Happy Birthday To 'KaewJai'
เขียนโดย StrawberryTKCuTe
วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.50 น.
แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556 22.12 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
SF : TOMO x KAEW
Happy Birthday To ‘KAEWJAI’ รักแก้วอีกนิดได้มั้ยคะโทโมะ!?
“มาทุกวันไม่เบื่อบ้างหรือไง?”
ฉันที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่บนอัฒจรรย์ภายในสนามบาสเป็นอันต้องชะงักและหันกลับมามองคนตัวสูงที่กำลังดื่มน้ำอยู่ข้างๆ ใบหน้าหวานเหมือนกับผู้หญิงของโทโมะ…โทรมไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่น้อย ไม่สิ...สภาพเขาตอนนี้น่ะเรียกว่าอาบเหงื่อต่างน้ำได้เลยยังจะดีกว่า
“อย่าลืมสิ นายเป็นคนบอกให้ฉันมาเองนี่ เหอะ..”
ก็ไม่ได้อยากจะว่าอะไรโทโมะนักหรอก แต่เขาเป็นคนบอก(สั่ง)ฉันเองไม่ใช่หรือไงว่าหลังเลิกเรียนให้มารอเขาที่สนามบาสพร้อมกับน้ำเย็นหนึ่งขวด วันไหนที่ฉันติดทำรายงานกับยัยเฟย์ฟางมาไม่ได้ เจอหน้ากันวันต่อมาก็เขาอีกไม่ใช่หรือไงที่มาโวยวายปรี๊ดแตกใส่ฉันน่ะ
ทุกวันนี้ฉันยังไม่เข้าใจเลยว่าฉันเป็นเพื่อนหรือเป็นคนใช้โทโมะกันแน่!
“เอาน่าสาวน้อย...อย่าบ่น เดี๋ยวฉันพาไปเลี้ยงข้าว ว่าไง?” โทโมะเดินขึ้นอัฒจรรย์อีกขั้นเพื่อมานั่งข้างฉัน เขาคว้าคอฉันไปคล้องพร้อมกับขยี้ผมฉันแรงๆเหมือนทุกครั้งที่เขาชอบทำ และฉันคิดว่าโทโมะคงไม่เลิกทำแบบนี้กับฉันง่ายๆตราบใดที่เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่แบบนี้...เขามักทำให้ผมฉันยุ่งได้เสมอทุกวัน!
“โอยยยย!! ตัวเหม็น ออกไปไกลๆนะ” ฉันว่าตอนนี้ความใกล้ชิดของเรามันเริ่มจะมีมากขึ้นเรื่อยๆและฉันเอง...จำเป็นจะต้องผลักไสเขาออกไป ถึงแม้ว่าลึกๆแล้ว ฉันจะรู้สึกดีแค่ไหนเวลาที่เขาเล่นกับฉันแบบนี้...กอดฉันแบบนี้...และยิ้มให้ฉันแค่คนเดียว
แต่ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันและฉัน...ไม่ควรจะรู้สึกอะไรเลยสักนิด!
กรี๊ดดดดดดดดด ไอ้บ้าโทโมะ ออกไปจากฉันน้า T^T
“หืม?...เหม็นเหรอ ฉันว่าไม่นะ...ลองดมดูดีๆสิ เหอะ...” วงแขนร้อนผ่าวของเขากระชับขึ้นจนร่างของฉันเบียดเข้าใกล้เขามากกว่าเดิม ปลายจมูกของฉันอยู่ห่างจากซอกคอของเขาเพียงไม่ถึงคืบ...โอเค
ฉันไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าตัวโทโมะน่ะ...ไม่ได้เหม็นอย่างที่ฉันว่าเขาไปเลยสักนิด ถึงแม้จะเพิ่งผ่านการเล่นกีฬามาอย่างหนักก็เหอะ กลิ่นตัวของเขามันทำให้ฉันนึกถึงผู้ชายแมนๆ แล้วก็ความแข็งแรงมากกว่ากลิ่นเหงื่อทั่วๆไปนะ แต่เรื่องอะไรที่ฉันจะต้องบอกออกไปแบบนั้นกันเล่า แค่นี้...ฉันก็อายจะแย่แล้ว ให้ตายเหอะ...ฉันเกลียดความมั่นใจในตัวเองของเขาจริงๆ!
