The Mysterious of The League of Legends
เขียนโดย Roger_Tifur
วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 04.45 น.
แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556 05.18 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1) Zero's day
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
โลก โลกอันเเสนน่าเบื่อ เต็มไปด้วยมลภาวะและความรุนแรงทางสังคม อคติที่มีอยู่ในตัวของทุกคนและทิฐิที่ผมมีต่อระบบความเป็นอยู่ในตอนนี้ ทำให้ผมอยากออกไปอยู่นอกโลกซะให้รู้แล้วรู้รอด
ข้าวของเริ่มแพงขึ้นนำค่าจ้างเราไปทุกวันแล้ว ไหนจะค่าเล่าเรียนที่เป็นภาระหนักอึ้งสำหรับนักเรียนอย่างผม และผมก็ไม่มีญาติที่ไหนอีกด้วย มีเพียงบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ก่อนตาย ใช่....พ่อแม่ผมได้เสียไปแล้วด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำ ซึ่งผมเป็นคนเดียวในรถที่รอดชีวิตอย่างปาฎิหาริย์ และผมก็ไม่ได้อย่างได้ปาฎิหาริย์บ้าบออะไรนั่นหรอก ถ้าหากว่าพ่อแม่นั้นไม่เคยพร่ำสอนผมให้รู้จักคุณค่าของชีวิต
แต่ก็นะเงินมันสำคุญมากในตอนนี้นี่ หากไร้ซึ่งเงินก็ไร้ซึ่งชีวิต ผมรู้ถึงข้อนี้ดี จากภาพและเหตุการณ์ในสังคมปัจจุบัน
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วงภายนอกหน้าต่างของห้องผมนั้นประกอบกับเสียงกบและ เม็ดฝนที่กระทบกับสิ่งต่าง กล่อมให้ผมเคลิ้มอยู่ตลอดเวลา จนผมเริ่มทนไม่ไหว ลุกไปเปิดคอมพ์เล่นเกมส์ ซึ่งก็มีเพื่อนๆผมที่เล่นเกมส์นี้อยู่ เกมส์โมบาอันดับหนึ่งของโลก League of Legends หรือ LOL ซึ่งผมได้เล่นมานานมากแล้วตั้งแต่ยังไม่เข้าไทยเลยด้วยซ้ำ
"เห้ย เซ มาเเล้ว เว้ย"เสียงจางเพื่อนสมัยม.ต้นเอ่ยขึ้นเมื่อผมเข้ามาในห้องแชทเสียงของกาเรน่า
"เล่นกันอยู่เหรอ จาง"ผมถามขึ้น
"เออ พึ่งเริ่มได้แปบๆนี้เอง''จางตอบ
"อืม งั้นเด๋วกุรอนะ"ผมบอกจางพร้อมเข้าเกมส์ไปเปิดห้องบอทเล่นคนเดียวเเก้เซ็งไป
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
เสียงฟ้าผ่าดังลั่นสนั่นมาพร้แมกับสายฝนที่โหมกระหน่ำเทลงมา ผมสะดุ้งโหยงเพราะมันดังมากจริงๆ จนทะลุหูฟังผมเชามาเลย
"เห้อ~ อยากเข้าไปอยู่ในเกมส์จังเล๊ย จะได้ไม่ต้องมาเซ็งกับโลกนี้"ผมเริ่มบนขึ้นขณะที่เล่นเกมส์ไป
และผมก็เล่นจนไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์ที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตผมไปเมื่อฟ้าเริ่มผ่าลงมาอีกครั้ง
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเริ่มชา และกระตุกขึ้น จอคอมเริ่มรวนเสียงในหูฟังเริ่มซ่า และผมรู้สึกว่ามีเสียงจี๊ดๆดังขึ้นในหัวดังขึ้นมาทุกทีๆ ผมอยากจะขยับตัวออกจากคอมพ์มากแต่หากผมกำลังจะขยับก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิด ปกติกับคอมพ์
