ภาม รินปริศนาเกมส์เเห่งความตาย
เขียนโดย winter
วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 05.16 น.
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2557 05.27 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
บทนำ
บทนำ
ตู้จัดแสดงโชว์สินค้าขนาดไม่ใหญ่นักด้านหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งกลางเมือง มีผู้คนรายล้อมมุงดูกันอย่างคับคั่ง และเวลายิ่งผ่านไปก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนแทบล้นสู่ถนน แต่หากสิ่งที่ผู้คนสนใจไม่ใช้ตัวสินค้าที่อยู่ภายในตู้นั้น แต่เป็นผ้าสีดำที่คลุมอะไรบางอย่างเอาไว้จนมิดชิด และรอบนั้นมีโซ่ยึดติดกับสิ่งของภายในนั้นลอดผ่านผ้าสีดำนั้นออกมาอีกที
...ตึ่ง...ตึง...ตึ้ง...ขณะนี้เวลา แปดนาฬิกา ห้างของเราเปิดทำการแล้วคะ....ตึ้ง...ตึง...ตึ่ง...
ทันทีที่เสียงประกาศจากคอลเซ็นเตอร์ของห้างสรรพสินค้ากล่าวจบ ผ้าสีดำที่คลุมบางอย่างอยู่ก็เปิดพรึบออกด้วยกลไกอะไรบางอย่าง จนเผยให้เห็นสิ่งที่คลุมอยู่ภายใต้นั้น
“อะไรกันเนี่ย” เสียงหนึ่งกล่าวขึ้นเมื่อได้เห็นภายใต้ผ้าสีดำนั้น
“นั้นใครน่ะ!” และต่อมาด้วยเสียงอีกมากมายจนระงมจากที่ได้เห็น จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“นั้นท่าน สส. มานิตไม่ใช่เหรอ” เสียงนี้เรียกสายตาอยู่ครู่หนึ่งแล้วกลับไปมองดูสิ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อีกครั้ง
“ใช่จริงๆด้วย ท่านสส. คนนั้นนี่”
ยิ่งมีคนพูดถึงคนที่อยู่ภายในนั้นกันมากขึ้นจนเริ่มมีเสียงรบกวนบุคคลที่อยู่ภายในตู้โชว์นั้น ทำให้เขาเริ่มรู้สึกตัว และลืมตาตื่นขึ้น
“อ๊ากกกกกกกกกก!!!” เขาร้องลั่นทันทีเมื่อรู้สึกตัว
“นี่มันบ้าอะไรกัน ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!” เขาตะโกนขอความช่วยเหรออีกครั้งเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นและเจอกับผู้คนตรงหน้าเขาที่มามุงดู
“ช่วยผมด้วย..” เขาร้องให้และขอความช่วยเหรอ เละบางคนก็เริ่มโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจและบางคนก็ถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อลงข่าวสารในอินเตอร์เน็ต
“ทำอะไรซักอย่างสิ เอาอะไรมาทุบกระจกก็ได้เร็วเข้า!!!” เสียงของคนที่มามุงดูพูดขึ้น
“งั้นผมเอง ถอยไป”
ตึ้ง...ตึง...ตึ่ง...
ผู้มุ่งดูเหตุการณ์คนหนึ่งพูดขึ้น แล้วเอาไม้เบสบอลที่อยู่ในมือกระหน่ำทุบลงไป แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะกระจกที่ติดไว้กับตู้โชว์นั้นทำจากวัสดุที่กันกระแทกสูง หรือก็คือกระจกนิรภัยกันกระสุน เขาทุบมันอยู่สิบกว่าทีแล้วหยุดทุบ เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับมันแม้แต่นิดเดียว
“ไม่ได้ผล กระจกบ้าอะไรแข็งเป็นบ้าเลย”
ผู้คนที่มามุงดูอยู่พากันหาวิธีต่างๆเพื่อช่วยชายคนหนึ่งที่มีคนในกลุ่มผู้ที่มามุงดูเหตุการณ์เรียกว่า สส.มานิต แต่จู่ๆก็มีเสียงประหลาดดังขึ้น เป็นเสียงผู้หญิงหัวเราะและแสบแก้วหูจากตุ๊กตาตัวหนึ่งที่อยู่ภายในตู่กระจกกับ สส. ตนนั้น
....สวัสดี สส.มานิต ฉันอยากเล่นเกมส์ซักเกมส์ กับสิ่งที่เรียกว่าชีวิตของคุณ เป็นเกมส์ง่ายๆสำหรับคนที่ชอบโกงกินประเทศชาติแบบคุณ...
