่เสื้อผ้าชุดเดิมแล้วกันข้าไม่ได้เตรียมชุดใหม่ไว้ให้เจ้า "เจมส์พูดพรางเอาเสื้อผ้าสีดำชุดเดิมของเด็กชายมาสวมใส่ให้อย่างรวดเร็ว
"เดี๋ยวกินข้าวเช้าแล้วเจ้าจะต้องไปกับข้านะ"เจมส์พูดพรางทำท่าทางไปด้วย เด็กชายพยักหน้ารับรู้แล้วจากนั้นเจมส์ก็คว้าแขนเด็กชายผมดำพาลงไปข้างล่างเพื่อพาไปทานอาหารเช้า ซึ่งคนทำคือมารีแอตต้าภรรยาของนายตำรวจหนุ่ม
"มารีแอตต้า เช้านี้มีอะไรกินบ้างล่ะ ให้เจ้าหนูทานด้วยได้มัย"เจมส์ถามเมื่อเขาพึ่งจูงมือเด็กชายลงบันไดเข้ามาในห้องอาหาร แล้วพาไปนั่งที่เกาอี้ตรงโต๊ะอาหาร
"เชิญ เช้านี้มีซุบเห็ดกินเสร็จแล้วก็รีบๆพามันไปเร็วๆล่ะ"มารีแอตต้าบอกพรางเทน้ำซุบใส่จานยื่นส่งให้สามี แล้วก็เทใส่อีกจานเอามาวางกระแทกตรงหน้าเด็กผมดำที่พึ่งมานั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วย
"เอ้ากินเข้าไปซะ เจ้าใบ้ บ้านข้ามีอาหารแค่นี้แหละ จะกินหรือไม่กินเรื่องของเจ้า"มารีแอตต้าพูดเสียงกระด้าง เด็กชายหันมามองหน้ามารีแอตต้าอย่างไม่พอใจที่เธอกระแทกจานซุบใส่เขา ดูเธอไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ทั้งๆที่สามีของเธอใจดีออกขนาดนั้น
"ดูๆอุตส่าห์หาอาหารให้กินแท้ๆยังจะมามองหน้าหาเรื่องข้าอีก เดี๊ยะฟาดด้วยจานเปล่าซะเลย เจ้าเด็กนี่ วอนซะแล้ว" มารีแอตต้าตวาดแวดใส่พรางคว้าหยิบจานเปล่าๆทำท่าจะเอามาตีเด็กชาย
"ใจเย็นๆน่า มารีแอตต้า เจ้าหนูไม่ได้ยินหรอกนะที่เจ้าไปตวาดแวดๆใส่น่ะ อีกอย่างข้าก็ไม่เห็นว่าเจ้าหนูจะทำอะไรเลย แล้วเจ้าจะเอาจานไปตีเขาทำไม"เจมส์รีบเข้ามาห้ามก่อนที่ภรรยาสุดที่รักของเขาจะเอาจานฟาดหัวเด็กผมดำที่นั่งมองดูซูบอยู่
"เอามันออกไปเดี๋ยวนี้ ข้าไม่ให้มันกินแล้ว เอาออกไปเดี๋ยวนี้เลยเจมส์"มารีแอตต้าออกคำสั่งกับสามี เจมส์ได้แต่ถอนใจพรางรีบกระดกซดน้ำซุบเห็ดนั้นเข้าปากไปอย่างรวดเร็วแล้วหันไปมองดูเจ้าหนูที่กำลังนั่งมองจานซุบบนโต๊ะไม่มีทีท่าว่าจะกิน
"ไปกันเถอะเจ้าหนู ดูท่าภรรยาของข้ากำลังอารมณ์ไม่ดี อย่าไปอยู่ใกล้นางเลย เดี๋ยวเจ้าจะโดนนางตีเอา มารีแอตต้าข้าไปทำงานก่อนนะ "เจมส์คว้าแขนเด็กชายแล้วดึงตัวให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ส่วนอีกมือหยิบจานซุบของเจ้าหนูขึ้นมาถือไว้ แล้วพาตัวเด็กชายออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว
พอออกมาจากบ้านแล้วเจมส์ก็ยืนรอรถม้าจากที่ทำงานมารับเพื่อจะเดินทางไปยังที่ทำงานโดยมีเจ้าหนูยืนรออยู่ข้างๆด้วย
"เอ้ารีบๆกินซะ ในระหว่างที่รอรถม้ามาเดี๋ยวมันจะเย็นหมดไม่อร่อยนะ"เจมส์พูดพรางทำท่าไปพรางเพื่อสื่อสารกับเด็กใบ้หูหนวกอย่างทุลักทุเลเด็กชายพยักหน้าแล้วยื่นมือมารับจานซุบมากิน ทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรเลยแต่เพื่อรักษาน้ำใจของนายตำรวจเจมส์คนนี้เขาจึงต้องจำใจกิน
"เป็นไง ซุปของเมียข้าอร่อยมัย"เจมส์ถามพรางทำท่าทาง เด็กชายพยักหน้า เขาไม่ได้รับรู้รสชาติสักเท่าไหร่หรอกแต่เพื่อรักษาน้ำใจเลยต้องบอกว่าอร่อยเอาไว้ก่อนล่ะนะ พอกินจนหมดก็ส่งจานคืนให้ เจมส์เอาจานวางไว้ที่พื้นข้างประตูบ้านเดี๋ยวมารีแอดต้ามาเก็บไปล้างเอง
"ต้องขอโทษแทนเมียข้าด้วยที่นางอารมณ์ร้ายใส่เจ้า นางไม่ค่อยชอบเจ้าเท่าไหร่ ข้าคงให้เจ้าอยู่ที่บ้านข้าไม่ได้แล้ว ขืนเจ้าอยู่ด้วยนางคงจะทำร้ายเจ้าทุกวันแน่ๆ นี่แค่เจ้ามองหน้านาง นางก็ทำท่าจะตีเจ้าแล้ว อย่าไปถือสานางเลยนะ เจ้าหนู"เจมส์พูดเสียยืดยาวอย่างลืมตัวไปว่าเขากำลังพูดกับเด็กหูหนวกเป็นใบ้ทำให้เด็กชายทำท่างุนงงเกาหัวแกรกๆ ไม่เข้าใจว่าชายคนนั้นพูดอะไรบ้าง
"โอ้ ตายจริงข้าลืมไปเลย ว่าเจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดนี่นา ถึงพูดอะไรไปเจ้าก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี ชั่งเถอะคิดซะว่าข้าไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน"เจมส์พึ่งนึกขึ้นได้ว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ยินที่เขาพูดเลยหยุดพูดไปแล้วรอคอยรถม้ามารับอย่างเงียบๆ