ภาพในคอมพ์เป็นคลื่นซ่าๆแล้วปรากฏภาพของสงครามของเมืองสองเมืองที่ผมคุ้นตากับธงและเครื่องแต่งกายนั่น
ใช่ผมรู้ดี เพราะนั่นคือเดอมาเซียและน็อกซัสในเกมส์ที่ผมเล่นอยู่
ผมเริ่มคิดว่าผมเริ่มประสาทหลอนขึ้นทุกทีและอยากลุกขึ้นมากแต่ร่างกายกับหนักอึ้งขึ้นเลยๆอย่างผิดปกติ จนกระทั่ง
เปรี้ยง
ฟ้าผ่าลงมายังเครื่องคอมผมจนมันระเบิดออกดีดตัวผมให้ไปชนกับกำแพงแต่ก่อนตัว จะโดนกำแพงนั้น กลับมีหลุมอากาศสีดำโผล่ออกมาจากมุมที่พุ่งตรงไป แล้วผมก็ถูกกลืนลงไปในนั้น
เกร้ง เกร้ง ตูม ตูม เฟี้ยว
เสียงโลหะ เสียงปืนยิงเข้าปะทะกันปะปนผสมปนเปจนผมเเยกแยะเสียงเหล่านั้นไม่ออก ผมกำลังเจ็บกับหัวที่โขกโดนอะไรแข็งๆด้านหลังผมอยู่ ซึ่งทำให้ผมนั้นไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน
เสียงต่างๆนานาดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผมที่เริ่มหายเจ็บขึ้นมามอง ซึ่งทำให้ผมเเทบช็อค เพราะนี่คือผมคุ้นชินตามากที่สุด
สนามแข่งขัน League แห่ง The Institute of War
Fields of Justice
"ไหง เรามาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย"ผมเริ่มคิดไปต่างๆนานา และเริ่มตั้งคำถามต่างๆนานาขึ้นในใจ มันทั้งสับสน ปั่นป่วนและกระวนกระวาย ผมลองหยิกแขนตัวเองดู "โอ๊ยยย ...... ซึ้ดดดด.... เจ็บ"ใช่เจ็บ และนี่ก็คือ Fields of Justice ของจริง นี่คือสงครามจริงๆ ในเกมส์ที่ผมชอบเล่น League of Legends
ในขณะที่ผมกำลังนั่งเหมอลอยคิดตอบปัญหาเหล่านั้นอยู่นั้น ก็มีทหารของฝั่งสีม่วงวิ่งเข้ามาใช้ดาบที่ถืออยู่ฟาดฟันมายังผม
"ไม่นะ อย่าาาา"ผมร้องเหวอขึ้นทันที ภาพที่ผมเห็นในตอนนี้นั้นเหมือนว่าจะสโลว์ลงไปเลย แล้วก่อนที่ดาบจะปักอกผมนั้น ก็มีดาบเล่มใหญ่ฟาดเข้าใส่ทหารตัวนั้นอย่างจังเบอร์จนมันล้มลงแล้วสลายเป็น แสงไป
"เป็นอะไรไหม สหาย''ชายผู้นั้นถามแล้วผายมือให้ผมที่ช็อคอยู่นั้นจับแน่นแล้วเขาก็พยุงผม ขึ้นมา"เจ้าคงเข้าสู่สนามรบนี้เป็นครั้งแรกสินะ"
"คะ..ครับ"ผมตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแล้วเริ่มคิดว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องจริงสินะ มันต้องเป็นฝันแน่ๆ
"ฮ่าๆๆๆ งั้นเหรอ"ชายในชุดเกราะอัหนาเตอะสีฟ้านั่นหัวเราะร่าแล้วกำชับดาบในมือ"งั้น เจ้าคงต้องใช้เวลาในการเรียนรู้อีกเยอะนะ เจ้าหนู"
ชายคนนั้นพุ่งตัวเข้าสู่สนามรบที่ดุเดือดขึ้นมาเมื่อเหล่าเพื่อนที่เหลือมาช่วยกันฝ่าวงล้อมทหารเข้าทำลายป้อมปราการใหญ่ๆนั่น
ใช่ ตอนนี้ในหัวผมเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว และผมก็เจอคนที่พึ่งพาได้แล้วด้วย
ผมไร้ซึ่งความกังวลใด เพราะจากความรู้ที่ผมมีนั้น ไม่มีผู้ใดตายภายในFields of Justiceนี้เลยสักคน และชายที่นำกลุ่มอยู่ข้างหน้านั่นคือ กาเรน