“อื้อ!!”
“ว่าไง...เหม็นมากมั้ยล่ะ” ฉันเกลียดนัยน์ตาคมเข้มคู่นั้นของเขาจริงๆนะ น่าควักออกมาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยจริงๆ ทำไมโทโมะต้องทำเหมือนรู้ทันฉันไปทุกเรื่อง เขารู้ได้ยังไงว่าฉันโกหกเขาทั้งเพ
“เหม็น! ออกไปไอ้บ้า!!” สาบานเลยว่าฉันอยากจะฆ่าโทโมะจริงๆ ฉันผลักเขาออกก่อนจะเดินหนีกลับบ้านทันทีโดยไม่รอให้หมอนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก่อน
คนบ้า โรคจิต นิสัยไม่ดี!!!!!!!!!!!
ตุ้บ!
“อะไร ของใคร?”
ฉันวางเค้กนมสดลงตรงหน้าโทโมะที่กำลังนั่งหน้านิ่วอ่านหนังสือก่อนสอบอย่างตั้งอกตั้งใจ บ้าเหอะ! ทั้งที่นี่เป็นวันเกิดของฉันแท้ๆ แต่ยัยเฟย์กลับเลือกที่จะทำเค้กมาให้โทโมะเนี่ยนะ เธอบอกว่าลองทำเค้กเป็นครั้งแรกและก็อยากจะให้โทโมะช่วยชิมให้หน่อย ไม่ต้องบอกก็รู้นะว่าอ่อยทางอ้อมน่ะ เชอะ! และที่สำคัญ...ยัยนั่นดันใช้ฉันเป็นสะพานเพื่อทอดข้ามไปหาโทโมะซะนี่ ฉันเลยต้องซวยเป็นแม่สื่อให้เขาไปแบบตกกระไดพลอยโจน!
มองทำไมเล่า จะกินฉันแทนเค้กหรือไง เหอะ!!
“เฟย์ฝากมาให้บอกว่าลองทำเป็นครั้งแรกอยากให้นายช่วยชิมแค่นี้ไม่มีอะไรแล้วจบขอตัว!”
ฉันพูดร่ายยาวรวดเดียวจบก่อนจะเดินหนีผู้ชายบ้าตรงหน้านี้ทันที วันนี้วันเกิดฉันนะ...ทำไมเขาไม่แฮปปี้เบิร์ทเดย์ฉันล่ะ ลืมกันไปแล้วหรือไงถึงทำเหมือนว่าวันนี้ก็เป็นเพียงแค่วันเสาร์ธรรมดาๆวันหนึ่งเท่านั้น เหอะ...ฉันไม่ควรไปคาดหวังอะไรจากเขาเลยซักนิด ฉันก็แค่เพื่อนคนหนึ่ง มันจะไปมีความสำคัญอะไรกับเขามากมายนัก!
“ไปไหน งอนอะไรหรือเปล่าทำไมทำหน้ามุ่ยแบบนั้น?” โทโมะรั้งข้อมือฉันไว้แล้วรั้งตัวฉันเข้าไปหา จนในที่สุด...ฉันจำเป็นจะต้องลงมานั่งข้างๆเขาอย่างเสียไม่ได้และก็ไม่ได้เต็มใจด้วย!
“งอนอะไร บ้าเหรอ...ฉันมีความจำเป็นอะไรจะต้องไปงอนนาย?!”
“งั้นเหรอ...ดี งั้นฉันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องง้อเมื่อพูดเองว่าไม่ได้งอน” เขายิ้มให้ฉัน...แต่ทว่ามันเป็นรอยยิ้มที่เยาะเย้ยแล้วก็น่าเกลียดสำหรับฉันที่สุดเลยล่ะ เหอะ ใช่สิ...ฉันมันก็แค่ผู้หญิงงี่เง่าคนหนึ่งนี่ ทำไมโทโมะจะต้องสนใจด้วย!
“....”