"ไปๆรถม้ามาแล้ว เจ้าหนู"เจมส์พูดพรางกระตุกแขนของเด็กชายผมดำให้รู้ว่ารถม้ามาแล้ว เด็กชายพยักหน้าแล้วจากนั้นนายตำรวจเจมส์ก็ส่งตัวอุ้มเด็กชายเข้าไปในตู้รถม้าแล้วเขาก็ก้าวขึ้นบันไดตามเข้าไปนั่งข้างๆแล้วรถม้าก็แล่นทยานไปตามทางเข้าไปในเมืองมาหยุดตรงที่ทำการของตำรวจเมื่อมาถึงที่หมายแล้วเจมส์ก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วก้าวลงจากรถม้าก่อนจากนั้นก็ยื่นมือส่งมาให้เด็กชาย
"ส่งมือมา ระวังตกนะเจ้าหนู"เจมส์พูดอย่างอ่อนโยนพรางยื่นมือส่งให้เด็กชายจับเพื่อพยุงตัวลงมาจากรถม้า เด็กชายพยักหน้ายิ้มๆแล้วยื่นมือเล็กๆส่งให้นายตำรวจหนุ่มจับไว้แล้วก็อุ้มลงมาจากรถม้า พอลงมาจากรถม้าแล้วเด็กชายผมดำก็เดินถอยออกมา แล้วโค้งคำนับให้นายตำรวจหนุ่มแล้วเขาลองพูดภาษามนุษย์ที่ได้เรียนรู้จากชายหนุ่มด้วยคำง่ายๆสั้นๆว่า
"ขอบคุณขอรับ เจมส์ ลาก่อน"เด็กชายพูดยิ้มๆพรางทำท่าโบกมือบ๊ายบายแล้วเขาก็หันหลังเดินจากไปทันที เจมส์ถึงกับเบิกตากว้างคาดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะพูดได้ นี่ที่ผ่านๆมาเขาถูกหลอกหรือเนี่ย
"เดี่ยวเจ้าหนู นี่เจ้า เจ้า ไม่ได้หูหนวกเป็นใบ้หรอกเหรอ "เจมส์ถึงกับเหงื่อตกนี่เขาเสียรู้เจ้าเด็กจอมเจ้าเล่ห์นี่เสียแล้ว หนอยมาหลอกกันได้นะเจ้าเด็กบ้านี่
"คิกๆบาย บู๊ เจมส์ "เจ้าเด็กจอมเจ้าเล่ห์หันมาหัวเราะแล้วโบกมือลาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็วิ่งหนีไปทันทีไม่รออยู่ฟังนายตำรวจโวยวาย ถึงอยู่ฟังบางทีก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี
"หนอย กลับมานี่เลยนะเจ้าเด็กบ้ามาหลอกกันได้ อึ่มเจ็บใจนัก คอยดูเถอะถ้าเจอตัวอีกละก็จะจับตีให้น่าดูเลย "เจมส์ร้องโวยทำท่ากระฟัดกระเฟียดอย่างเจ็บใจที่โดนเด็กเจ้าเล่ห์ต้มซะเปื่อย
"หึหึหึ ท่าทางจะโกรธข้าน่าดู แต่ทำไงได้ล่ะข้าไม่รู้ภาษามนุษย์นี่นา ต้องขอบคุณท่านล่ะนะที่ช่วยสอนภาษามนุษย์ให้ข้าน่ะ ไว้ว่างๆข้าจะมาเยี่ยมใหม่นะเจมส์ เอ่อเอาไว้ให้เจมส์หายโกรธก่อนแล้วกัน ขืนไปตอนนี้มีหวังโดนจับตีแหง๋"เด็กน้อยผมดำตาสีทับทิมพูดกับตัวเองด้วยภาษาปีศาจไปพรางขณะที่กำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ในเมือง
"เฮือก เจ้าพวกนั้น!แย่หล่ะ!"เด็กชายสะดุ้งเมื่อได้ยินภาษาที่คุ้นเคยดังมาเขารีบหาที่หลบทันทีแล้วแอบมองดูต้นทางก็เจอกับปีศาจในร่างมนุษย์สองตนนั้นกำลังเดินคุยกันด้วยภาษาปีศาจ โชคดีที่มองไม่เห็นไม่งั้นเขาคงโดนจับกลับส่งโลกปีศาจแหง๋
เด็กชายจึงหลบซ่อนตัวตรงมุนตึกที่พอมองเห็นปีศาจสองตนนั้นได้ชัดเจนแล้วเขาก็แอบฟังการสนทนากันของปีศาจสองตนนั่นพวกนั้นพูดด้วยภาษารูนซึ่งมีแต่ปีศาจเท่านั้นที่จะฟังรู้เรื่อง
"นี่ลูกพี่ตกลงจะเริ่มแผนการกันเมื่อไหร่ดี คืนนี้หรือว่าพรุ่งนี้ดีล่ะ "ปีศาจในคราบมนุษย์ร่างผอมหน้าซูบตอบถามขึ้น
"ข้าว่าน่าจะเป็นคืนนี้จะดีกว่า ดูพวกมนุษย์พวกนั้นสิ มันไม่ได้ระมัดระวังตัวอะไรกันเลย แต่ว่าข้าอยากเที่ยวสักหน่อยค่อยจัดการ ไปดื่มเหล้ากันดีกว่าไอ้น้อง ข้าอยากจะลองลิ้มรสสุราของพวกมนุษย์ดูว่ามันจะแรงๆพอๆกับสุราในโลกปีศาจหรือเปล่า" ปีศาจในคราบมนุษย์ร่างสูงใหญ่พูดอย่างงร่าเริงพลางคว้าคอเจ้าร่างผอมนั้นพาเดินตรงไปหาร้านเหล้าดื่มกันอย่างรวดเร็ว
ทางด้านเจ้าหนูที่แอบดูอยู่เริ่มติดใจสงสัยกับคำว่าแผนการของปีศาจสองตนนั่น
"พวกนั้นจะไปไหนกันนะ แล้วแผนการของพวกนั้นมันคืออะไร แถมยังจะเริ่มคืนนี้อีก น่าสงสัย "เด็กชายตัวน้อยถามกับตัวเองพรางมองตามปีศาจสองตนนั้นเดินเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่ง
"ดีล่ะข้าจะต้องไปสืบให้รู้ให้ได้ว่าปีศาจสองตนนั้นคิดจะทำอะไรคืนนี้ "เด็กชายผมดำพึมพำกับตนเองพรางค่อยๆออกจากมุมตึกแล้วเดินตรงไปยังสถานที่ที่พวกปีศาจสองตนนั้นเข้าไปแต่
