Fic Naruto พันธสัญญาสีดำ ความเศร้า ความรัก ภาค1
เขียนโดย นิกซ์
วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 07.27 น.
แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564 21.50 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
2) บทที่1 จดหมายจากพ่อ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากเก็บสมุนไพรที่ภูเขาทางเหนือของโคโนฮะได้สองชั่วโมงซากุระก็รีบลงจากภูเขาทันทีเมื่อกลับถึงบ้านเด็กสาวก็ตรงดิ่งไปยังห้องครัวก็พบว่ามีข้อความแปะติดตู้เย็นไว้ว่า
’ฉันจะออกไปซื้อของ แกหาอะไรกินเองและกันจะกลับเที่ยงๆ จากป้าฮารุย’
พอเด็กสาวอ่านจบก็อมยิ้มแต่เด็กสาวยังไม่ทันทำอะไรก็มีเสียงเรียก
…ก๊อกๆ ....
“มีใครอยู่บ้านไหมครับมีจดหมายมาส่ง”
เด็กสาวไม่รอช้ารีบวิ่งไปเปิดประตูและรับจดหมายมาแล้วอ่านนามผู้ส่ง ฮารุโนะ ฮารุชิ นามของผู้ส่งทำให้เด็กสาวผงะทันที
”จดหมายจากคุณพ่อ”
เด็กสาวไม่รอช้ารีบเปิดจดหมายอ่านทันที
’ถึงลูกรักของพ่อ พ่อไม่รู้หรอกว่าลูกเป็นชายหรือหญิงแต่ พ่อรู้ว่าลูกรักของพ่อต้องเป็นนินจาแพทย์แน่ๆ พ่อมีสิ่งหนึ่งที่ต้องบอกลูกมันถึงเวลาแล้วที่พ่อจะต้องบอกลูกเป็นมันความลับที่พ่อไม่เคยบอกใครเลยหรือแม้แต่แม่ของลูกหรือพี่สาวของพ่อ’
ยังไม่ทันที่จะอ่านจดหมายจบซากุระรีบวิ่งขึ้นห้องนอนส่วนตัวทันทีแล้วรีบล็อกประตูทันทีล็อกหน้าต่างหน้าต่างปิดผ้าม่านอีกชั้นแล้วเปิดโคมไฟขนาดเล็กที่มีแสงสว่างไม่มากแต่ก็พอที่จะมองเห็นแล้วจึงอ่านจดหมายต่อ
’ตอนพ่ออายุ 15 พ่อได้ลักลอบเรียนตำราต้องห้ามจริงและขโมยตำรานั้นมาซ่อนไว้ในที่ปลอดภัย มันอยู่ที่ภูเขาทางเหนือของโคโนฮะหากลูกพบจงอ่านให้จำขึ้นใจและพยายามฝึกมันให้ได้และจงใช้ในยามสงครามและปกป้องผู้บริสุทธ์เท่านั้นเหตุผลที่พ่อต้องทำนั้นมีเพียงอย่างเดียวคือ โอโรจิมารุต้องการวิชาพวกนี้และยังมีพวกอื่นที่ต้องตำราลูกห้ามบอกใครเป็นอันขาดเรื่องตำราและที่ซ่อนพ่อเองก็ไม่สามารถบอกที่ซ่อนตำราได้ตรงๆแต่พ่อจะทิ้งปริศนาไว้ให้ เมื่อไวท์ดื่มตัวมันเอง เมื่อกระดูกพูดได้ ขอให้ลูกมีความสุข รักเสมอจากพ่อ’
พออ่านจบเนื้อความในจดหมายก็หายไปทันทีทำให้เด็กสาวได้แต่พึมพำเบาๆ
”จดหมายอาคม”(สมมุติเอานะค่ะ:คนแต่ง)
และคิดในใจ…เอ..มันน่าจะเกี่ยวกับหนังสือนะ..มองนาฬิกา
”อ๊ะ!สายแล้ว”
เด็กสาวรีบจัดแจงจัดห้องนอนให้เป็นปกติและนำจดหมายทิ้งชักโครกแล้วกดชักโครกทันทีและออกจากบ้าน
ห้องทำงานโฮคาเงะ
ก๊อกๆ..
