Friend With Benefit เพื่อนกันฉัน(แอบ)รักเํธอ

9.8

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.16 น.

  8 ตอน
  226 วิจารณ์
  26.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 19.17 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

8)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

“ไม่ว่าจะเหตุผลข้อไหน นายก็หาข้ออ้างมาแก้ตัวได้ทุกทีนั้นแหละ เพราะฉะนั้นฉันเลยไม่ถามเพราะเข้าใจว่ามันคงไม่มีประโยชน์อะไรเลย!”

 

 

“ก็เลิกคิดเองเออเองแล้วหันมาใช้เหตุผลสิ”

 

 

“เหตุผลบ้าบออะไร ไม่มี!”

 

 

“มีสิ เอาเป็นว่าฉันขอโทษ...ตอนที่เราคบกันฉันอาจดูแลแก้วไม่ดี นอกลู่นอกทางแล้วก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร แค่มันไม่ใช่เพราะว่าฉันไม่รักแก้วหรอกนะ...”

 

 

“นายเห็นฉันเป็นของตายต่างหาก เหอะ!”

 

 

            ถึงคำพูดเขาจะดูสวยหรูแค่ไหน แต่แล้วไง...ฉันหลงกลเชื่อคำหวานแบบนี้มากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วบทสรุปเป็นไง เป็นฉันไม่ใช่เหรอที่ต้องทนเจ็บอยู่คนเดียวในขณะที่โทโมะยังคงมีความสุขดีกับความเจ็บปวดที่เขาหยิบยื่นให้ฉัน ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงที่ดูใจแข็งขึ้นมาบ้างและใครหลายคนคงนึกสงสารเขาที่ต้องมาทนง้อผู้หญิงไม่มีเหตุผลอย่างฉันถ้าสมมติคนพวกนั้นเดินผ่านมาเห็นสถานการณ์อันน่าอึดอัดของเราสองคนแบบนี้...

 

แต่ขอโทษด้วย ความเจ็บปวดที่ผ่านมาสอนให้ฉันเข้มแข็งขึ้นและไม่ใจอ่อนให้ใครง่ายๆอีก ต่อให้คนๆนั้นจะเป็นเทวดาก็เหอะนะ!

 

“ฉันคิดว่าถ้าเรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม...เธอจะได้ไม่ต้องเสียใจเพราะการกระทำของคนอย่างฉันไงแก้ว แต่ฉันคงเห็นแก่ตัวมากไปหน่อยที่ปล่อยเธอไปแต่หัวใจแล้วเลือกที่จะรั้งร่างกายของเธอเอาไว้”

 

 

“มีอะไรจะสาธยายอีกมั้ย? ถ้าไม่ ฉันจะไปให้ไกลจากนายเดี๋ยวนี้!”

 

 

“เดี๋ยวสิ แก้วไม่อยากรู้หรือไงว่าทำไมฉันถึงต้องรั้งตัวแก้วเอาไว้ ไม่ปล่อยให้ใครมาแย่ง...”

 

 

“ไม่ได้อยากรู้! เลิกพูดเรื่องบ้าๆแบบนี้ซะทีได้มั้ยโทโมะ นายไม่อายแต่ฉันอาย!” คนบ้า! ถ้าใครผ่านมาได้ยินเข้าเขาคงรู้ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว พูดจาอะไรไม่รู้จักคิด!

 

 

“นั่นเป็นเพราะเธอสวย...”

 

 

“โทโมะ หยุด!”

 

 

“แล้วฉันก็หลงรักทุกอย่างที่เป็นตัวเธอ...”

 

 

“นี่...!!!”

 

 

“ฉันไม่เคยกอดผู้หญิงคนไหนแล้วมีความสุขเท่าเธอเลยนะแก้ว จะตบจะตีอะไรฉันก็ได้นะ เพราะฉันถือว่าทุกอย่างที่ฉันพูด...คือความจริง”

 

 

            อ๋อ! เป็นเพราะว่าฉันสวยงั้นสิโทโมะเลยเลือกที่จะรั้งฉันไว้แบบนี้ ถ้าฉันไม่สวย ดูไม่ได้ เขาก็จะไม่มีวันแตะต้องฉันเลยหรือไง เหอะ! ผู้ชายมันก็เป็นเหมือนกันทั้งโลกนั่นแหละ ความรักเกิดขึ้นแล้วก็จบลงแค่บนเตียงเรื่องของหัวใจมันไม่ได้สำคัญไปกว่าเรื่องแบบนั้นเลยใช่มั้ย!?