ฉันนั่งกอดอกเชิดไปอีกทางโดยที่โทโมะยังคงนั่งตักเค้กเข้าปากอย่างอารมณ์ดีและที่สำคัญไม่ได้แคร์อะไรฉันเลยซักนิดแต่ก็เลือกที่จะรั้งฉันเอาไว้ด้วยการจับมือฉันไว้แน่นในขณะที่อีกมือนึงถือช้อน เหอะ ฉันไม่เข้าใจผู้ชายบ้าบอคนนี้เลยจริงๆให้ตาย สะบัดยังไงก็สะบัดไม่ออกซ้ำร้ายทุกครั้งที่ฉันพยายามแกะมือตัวเองออกจากมือเขา โทโมะก็จะยิ่งบีบมือฉันแน่นมากยิ่งขึ้น
“ปล่อยยยยยย!!”
“ซักคำมั้ย?”
“ไม่กิน มันเป็นของนาย...ไม่ใช่ของฉัน ฉันไม่ต้องการของของคนอื่น!” ฉันโมโหเขาจริงๆนะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องโกรธเขามากขนาดนี้ด้วย ฉันไม่มีสิทธิ์อะไรไปโกรธเขาเลย ใครจะรักจะชอบเขาหรือว่าโทโมะจะไปรักไปชอบใคร ยังไงซะ...ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งวุ่นวายอะไรอยู่ดี
“ตอนนี้มันเป็นของฉันและของของฉันมันก็คือของของเธอ...”
“....”
“และของของเธอก็เหมือนของขอบฉัน...”
“เห..”
“กินซะ” เค้กนมสดถูกยื่นเข้ามาจ่อปากฉัน และแน่นอนว่าฉันไม่กิน ถึงจะรู้สึกดีใจแปลกๆที่เขาพูดแบบนั้น แต่...ยังไงซะเค้กนี่ก็ไม่ใช่ของฉันอยู่ดี เรื่องอะไรทำไมต้องกินให้เสียฟอร์ม ถ้าฉันกินก็เท่ากับว่าฉันยอมรับว่าฉัน...เป็นของของเขาน่ะสิ
“พูดจาเพ้อเจ้อ บอกแล้วไงว่าไม่กินหูแตกหรือไง ผีดิบบ้าโรคจิต เหอะ!!”
“ดูทำเข้า ปากกับจมูกจะชนกันอยู่แล้ว เนี่ยนะไม่งอน...เด็กชะมัด” เขาเอื้อมมือมาขยี้หัวฉันจนยุ่งไปหมด ทำเหมือนกับว่าฉันเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงคนนึงไม่ใช่แก้ว ไม่ใช่เพื่อนของเขา ทำเหมือนกับว่าเราไม่ใช่เพื่อนกันแบบนั้น บ้าๆๆๆ! เกลียดโทโมะที่สุดในสามโลกเลย!
“ยุ่งน่า ฉันกลับบ้านดีกว่า เชิญอร่อยกับเค้กให้จุกตายไปเลยนะ หนังสือน่ะไม่ต้องอ่านแล้ว กินเค้กอย่างเดียวเดี๋ยวทำข้อสอบได้เลย!”
ฉันรู้ว่าโทโมะไม่โง่พอที่จะไม่รู้ว่าฉันประชดเขา ไม่รู้สิ...สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกหมั่นไส้จนต้องเดินหนีเขากลับบ้านคนเดียวมันเป็นเพราะอะไร ก็แค่ว่าไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายบ้าบอคนนี้อีก
ลืมได้ลืมไปนะ อย่าให้ฉันลืมบางก็แล้วกัน ชิ!!!
นี่ก็ใกล้จะเที่ยงคือแล้ว...