”ขออนุญาตค่ะ”
”เข้ามาสิ”
ซากุระรีบเข้าห้องทันทีที่อาจารย์อนุญาตเด็กสาวทำความเคารพผู้เป็นอาจารย์
”เอาละซากุระวันนี้มีอะไรเหรอ”
“เอ่อ..คือว่า”
”ว่ามาสิฉันฟังอยู่”
”หนูขอลางานไปสัก1เดือนจะได้ไหมค่ะอาจารย์”
ผู้เป็นอาจารย์ขมวดคิ้ว”เป็นเพราะอักขระนั้นรึเปล่า“
“เปล่าค่ะอาจารย์หนูแค่..อยาก..เอ่อ..พักผ่อนน่ะค่ะ”
“งั้นเหรอ”
ซึนาเดะนั่งหลับตาคิด
”ก็ได้เพราะเธอควรพักผ่อนซะบ้างอย่าหักโหมล่ะ”
เด็กสาวโค้งคำนับ
”ขอบคุณค่ะอาจารย์”
”อ้อ..เธอระวังตัวด้วย”
“หือ..มีอะไรเหรอค่ะ“
“เพราะพวกเหยี่ยวมันมาป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆหมู่บ้าน”
”ค่ะหนูจะระวังตัวขอบคุณค่ะ ”
หลังจากซากุระออกจากห้องทำงานไป
ซึนาเดะคิดในใจ…มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ…
พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานในตอนสายระหว่างที่ตัวเองนั่งจัดการเอกสารกองโตโดยมีชิสึเนะเป็นผู้ช่วยจู่ๆก็มีคนของหน่วยลับเข้ามา’ท่านรุ่น5ครับมีเรื่องด่วน’ ทำให้ซึนาเดะมองหน้าคนของหน่วยลับด้วยสายตาหงุดหงิดนิดๆ
’มีเรื่องอะไร’
’คือว่า..พวกเหยี่ยวมันชิงแฟ้มประวัตินินจาแพทย์ไปครับ’
’อะไรนะ! เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน’
’ของใคร!’
’ฮารุโนะ ซากุระ ครับ’
เมื่อคนจากหน่วยลับพูดจบทำให้โฮคาเงะรุ่น5รีบวิ่งไปที่ห้องเก็บแฟ้มประวัติของนินจาทันที ภายในห้องเก็บแฟ้มนั้นถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย
’ท่านซึนาเดะค่ะ’ชิสึเนะนินจาคนสนิทของซึนาเดะวิ่งตามมาพลางถาม’จะให้สั่งพวกหน่วยลับไปคุ้มกันซากุระมั้ยค่ะ’
’ไม่ต้อง เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่’
กลับมาปัจจุบัน
ซึนาเดะพึมพำเบาๆ
”ขออย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีกับเด็กคนนั้นเถอะ”พลางเหมอมองท้องฟ้าในยามเย็น ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าสีส้มของท้องฟ้านั้นเหมือนกำลังร่ำไห้
ทางด้านทีมเหยี่ยว
ในเวลาเย็นป่าชายแดนโคโนฮะที่กลุ่มนินจาชาย4หญิง2กำลังนั่งประชุมอยู่
”ภารกิจของพวกเธอในครั้งนี้คือ จับนินจาแพทย์ที่ชื่อ ฮารุโนะ ซากุระ มา”
ชายสวมหน้ากากในชุดดำลายเมฆแดงนามโทบิพูดขึ้น
”ทำไม”
ชายหนุ่มผมดำหน้าตาหล่อเหลาถาม
”เธอนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเลย”
ชายสวมหน้ากากบ่น
”จะบอกอะไรให้เด็กคนนี้เป็นทายาทของฮารุโนะฮารุชิ..”