"เข้าไม่ได้เจ้าหนู ที่นี่ไม่ใช่ที่เหมาะสำหรับเด็กอย่างเจ้า ไว้เจ้าโตแล้วค่อยมาใหม่ ไปๆ อย่ามาเกะกะหน้าร้านของข้า"เสียงชายร่างบึกบึนตวาดใส่ขับไล่เด็กชายผมดำออกไปห่างๆร้านเหล้าเขาเป็นยามเฝ้าหน้าร้านคอยต้อนรับลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่เจ้าหนูทำท่างงเขาไม่เข้าใจว่าชายร่างบึกบึนนี่พูดว่าอะไรแต่ทำท่าทำทางแบบนี้คงจะไม่ให้เข้าไปในร้านสินะ ทำไมล่ะหรือว่าเขาไม่มีเงินต้องไปหาเงินก่อนสินะพอคิดได้แล้วเขาก็รีบเดินออกมาห่างๆสถานที่นั้นเพราะพอไปยืนเกะกะหน้าร้านก็ถูกนายร่างบึกบึนพลักกระเด็นแล้วตะโกนไล่อย่างไม่ปราณี
"อืมแล้วข้าจะไปหาเงินมาจากไหนล่ะ ไปขโมยเหรอ ไม่เอาเดี๋ยวโดนจับอีก"เด็กชายผมดำเดินไปคิดไปว่าจะหาทางเข้าไปในร้านนั้นยังไงดีต้องรีบด้วยไม่งั้นเกิดพวกนั้นพูดกันจบแล้วเขาก็อดรู้น่ะสิว่าพวกนั้นวางแผนอะไรกัน
"จริงสิ เราจะมัวแต่เสียเวลาไม่ได้เกิดพวกนั้นพูดกันจบแล้วเราก็ไม่มีทางรู้น่ะสิว่าพวกนั้นวางแผนจะทำอะไรคืนนี้ ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว อืม ทำไงดี "เจ้าหนูนึกพรางมองรอบๆตัวไปพรางเพื่อเค้นสมองคบคิดหาวิธีเข้าไปในร้านเหล้านั้นให้ได้
"จริงสิในเมื่อไม่ให้เข้าทางประตู งั้นข้าเข้าทางหน้าต่างก็ได้นี่"เด็กชายยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่จำเป็นต้องเข้าตามรอกออกตามประตูเหมือนมนุษย์ก็เขาเป็นปีศาจนี่นา พอนึกได้แล้วเจ้าหนูก็วิ่งอ้อมไปที่หลังร้านเหล้าที่มีสองชั้นแอบปีนหน้าต่างชั้นหนึ่งมองเข้าไปข้างใน
"พวกนั้นไม่ได้อยู่ชั้นล่างเหรอ สงสัยคงจะอยู่ชั้นสองล่ะมั้งขึ้นไปดูดีกว่า"ว่าแล้วเด็กชายผมดำก็กระโดดใช้วิชาตัวเบาขึ้นไปเกาะที่ขอบหน้าต่างชั้นสองได้อย่างง่ายดาย แล้วแอบดูผู้คนที่นั่งเกาะกลุ่มกันพูดคุยเสียงดังจ่อกแจ่ก แล้วเขาก็มองเห็นโต๊ะที่มีปีศาจสองตนนั่งอยู่ เด็กชายค่อยๆปีนจากหน้าต่างอีกบานมาอีกบานที่อยู่ใกล้โต๊ะที่ปีศาจพวกนั้นนั่งอยู่มากที่สุดเพื่อแอบฟังการสนทนา
"ลูกพี่แน่ใจเหรอว่าเราจะลงมือคืนนี้น่ะ ปีศาจที่มาบุกเบิกที่นี่ส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับเราสองตนเหรอ พวกนั้นจะยอมร่วมมือกับเราเหรอ"ชายร่างผอมถามอย่างไม่แน่ใจ
"แน่ใจสิ ข้าว่าพวกมันส่วนใหญ่น่าจะชอบที่นี่ จากที่ข้าลองสำรวจดูที่นี่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยธรรมชาติที่ดูร่มรื่น ทำเลก็ดีมีทิวทัศน์งดงาม ถ้าหากว่าเราเอาสถานที่นี้ไปเสนอพวกนั้นต้องเห็นด้วยแน่"ชายร่างใหญ่พูดพรางปรายตามองดูผู้คนที่นั่งดื่มกินอาหาร ดื่มสุราและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
"ดูสิพวกมนุษย์มันไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน ช่างประมาทจริงๆมันไม่รู้ตัวเลยว่ามีปีศาจมานั่งด้วยน่ะ แต่ว่าข้าติดใจสุราที่นี่ซะแล้วสิ ถ้าหากว่าเริ่มแผนสิ่งแรกที่ข้าจะยึดคือที่นี่ล่ะ"เจ้าร่างใหญ่พูดพรางยกแก้วเหล้าขึ้นจิบช้าๆ
"แล้วพวกมนุษย์ล่ะลูกพี่จะทำยังไง"เจ้าผอมถามออมเสียง
"ฆ่ามันให้หมดอย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว เอ่อยกเว้นเจ้าของร้านไว้คนข้าจะให้มันมาเป็นทาสของข้า หมักเหล้าให้ข้ากินทุกวันเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า"เจ้าร่างใหญ่พูดด้วยเสียงที่น่าสะพรึงกลัวพรางยกแก้วเหล้าจิบไปพรางหัวเราะอย่างร่าเริง
"ฮะ!!อุ๊บ"เสียงเด็กชายที่กำลังแอบฟังการสนทนาของปีศาจสองตนนั้นอยู่เขาเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจพรางรีบเอามือปิดปากเอาไว้ จากนั้นก็กระโดดลงไปข้างล่างแล้วหาที่หลบทันทีเพราะเสียงร้องของเขาอาจทำให้ปีศาจสองตนนั้นระแคะระคายสงสัยเอาได้
"เจ้าได้ยินมัย เมื่อกี้เสียงอะไร"เจ้าร่างใหญ่ถามพรางลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่หน้าต่างแล้วก้มมองลงไปข้างล่าง เพื่อหาต้นตอของเสียงน่าสงสัยนั้น
"ไม่รู้สิลูกพี่ ฟังดูเหมือนเสียงเด็กร้อง"เจ้าร่างผอมบอกพรางก้มมองไปดูข้างล่างด้วยอีกคน