สุดท้ายฉันก็ต้องมานั่งคนเดียวในความมืดพร้อมกับเค้กมิกกี้เม้าทส์ก้อนโต ตากลมๆของมันเสมือนกับกำลังจ้องมองมาที่ฉัน เยาะเย้ยฉัน...ว่าฉันกำลังอยู่กับมันเพียงลำพัง ไม่นะ...ไม่เสียใจเลยที่วันนี้ฉันต้องฉลองอยู่บ้านคนเดียว ไม่เสียใจเลยที่เป็นแบบนั้น แต่แค่น้อยใจเล็กๆว่าทำไม ‘เขาคนนั้น’ ถึงไม่คิดจะจำวันเกิดฉันได้บ้าง ทุกๆปีเขาก็ไม่เคยจำได้ ฉันเตือนแล้วเตือนอีกจนดูน่าสมเพชไปเลยล่ะ พอที...ปีนี้ฉันจะไม่เตือนเขาอีกแล้ว จำไม่ได้ก็คือเขาไม่อยากจำ แค่นั้น...จบ
“มองอะไร นายกำลังสมน้ำหน้าฉันใช่มั้ย ได้! วันนี้ฉันจะกินนายให้เละเลยไอ้มิกกี้เม้าท์โรคจิตสติแตก!!!” ฉันจัดการจุดเทียนแล้วปักลงตรงส่วนที่เป็นตาของมิกกี้ทันที ช่วยไม่ได้..
“เสียใจด้วยที่ตาของนายต้องบอดสองข้างแบบนี้ นั่นเป็นเพราะนายเกิดมาเป็นมิกกี้เม้าท์ และชื่อของนายก็เหมือนกับไอ้มิกกี้เม้าท์สติแตกคนนั้นเอง เหอะ!!” ฉันบ้าไปแล้วจริงๆที่ต้องมานั่งพูดกับเค้กอยู่แบบนี้ ช่วยไม่ได้ เห็นมิกกี้เม้าท์ทีไรฉันนึกถึงหน้าโทโมะขึ้นมาทุกที ชิ!
หลังจากขอพรเสร็จฉันก็จัดการเป่าเทียนจนหมดก่อนจะลงมือตักเค้กเข้าปากอย่างไม่สนใจใครแล้วทั้งนั้น วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน ฉันจะทำทุกอย่างที่ใจอยากทำและอย่างแรกเลยก็คือ...งับหัวไอ้เจ้ามิกกี้เม้าท์บนหน้าเค้กนี้ให้เละ โทษฐานที่บังอาจส่งสายตาเยาะเย้ยฉัน!
แกตายยยยยยยยยยยย!!!!!!!
“เฮ้~ มิกกี้เม้าท์ทำอะไรผิดเหรอ ทำไมต้องลงโทษมันรุนแรงขนาดนั้นกันเด็กตะกละ?” น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้น จนฉันต้องวางช้อนและหยุดภารกิจลงพร้อมกับหันไปทางด้านหลัง และแน่นอนว่าเจ้าของเสียงที่ยืนยิ้มกวนประสาทให้ฉันอยู่นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน...โทโมะนั่นเอง!
“มาทำไม”
“มางานวันเกิดเด็กเอาแต่ใจ งอนแล้วก็ไม่พูดไม่บอกคิดว่าคนอื่นเขาลืมวันเกิดตัวเอง คนอื่นน่ะอาจจะใช่...แต่ไม่ใช่ฉัน”
“นายลืม!”
“ถ้าลืมแล้วฉันจะมายืนอยู่ตรงหน้าเธอเหรอ คิดหน่อยสิเด็กโง่” โทโมะใช้นิ้วชี้ของเขาจิ้มลงมาเบาๆตรงหน้าผากของฉัน เขาทำเหมือนกับว่าฉันเป็นลูกสาวที่เอาแต่ใจเวลาที่ป๊ะป๋าไม่สนใจและลืมวันเกิดของฉัน ...แบบนั้น
“นาย...นายอาจจะถามคนอื่นก็ได้นี่...”
“อย่ามาแถน่า แล้วไงเนี่ย...ทุกปีจะวิ่งมาตื้อให้ฉันพาไปเลี้ยงไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ถึงไม่มาล่ะ รู้มั้ยว่าฉันรอเธอมาตั้งแต่หกโมงจนป่านนี้มันสามทุ่มแล้วนะ เพราะเธอไม่มาตื้อฉันฉันเลยต้องมาหาเธอแทน”
“วันเกิดฉันไม่มีนายก็ไม่ตายหรอกนะ ฉันไม่จำเป็นจะต้องง้อนายอีกแล้ว อยู่คนเดียวได้ เหอะ!”