ยังไม่ทันจะพูดจบก็ถูกแทรก
”ที่ถูกกล่าวหาว่าลักลอบเรียนวิชาต้องห้ามของราชวงศ์เก่าไงล่ะค่ะท่านซาสึเกะ”
หญิงสาวหน้าตาน่ารักผมยาวรวบหางม้าสีเหลืองผูกโบสีดำผิวสีน้ำผึ้งตาสีฟ้าสดใสรูปร่างผอมเพียวพูดพลางยิ้มหวานให้ชายหนุ่มผมดำนาม’ซาสึเกะ’
โทบิจึงพูดต่อทันที
”ซาสึเกะหัดอบรมลูกน้องซะบ้าง”
ซาสึเกะไม่พูดอะไรเพียงแต่ส่งสายตาตำหนิให้หญิงสาวผิวน้ำผึ้งทำให้ผู้ถูกตำหนิต้องนั่งฟังอย่างเดียวซาสึเกะถามโทบิต่อ
”อะไรคือราชวงค์เก่า”
”ราชวงค์เก่าก็คืออดีตผู้ปกครองเหล่านินจาทั้งหมดและมีวิชาลับที่ไม่มีใครสามารถร่ำเรียนได้และมีสูตรยาลับมากมายเก็บไว้หนึ่งในนั้นก็คือ’ยาทิพย์’ที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงให้หายเป็นปกติภายเวลาอันรวดเร็วซึ่งส่วนผสมและวิธีทำเป็นความลับไม่มีใครรู้แม้แต่โอโรจิมารุก็ยังไม่รู้มันเคยพยายามค้นหาแต่ก็หาไม่พบ”
”แล้วทำไม..วิชานั้นถึงถูกซ่อนล่ะ”
ชายหนุ่มผมสีฟ้าฟันฉลามเอ่ยถาม
”นั่นสิ”ชายหนุ่มร่างใหญ่ผมสีส้มถาม
โทบิจึงตอบทันที
”ความจริงวิชาพวกนั้นคนสามัญธรรมดาไม่สามารถใช้วิชาพวกนั้นได้หรอกนะ แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการนั้นน่ะก็คือสูตรยาทิพย์ต่างหากล่ะ”
”สูตรยาทิพย์ มันมีจริงๆเหรอ?”ซุยเงสึถาม
ซาสึเกะคิด..ที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้ยินสูตรยาทิพย์เลยอะไรเลยถ้ามีมันคงโด่งดังมากแน่ๆ
”อ๋อ!เกี่ยวกับตำนานนั้นสินะ”หญิงสาววัย18ผมยาวซอยสีแดงตาสีแดงท่าทางร้ายกาจพูดขึ้น
”ตำนานอะไรล่ะคาริน”
ชายหนุ่มผมสีฟ้าฟันฉลามเอ่ยถามหญิงสาวผมแดงนาม คาริน หญิงสาวผู้ถูกถามจึงบ่นใส่ชายหนุ่มผมสีฟ้าฟันฉลาม
“นิ!นายไม่รู้จัก ตำนานราชาจริงเหรอซุยเงสึ”
ซายะจึงพูดแทรกในทันที
”ฉันก็รู้นะแต่มันเป็นเพียงตำนานเท่านั้นมันไม่ใช่เรื่องจริงนะคาริน”
หญิงสาวผิวน้ำผึ้งพูด
”เงียบไปเลย!ยัยซายะ!!แกอยากจะมีเรื่องเหรอหะ!!”
คารินตวาดใส่หญิงสาวผิวน้ำผึ้งนาม ซายะ แต่ผู้ถูกตวาดดูจะไม่ยอม
”เพียะ!”
ซายะได้ฝากรอยตบไว้ที่หน้าของคารินอย่างเต็มแรงจนแก้มของผู้ถูกตบหน้าหันเป็นรอยแดงเป็นรูปมือห้านิ้วทันที
“กรี๊ดดดดดดดดด!!”