 

 

“แปลว่านายเห็นฉันมีค่าแค่เรื่องแบบนั้นงั้นสิ”

 

 

“มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะแก้ว ฉันแค่ไม่อยากเสียเธอไปก็แค่นั้นและฉันก็ไม่มีเหตุผลอะไรอื่นอีกแล้วด้วย นี่เลิกดื้อใส่ฉันแล้วฟังกันบ้างเถอะ..”

 

 

“ทีฉันขอร้องให้นายฟังนายกลับเลือกที่จะไม่สนใจแล้วตอนนี้นายมีสิทธิ์อะไรจะมาเรียกร้องจากฉัน มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ นายเป็นใครแล้วฉันเป็นใครอย่าลืม...เราเป็นแค่คนร่วมโลกกันเท่านั้น ไม่ไดมีความสำคัญอะไรต่อกัน! เพราะฉะนั้นฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องแคร์”

 

 

“แคร์สิ เธอต้องแคร์เพราะเธอรักฉัน”

 

 

            โอ้ย! เกิดมาฉันไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่หลงตัวเองได้เท่าคนบ้าคนนี้มาก่อนเลยให้ตายเหอะ ทำทางมั่นใจบวกกับน้ำเสียงติดเยาะเย้ยของเขาทำให้ฉันโกรธจนเลือดขึ้นหน้า โทโมะไม่มีสิทธิ์พูดว่าฉันรักเขา ไม่มีสิทธ์!

 

 

“ฉันไม่...!!!”

 

 

“อย่าพูดว่าไม่ได้รักถ้าตราบใดที่หัวใจของเธอยังคงเต้นแรงให้ฉันแบบนี้....” 

 

 

            โทโมะรวบตัวฉันไปกอดแน่นและไม่ว่าฉันจะทุบจะข่วนเขายังไง ผู้ชายหน้ามึนหน้าเมาคนนี้ก็ไม่ยอมปล่อย น้ำเสียงเย้ยหยันเยาะเย้ยฉันเต็มที่ทั้งที่ฉันพยายามควบคุมตัวเองอย่างถึงที่สุดแล้ว บ้าเหอะ! ฉันไม่มีวันใจเต้นแรงให้เขาอีกแล้วนะ บ้าเอ้ย! ทำไมโทโมะต้องทำให้ฉันปวดหัวจนจะเป็นบ้าแบบนี้ทุกทีที่เจอหน้ากัน

 

 

“อย่ามาเข้าข้างตัวเองนะ ปล่อยฉัน!”

 

 

“ฉันรักเธอมากนะแก้วแล้วฉันก็อยากให้เธอรักฉันแบบนี้ตลอดไป อย่าเลิกรักฉันนะ...ได้โปรด” 

 

 

            นัยน์ตาคมเข้มสบมองฉันแน่นิ่งไม่มีแววล้อเล่นเยาะเย้ยหลงเหลืออีกต่อไป อ้อมแขนแข็งแรงกระชับโอบรัดฉันจนแทบหายใจไม่ออก...คำวิงวอนเหล่านั้นดังก้องอยู่ในโสตประสาทของฉันราวกับมีคนเอาเทปม้วนเก่ามาฉายซ้ำไปมา มันเป็นคำนี้ไม่ใช่หรือไงที่ฉันเฝ้าถามหามาจากผู้ชายคนนี้มาโดยตลอด...ฉันรอเขาพูดคำนี้มานานเท่าไหร่ และวันนี้...เขาก็เลือกที่จะพูดมันกับฉัน แต่ความเจ็บปวดในอดีตที่ยังคงกัดกินหัวใจของฉันมาเนิ่นนานทำให้ฉันไม่กล้าไว้ใจผู้ชายคนนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ฉันรักที่สุดก็ตาม...