พอตุ๊กตาหยุดพูดลงผ้าที่คลุมตั้งแต่คอของ สส.มานิตก็เปิดพรึบออกเหมือนตอนที่ผ้าสีดำผืนแรก ด้วยกลไกบางอย่างเหมือนกัน เผยให้เห็นบาดแผลที่มีลอยเย็บแบบลวกๆเอาไว้หลายสิบแผล แต่ที่หน้าตกใจคือ ที่คอของเขามีเครื่องอะไรบางอย่างติดตั้งเอาไว้ รูปร่างของมันเหมือนกับหน้ากากอักศวินที่เราเคยเห็นในหนัง แต่มันถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกอยู่ด้านหน้าเขาและแบบชิดกับลำตัว และส่วนที่สองอยู่หลังของเขา มีส่วนที่คล้ายกับข้อตอพับได้ติดไว้ทั้งสองส่วนเชื่อมต่อกับปลอกคอเหล็กที่ตอเขาที่สำคัญมันถูกล็อกด้วยกุญแจขนาดใหญ่ และภายในหน้ากากโลหะนั้นมีตะปูขนาดสี่นิ้วเป็นจำนวนมากถูกเชื่อมติดเอาไว้ทั้งส่วนด้านหน้าและด้านหลัง
เขาพยายามดึงมันออกแต่ก็ไม่เป็นผล เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้จนเผยให้เห็นและมองบาดแผลเป็นจำนวนมากทั่วร่างไม่ต่ำกว่าสามสิบแผล ตามเนื้อตัวเขาที่เปลือยเปล่าแทบไม่ได้ใส่อะไรนอกจากกางเกงชั้นในชาย
…เอาล่ะท่านสส. ในเวลาหนึ่งนาที ท่านต้องนำลูกกุญแจมาไขเครื่องมือที่เรียกว่าหน้ากากปริจชีพของผมที่พันธนาการคอของท่านออก ถ้าหากท่านหากุญแจมาไขมันไม่ทันล่ะก็ หน้ากากนั้นจะงับคุณทันที มันก็เหมือนกับต้นกาบหอยแครงที่งับเหยื่อในสารคดีที่เราเคยดูนั้นแหละ ดูตามร่างกายคุณสิ สส.มานิต ในบาดแผลทั้งหมดนั้น จะมีกุญแจของจริงอยู่เพียงดอกเดียว และของปลอมอีกยี่สิบเก้าอันถ้าผมจำไม่ผิด ซ้ายมือคุณมีมีดผ่าตัดอยู่หนึ่งด้าม มันคมพอที่จะตัดด้ายที่ผมเย็บเอาไว้ อยู่หรือตาย คุณต้องเลือกเอาเอง....