เสียงกรี๊ดจนคนรอบข้างอุดหูแทบจะไม่ทันคารินรีบวิ่งมากอดแขนซาสึเกะทันที
”ซาสึเกะค่า ดูสินังซายะมันตบเขาอ่ะ ดูสิแก้มเขาเป็นรอยแดงเลย”
คารินพูดพลางส่งสายตาสำอ่อย ทำให้ซาสึเกะมองคารินด้วยสายตาเย็นชาและพูด
”ปล่อยฉัน คาริน ไม่งั้นฉันตบเธอแน่”
พอพูดจบคารินก็รีบปล่อยแขนซาสึเกะและนั่งลงข้างๆซาสึเกะทันทีด้วยสีหน้าหงุดหงิดสุดๆท่ามกลางสายตาขบขันของซุยเงสึและซายะ
”แต่มันก็เกี่ยวกับสูตรยาอมตะนะ”
โทบิพูดขึ้น
”ชิ”
ซายะสบถอย่างหัวเสียในทันทีคารินจึงเยียดยิ้มอย่างมีชัย
”เอ..แล้วเรื่องไอ้ตำนานราชานั้นน่ะเนื้อเรื่องมันเป็นยังไงล่ะ”
ซุยเงสึถามอีกทำให้คารินโวยลั่น
”ไอ้กับปะขึ้นอืด แกหัดรู้เรื่องอะไรบ้างสิยะ”
หลังจากคารินโวยลั่นทำให้ชายหนุ่มร่างใหญ่ผมสีส้มต้องบ่นอย่างเหลืออด
”คารินหยุดซะทีเถอะถ้าเธอไม่อยากให้พวกโคโนฮะมันรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี้น่ะ”
ประโยคนั้นคารินแทบจะกรี๊ดในทันทีแต่ก็คิดได้ว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์อะไรจึงสงบลง ซายะจึงพูด
”จูโกะเอาล่ะ ฉันเล่าเองเรื่องก็มีอยู่ว่า ในยุคหนึ่งราชานินจาพระองค์หนึ่งทรงได้เชลยสาววัย18ชาวต่างชาติมา ท่านเห็นความงามของนางทำให้ท่านหลงรักอย่างหมดหัวใจจึงขอให้นางเป็นชายา นางเชลยก็หลงรักราชาเช่นกันจึงยินดีชายาเป็นทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุข…แต่ความสุขไม่ยืนยาวเมื่อชายาได้ให้กำเนิดโอรสองค์แรกเนื่องจากชายาองค์นี้มีร่างกายอ่อนแอหลังจากนั้นไม่นานก็จบชีวิตลงสร้างความเสียใจให้กับเหล่าไพร่ฟ้าและมากที่สุดก็คือราชาที่ต้องสูญเสียนางผู้เป็นที่รักไป..แต่ร่างของนางนั้นเหมือนคนนอนหลับมากกว่าคนตาย ราชาจึงไม่อาจตัดใจที่จะฝังร่างนางจึงทำได้เพียงแต่แช่แข็งนางไว้เท่านั้น จากนั้นราชาก็ดูแลเอาใจใส่บ้านเมืองอย่างดีเหมือนเดิมแต่ตัวราชาเองกลับเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก หมอซึ่งเป็นทั้งอนุชาและคนสนิทของราชารู้สึกเห็นใจและสงสารพี่ชายที่ต้องสูญเสียหญิงผู้เป็นที่รักจึงอาสาหาทางทำให้ชายานั้นฟื้นจากความตายให้จงได้ จากนั้นหมอหลวงคนสนิทของราชาจึงไปที่ภูเขาแห่งหนึ่งแล้วก็คิดค้นสูตรยาอยู่นานจากวันเป็นเดือนจากเดือนเกือบปีพอผ่านไปหนึ่งปีหมอหลวงคนสนิทก็เดินทางกลับมาที่วังพร้อมตัวยาจากนั้นพอร่างของชายาได้ดื่มยาเข้าไปทำให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งแถมแข็งแรงและงดงามผุดผ่องโสภามากกว่าเก่าแล้วก็กลับมาครองรักกับราชาอีกครั้ง จบแล้วจ้า”