“เด็กบ้านี่ไม่เถียงซักคำคงไม่ขาดใจตายหรอกนะ” โทโมะเอื้อมมือมาบีบจมูกฉัน ไม่รู้ว่าเขาหมั่นไส้ฉันนักหรือไงถึงได้ลงมือกับฉันแรงขนาดนี้ บ้าจริง!
“อื้อ~...แล้วไหนล่ะของขวัญฉันน่ะ” ฉันแบมือไปตรงหน้าเขาแต่โทโมะทำเพียงแค่ยิ้มก่อนที่เขาจะค่อยๆวางมือของเขาลงบนฝ่ามือของฉันและเขา...
“ถ้าอยากได้ให้ทำปากจู๋...”
“ฝันไปเหอะ!!” ฉันเตรียมจะชักมือกลับแต่โทโมะจับมือฉันไว้แน่น และเข้าก็ยังคงยิ้มท้าทายฉันได้อย่างกวนประสาทเหมือนเคย...
“ไม่อยากได้แน่นะ...”
“ไม่เอา!!!”
“ฉันนับหนึ่งถึงสาม ถ้าเธอไม่ทำ...ฉันจะถือว่าเธอไม่ต้องการของขวัญสุดพิเศษจากฉัน...”
“....”
“หนึ่ง...”
“....”
“สอง....”
“....”
“...สะ”
“อื้อ~” บ้าเหอะ! ทำไมฉันจะต้องบ้าจี้ทำสิ่งที่น่าอายแบบนี้ลงไปด้วย สาบานเลยว่าฉันไม่อยากได้ของขวัญอะไรของเขามากนัก ก็แค่อยากจะรู้ว่างสิ่งที่เขาจะให้มันสำคัญอะไรมากถึงขนาดว่าถ้าฉันไม่ทำท่าบ้าๆนี่เขาก็จะไม่ให้
“ดีมาก...”
และก่อนที่ฉันจะได้ทันลืมตาดู ‘ของขวัญสุดพิเศษ’ ของเขา โทโมะกลับดึงร่างของฉันเข้าไปหา และใช้สองมืออบอุ่นของเขาล๊อกใบหน้าฉันไว้ และเขา...จูบฉัน ทุกความรู้สึกประเดประดังเข้ามาจนประสาทของฉันแยกไม่ออกแล้วว่าฉันควรจะรู้สึกอย่างไรก่อนดี จะโกรธที่เขาล้อเล่นกับความรู้สึกของฉัน หรือจะเคลิบเคลิ้มเหมือนฝันเวลาที่เขาจงใจถ่ายทอดความหอมหวานจากริมฝีปากร้อนแรงนั่น...ฉันไม่รู้เลย รู้แค่ว่าสิ่งที่เขาทำมันสร้างความลึกซึ้งให้กับฉันอย่างถล่มทะลาย...
อบอุ่นอ่อนละมุนไม่รุนแรง...และฉันชอบของขวัญชิ้นนี้มาก...ถึงแม้ว่ามันจะดูเป็นของขวัญที่ล่อแหลมไปหน่อยก็เหอะ
“โอเคมั้ยล่ะกับของขวัญชิ้นนี้น่ะ”
“อื้อ..มะ ไม่โอเค! ไอ้บ้า...นายทำบ้าอะไรของนายเนี่ยผีดิบ ฉันเกลียดนาย!”