ผมวิ่งไปหยิบดาบเล่มหนึ่งของทหารฝั่งสีฟ้ามาก่อนจะเข้าไปกำจัดทหารของทัพสี ม่วงซึ่งพยายามเข้าขัดขวางกาเรนที่กำลังทำลายป้อมปราการหินที่ปล่อยลำแสง ทำลายลงมาอย่างร้ายกาจ ดีที่ผมนั้นปรับตัวง่ายและชื่นชอบเรื่องแบบนี้ที่สุด เหล่าทหารที่โดนผมฟาดฟันลงไปนั้นล้มลงนอนไป และกาเรนก็ทำลายป้อมปราการลงสำเร็จ
"หึ เยี่ยมดีนี่ อย่างนี้สิถึงจะสมกับเป็นชายชาตรี"กาเรนเอ่ยชมผม
"ฮ่าๆๆ ก็แค่เข้าใจอะไรขึ้นมานิดหน่อยละนะ"ผมกล่าวแก้เขิลขณะเดินตามกาเรนไปสมทบกองกำลังที่กำลังสู้รบกัอยู่ที่ด้านทิศเหนือ
"ข้าถูกใจเจ้าแฮะ นามของข้าคือกาเรน เจ้าล่ะพ่อหนุ่มน้อย"
"ผมเหรอ ผมชื่อ เซโร่"ผมเอ่ยอย่างยิ้มแย้มพร้อมมองไปยังเป้าหมายข้างหน้าซึ่งเห็นทหารสีม่วงและผู้หญิงที่นำทัพทหารสีม่วงยืนอยู่
"เอาล่ะคราวนี้เราคงลำบากกันซักหน่อยละนะ"กาเรนกำชับดาบแน่น"ช่วยสนับสนุนข้าหน่อยละกัน"พูดเสร็จกาเรนก็พุ่งเข้าใส่หญิงสาวผมแดงนั่นทันที
เกร้ง เกร้ง
มีดสั้นสองเล่มถูกปาเข้าใส่กาเรน แต่กาเรนปัดได้แล้วต้องถอยมาเพราะมีดอีกสี่เล่มที่พุ่งเข้าใส่
ผมรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของมีดสั้นที่พุ่งเข้าใส่กาเรนและผมคือใคร
คาตาริน่า คู่ปรับตัวฉกาจของกาเรนนั่นเอง
"แหม นึกว่าจะเผลอแล้วเชียวนะ ทำไมถึงรู้ได้ล่ะ"กาเรนเอ่ยพร้อมกับชักสีหน้าเย้ายวนอารมณ์
"ก็ข้าน่ะไม่ได้โง่นะ ก็เพราะวาร์ดยังไงล่ะเจ้าถึงทำอะไรข้าไม่ได้"หญิงสาวผมแดงเอ่ยพร้อมซัดมีดอีกหลายเล่มมา แต่กาเรนปัดป้องได้หมด
"แหม เจ้านี่รอบคอบไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ยังนี้ล่ะถึงจะสมน้ำสมเนื้อหน่อย"กาเรนปัดมีดทั้งหลายเสร็จก็เข้าฟาดฟันใส่คาตาริน่าทันที
ผมซึ่งรู้ดีว่ายังไม่มีความสามารถพอก็หันมาเก็บกวาดเหล่าทหารสีม่วงร่วมกับทหารสีฟ้าของทัพที่ผมอยู่ด้วย
"หึหึ ข้าน่ะไม่ได้โง่เง่ามากขนาดให้เจ้าอัดข้ายับหรอกนะ กาเรน"ตฃคาตาริน่าเอ่ยจบก็มีเหมือนกรงเล็บพุ่งออกมาจากพื้นล็อคผมและกาเรนไว้
"นี่มัน''ผมรู้ได้ทันทีนี่คือความสามารถของสเวน
"เจ้าน่ะนะ ยังไม่ทันเล่ห์ของข้าเลยนะกาเรน"คาตาริน่าเอ่ยก่อนจะสบัดตัวร่ายรำและนั่นก็ทำให้ผมตื่นตัวเพราะมันคือการสะบัดมีดที่ซ่อนอยู่ในผมของเธออกมานั่นเอง
กาเรนปัดป่ายใบมีดอย่างทุลักทุเล ขณะที่ผมหลบมุมอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งมันเฉียดใกล้มามากหลายเล่มเลยทีเดียว
สักครู่กรงเล็บที่จับล็อคเราไว้ก็สลายไป
"แต่ข้าไม่ด้อยไปกว่าเจ้าเลยนะ"กาเรนเอ่ยพ้อมกับสบัดดาบออกไปฟันใส่หญิงสาวให้อย่างจัง
"อึกก...."คาตาริน่ากระอักเลือดก่อนจะล้มลงไปพร้อมกับกลายเป็นแสงหายไป
ผมเห็นดังนั้นจึงสมทบเหล่าทหารเข้าทำลายปราการหินข้างหน้าทันทีจนกระทั่งแตกลง
"เจ้านี่ก็ดูใช่ได้เลยนะ''กาเรนเอ่ยชม
"จริงเหรอ"ผมถามกาเรนขึ้น
"ไว้เสร็จสงครามครั้งนี้ ข้าจะพาเจ้าไปเดอมาเซียเอาไหม"กาเรนและผมคุยกันขณะลงไปช่วยฝั่งทางใต้กัน
"ได้สิครับ ผมอยากไปจะแย่แล้ว"
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