“อืม เป็นเรื่องที่ดีนะ”
จูโกะพูดขึ้นโทบิจึงอธิบายต่อ
“หลังจากนั้นน้องชายของราชาได้คิดค้นสูตรยามากมายและรวบรวมสูตรยากับเคล็ดวิชาต่างๆไว้โดยราชาได้ให้ขุนพลคนสนิทของตนนำไปซ่อนไว้แต่ขุนพลนั้นกลับโลภมากอยากฝึกวิชาแต่สุดท้ายเขาก็ตายเพราะฝึกวิชาลับ ลูกชายของขุนพลรู้ดีว่าราชานั้นได้สาปแช่งไว้จึงตัดสินใจนำทั้งสูตรยาและเคล็ดวิชาลับไปซ่อนเองสุดท้ายก็ไม่มีใครรู้ว่าตำราอยู่ไหน”
ซาสึเกะจึงถามโทบิต่อ”ราชาได้สาปแช่งไว้เหรอ”
”ใช่”โทบิตอบทันทีและอธิบายต่อ”ราชาได้สาปแช่งไว้จริงจากที่ตำนานฉบับเต็มได้แต่งไว้”
”เอ๋ คุณเคยอ่านฉบับเต็มด้วยเหรอ?”ซายะถามโทบิด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
”ก็เคยนะ”
”แล้วซากุระเกี่ยวอะไรด้วย”
ซาสึเกะถามโทบิด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง
”ก็เพราะเขาเป็นทายาทของฮารุโนะ ฮารุชิ ไงล่ะแต่ก็คงต้องเริ่มตั้งแต่เรื่องของฮารุชิ น่ะนะ ตำราลับน่ะใครๆก็คิดว่ามันเป็นตำนานปรัมปรานะแต่ตอนสงครามนินจาครั้งที่3 ฮารุชิก็เข้าร่วมด้วยในตอนนั้นน่ะจะอายุสัก 14 15ปีได้นะเขาเป็นแพทย์ฝีมือดีที่สุดของโคโนฮะเลยล่ะ..มีอยู่ครั้งหนึ่งในตอนนั้นมีนินจาที่บาดเจ็บสาหัสมากประมาท15คนมีเพียง10คนที่สามารถเยี่ยวยาได้แต่ทีเหลือนั้นนินจาแพทย์ไม่สามารถรักษาได้คนไข้เหล่านั้นต้องนอนรอความตายไปแต่ ฮารุชิเขาไม่ยอม เขาดึงดันที่จะรักษาคนเหล่านั้นเพราะว่าเขาไม่อาจทนเห็นคนตายไปทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรเลยแต่หลังจากที่ทุกคนห้าม จนเขาต้องยอมและข้ามคืนคนเหล่านั้นก็หายเป็นปกติและแข็งแรงกว่าเดิม ใครๆต่างก็คิดว่าฮารุชิเป็นคนรักษานะแต่หลักฐานไม่มีพอที่จะปรับปรำฮารุชิได้ สุดท้ายเขาก็ต้องออกจากโคโนฮะไป”
พอโทบิพูดจบคารินจึงถามทันที
”ดูเหมือนนายจะรู้ประวัติคนคนนี้ดีเหลือเกินนะ”
คารินจึงโดนโทบิสวนกลับมาทันที
”รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งไงล่ะ”
ทำเอาสาวผมแดงหน้าบึ้ง ชายสวมหน้ากากอธิบายต่อ