“คนเกลียดกันเขาต้องหน้าแดงใส่กันงั้นสิ...” ฉันเกลียดที่โทโมะเป็นคนมั่นใจแบบนี้จริงๆเลย มันน่าตบให้ปากแตกเลือดซิบไปเลยเหอะ
“นายมันบ้า นายมาจูบฉันทำไม...นายไม่ใช่แฟนฉันนะ แล้วนายก็ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวฉันด้วย!” โทโมะมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที เขาใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มด้วยท่าทีกวนประสาทก่อนจะหันมาถามฉันอย่างคนหัวเสีย
“แล้วจะให้ทำไง ก็จูบไปแล้ว แล้วอย่าลืม...เธอเป็นคนอนุญาตฉันเอง”
“โทโมะบ้า แม่ไม่รักเหรอไงถึงทำตัวแบบนี้น่ะ” ถึงฉันจะรู้สึกดีแต่ก็ใช่ว่าใครจะมาจูบฉันได้ง่ายๆเหมือนกัน ฉันเป็นผู้หญิงและที่สำคัญเป็นลูกมีพ่อมีแม่ ถ้าผู้ชายบนโลกพูดแบบเขาทุกคนแปลว่าใครจะมาจูบฉันแล้วก็แค่พูดว่า ‘ทำไงได้จูบไปแล้ว’ แบบนี้นะเหรอ!
“ปากดีนักนะคะน้องแก้วของพี่โทโมะ”
“บ้า!” ไม่รู้ว่าผีอะไรเขาสิงผู้ชายนิ่งๆอย่างเขาได้ในวันนี้ อยู่ๆเขาก็รวบตัวฉันเข้าไปกอดแน่นแล้วยังจะมาพูดจาประหลาดใส่อีก ไม่ผีเข้าก็ผีออกจริงๆแหละงานนี้
“ทำไม ก็เธอเป็นผู้หญิงของฉัน ฉันจูบเธอไม่ได้หรือไง?”
“ฉันไปเป็นผู้หญิงของนายตอนไหนกันคนบ้า อย่ามาโมเม แม่ไม่รักเหรอทำตัวแบบนี้น่ะฮะ!”
“เธอก็เป็นผู้หญิงของฉันทุกวันนั่นแหละแก้ว เลิกงี่เง่าเสียที ความอดทนฉันมีไม่มากพอนักหรอกนะ..”
“จะตบฉันหรือไง เอาสิ อยากตบก็ตบ ฉันเป็นผู้หญิงของนาย เป็นขี้ข้าของนาย นายอยากทำอะไรกับฉันก็ได้นี่..เอาเลย เอาสิ!”
ฉันยอมรับว่าฉันเป็นผู้หญิงงี่เง่าแล้วก็ค่อนข้างเซนซิทีฟกับเรื่องแบบนี้ จะแปลกอะไรล่ะที่ฉันต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของโทโมะน่ะ ฉันเป็นแบบนั้นทุกวันอยู่แล้ว ฉันต้องตามใจเขา...ทั้งที่ไม่ชอบเล่นบาสแต่ก็ต้องมานั่งดูเพื่อรอเขา เราสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแต่ฉันก็เลือกที่จะอยู่ข้างเขา แล้วโทโมะล่ะเห็นฉันเป็นอะไร เป็นเพื่อน เป็นผู้หญิงของเขา หรือเป็นคนที่คอยรองรับอารมณ์ไม่ต่างจากคนใช้กัน!
“ฉันเอาเธอแน่ แต่ไม่ใช่ตรงนี้!”
“จะ จะทำอะไร”
“ไปหาคำตอบบนเตียงเธอเอาก็แล้วกันแก้ว ยัยเด็กงี่เง่า ฉันหมดความอดทนกับเธอแล้วนะ...”
โทโมะอุ้มฉันลอยหวืดขึ้นจากพื้นและพาฉันขึ้นห้อง ให้ตายเหอะ! ฉันสาบานว่าที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ฉันท้าให้เขาตบ ไม่ได้ให้เขาทำอย่างอื่นกับฉัน!
“โทโมะปล่อย...ปล่อยฉันลง ฉันไม่สนุกด้วยนะ” โทโมะปล่อยฉันลงจริงๆนะแต่เป็นลงบนเตียงแทนที่จะวางฉันลงแล้วคุยกันดีๆ เขาตามมาคร่อมร่างฉันเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงจนแทบประชิดกับใบหน้าของฉัน และฉันก็เลือกที่จะหันหนีจากเขา...