"เด็กเหรอ นี่มันชั้นสองนะเจ้าบ้า เด็กที่ไหนจะปีนขึ้นมาได้ เพ้อเจ้อ ช่างเหอะ กินเหล้าต่อดีกว่า "เจ้าร่างใหญ่พูดพรางตบกระโหลกเจ้าร่างผอมหนึ่งที จากนั้นก็เดินกลับไปดื่มเหล้าต่อจนหมดแก้ว พรางเดินไปหลีเจ้าของร้านแสนสวยแล้วก็ชวนกันออกไปจากร้าน ซึ่งในตอนนี้มีเด็กผมดำกำลังแอบสะกดรอยตามดูพวกนั้นอยู่ห่างๆ
"แหมเหล้าที่นี่รสชาติไม่เลวเลย แถมเจ้าของร้านก็สวยถูกใจข้า ข้าจะเอามาทำเมียดีมัยวะจะได้ให้นางทำเหล้าให้ข้ากินทุกวันเลย ตอนแรกจะเอามาเป็นทาส ข้าเปลี่ยนใจและเอามาทำเมียดีกว่า เอิ้ก หึหึหึ "เจ้าร่างใหญ่พูดอย่างร่าเริงพรางเดินโซเซด้วยความเมามายเพราะพิษสุรา
"เอาเลยลูกพี่ว่าแต่ตอนนี้เรานัดพวกนั้นไว้ที่ไหนกันล่ะ เรื่องประชุมแผนการในคืนนี้"เจ้าร่างผอมพูด
"นายป่า ตามข้ามาอากาส"เจ้าร่างใหญ่หันมาบอกเสียงยานคางด้วยความเมา
"ข้าชื่ออากัส ไม่ใช่อากาสนะลูกพี่ เรียกให้ดีหน่อยสิ"เจ้าร่างผอมร้องประท้วงที่ลูกพี่เรียกชื่อผิด
"เออๆ ข้ารู้น่า ก้อข้ามาวนี่ จาเอาอารายกาบปีศาจมาวว้า เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวเลย"เจ้าร่างใหญ่พูดยานคางพรางทำท่าจะตบกระโหลกลูกน้องอีกที
"อย่าเลยน่าลูกพี่ เอ้าเดินดีๆหน่อยสิ เดี๋ยวชนต้นไม้หรอกลูกพี่"เจ้าร่างผอมพยายามพยุงตัวลูกพี่ของตนที่เดินโซเซเมาแอ๋ไม่ให้เดินชนต้นไม้ในระหว่างที่กำลังเดินเข้าไปในป่าเพื่อไปยังจุดนัดพบเหล่าปีศาจผู้บุกเบิกโลกมนุษย์ เด็กชายผมดำที่แอบสะกดรอยตามปีศาจสองตนนั้นจากในเมืองมาจนถึงชายป่า ดูท่าสองตนนั้นจะไม่รู้ตัวเลยว่าถูกสะกดรอยตาม
"พวกนั้นจะไปไหนกันนะ ทำไมถึงเข้าไปในป่า ต้องตามเสียแล้วอาจจะได้ข้อมูลดีๆ"เด็กชายพูดเบาๆพรางแอบสะกดรอยตามไปเรื่อยๆจนเข้าไปในป่าลึก แล้วเด็กชายก็สะกดลอยเจ้าปีศาจสองตนนั้นเข้ามาจนถึงใจกลางป่า ซึ่งพอมาถึงเด็กชายผมดำก็เห็นว่ามีปีศาจผู้ใหญ่เต็มไปหมดเลยพวกนั้นมาชุมนุมกันในนี้สินะ
"โอ้พวกท่านมากันแล้วสินะ ตกลงว่าคืนนี้พวกท่านจะร่วมปาตี้สังหารหมู่กับพวกข้าหรือไม่"ชายรางใหญ่ที่ตอนนี้หายเมาแล้วพูดอย่างเป็นทางการ
"ข้าอยากเที่ยวให้สนุกอยู่นะ พวกมนุษย์ก็ดีหลายคนนะ ข้าเสียดายหากข้าสังหารพวกมันไปมีมนุษย์คนหนึ่งมาเป็นเพื่อนกับข้าแล้วด้วย ข้าไม่เห็นด้วยที่จะสังหารหมู่ "หนึ่งในเหล่าปีศาจผู้บุกเบิกพูดขึ้นเพื่อคัดค้าน
"เรามาบุกเบิกกันที่โลกมนุษย์นี้เพื่ออะไรกัน ยึดครองดินแดนแห่งนี้ไม่ใช่เหรอ ข้าเห็นด้วย ต้องฆ่าให้หมดยึดที่นี่เป็นของพวกเราซะว่าแต่จะเริ่มปาตี้เมื่อไหร่"ปีศาจร่างสูงใหญ่พูด
"เที่ยงคืน"เจ้าร่างใหญ่ที่ส่างเมาบอกเขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการปลุกระดมเหล่าปีศาจให้ยึดครองดินแดนแห่งนี้
"เอาหล่ะ ใครเห็นด้วยให้อยู่ที่นี่กับข้า ส่วนใครไม่เห็นด้วยจงกลับไปซะแล้วอยู่เฉยๆของเจ้าไป แล้วอย่ามาขัดขวางการทำงานของพวกเรา หากใครกล้ามาขัดขวางถือว่าเป็นศัตรู จะต้องถูกฆ่า " ปีศาจร่างใหญ่เจ้าของงานปาตี้สังหารหมู่พูดแล้วจากนั้นก็เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวกกัน ปีศาจที่ไม่เห็นด้วยกับการเข่นฆ่ามนุษย์ก็เดินออกไปจากป่าทันทีซึ่งมีส่วนน้อยไม่ถึงสิบตน ส่วนที่เหลือที่อยู่ที่นี่คือพวกเห็นด้วยกับการสังหารหมู่ยึดครองดินแดนแห่งนี้ แล้วเด็กชายตัวน้อยที่แอบสะกดรอยตามมาในตอนนี้แอบหลบดูเหตุการณ์การประชุมของเหล่าปีศาจอยู่ถึงกับเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก
"สังหารหมู่ !!!พวกนั้นจะฆ่ามนุษย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่งั้นเหรอ ไม่นะ แล้วเจมส์ล่ะ เขาจะต้องไม่ตาย ต้องรีบกลับไปบอกเจมส์ให้รีบหนีไปจากที่นี่ก่อนเที่ยงคืน"เด็กชายผมดำเกิดเป็นห่วงชีวิตของนายตำรวจหนุ่มที่ให้ที่หลับนอนกับเขาขึ้นมาเขาจะต้องช่วยชายคนนั้นให้รอดชีวิตให้ได้
แล้วเด็กชายก็วิ่งกลับเข้าไปในเมืองเขาไม่สนแล้วว่าพวกปีศาจนั้นจะฆ่าสังหารหมู่ยังไง แต่เขาขอแค่ให้นายตำรวจรอดไว้สักคนก็พอแล้ว ลำพังตัวเขาคนเดียวไม่อาจปกป้องคนทั้งเมืองนี้ได้หรอก เขายังเป็นแค่เด็กตัวเล็กที่ไร้พิษสงสู้ปีศาจผู้ใหญ่พวกนั้นไม่ไหวหรอกแล้วเด็กชายก็วิ่งห้อกลับมาที่สถานที่ทำงานที่เจมส์รักษาการณ์อยู่