”เหตุที่เขาถูกปรักปรำเพราะก่อนหน้านั้นหอสมุดต้องห้าม ถูกทำลายโดยที่ผู้ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุมากที่สุดก็คือฮารุชิ”
ซาสึเกะขมวดคิ้วทันทีก่อนจะถาม
”ทำไมเขาถึงอยู่ใกล้หอสมุดต้องห้ามล่ะ”
ซายะจึงแทรกทันที
”พวกนินจาแพทย์ส่วนใหญ่ต้องหาสมุนไพรตามฤดูกาลและสถานที่ซึ่งในห้าแคว้นที่หอสมุดต้องห้ามเป็นที่ๆมีสมุนไพรอุดมสมบูรณ์ที่สุดนอกจากสวนของตระกูลนาระอีกแล้ว”
ซุยเงสึถามต่อ
”แล้วทำไมเจ้าคนคนนั้นถึงไม่เก็บสมุนไพรที่สวนตระกูลนาระ ซะล่ะ”
ซุยเงสึถามทำให้สาวผิวน้ำผึ้งจึงต้องอธิบายต่อ
”ก็เพราะสวนสมุนไพรตระกูลนาระมีไว้สำหรับส่งให้โรงพยาบาลของโคโนฮะเท่านั้น”
ซุยเงสึก็เข้าใจทันที
”อืม..เข้าใจแล้วว่า..ทำไมพวกแพทย์ถึงได้ดั้นด้นไปหาสมุนไพรนอกแคว้นกัน”
โทบิจึงพูดต่อ
”ในตอนที่หอสมุดต้องห้ามระเบิดเขากำลังกลับจากการหาสมุนไพรพอดีบางคนก็คิดว่าเขาจดจำตำราต้องห้ามแล้วทำลายหอสมุดทิ้ง ในตอนที่หอสมุดถูกระเบิดทำลายลงแล้วไม่มีเศษกระดาษเลยสักชิ้น”
คำพูดของโทบิ ซาสึเกะคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด
”บางทีมันอาจจะไม่มีตำราอะไรนั้นอยู่หอสมุดตั้งแต่แรกนะ”
คำพูดของซาสึเกะทำให้ทุกคนมองหน้าซาสึเกะทันที
”ทำไมเธอคิดอย่างนั้นล่ะ”โทบิถาม"เพราะอะไรล่ะ”
”ก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่มีใครเคยเห็นตำราต้องห้ามเลยนิ”
โทบิพูดต่อ
“ตอนแรกฉันก็คิดแบบเธอล่ะนะ..แต่หลักฐานหลายอย่างมันฟ้อง”
จูโกะถามแทรกทันที “แล้วรู้ได้ยังไงว่าตำราต้องห้ามอยู่ที่หอสมุดแห่งนั้นล่ะ“
”โฮคาเงะรุ่น2อ้างว่าเป็นผู้พบเจอแล้วก็สร้างหอสมุดต้องห้ามมันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่นะ”
โทบิตอบพลางถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
”ตอนนี้ฮารุชิก็เสียชีวิตไปนานแล้วถ้าเด็กคนนั้นรู้วิธีทำยาทิพย์หรือที่ซ่อนตำราจะทำให้ฝ่ายเราได้เปรียบในสงครามนี้มากขึ้น” คารินจึงถามบ้าง”ถ้ามันไม่รู้เรื่องตำราหรือยาอะไรนิมันไม่เสียแรงเปล่าเหรอ”
”ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรเธอเป็นนินจาแพทย์มีประโยชน์อยู่แล้ว..ก็เพราะพวกเรายังไม่มีนินจาแพทย์ในทีมสักคน”
พอโทบิพูดจบคารินได้แต่สบถอยู่ในใจเท่านั้น
..ชิ..เกลียดนังนั้นจริงๆ..