 

 

เข้าใจมั้ยว่าฉันกลัวการกลับไป...

 

 

“ฉันไม่พร้อมจะให้คำตอบใครตอนนี้ นายก็รู้ดีแก่ใจโทโมะ...ฉันผ่านอะไรมามากมายและมันก็บั่นทอนจิตใจฉันได้อย่างแสนสาหัส มันเหมือนกับว่า...นายเป็นคนที่ผลักฉันลงนรกแล้วอยู่ๆก็เกิดจะดึงฉันขึ้นมาโอบกอดไว้ด้วยความสำนึกผิด และฉันก็ไม่รู้เลยว่า...วันไหนที่นายจะผลักฉันลงไปที่นั่นอีกครั้ง”

 

 

“....แก้ว”

 

 

“ขนาดก้อนหินมันยังแหลกเป็นเม็ดทรายได้เลย นับประสาอะไรกับหัวใจคนเรากันล่ะ อันนี้นายคงต้องคิดดู”

 

 

“เด็กดี...ฉันผิดไปแล้ว ยกโทษให้ฉันนะแก้ว ขอร้องล่ะ...ฉันรู้มาตลอดว่าฉันผิดและฉันก็เห็นแก่ตัวมาตลอด แต่สิ่งเดียวที่ฉันไม่เขาใจก็คือทำไมถึงต้องทำร้ายเธอแบบนั้นทั้งๆที่ฉันรักเธอขนาดนี้”

 

 

“ฉันไม่โง่อีกแล้วล่ะ ขอตัว...”

           

 

“เดี๋ยวสิแก้ว”

 

“โทโมะ ทำบ้าอะไร ปล่อยนะ!”

 

 

            เขาทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าต่อหน้าฉัน ไม่เข้าใจว่าโทโมะจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ขอความเห็นใจจากฉันงั้นเหรอ? ฉันมีค่าขนาดที่คนอย่างเขาต้องลดตัวลงมานั่งคุกเข่าให้แบบนี้เลยหรือไง คนบ้าเอ๊ย! โทโมะรวบเอวฉันไปกอดแน่น ใบหน้าหล่อเหลากอดซบฉันไว้ เขาร้องไห้...เพียงเพราะฉันไม่ยอมกลับไป

 

 

“กลับมาหาฉันอีกครั้ง ถ้าคราวนี้ฉันทำให้เธอเสียใจ ฉันจะเป็นฝ่ายไปจากชีวิตของเธอเอง ไม่ต้องห่วงอะไรเลย”

 

 

“...”

 

 

“ได้มั้ยแก้ว...”

 

 

“โทโมะ อย่าทำอะไรแบบนี้ ลุกขึ้นมานะ!”

 

 

“พูดสิว่าเธอให้อภัยฉันแล้ว และเธอรักฉันที่สุด พูดสิเด็กดี”

 

 

“นายบังคับฉันชัดๆ!”  ฉันเบ้ปากใส่คนที่กำลังหัวเราะทั้งน้ำตา ฉันรู้ว่าโทโมะดูออกว่าตอนนี้ฉันใจอ่อนลงมามากแค่ไหนแล้ว แต่มันไม่ใช่เพราะว่าเขามาคุกเข่าต่อหน้าฉันหรอกนะ บางทีการที่เขาพูดความจริงออกมาให้ฉันฟังก็ยังดีกว่าเขาไม่พูดอะไรเลยแล้วฉันก็ต้องเจ็บอยู่กับความไม่รู้กับตัวเองต่อไป

 

 

อย่างน้อยวันนี้ฉันก็ได้รู้ว่าเขารักฉัน...แม้จะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องจริงหรือคำพูดหลอกลวงก็ตาม...

 

 

“พูดสิเด็กดี...”

 

 

“โทโมะ! ฉันชักหมดความอดทนกับนายแล้วนะ”

 

 

“นะแก้ว...”