"เจมส์ หนี เร็ว"เด็กชายพูดเป็นคำๆแล้วชี้ไปที่ประตูเขาพึ่งเรียนภาษามนุษย์มาได้เพียงเล็กน้อย นายตำรวจตกใจไม่น้อยเลยที่เห็นเจ้าเด็กแกล้งใบ้วิ่งกลับมาหาเขา
"เจ้าหนู!!!"นายตำรวจหนุ่มลุกขึ้นยืนทันที
"เจมส์หนีไป"เด็กผมดำพูดช้าๆพรางคว้าแขนเสื้อของนายตำรวจแล้วดึงไปที่ประตู
"เจ้ากลับมาอีกทำไม มาให้ข้าตีเจ้างั้นเหรอ เจ้าเด็กโกหก"นายตัวรวจจับไหล่เล็กๆของเด็กชายแล้วเขย่าอย่างโมโห พรางทำท่าจะเงื้อฝ่ามือขึ้นเตรียมลงมือฟาดก้นเจ้าหนู
"ฟังก่อน หนีไป หนีไป เร็ว"เด็กชายพยายามพูดภาษามนุษย์เพื่อบอกให้นายตำรวจหนีไปนายตำรวจชะงักมือเอาไว้ เขามองดูเด็กชายอย่างงุนงงว่าทำไมถึงบอกให้เขาหนีไป
"หนีไปงั้นเหรอ หนีทำไมกันล่ะ เกิดอะไรขึ้น"เขาพูดพรางเขย่าตัวเด็กชายจนหัวสั่นหัวคลอน
" เจมส์ ตาย หนีเร็ว"เด็กชายพูดไม่เป็นประโยคได้แต่เป็นคำๆจนทำให้นายตำรวจงุนงงหนักเข้าไปอีก
"อะไรนะ นี่เจ้าคิดจะแช่งให้ข้าตายงั้นเหรอ"เจมส์ร้องอย่างโมโห พรางจ้องหน้าใสๆนั้นอย่างขุ่นเคืองใจ เจ้าหนูกระพริบตาปริบๆไม่เข้าใจว่าเจมส์โกรธอะไร
"ตาย หนีเร็ว เจมส์ "เด็กชายลองเปลี่ยนคำเรียงใหม่ดู เมื่อกี้เขาอาจเรียงผิดเลยทำให้เจมส์โกรธเขาก็ได้
"ทำไมข้าถึงตายล่ะ เจ้าหนูนี่เจ้าพูดเหมือนว่าเจ้าไม่รู้ภาษาของเราเลย ไม่ได้เรียนหนังสือมาหรือไง"นายตำรวจถามขึ้น เด็กชายกระพริบตาปริบๆแล้วส่ายหน้าเขาไม่เข้าใจที่เจมส์พูด
" ข้า ไม่รู้ ภาษา เจมส์"เด็กชายพูดเป็นคำๆบอกว่าเขาไม่รู้ภาษาของมนุษย์ นายตำรวจจ้องมองดู เด็กคนนี้ไม่เข้าใจภาษาของเขางั้นเหรอ ตอนแรกถึงได้ทำเป็นใบ้เพราะสื่อสารกันไม่เข้าใจสินะ หรือว่าที่เด็กคนนี้ยอมพูดเพราะเขาเผลอไปสอนให้โดยไม่รู้ตัวสินะ
"เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดสินะ เจ้าเป็นคนต่างชาติงั้นเหรอ"เจมส์พูดพรางทำท่าไปด้วย เด็กชายยิ้มให้แล้วพยักหน้า
"อ้อเข้าใจแล้วที่เจ้าทำเป็นหูหนวกเป็นใบ้เพราะเจ้าไม่รู้จะพูดกับข้ายังไงสินะ "เจมส์พูดมายาวเหยียด เด็กชายได้แต่ทำท่างุนงงเกาหัวแกรกๆบ่งบอกว่าไม่เข้าใจที่เจมส์พูด
"เอาหล่ะงั้นข้าจะสอนภาษาให้เจ้าแล้วกัน"แล้วเจมส์ก็ก้มลงหยิบกระดาษเปล่าออกมาจากนั้นก็ส่งปากกาขนนกจุ่มหมึกแล้วยื่นส่งให้เด็กชาย
"ทำอะไรขอรับ"เจ้าหนูถาม
"วาดรูปสื่อสารกับเจ้าไง "เจมส์พูดพรางทำท่าให้ดู เจ้าหนูพยักหน้า
"ให้ข้าหนีไปทำไม เจ้าหนู"เจมส์เริ่มเปิดประเด็ก เด็กชายวาดภาพรูปปีศาจน่ากลัวตัวใหญ่ๆหลายตัวเลยแล้วก็ชี้มาที่เจมส์
"นี่ ฆ่า เจมส์ หนีไปเร็ว"เด็กชายบอก
"ตัวอะไรน่ะ วาดเยอะแยะเลยดูน่ากลัวจัง"เจมส์มองดูรูปตัวประหลาดที่เด็กชายวาดอย่างสงสัย
"ไม่ใช่ คน"เด็กชายบอก
"หา*0*จริงเหรอ "เจมส์ถึงกับเบิกตากว้าง
"ใช่ ไม่ใช่คน ฆ่า เจมส์ หนีไปเร็วขอรับ"เจ้าหนูใช้คำง่ายๆลองเรียงเป็นประโยคดู
"อย่ามาล้อเล่นน่า มีที่ไหนกันที่ไม่ใช่คนน่ะ "เจมส์อย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดของเด็กชายผมดำ
"มีสิ ข้า ไม่ใช่คน"เด็กชายตัดสินใจบอกความจริง เพราะดูเหมือนนายตำรวจจะไม่เชื่อในคำพูดของเขาคิดว่าเป็นเรื่องตลก
"ฮ่า ฮ่า อะไรกันเจ้าหนูอย่ามาล้อเล่นน่า เจ้าน่ะนะไม่ใช่คน เพ้อเจ้อ อย่ามาพูดให้ขำดีกว่า"เจมส์พูดกลัวหัวเราะ
"ไม่ใช่คน"เจ้าหนูยืนยันเสียงหนักแน่น
"เหรอ ไหนล่ะหลักฐาน ถ้าเจ้าอยากให้ข้าเชื่อก็แสดงให้ข้าดูสิว่าเจ้าทำอะไรได้"เจมส์พูดยืดยาว เด็กชายขมวกคิ้วฟังไม่รู้เรื่อง
"ไม่เข้าใจ เจมส์พูด "พูดพรางส่ายหน้า
"อ้อลืมไปเจ้าไม่รู้ภาษาอังกฤษนี่นะ งั้นเอาง่ายๆ ถ้าเจ้าเป็นปีศาจน่าจะบินได้ ไหนลองทำให้ดูหน่อยสิ บินน่ะ"เจมส์พูดทำท่าบินให้เด็กชายดู
"บิน ได้ขอรับ"เด็กชายตอบยิ้มๆจากนั้นเขาก็หลับตาลงเพ่งสมาธิแล้วจากนั้นก็ใช้พลังปีศาจทำให้ตนเองลอยขึ้นจากพื้น