“ฉันอดทน...ไม่ให้ทำอะไรเธออยู่นานสองนาน แต่แล้วคำพูดของเธอมันยั่วฉันเอง ถ้าเจ็บตัว...ก็ช่วยจำไว้ด้วยว่าเป็นเพราะตัวเธอเอง”
“นายกำลังจะบอกว่า...นายใช้ความอดทนเพื่อไม่ให้ปล้ำฉันเนี่ยนะ แม่ไม่รักเหรอถึงทำตัวแบบนี้ ความคิดอกกุศลชัดๆ!” ถ้าตอนนี้มือฉันทั้งสองข้างไม่ถูกเขารวบตรึงไว้เนหือหัวละก็ ฉันคงจะกางเล็บเป็นนางแมวแล้วข่วนหน้าเขาแรงๆซักทีสองทีไม้ได้เจ็บแสบกันเลยทีเดียว
กล้าพูดมากได้ยังไงว่าต้องใช้ความอดทนไม่ให้ทำอะไร ‘แบบนั้น ’ กับฉันน่ะ!
“ฮะๆ ไม่คิดจะพูดว่ารักฉันบ้างเหรอ..ทำไมทุกคำที่เธอพูดถึงมีแต่คำด่าฉันล่ะ”
“บ้าสิ!”
“แม่ฉันท่านรักฉันมาก เพราฉะนั้นคำที่เธอว่าฉันมันไม่ทำให้ฉันเจ็บแสบหรอกนะ...ท่านรักฉันและท่านก็สอนให้ฉันรักคนอื่นเป็น เพราะถ้าท่านไม่รักฉัน...ฉันก็จะไม่รู้จักความรัก...และฉันจะรักเธอไม่เป็นเหมือนที่รักอยู่ตอนนี้...”
คำพูดอ่อนโยนของเขาทำให้ฉันใจสั่นไม่เป็นจังหวะ หากเขาก้มลงมาใกล้กว่านี้อีกนิดคงได้ยินเสียงดังรัวในอกข้างซ้ายของฉันไปแล้ว ‘รัก’ เหรอ รักฉันงั้นเหรอ...เขาคงไม่ได้แกล้งพูดให้ฉันเสียความรู้สึกเล่นๆหรอกนะ
“ว่าไง...อย่าเงียบสิ”
“แล้ว...แล้วจะให้พูดอะไรเล่า”
“พูดว่ารักฉันไง”
“นายต้องเป็นคนพูดไม่ใช่ฉัน เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของฉันนะ...” โทโมะอมยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเลื่อนต่ำลงมาอีกนิด กระซิบข้างหูฉันเบาๆ
“เป็นแฟนกับฉัน ฉันรักเธอ”
ฉันมองนัยน์คมเข้มทรงเสน่ห์นั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ฉันไม่ต้องการรู้ว่าเขารักฉันตอนไหนแต่สิ่งที่ฉันต้องการรู้มากที่สุดก็คือเขารักฉันแค่ไหนแล้วเขาพร้อมที่จะบอกรักฉันทุกวันหรือเปล่า ถ้าเขาทำได้...ฉันก็ไม่มีอะไรขัดข้อง
“รักมากแค่ไหน”
“ฉันรักเธอมาสี่ปีตลอดเวลาที่เราเป็นเพื่อนกันและระยะเวลาสี่ปีนี้เธอก็น่าจะรู้ดีว่าฉันไม่เคยมองผู้หญิงคนไหน เธอควรจะรู้ไว้ด้วยว่าเธอทำให้ฉันไม่มีแฟนจนโดนเพื่อนในคณะล้อว่าไม่มีปัญญาจีบผู้หญิง เพราะอะไร...เพราฉันรอแค่เธอไงแก้ว...”
“....”
“เธอคิดว่าผู้ชายคนนึงจะมีความอดทนมากน้อยแค่ไหนกันเชียว ไอ้พวกบ้านั่นมันล้อฉันทุกวันว่าโตป่านนี้แล้วยังไม่มีแฟน เธอรู้มั้ยว่าฉันอายแค่ไหนที่พวกเพื่อนบ้านั่นมันหาว่าฉันเป็นเกย์น่ะ ฉันไม่มีคำตอบให้เธอหรอกนะแก้วว่าความรักของฉันมีค่าแค่ไหน...เพราะฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ที่ทนๆมาสี่ปีเนี่ยเค้าเรียกว่ารักมากเท่าไหร่..”
