Inequality รักเรา...ไม่เท่ากัน
เขียนโดย สายลมแห่งตะวัน
วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.44 น.
แก้ไขเมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
8)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความInequality รักเรา...ไม่เท่ากัน
ตอนที่8
“มาทำไม!”
“ฉัน...ฉันมาเยี่ยมคุณค่ะ เอ่อ...เป็นยังไงบ้างคะ”
ธนันต์ธรญ์จ้องมองร่างระหงของผู้หญิงตรงหน้าด้วยแววตาโศก เพราะพิมประภาเป็นคน
ดีแบบนี้สินะภาณุถึงได้รัก ช่างต่างกับเธอ...และเธอก็อยากจะถามเหลือเกิน หากเธอเป็นแบบพิม
ประภาเขาจะรักเธอหรือ? ซึ่งคำตอบที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทาง หากเธอไม่ร้ายไม่เลว...
วันนี้ก็คงไม่มีเขาอยู่ข้างกาย
“ฉันยังไม่ตายง่ายๆหรอก ไม่ต้องมาสมน้ำหน้า ออกไปได้แล้ว”เธอตอบออกไปด้วยน้ำ
เสียงเกรี้ยวกราดที่พยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้มันดูเข้มแข็ง แต่มันก็ยากเหลือเกิน เมื่อผู้หญิงตรง
หน้าไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
“ให้พิมอยู่เป็นเพื่อนนะคะ ไว้คุณภาณุมาแล้วพิมจะกลับ”
พิมประภาไม่ฟังคำตอบ ลากเก้าอี้มานั่งเฝ้าข้างเตียงคนไข้ทันที เธอรู้ว่าเวลานี้
ธนันต์ธรญ์กำลังอ่อนแอ ที่จริงธนันต์ธรญ์ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่ทุกอย่างรอบตัวเธอบีบให้เธอเป็น
แบบนี้เอง
“ฉันบอกให้ออกไป หูแตกรึไง!”
“แต่คุณจะเหงา...”
“ก็ยังดีกว่าฉันต้องมานอนมองหน้ามารหัวใจ เธอไม่รู้หรือไงว่าฉันไม่รู้จักคำว่าเหงา
ฉันอยู่กับมันจนชิน!...ในขณะที่สามีของฉันและเธอไม่เคยรู้สึก”
ธนันต์ธรญ์ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินอย่างไม่อายผู้หญิงตรงหน้าอีกต่อไป ทุกอย่างบีบ
ความรู้สึกของเธอจนทนไม่ไหวอีกแล้ว ยิ่งเห็นใบหน้าอ่อนใสที่มักจะได้รับรอยยิ้มหวานจากภาณุอยู่
ทุกวันยิ่งทำให้เธอปวดใจ นึกอยากจะลบรอยยิ้มหวานหยดนี้ออกจากริมฝีปากบาง...แต่เธอก็ไม่เคย
ทำสำเร็จสักที
“กลับไปเถอะ ฉันอยากจะอยู่คนเดียว และถ้าจะรอให้คุณภาณุมา เธอคงได้อยู่เป็น
เพื่อนฉันจนวันออกจากโรงพยาบาลนั่นแหละ เพราะเขาไม่มีทางมาหาฉันหรอก”
ธนันต์ธรญ์บอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือนึกน้อยใจสามีหนุ่ม ได้แต่บอกตัวเองว่าเธอควรจะ
ชินชาเสียที แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยแยแสเธออยู่แล้ว ต่อให้เธอจะเป็นหรือจะตายเขาก็คงไม่
สนใจ
ชีวิตคู่ที่เฝ้าฝันหาอยู่ไหนแล้วนะ...มันโบยบินจากเธอไปนานแค่ไหนแล้ว แค่รอยยิ้ม
แสนหวานจากผู้ชายที่ตนเองรักยังไม่เคยได้ แล้วนับประสาอะไรกับความรัก...
หญิงสาวหันหลังให้ผู้มาเยือนอย่างเดิม ก่อนจะหลับตาลง...หวังเพียงว่าเมื่อเธอตื่น
ขึ้นมา ความทุกข์ตรมคงจะลดเลือนจากใจไปได้บ้าง...
ดวงตาหวานกระพริบติดๆกันเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงภายในห้องสี่เหลี่ยมสีขาว
เธอตะแคงตัวกลับ หวังเพียงว่าจะพบกับร่างสูงใหญ่ของสามีหนุ่ม...แต่มันก็เป็นได้เพียงความหวัง
ลมๆแล้งๆ
ว่างเปล่า...ไร้เงาของเขา ไร้เงาของใครต่อใคร เธอมันก็ไม่ต่างไปจากคนเร่ร่อน ไม่มีญาติมิตรที่ไหน
อีกแล้ว มีครอบครัวก็เหมือนไม่มี...เปล่าเปลี่ยวอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่เหมือนเดิม
“แม่จ๋า ฟางจะทำยังไงดี แม่บอกฟางหน่อย”
มือเล็กกุมเข้าหากันแน่น เวลานี้เธอไม่เหลือใคร แม้แต่คนที่รักก็ยังไม่มี แล้วชีวิตที่
เหลือเธอจะทำอย่างไร...หรือจะยอมให้มันจบลงเพียงเท่านี้
ชีวิตที่ไม่มีค่า ไม่มีค่าแม้แต่จะให้ใครมารัก มาสนใจใยดี แล้วจะมีประโยชน์อะไร...