ท่ามกลางความตกตลึงของนายตำรวจเขาตกใจเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึงว่าเด็กชายจะลอยตัวขึ้นมาจากพื้นอยู่เหนือโต๊ะทำงาน
"ปะ ปีศาจ!!!"เจมส์ร้องลั่นพรางก้าวถอยออกมาด้วยความตกใจกลัว แล้วจากนั้นเด็กชายก็ปล่อยตัวล่อนลงมานั่งขัดสมาธิบนโต๊ะทำงานของนายตำรวจหนุ่ม
"หึหึหึ"เด็กชายยิ้มกริ่มพรางกระพริบตาปริบๆท่าทางดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว
"ใช่ ข้า ไม่ใช่คน เจมส์หนีไป ปีศาจ ฆ่าเจมส์"เด็กชายผมดำพูดเตือนอีกครั้ง
"ถึงจะบอกว่าให้หนีไปแต่จะให้ข้าหนีไปไหนล่ะ ที่นี่มันเป็นเกาะนะ "เจมส์พูดช้าๆเขาหายกลัวเด็กชายแล้ว ถึงเป็นปีศาจแต่เด็กคนนี้ก็น่ารัก อุตส่าห์มาเตือน
"เกาะ อะไร"เด็กชายไม่รู้จักคำๆนี้
"เกาะที่มีน้ำเต็มไปหมดเลย น้ำ ภูเขา ล้อมรอบ"เจมส์พูดพรางวาดรูปวงกลม ทะเล แล้ววาดภูเขาโอบล้อมพื้นที่วงกลมแล้วมีทะเลล้อมอีกที เด็กชายจึงเข้าใจ
"เกาะ น้ำ ภูเขา ล้อมเกาะ ใช่มัย"เด็กชายเริ่มใช้คำถามเป็นแล้ว
"ใช่เจ้านี่เก่งนะ ขนาดไม่รู้ภาษามนุษย์ยังสื่อสารกับข้าได้ เรียนรู้ได้ไวทีเดียวนี่"เจมส์พูดยิ้มๆมีเพื่อนคุยเป็นปีศาจเด็กก็ดีเหมือนกันคลายเหงาไปได้เยอะเลย
" เจมส์ ชมข้า ใช่มัย"เจ้าหนูถามยิ้มๆ
"ใช่ข้าชมเจ้า เอาหล่ะ เจ้าหนู ไหนบอกมาซิว่า ปีศาจพวกนั้นจะทำอะไร "เจมส์ถามช้าๆ
"ฆ่าคน ที่เกาะ ตายหมด "เด็กชายพูดพรางทำท่าให้ดูตามไปด้วย
"แล้วเจ้ารู้ได้ไง"เจมส์ถามพรางทำท่าทางไปด้วย
เด็กชายชี้ไปที่หู
"หู ได้ยินเหรอ"เจมส์ถามเด็กชายพยักหน้า จากนั้นเขาก็ชี้ที่ตา
"ตา มองเห็นใช่มัย"เจมส์ลองทายดู เด็กชายยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นเขาก็วาดรูปต้นไม้หลายต้นเลยแล้วยื่นส่งให้นายตำรวจดู
"ต้นไม้เยอะๆ ป่าเหรอ"เจมส์มองดูภาพแล้วลองทายดูพราง พูดไปด้วยเพื่อสอนภาษาให้เด็กชายไปในตัว
"พวกนั้นทำอะไรกันในป่าล่ะ"เจมส์ถามอย่างสงสัย
"พูด เต็มเลย"เด็กชายบอก
"หมายความว่าพูดกันหลายคนสินะ ปีศาจมีเยอะมัยที่เจ้าเห็นน่ะ"เจมส์พูดพรางทำท่าให้ดู
"มาก"เด็กชายบอกพรางพยักหน้า นายตำรวจหนุ่มถึงกับเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนกไม่ได้การแล้วเขาต้องไปเตือนคนอื่นๆให้รู้ถึงภัยอันตรายที่กำลังมาเยือน
"พวกปีศาจจะมาตอนไหน"เจมส์ถาม
"กลางคืน"เด็กชายบอกพรางวาดรูปดวงจันทร์ส่งให้ดู
"ไม่ได้การแล้ว มานี่เจ้าหนู เราต้องไปบอกชาวบ้านให้ระวังตัว "เจมส์พูดพรางเดินตรงมาคว้าแขนเล็กๆของเด็กชายพาเดินตามเขาออกจากประตูห้องทำงานไป
"ไปไหน"เด็กชายร้องถาม
"ไปบอกชาวบ้านให้เตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้ เราจะสู้"เจมส์บอกพรางลากตัวเด็กชายเดินตรงไปยังใจกลางเมืองเพื่อส่งสัญญาณเตือนภัย
"ไม่ เจมส์ หนีไป "เด็กชายร้องห้าม เขารู้ดีว่ามนุษย์ไม่อาจสู้ปีศาจได้
"ข้าหนีไปไม่ได้เจ้าหนู ข้าเป็นผู้พิทักษ์สันติราช ในเมื่อจะมีปีศาจที่ชั่วร้ายมารุกรานบ้านเมืองของข้า ข้าไม่อาจนิ่งดูดายได้ "เจมส์บอกพรางทำท่าจะเดินไปส่งสัญญาณเตือนแต่แล้ว ก็ถูกเด็กชายดันตัวห้ามเอาไว้เสียก่อน
"มีอะไร"ตำรวจหนุ่มถามอย่างแปลกใจที่เด็กชายห้ามเขา
"ปีศาจ"เด็กชายบอกพรางเป็นฝ่ายคว้าจับแขนนายตำรวจลากพาวิ่งมาหลบซ่อนตัวที่มุมตึก เจมส์มองอย่างแปลกใจ ไม่น่าเชื่อตัวนิดเดียวแต่แรงเยอะมากเลย สมกับเป็นปีศาจจริงๆ ลากจนแทบตัวปลิวเลย
"เจ้าหนูนี่เจ้าจะพาข้าไปไหน แฮ่กๆ"เจมส์ร้องถามในขณะที่ถูกเด็กปีศาจลากจูงวิ่งไปตามทาง
เด็กชายไม่พูดอะไรเขาพาเจมส์มาหาที่หลบซ่อนแล้วจับนายตำรวจหนุ่มกดตัวก้มหลบ แล้วจากนั้นก็มองดูปีศาจเดินผ่านหน้าไปอย่างเฉียดเฉียว
"นั้นปีศาจเหรอ"เจมส์กระซิบถาม เขามองดูแล้วก็ไม่เห็นจะเหมือนปีศาจตรงไหนเลย เท่าที่เขาเห็นก็เห็นแต่ชายหนุ่มเดินผ่านไปธรรมดาเอง แล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงบอกให้หลบล่ะ
"ใช่ ปีศาจ ฆ่า คน"เด็กชายตอบ
"มองดูแล้วก็ไม่เห็นเหมือนปีศาจเลยนี่นา"เจมส์ให้ข้อสังเกต
"ปีศาจ หลอก คน"เด็กชายเตือน
"เจ้ารู้ได้ไงว่าคนๆนั้นเป็นปีศาจ"เจมส์ถาม