“ไม่!!!.ใครก็ได้ช่วยที ใครก็ได้ฉันมีเงินมากมายเลย ช่วยฉันด้วย อยากได้เท่าไหร่ฉันให้หมดเลยช่วยด้วย!!!” เมื่อเสียงจบลง สส.มานิตก็ร้องขอความช่วยเหลืออีกครั้งอย่างคนเสียสติแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะกระจกนิรภัยนั้นแข็งมากและทางเข้าออกก็ถูกปิดตาย
เวลาที่เครื่องนับเวลาขนาดใหญ่ตรงด้านบนหัวของเขาเริ่มนับถอยหลังลงที่นิดทีละนิด สส.มานิตตัดสินใจหยิบมีดผ่าตัดบนโต๊ะข้างๆเขาขึ้นมาและปาดลงไปที่ด้ายที่เย็บแผลเขาเพื่อเอากุญแจ เริ่มจากตรงขาขวาของเขา
“อ๊ากกกกก บ้าเอ้ยยยยย!!!!!” เขาร้องลันทุกครั้งที่กรีดแผล แต่จนแล้วจนรอดไม่มีกุญแจดอกไหนเป็นของจริงเลย
“บ้าเอ๊ยเมื่อไหร่หน่วยกู้ภัยจะมาวะ!!!เหลือแค่สามสิบวินาทแล้วนะโว้ย” คนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่หันมาพูดขึ้น
“รถติดครับ อีกสามสิบนาทีถึง” ผู้มุงดูที่โทรเรียกเอ่ยขึ้น
“ไม่!!!!!ฉันยังไม่อยากตายช่วยฉันที!!!!”
...5...4...3...2...
...1...
..0..
!!!เคร้ง ฉึก....
หน้ากากเหล็กปริจชีพพับตามกลไกที่ตั้งเอาไว้ทันทีที่เวลาถึงศูนย์ ตะปูนับสิบที่มีขนาดความยาวสี่นิ้วทะลวงเสียบเข้าไปตามตำแหน่งต่างๆรอบใบหน้าของเขา ความยาวและความแรงของกลไกทำให้มันงับหน้าของเขาจนทะลุถึงสมอง สส.มานิตล้มลงและตายในที่สุด
ผู้คนที่ยืนดูอยู่คนที่ใจไม่แข็งพอพากันเตลิดหนีออกมา บ้างก็อวกกันยกใหญ่บ้างก็ถึงกับเป็นลม ส่วนคนที่ใจแข็งพอก็ยืนถ่ายรูปกันอย่างที่เรียกว่ารัวชัตเตอร์แบบนักข่าวที่ถ่ายภาพของดาราดัง แต่ต่างตรงที่ตัวเอกของภาพคือศพของคนดังที่ตายอนาถในตู้โชว์กระจกนิรภัย
หลังจากตำรวจเข้าไปดูสถานการณ์ ผู้คนที่ยืนออกันดูภาพอันน่าสังเวชของ สส.มานิต ก็ได้ทยอยกันเดินออกมาจนหมด รถร่วมฯ รถของนักข่าว และรถตำรวจก็เข้ามาจอดเรียงราย ต่างคนต่างทำหน้าที่กันอย่างเร่งด่วน หน่วยกู้ภัยพยายามพังกระจกเข้าไปกันอยู่นานหลายนาที และในที่สุดก็เปิดมันออกได้ และตามมาด้วยเจ้าหน้าที่ของรวมฯเข้าไปจัดการกับศพที่ตายอนาถอยู่อย่างทุลักทุเลเพราะหน้ากากปริจชีพที่ติดอยู่กับศพมันเอาออกยากมากจึงจำเป็นต้องเอาไปทั้งอย่างนั้น
“ชิ รายที่เท่าไหร่แล้วล่ะเนี่ย” นายตำรวจคนหนึ่งสบถขึ้นอย่างเบื่อหน่าย
“รายที่สามแล้วครับ แต่ครั้งนี้มีผู้เห็นเหตุการณ์เยอะมากเพราะใช้ตู้โชว์หน้าห้างเป็นที่ก่อเหตุ แถมลงทุนติดกระจกนิรภัยและปิดตายทางเข้าอย่างหนาแน่น น่าจะใช้เวลานานพอสมควร” นายตำรวจชั้นผู้น้อยรายงานสถานการณ์
“งั้นกล้องวงจรหน้าห้างล่ะเช็คดูแล้วรึยัง”
“ครับคนของเราเช็คแล้วครับ ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถบันทึกไว้ได้อีกตามเคยครับ”
“แล้วรปภ.ล่ะ”
“ถูกตีที่ท้ายทอยจนสลบครับ”
“บ้าชะมัด ไม่มีเบาะแสอีกแล้วเหรอนี่ ไอ้ฆาตกรโรคจิต”
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