 

 

“ก็ได้! แต่จำไว้นะมันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก แล้วก็กรุณาปล่อยฉันได้แล้ว ฉันอาย!”  ทันทีที่ฉันตอบตกลงโทโมะก็รีบปล่อยฉันเป็นอิสระทันที เขาลุกพรวดขึ้นมาก่อนจะคว้าฉันไปจูบหนักๆ บ้าเหอะ! เขาไม่จำเป็นจะต้องแสดงความรักต่อฉันในที่สาธารณะแบบนี้ก็ได้นะ

 

 

“อื้อ!”

 

 

“ขอบคุณนะคนดีของโทโมะ”  ฉันมองค้อนผู้ชายตัวสูงตรงหน้านี่อย่างเหลืออดก่อนจะรีบเช็ดริมฝีปากตัวเองแก้เขินที่จู่ๆเขาก็พรวดพราดทำอะไรบ้าๆแบบนั้น

 

 

“แต่มันไม่ได้หมายความว่านายจะมาทำอะไรแบบนี้กับฉันได้ตามใจชอบเหมือนเมื่อก่อนนะ! ฉันให้โอกาสนายก็จริงแต่ต่อไปนี้ ห้ามนายอยู่ใกล้ฉันเกินไปแบบเมื่อกี้นี้อีก และมันจะไม่เกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคนตราบใดที่ฉันยังไม่มั่นใจในตัวนาย!”

 

 

“แล้วกันสิ...”  โทโมะมองฉันอย่างเสียดายจนฉันต้องทุบเข้าหนักๆที่หน้าอกของเขาอย่างเคืองๆ

 

 

“ทำหน้าเสียดายหมายความว่าไง”

 

 

“แล้วแต่จะคิดสิคะคนดี”  ฮึ่ย! ท่าทางกวนประสาทเจ้าเล่ห์แบบนั้นทำเอาฉันอยากจะตบหน้าเขาแรงๆสักทีให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยให้ตายเหอะ

 

 

“จะไม่เกิดเรื่องอะไรระหว่างเราสองคนนี้ยกเว้นจูบกับกอดได้หรือเปล่า ไม่งั้นฉันแย่แน่เลยนะแก้ว

..”  ดูเอาเถอะ! คนหน้ามึนยังกล้าเอาเรื่องพรรค์นี้มาต่อรองกับฉันอีกจนได้ คิดว่าฉันยอมใจอ่อนด้วยแล้วจะมาทำเป็นเล่นกับฉันเหมือนเมื่อก่อนอีกงั้นสิ เลิกฝันไปได้เลย

 

 

“ไม่ได้กอดไม่ได้จูบฉัน นายก็ยังไปกอดจูบกับผู้หญิงคนอื่นได้นี่ ไม่เห็นจะตายตรงไหน”

 

 

“มันไม่เหมือนกันหรอก อย่างที่ฉันบอกเธอไป...”  โทโมะเดินเข้ามาใกล้ฉันอีกครั้งและเขาก็ทำเพียงแค่จับมือฉันไปแตะบนแก้มทั้งสองข้างของเขาเบาๆ

 

 

“...”

 

 

“กอดเธอ จูบเธอไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ถ้าไม่ให้กอดไม่ให้จูบ...งั้นก็แค่เช็ดน้ำตาให้ฉันก็พอ...” 

 

 

            ไม่เข้าใจเลยว่าผู้ชายร้ายกาจคนนี้จะคิดอะไรบ้าบอแบบนี้เป็น ตอนที่เราคบกันเขาไม่เคยทำหวานใส่ฉันเลยสักครั้งอย่างมาก็แค่แสดงอาการหึงตอนมีคนเข้ามาจีบฉันก็เท่านั้นแต่นั่นก็แสดงออกในฐานะเพื่อนสนิทหวงเพื่อนสนิทมากกว่า ฉันยอมรับ...ว่าโทโมะเปลี่ยนไปมากเหมือนกัน

 

 

            ฉันเช็ดน้ำตาที่เลอะข้างแก้มเนียนใสจนน่าอิจฉาออกให้เขาก่อนจะรีบชักมือกลับเมื่อเห็นว่าคนเจ้าเล่ห์กำลังได้ใจ แต่แล้วโทโมะก็เลือกที่จะจับมือฉันไว้อีกครั้ง...จุมพิตเบาๆลงบนฝ่ามือของฉัน มันเป็นจูบเล็กๆที่กัดกินหัวใจของฉันได้อย่างมากมายมหาศาลเลยล่ะ อยากจะบ้าตายจริงๆ!