"ข้า เป็น ปีศาจ"เด็กชายบอก
"อ้อเพราะเจ้าเป็นปีศาจเลยรู้สินะว่าคนไหนคือปีศาจปลอมตัวมา"เจมส์พูด เด็กชายทำท่างุนงง
"ไม่เข้าใจ"เด็กชายบอก
"เอ่อ เอาไงดีล่ะจะบอกไงดีไม่มีกระดาษด้วยสิ "เจมส์เอามือกุมขมับ มีเพื่อนเป็นปีศาจก็ดีอยู่หรอกแต่จะสื่อสารยังไงให้เข้าใจดี
"ไม่เป็นไร เอาเป็นว่า ข้าเชื่อเจ้าแล้วกัน เชื่อเจ้าน่ะ เข้าใจเปล่า"เจมส์พูดพรางทำท่าไปด้วย
"เชื่อข้า อืม เข้าใจแล้ว"เด็กชายพูดพรางพยักหน้ารับรู้ความหมายที่เจมส์พูด
"แต่ว่าข้าหนีไปไม่ได้ ประชาชนที่นี่ของข้ายังอยู่ ถ้าเจ้ากลัว เจ้าหนีไปเถอะเจ้าหนู ปีศาจน้อยอย่างเจ้าคงสู้พวกนั้นไม่ไหวหรอก ให้พวกข้าสู้กับพวกมันดีกว่า"เจมส์พูดยาวเหยียด เด็กชายทำหน้างง
"ไม่เข้าใจ"เด็กชายพูดพรางส่ายหน้าไปมา
"เอาง่ายๆ ข้าจะสู้กับปีศาจ เข้าใจยัง"เจมส์พูดพรางทำท่าทางประกอบ เด็กชายทำหน้ามุ่ยทันที
"ไม่ได้ เจมส์ หนี ไม่สู้"เด็กชายบอก
"อย่ามาห้ามข้าเลย ถ้าเจ้ากลัว เจ้าก็หนีไป แต่ข้าไม่หนี"เจมส์พูดช้าๆ
"ข้า กับคนของข้า จะสู้กับปีศาจ"เจมส์พูดคำง่ายๆให้เด็กชายฟังแล้วเขาก็ลุกจากที่ซ่อนเดินตรงไปยังใจกลางเมืองเพื่อป่าวประกาศสงครามกับเหล่าปีศาจ เตรียมอาวุธ
"ไม่ เจมส์ หนี สู้ปีศาจไม่ได้ ปีศาจ ฆ่า ตายหมด "เด็กชายบอกพรางคว้าจับเสื้อของนายตำรวจเอาไว้ไม่ยอมให้ไปบอกชาวบ้าน
แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถห้ามได้ นายตำรวจสะบัดแขนของตนหลุดจากการเกาะกุมของเด็กชายตัวน้อย แล้วรีบวิ่งไปส่งสัญญาณที่ใจกลางเมือง เด็กชายไม่ได้ตามไปเขาต้องหลบพวกปีศาจ หากพวกนั้นเห็นเขาเรื่องใหญ่แน่
แก๊งๆ แก๊ง ๆเสียงตีเกราะ เคาะไม้เรียกชาวบ้านมาชุมนุมกัน จริงๆต้องเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้านแต่ว่า ในตอนนี้เรื่องเร่งด่วนไม่อาจไปตามผู้ใหญ่หรือนายอำเภอมาได้มาได้
"ประชาชนทุกท่าน ข้ามีเรื่องจะประกาศ ขณะนี้ในเมืองของเราได้เกิดภัยร้ายมาคุกคาม มันคือปีศาจ ขอให้พวกคนที่ไม่อยากจะตายให้รีบอพยพหนีไป หากใครประสงจะต่อสู้ ให้อยู่ที่นี่ เราจะระดมกำลังกันขับไล่พวกปีศาจ" เจมส์ป่าวประกาศเสียงดังตรงใจกลางเมือง ผู้คนที่มาคอยฟังต่างไม่เชื่อในคำพูดของเขาไม่มีใครเชื่อเลยแม้แต่คนเดียว
"ปีศาจ เฮอะ เรื่องตลกอะไรกันนะ สารวัตร เพ้อเจ้อ สงสัยอากาศจะร้อนมากจนทำให้ท่านสติเลอะเลือนสินะ เหลวไหลน่า ในโลกมนุษย์เนี่ยนะจะมีปีศาจมารุกราน บ้าสิ้นดี ไปพวกเรากลับเถอะอย่าไปฟังคนบ้าพูดเลย"ชายคนหนึ่งพูดคัดค้านพรางต่อว่านายตำรวจหนุ่มสาดเสียเทเสียเลย
"อลัน ข้าพูดจริงๆนะ คืนนี้จะมีปีศาจบุกมาฆ่าพวกเรา เราต้องสู้ ไม่งั้นพวกเราทุกคนจะถูกฆ่าตายหมด"เจมส์พูดเกลี่ยกล่อมแต่ไม่มีใครเชื่อเลย ผู้คนที่มาฟังต่างแยกย้ายกันไปตามทางของตนไม่สนคำเตือนของนายตำรวจคนนี้เลยแม้แต่คนเดียว
"โถ่นี่ ทุกคน เชื่อข้าสิ ข้าไม่ได้โกหกนะ ไม่ได้เพ้อเจ้อด้วย มีปีศาจจริงๆ เชื่อข้าเถอะ ทุกคน ได้โปรด เชื่อข้า"นายตำรวจพยายามพูดเพื่อชักจูงให้ผู้คนเชื่อในคำพูดของเขาแต่ไม่มีใครสนใจเลย จนบางคนรำคาญเอาข้าวของขว้างปาใส่ไล่ให้นายตำรวจกลับที่ทำงานไป
"ไปทำงานซะไป พูดบ้าๆ กลับไปซะเจ้าตำรวจบ้า เพ้อเจ้อ"ชายคนหนึ่งตวาดใส่พรางเอาหินปาใส่เพื่อขับไล่คนพูดจาเพ้อเจ้อ
เด็กชายเห็นแล้วอดสงสารนายตำรวจไม่ได้จึงรีบวิ่งไปคว้าแขนเจมส์ลากออกมาจากใจกลางเมือง
"เจ้าหนู ช่วยข้าพูดหน่อยสิ คนพวกนั้นไม่ยอมเชื่อข้าเลย ทำยังไงดี"เจมส์บอกอย่างเหนื่อยใจ
"ข้า ไม่รู้"เด็กชายบอกอย่างหมดหนทาง
"โอยกลุ้ม จะทำยังไงดี คืนนี้แย่แน่ๆ "เจมส์พูดอย่างสิ้นหวัง
"ข้า พา เจมส์หนี"เด็กชายบอก
"แล้วคนอื่นๆล่ะ เมียข้ามารีแอตต้าล่ะ ถึงนางจะใจร้ายกับเจ้าแต่ข้ารักนางมากนะ ข้าทิ้งนางไปไม่ได้หรอก"เจมส์บอกอย่างเศร้าๆ
"ข้า พา มารีแอตต้าหนีด้วย"เด็กชายบอกยิ้มๆ
"เจ้าไม่โกรธเมียข้าเหรอ"เจมส์ถาม
"ไม่โกรธ"เด็กชายตอบยิ้มๆ
"แล้วคนอื่นๆล่ะ เจ้าช่วยได้หรือเปล่า"เจมส์ถามพรางมองตาเด็กชายอย่างมีความหวัง