แต่ต้องหยุดคิดเมื่อซุยเงสึถามโทบิต่อ
”แล้วเขาจะยอมเข้าพวกเหรอ”
”ก็ต้องหว่านล้อมหน่อยล่ะ..เด็กนั่นเป็นถึงคนสนิทของโฮคาเงะรุ่น5รู้นอกออกในหมู่บ้านโคโนฮะดีกว่าใครเลยล่ะ”
โทบิตอบด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ”ถ้าไม่ยอมเข้าพวกหรือหมดประโยชน์ล่ะก็ฆ่าทิ้งทันทีแต่ก็เก็บเด็กนั้นไว้เป็นตัวประกันต่อรองกับโคโนฮะก็ได้”คำพูดของโทบิทำให้ซายะต้องพูดด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ
”แต่ยัยนั้นจะยอมเป็นพวกเรารึ ถ้าจะกล่อมลำบากนะไม่เสียแรงเปล่าเหรอ ฉันว่ากล่อมองค์รักษ์นินจายังง่ายกว่าเยอะ”
โทบิหันมาถามซายะ”ทำไมล่ะ”
“คนตระกูลนี้ขึ้นชื่อเรื่องหัวแข็งไม่ยอมทรยศต่อโคโนฮะเด็ดขาด”
ซายะตอบทันที คารินจึงพูดเสริมซายะ
”นั่นสิ ดูจากแฟ้มประวัติแล้ว ยัยนี่ถ้าทางจะเป็นเพียง ตัวถ่วง ก็เท่านั้น”
คารินเหยียดยิ้มทันทีที่พูดจบโดยจงใจเน้นคำว่า‘ตัวถ่วง’พลางคิดในใจ
…ใช่ฉันรักซาสึเกะและเกลียดผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขาฉันจะกันผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขา ฮารุโนะ ซากุระ เด็กสาววัย15ผมสีชมพูดอกซากุระสวยสมชื่อ ดวงหน้ารูปไข่ผิวขาวอมชมพูดวงตาสีมรกตชวนหลงใหลฉันต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้งดงามราวกับตุ๊กตามีชีวิตและยังเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมของซาสึเกะอีกผู้หญิงคนนี้ถือเป็นศัตรูหัวใจคนสำคัญของฉันถ้าเธอร่วมทีม ฉันไม่ยอมเด็ดขาด…
แต่แล้วความคิดก็ถูกขัดโดยโทบิ
”แต่ฉันอยากบอกอะไรสักอย่างหนึ่งนะว่าสมาชิกแสงอุสาคนหนึ่งถูกยัยเด็กที่เธอเรียกว่า’ตัวถ่วง’ฆ่าตั้งเมื่อ1ปีก่อนนะถือว่าเป็นเด็กที่มีฝีมือมากพอดู”
ซายะจึงเตือน
”ถ้าต้องลักพาตัวยัยนั่นก็ต้องระวัง ฮารุโนะ ฮารุยให้ดีล่ะ”
จูโกะหันหน้ามาถามซายะ”ทำไมล่ะ”
ซายะจึงตอบด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ
”ก็คนคนนี้คืออดีตยอดมือสังหารของโคโนฮะและเป็นป้าของยัยนั่นอีกด้วยคงจะไม่ยอมให้หลานสาวสุดที่รักถูกลักพาไปหรอกนะ”
โทบิจึงกล่าวสรุป
”ภารกิจของพวกเราครั้งนี้คือจับ ฮารุโนะ ซากุระ ในสภาพไร้รอยขีดขวนเริ่มจากสืบดูพฤติกรรมเด็กนั่นเด็กนั่นแล้วหาจังหวะจับมันมาซะ”
ซาสึเกะจึงมอบหน้าที่
”งั้นหน้าที่นี่ คือ ซายะกับซุยเงสึ ถ้าดูแล้วว่า ยัยนั่นอยู่คนเดียวก็จับมา ”
ทั้งคู่รับคำ
”ได้เลย/ได้ค่า> - <”
จากนั้นซุยเงสึกับซายะก็แยกออกไปทำหน้าที่ทันที โทบิจึงหันไปสั่งคาริน
”เธอก็ไปหาฟื้นให้หน่อยนะคาริน”
ทำให้คนที่ถูกใช้โวยทันที
”อะไรกันฟื้นก็ยังมีเยอะอยู่เลย”
แต่เจอสายตาเย็นชาของซาสึเกะก็ยอมไปโดยดีด้วยสีหน้าเขินอาย
…อร๊ายย ซาสึเกะอ่ะเท่ที่สุด….