 

 

“รักกันดีแบบนี้ฉันคงห้ามอะไรแกสองคนไม่ได้แล้วจริงๆสินะ”  เสียงฟางดังขึ้นจากทางด้านหลังพร้อมกับป๊อปปี้ทำให้ฉันต้องรีบชักมือกลับและยืนออกมาให้ห่างจากโทโมะ ตอนนี้ทุกอย่างมันดูรวดเร็วไปหมดจนฉันตั้งรับแทบจะไม่ทัน

 

 

“ฟาง คือฉัน...”

 

 

“เพื่อนฉันให้โอกาสนายแล้ว นายก็ควรสำนึกใส่สมองแฟบๆของนายไว้บ้างนะโทโมะ ว่าควรจะทำตัวยังไงไม่ให้ถูกเฉดหัวทิ้ง!”

 

 

“เธอทักทายและให้กำลังใจฉันดีเสมอเลยนะฟาง”  ดูก็รู้แล้วว่าสองคนนี้กำลังประชดกันสุดฤทธิ์อย่างไม่มีใครยอมใครและฉันก็ทำได้เพียงแค่ดูอยู่เฉยๆและส่งยิ้มเป็นเชิงขอโทษให้ป๊อปปี้ที่ยืนอยู่ข้างฉันในเวลานี้

 

 

“แหงสิ! ทำเลวมาเยอะจะให้ฉันมาชื่นชมมันก็กระไรอยู่นะ จะเอาโล่ด้วยมั้ยล่ะจะได้สนองพระเดชพระคุณให้สักสองสามถ้วย!”

 

 

“นี่ฟาง...ฉันกับแก้วกลับมาดีกันเธอก็ควรยินดีไม่ใช่หรือไง แต่เอาเหอะ ยังไงซะแก้วก็เป็นของฉัน ขอโทษด้วยที่ทำให้แผนจับคู่ของเธอเป็นอันต้องพับโครงการไป”

 

 

“ไอ้บ้าโทโมะ!”

 

 

“ว่าไง”

 

 

“ฮึ่ยยย แก้ว แกดูนะ ดูผู้ชายของแกแล้วฝากบอกมันด้วยว่าถ้าคิดจะกลับมาเป็นเพื่อนกับฉันล่ะก็ขอบอกว่ายาก ฉันไม่เชื่อน้ำหน้าหรอกว่าจะรักแกจริง ไปเหอะป๊อป อยู่แถวนี้นานๆพาลจะอ้วก!” 

 

 

“เอ่อ โอเค...แก้ว ฉันไปก่อนนะ โชคดี”  ป๊อปปี้เอื้อมมือมาขยี้ผมฉันเบาๆก่อนจะเดินตามฟางที่เดินหน้ามุ่นออกไป อดไม่ได้ที่ฉันจะต้องหัวเราะออกมา ฉันรู้ดีว่าฟางไม่ได้จริงจังอะไรกับคำพูดมากนัก ฟางก็แค่อยากจะยั้วะใส่โทโมะก็เท่านั้นซึ่งฉันก็เห็นดีด้วยล่ะ

 

 

“ทำไมต้องให้มันจับนู่นจับนี่ด้วย ไม่เข้าใจ! ทีกับฉันมาห้ามโน่นห้ามนี่ สองมาตรฐานชัดๆนะเด็กบ้า!”  ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งยืนกอดอกเก๊กท่าใส่ฉันอย่างไม่พอใจที่เห็นฉันกับป๊อปปี้เมื่อกี้นี้ แต่แล้วไง เขามีสิทธิ์อะไรมากกะเกณฑ์ชีวิตฉันกันล่ะตาบ้านี่!