"ไม่ได้ ข้า เด็ก ไม่สู้ ปีศาจ พวกนั้น"เด็กชายบอกพรางส่ายหน้า
"งั้นข้าไม่หนีไปหรอกเจ้าหนู เจ้าพาเมียข้าหนีไปละกัน พานางไปให้ไกลจากที่นี่"เจมส์บอกอย่างตัดสินใจที่จะสู้ อยู่ร่วมเป็นร่วมตายกับคนในเมือง
"ไม่ เจมส์ ต้อง ไป "เด็กชายบอกพรางคว้าแขนนายตำรวจเอาไว้ทำท่าจะลากให้หนี
"ปล่อยข้าเจ้าหนู ข้าจะสู้กับพวกปีศาจ เอาหล่ะกลับไปเตรียมตัวก่อน ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ข้าไม่ยอมให้ปีศาจมาฆ่าเอาตามใจชอบหรอก"เจมส์พูดพรางสะบัดแขนออกจากมือเล็กๆของเด็กชาย แล้วเดินจ้ำอ้าวตรงกลับไปที่ทำงานจองตนทันที เพื่อตระเตรียมอาวุธเตรียมสู้กับปีศาจ โดยมีเจ้าหนูเดินตามอย่างไม่สบอารมณ์
"เจ้าตำรวจนี่ดื้อจริงๆ อยากจะตายหรือไงกันนะ อุตส่าห์จะช่วยให้รอดแท้ๆ ดันมารนหาที่ตายอีก"เด็กชายบ่นเป็นภาษาปีศาจเบาๆอย่างไม่สบอารมณ์
"ข้าควรจะทำยังไงดีนะ จะช่วยเขาหรือว่าปล่อยไปตามยะถากรรมดี"เจ้าปีศาจน้อยทำท่าครุ่นคิดพรางเดินตามนายตำรวจไปที่สถาที่ทำงาน
--------ตัดฉับ มาปัจจุบัน เซบาเตียนหยุดเล่าเมื่อมือของนายน้อยยกให้สัญญานให้เขาหยุด---------
"มีอะไรหรือขอรับนายน้อย"เซบาสเตียนหันมาถามอย่างสงสัยที่นายน้อยให้สัญญาณ
"ฉันสงสัยว่า ปีศาจที่นายเจอในป่ามีกี่ตน นายไม่เห็นบอกเลย" ชิเอลถามอย่างสงสัยตอนนี้เขากำลังนั่งเอาหลังผิงหมอนอยู่บนเตียง
"ประมาณ ห้าสิบตนได้มั้งขอรับผมก็ไม่ได้นับเท่าไหร่ แต่เยอะมากน่ะขอรับ "เซบาสเตียนพูดยิ้มๆพรางเดินไปหยิบน้ำมารินใส่แก้มแล้วดื่มแก้กระหาย
"อืม แล้วพวกที่ไม่เห็นด้วยกับการสังหารหมู่พวกนั้นตอนหลังมาช่วยมนุษย์หรือเปล่า"ชิเอลถาม
"ไม่มาช่วยเลยขอรับ พวกนั้นเมินเฉยไม่กล้าเข้าไปยุ่งกลัวถูกฆ่าในฐานะศัตรู "เซบาสเตียนบอกเศร้าๆพรางยกแก้วขึ้นกระดกดื่มน้ำไปหลายอึก
"แล้วนายทำไงกับเจมส์"ชิเอลถามไม่เลิก
"อยู่เป็นเพื่อนเขาจนกว่าจะถึงเวลา "เซบาสเตียนบอก
"แล้วหลังจากที่ถึงเวลาล่ะ นายทำไง"ชิเอลถามต่อ
"ผมก็หาที่หลบน่ะสิ ผมไม่กล้าไปเผชิญหน้ากับพวกนั้นหรอก พวกนั้นเป็นปีศาจผู้ใหญ่โตเต็มวัย จะให้เด็กตัวเล็กๆอย่างผมไปสู้ได้ไงล่ะ"เซบาสเตียนบอกเศร้าๆ
"แล้วเจมส์ล่ะ โดนปีศาจฆ่าตายมัย"ชิเอลถามอย่างลุ้นๆ เซบาสเตียนไม่ตอบพรางดื่มน้ำไปหลายอึกจนซดหมดแก้วจากนั้นก็หันไปดูนาฬิกาที่ผนังห้อง
"โอ้ว หกโมงเย็นแล้วเหรอ มานายน้อยได้เวลาทายาอีกรอบแล้วขอรับ "เซบาสเตียนพูดยิ้มๆพรางวางแก้วน้ำลงที่โต๊ะแล้วเดินมาหาชิเอลที่เตียง
"อะไรนะ ไม่นะเซบาสเตียนฉันยังอยากฟังเรื่องของนายต่อ ยังไม่ต้องมาทายาให้ฉันตอนนี้เลยนะ "ชิเอลร้องโวยไม่อยากถูกจับทายาอีก พยายามหาข้อบ้างบ่ายเบี่ยง
"ไม่ทาได้ไงมันถึงเวลาแล้วนะครับ มาเร็วจะให้ผมจับมัดหรือว่าจะยอมนอนดีๆให้ผมทายา ว่ามา"เซบาสเตียนถามพรางเปิดลิ้นชักหยิบหลอดยาออกมา
"ไม่เอาแบบเมื่อกลางวันแล้วนะ "ชิเอลโวยทันที
"งั้นก็หมายความว่าจะยอมนอนให้ผมทายาดีๆใช่มัยขอรับ"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆ
"ชิก็ได้ เอาผ้ามาให้ฉันกัดด้วย"ชิเอลบอกหน้าแดงกล่ำ
"เยสมายลอร์ด"เซบาสเตียนตอบรับพรางลุกเข้าไปหยิบผ้าในตู้ออกมาแล้วยื่นส่งให้ชิเอล
"นอนลงสิครับ"เซบาสเตียนสั่ง ชิเอลหันมามองหน้าพ่อบ้านหนุ่มตาขวาง
"ชิ"ชิเอลจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์พรางรับผ้าสะอาดเอามาใส่ปากตนเองจากนั้นก็ถลกชายเสื้อขึ้นมาถึงกลางหลังเปิดก้นแล้วนอนในท่าคงคว่ำยอมให้เซบาสเตียนทายาให้แต่โดยดี
"หึหึหึ นายน้อยนี่น่ารักดีนะครับ ยอมให้ทายาดีๆก็เป็นด้วย"เซบาสเตียนพูดยิ้มๆ ชิเอลหน้าแดงกล่ำ
"พูดมากน่า รีบทายาเร็วๆเข้าเถอะ ฉันอยากฟังเรื่องของนายต่อ "ชิเอลเอาผ้าออกจากปากชั่วคราวเพื่อพูด พอพูดจบก็เอาผ้ามาอุดปากไว้ตามเดิมเตรียมงับเพราะเขารู้ว่าเวลาทายาจะเจ็บมาก
"เยสมายลอร์ด"เซบาสเตียนตอบรับพรางเปิดฝายาแล้วเอามาเทใส่ที่ปลายนิ้วแล้วจากนั้นก็เอามาทาให้ชิเอลทันที
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