ลับตาสาวผมแดงโทบิจึงถามซาสึเกะ
”ทำไมไม่ทำซะเองล่ะ พวกเธอเคยอยู่ทีมเดียวกันนิก็น่าจะรู้บ้างสิว่าชอบไปที่ไหนเป็นประจำน่ะ”
แต่อีกฝ่ายกลับตอบอย่างเฉยชา
”หึ ฉันไม่เคยสนใจยัยรกโลกนั่นหรอก”
อีกฝ่ายพูดพลางหยิบบางสิ่งมาดูเป็นรูปของเด็กสาวผมสั้นประบ่าชมพูตาสีเขียวผิวขาวอมชมพู วัย12ในชุดกิโมโนสีเขียวอ่อนกำลังยิ้ม จึงพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
”จริงเหรอออ งั้นรูปนี้ล่ะเก็บไว้อย่างดีนี่คงจะเป็นยัยเด็กรกโลกที่เธอพูดถึงแน่เลย เธอนี่มันปากแข็งจริงๆ รู้หรอกว่าเธอแอบมองเขาอยู่”
คำพูดของโทบิทำให้อีกฝ่ายตอบตะกุกตะกักพลางหน้าขึ้นสีเล็กน้อย
”ละ..แล้วทำไมล่ะไม่เกี่ยวกับคุณซะหน่อย”
”เอาเถอะแต่ยังไงก็อย่าให้ คารินกับซายะหรือซุยเงสึเห็นล่ะกัน”
จูโกะที่เงียบไปนานพูดขึ้น
“เพราะอะไร”
โทบิถามบ้างจูโกะจึงตอบทันที
”เดี๋ยวคารินกับซายะจะกรี๊ดลั่นหมู่บ้านส่วนซุยเงสึก็จะแซวนายไม่หยุดแน่ๆ”
คำพูดแบบนี้จากคนพูดน้อยจากจูโกะทำให้หนุ่มผมดำต้องถอนหายใจโทบิจึงพูดต่อ
”ถ้าเธอชอบเขามันก็ง่ายหน่อย ถ้าเขาชอบตอบเนี่ยมันเป็นผลดีกับฝ่ายเรา”
”ถ้าเป็นอย่างงั้นก็ดี”
พอพูดจบหนุ่มผมดำก็ลุกขึ้นทำให้โทบิถาม
”นายจะไปไหน”
หนุ่มผมดำหันมามองผู้ถามเล็กน้อย
”ก็ไปสูดอากาศ”
จากนั้นร่างสูงก็หายไปราวกับอากาศธาตุในทันที โทบิบ่นพึมพำพลางเอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่
”ทำไมนะเจ้าเด็กนั้นปากแข็งอยู่นะ”
จูโกะพูดอย่างขำๆ
”มันเป็นธรรมชาติของซาสึเกะนิ”จูโกะอมยิ้ม
”แต่มันอาจจะสายเกินไปก็ได้ ผู้หญิงก็เหมือนนกหากจับมันมาไม่ได้มันก็อาจจะบินหายไปโดยไม่หวนกลับมาอีกเลยก็ได้”โทบิพูดเปรยพลางมองฝูงนกที่บินลงใต้หลบหนาว “..แต่ถ้าจับนกน้อยนั้นได้แต่จับหลวมไปก็หนีไปก็ได้ถ้าจับแน่นไปนกน้อยก็อาจจะดิ้นหนีไปหรืออาจตายในอุ้มมือก็ได้”
จูโกะจึงนั่งหลับทันทีในขณะที่โทบินั่งคิด
…เอาล่ะ อีกไม่นานเท่านั้น …
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