“...”
“ฉันรู้แค่ว่าเธอต้องรับผิดชอบชีวิตของฉันด้วยความรัก...เท่านี้พอ”
มันอาจจะเป็นละครน้ำเน่าในสายตาของคนอื่นแต่ฉันเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ฉันเชื่อใจเขามาตลอดก็คือ โทโมะไม่เคยพูดโกหกกับฉันแม้แต่ครั้งเดียวไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม แล้วฉันจะวางฟอร์มไปเพื่ออะไรอีกล่ะ ถ้าฉันไม่รีบกอดเขาแรงๆ ฉันก็คงเป็นผู้หญิงที่โง่ที่สุดไปแล้วล่ะ
“งั้น...รักฉันเพิ่มอีกนิดทุกวัน...ทุกวัน วันละนิด...ได้มั้ยล่ะ”
โทโมะกระชับอ้อมกอดรัดฉันแน่นขึ้นพร้อมกับขยี้หัวฉันเบาๆ อ๊า...ฉันชอบจังเลยเวลาที่ถูกกอดน่ะ มันอบอุ่นแล้วก็ตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้โดยเฉพาะอ้อมกอดของเขา...ทำให้ฉันใจสั่นได้ตลอดเวลาเลยเหอะ
“โลภมากวะ เด็กบ้า”
“ถือว่าเป็นของขวัญของฉันนะ ให้ได้มั้ยล่ะ” ฉันทำหน้ามู่ใส่เขาเมื่อเห็นว่าโทโมะทำท่าเหมือนกำลังจะขัดใจฉัน อันที่จริงฉันรู้ดีว่ายังไงเขาก็ยอมทำให้ฉันได้อยู่แล้ว ก็แค่วางมาดเก๊กฟอร์มไปอย่างนั้นแหละ
“อืม....”
“เดี๋ยว..”
“อะไรอีกล่ะครับแม่คุณ ต้องการอะไรจากโทโมะอีกเหรอ ได้แค่นี้แล้วยังไม่สาแก่ใจอีกหรือไงหืม?”
“ถ้านายรักฉันเพิ่มขึ้นทุกวันได้ให้ทำ...หน้าลิง”
“โถ่แก้ว...” โทโมะทำท่าโอดครวญใส่ฉัน แล้วเรื่องอะไรที่ฉันจะต้องยอมใจอ่อนทีเขายังแกล้งฉันได้เลยนี่ สมควรโดนคืนบ้าง ถือว่าเราหายกันก็แล้วกัน
“นับหนึ่งถึงสามนะ...หนึ่ง..”
“...แก้ว”
“สอง...”
“เด็กบ้า...”
“....สะ”
“โอเคๆ”
สุดท้ายโทโมะก็ต้องยอมทำตามใจฉันอยู่ดี ท่าทางกับหน้าตาตลกๆของเขาทำให้ฉันหลุดขำออกมาจนเหนื่อยหอบตัวโยน ชีวิตของฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้วล่ะ แค่มีโทโมะอยู่ใกล้ๆฉันไม่หนีหายไปไหนก็เกินพอแล้ว ฉันไม่ได้ขอของขวัญจากเขามากเกินไปใช่มั้ย...ฉันขอแค่หัวใจของเขาเองนะ
“ฉันรักนายที่สุดนายสามโลกเลย!!!!!!”
“อ๊ายยยยยโทโมะ คำว่ารักของนายแค่พูดก็พอไม่ต้องจัดภาคปฏิบัติให้ฉันก็ได้ มันเจ็บนะเว้ย!”
The End
ใครรักโทโมะแก้วให้ทำปากจู๋ >3< ขอยืมวลีของไผ่สไปร์ทหนึ่งวันเพื่อความน่าร้ากกกก
กรุณาอ่านแบบไม่คิดมานะค้าบบบ :D
โทโมะแม่ไม่รักไงเลยทำตัวหื่นอุ้อุ้
#HappKAEWJAIDay ถึงปากจะบอกว่านอยด์แต่ในใจรักเธอมากนะนี่พูดเลย!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