ฟ้ายังเห็นอยู่หรือเปล่าว่ายังมีมนุษย์น่าสมเพชอย่างเธออยู่ตรงนี้ ทำไมท่านถึงไม่ได้ช่วยดลบันดาล
ให้บิดามาสนใจใยดีเธอ ให้มันมากกว่าลูกเมียน้อยนั่น ทำไมไม่ช่วยดลบันดาลใจให้ภาณุรักเธอ
และแวบหนึ่งความคิดหนึ่งกลับผุดขึ้นมาในสมองอย่างน่าประหลาดใจ หัวใจดวงน้อยอุ่นวาบ
เพียงแค่คิดถึงเด็กตัวน้อยๆที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอและภาณุ เรียกเธอว่าแม่
เรียกภาณุว่า...พ่อ....ได้หรือเปล่านะ
เรื่องอะไรเขาจะยอมมีลูกกับเธอให้เรื่องราวมันวุ่นวายไปมากกว่านี้ มีลูกก็เท่ากับมีพันธะ เธอรู้ว่าวิธีนี้
จะเป็นดั่งพันธะที่คล้องเขาและเธอไว้ได้อีกนานแสนนาน...แต่มันจะต้องเจ็บปวดอีกเท่าไหร่กันล่ะ
แม้แต่หน้าเธอเขายังไม่อยากมอง...แล้วจะมีลูกได้อย่างไรกัน คนนะไม่ใช่ปลากัด
เสียงหัวเราะขื่นๆดังขึ้นเยาะเย้ยความคิดของตัวเอง คิดเป็นตุเป็นตะ
หัวใจที่กลายเป็นสีดำไปแล้วเกือบทั้งดวง ไม่ว่าจะแก้ไขมันด้วยอะไรก็คงไม่มีทางกลับ
มาเป็นอย่างเก่า น้ำตายังคงไหลรินออกมาทุกครั้งเมื่อนึกถึงความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญมาตลอด
ทั้งชีวิต มีใครต้องมานั่งดูมารดาจากไปทั้งน้ำตา ความทุกข์ตรมกัดกร่อนจิตใจของแม่เธอจนไม่มีชิ้น
ดี ท่านจากไปด้วยน้ำตาที่อาบใบหน้าและดวงตาโศก...พ่อทำเกินไป!
แม้บิดาจะหันมาสนใจเธอ แต่เธอก็ยังเป็นได้เพียงเครื่องต่อรองทางการค้าของท่าน
เท่านั้น เธอหมดประโยชน์เมื่อไหร่ มิวายต้องโดนเฉดหัวทิ้ง
ยิ่งกับสามีหนุ่มไม่ต้องพูดถึง เรื่องของเขาและเธอกำลังจะจบลงในไม่ช้าไม่นานนี้ แต่
ความรักของเธอจะสิ้นสุดลงเท่านี้จริงๆหรือ ไม่มีในแบบนิยายบ้างหรือ
ที่พระเอกจะกลับใจมารักนางเอก
“เฮ้อ...”
หญิงสาวทอดถอนหายใจ ก่อนจะพยุงตัวขึ้นเพื่อเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ มือเล็ก
จับยึดที่นอนไว้แน่นก่อนจะแตะเท้าลงบนพื้นเย็บเฉียบ มือเล็กลากเสาน้ำเกลือตาม เธอยื่นมือไป
หมายจะเปิดประตู หากแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลในห้องน้ำ แววตาสั่นระริก ร่างทั้งร่างของ
เธอเย็นเฉียบ ขนอ่อนลุกชันไปทั้งร่าง เมื่อจินตนาการไปไกลว่ามีอะไรในห้องน้ำ เธอถอยหลังกรูด
และยิ่งตกใจเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก
ร่างเล็กหลับตาปี๋ พร้อมกับเสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวสุดหัวใจ
“กรี๊ด!!!!!”
“ฟาง!”
ภาณุเอ็ดก่อนจะฉกมือปิดริมฝีปากอิ่ม ก่อนจะกระชับร่างเล็กที่กระทืบเท้าเร่าๆมากอดไว้
เพื่อให้เธอหยุดดิ้นเสียที
“พี่เอง ลืมตาก่อนสิ”
ธนันต์ธรญ์ค่อยๆลืมตาขึ้น เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จำได้ขึ้นใจ เธอคลี่ยิ้มทันที เมื่อชาย
หนุ่มลดมือลงจากริมฝีปากของเธอ ลำแขนเล็กโอบกอดร่างสูงใหญ่ของสามีไว้อย่างแสนคิดถึง
น้ำตาของความน้อยใจไหลออกมาเรื่อยๆ เมื่อที่คิดว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่มา
แต่ตอนนี้เขามา...แสดงว่าเขาห่วงเธอ
“พี่ป๊อปมาเฝ้าฟางใช่ไหม ฟางนึกว่าพี่จะไม่มาแล้วซะอีก ฟางรอตั้งนาน งานยุ่งหรอคะ
เหนื่อยมากรึเปล่า หิวไหม”
หญิงสาวรัวคำถามเป็นชุด หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเร็ว แค่คิดว่าเขาเป็นห่วงเธอ เธอก็ตื่น
เต้นจนทำอะไรไม่ถูก แผลที่เหวอะหวะภายในหัวใจดวงน้อยราวกับได้ยาดี แผลมันสมานกันดีจน
เธอลืมว่าก่อนหน้านี้มันเจ็บปวดยังไง ทรมานแบบไหน
ขอโทษอย่างแรง วันนี้อันที่จริงต้องอัพรักหลอกลวง แต่ตอนที่38 เราแต่งแล้วลืมบันทึก จนแต่งจบ
นั่นแหละถึงรู้ตัว เซ็งมาก ต้องไปนั่งเขียนใหม่ ยังไงวันนี้อ่านเรื่องนี้ไปก่อนน้า ขอโทษจริงๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