 

 

“อย่ามาทำตัวมีปัญหา ถ้าไม่พอใจก็กลับไป”  ฉันเตรียมจะเดินหนีคนไร้เหตุผลแต่กลับถูกเขาเดินมาดักหน้าหาเรื่องอีกระลอก และฉันก็ทำเพียงแค่กลอกตาแสดงความหงุดหงิดใส่โทโมะ มันได้ผลเสียด้วยสิ!

 

 

“ไม่ให้ไป”

 

 

“หลีก!”

 

 

“นี่...ฟังนะ ถ้าฉันไม่ได้แตะแก้วคนอื่นก็ต้องไม่ได้ อย่าลืมสิว่าเราไม่ใช่แค่เพื่อนกันกันแล้ว เข้าใจไว้ด้วยว่าแก้วเป็นเมีย...”

 

 

“หยุดนะ! หยุดพูดบ้าๆเดี๋ยวนี้ คนบ้า” ฉันเอื้อมมือปิดปากพล่อยๆของโทโมะแต่เจ้าตัวกลับแกะมือฉันออกแล้วทำท่าดึงดันใส่ฉันอีก โอ๊ย! เกลียดผู้ชายคนนี้จัง!

 

 

“ไม่หยุด แก้วเป็นเมียฉันและฉันมีสิทธิ์ในตัวแก้วแค่คนเดียว คนอื่นไม่ยุ่ง!”

 

 

“ก็ได้นะ นายมีสิทธิ์ในตัวฉันคนเดียว ฉันก็มีสิทธิ์ในตัวนายคนเดียวเหมือนกัน ถ้าฉันเห็นว่ามีผู้หญิงคนไหนเข้ามาพัวพันกับนาย ขอบอกว่าไม่ตายดีทั้งคู่แน่ จำไว้ด้วย!” 

 

 

            พอฉันพูดแบบนี้ เจ้าตัวกลับทำหน้าระรื่นขึ้นมาซะงั้น เหอะ! ฉันขี้เกียจจะต่อกรอะไรกับโทโมะอีกต่อไปแล้วเพราะรู้ดีว่าให้ตายยังไงฉันก็ไม่มีทางชนะ โทโมะขี้โกงฉันทั้งทางตรงทางอ้อมแบบนี้นี่ เหอะ!

 

 

“ผู้หญิงที่ไหนอีกล่ะ มีแต่เด็กดื้อคนนี้คนเดียวแล้วล่ะ”

 

 

 

            โทโมะดึงฉันเข้าไปกอดอีกครั้ง วางคางเกยไหล่ฉันแล้วโยกตัวเบาๆ...และฉันก็มีความสุขดี ต่อไปนี้ถ้าจะเจ็บปวดอีกครั้งฉันคงต้องทำใจยอมรับเพราะนั่นเป็นทางที่ฉันเลือกเอง ฉันเลือกที่จะให้อภัยเขาเอง ฉันก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะดีหรือจะร้าย...ฉันเลือกแล้วว่าคนๆนั้นต้องเป็นเขา แค่โทโมะคนเดียวเท่านั้น...

 

 

 

 

 

 

THE END

 


จบแล้วค้าบ หายไปนานขอโทษอิอิอิเข้าใจผีดิบแล้วใช่ม้ายย

 

เหตุผลนางกระหลั่วมากมายแต่นางหล่อก็ยอมๆไปหน่อยล้ะกันเนอะ

 

โทโมะ : เช็ดน้ำตาให้ฉันก็พอ :)

 

แก้ว : ต่อไปนี้ฉันมีสิทธิ์ในตัวนายแค่คนเดียว! เข้าใจมั้ย? *บิดหู*

 

ฟาง : ฝากไปบอกผู้ชายของแกด้วย จะกลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิมอ่ะรอหน่อย แอดเฟสมารับยากนะบอกให้-3-

 

ป๊อปปี้ : (' ') *ยืนหล่อๆ*

 

นุก : เวิ่นเฟ่อ ไปล้ะบาย555555555555555555555555

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา