เอล คนทะลุมิติ chapter 1

-

เขียนโดย pong43

วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.

  48 ตอน
  0 วิจารณ์
  57.26K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

25) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 25 แอนนา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แอนนา

 

แอนนาต้องขอตัวออกไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ เธอพยายามนึกทบทวนเรื่องทั้งหมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่า เรื่องเลวร้ายนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน

เธอแน่ใจว่าเอลไม่ได้ชวนเธอเข้าไปทำเรื่องไม่ดีในนั้น หากแต่คนที่พาเอลเข้าไปในนั้นคือเธอนั่นเอง เธอพบว่ากุญแจห้องอยู่ที่กระเป๋าของเธอ

เธอไปได้กุญแจห้องนั้นมาได้อย่างไร เธอไม่เข้าใจ..เมื่อนึกทบทวนแล้วทบทวนอีก เธอกลับนึกขึ้นมาได้ว่า วันนั้นชิลด์ไม่ได้กลับบ้านกับเธอเพราะเกิดเรื่องชกต่อยกับล้องก์ ส่วนเธอเป็นเวรทำความสะอาดห้องอยู่จนคนสุดท้าย เมื่อไปที่หลังห้องเธอก็พบกุญแจนั้นตกอยู่ที่พื้น เธอจึงก้มลงไปเก็บขึ้นมาดู 

เธอจ้องมันด้วยความสงสัยว่ามันกุญแจของใครกันนะ.. แล้วก็จำได้ว่า นั่นมันกุญแจห้องเก็บของนี่นา

เธอใช้กุญแจนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ทำไมกุญแจมาอยู่ที่นี่กันนะ

เวลานั้นเหมือนเธอเห็นใครคนหนึ่งเดินผ่านเข้ามาในสายตา...

แล้วเรื่องหลังจากนั้นก็ไม่ได้อยู่ในความทรงจำของเธออีกเลย

เธอนอนร้องไห้ด้วยความตกใจมาตลอดคืน ซ้ำวันนี้เธอยังโดนเพื่อนเล่นงานอีก ทำให้เธอรู้สึกหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา เธอกำลังกลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้พี่ชายเสียใจ

เธอไม่อยากให้พี่ชายหัวเสีย แต่เวลานี้เธอทำให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเสียหายไปแล้วจริงๆ

.....................................................................................................................................

 

เย็นวันนั้น

ที่ห้องครูใหญ่

เอลและแอนนานั่งก้มหน้าต่อหน้าครูใหญ่ซึ่งกำลังตำหนิทั้งสองอย่างรุนแรง

“ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย บอกได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ใครมันจะแกล้งพวกเธอ”

“แอนนาเหมือนถูกสะกดจิตนะครับ” เอลพูดแทรกขึ้นและหันไปมองหน้าแอนนาที่ชำเลืองหางตามองมาที่เขา เธอขมวดคิ้วเหมือนจะบอกเขาว่า หยุดพูดเสียที พูดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก

“สะกดจิตบ้าอะไร นึกว่าใครๆเขาจะเชื่อหรือไง”

“การที่มีคนตั้งกล้องเอาไว้แบบนั้นแถมยังส่งไปออกอากาศแบบนั้นแสดงว่ามีการวางแผนเอาไว้”

“ถ้ามันเป็นการกลั่นแกล้งจริง บอกหน่อยสิว่ามันคนนั้นเป็นใคร”

“หนูไม่ทราบค่ะ” แอนนาพูดขึ้นบ้าง

“แล้วเธอล่ะ รู้มั้ยว่าเป็นใคร” ครูใหญ่ยังคงถามเอล แต่เอลสั่นศีรษะเพราะรู้สึกเหมือนที่แอนนาพูด 

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนี่ โดนกลั่นแกล้ง ถูกสะกดจิตหรือไม่ก็ละเมอไม่รู้สึกตัว บอกฉันมาหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับโรงเรียนของฉันกันนี่” ครูใหญ่โมโหที่เกิดเรื่องบัดสีแบบนี้เกิดขึ้นกับเด็กเรียนดีสองคนนี้ หากเรื่องนี้กระจายออกไปคนที่จะต้องรับผิดชอบก็คือตัวเขาเอง เมื่อคล้ายกับว่าจะหาคนผิดมาลงโทษไม่ได้เป็นแน่ ครูใหญ่จึงควบคุมตนเองไม่อยู่ร้องลั่นเสียงดังไปทั่วทั้งห้องพักครู

“เบาสิครับ ครูก็รู้ว่าผมไม่ได้ทำผิด มีคนแกล้งพวกผม”

“ขอโทษที ฉันโกรธจนลืมสมบัติผู้ดีไป” ครูใหญ่รู้สึกตัวแต่สีหน้ายังคงขึงขัง “เรื่องของเธอสองคนต้องผ่านการพิจารณาจากคณะครู ต่อให้ฉันเชื่อก็คงช่วยพวกเธอไม่ได้หรอก”

                ใจจริงครูใหญ่ก็มองออกว่าต้องมีใครกลั่นแกล้งทั้งสองคนแน่ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาตัวคนๆนั้นออกมา

“แล้วทำไมภาพที่อยู่ในวิดีโอคลิปนั่นถึงออกมาแบบนั้น แอนนาเธอเห็นแล้วใช่มั้ย คนแกล้งก็ส่วนคนแกล้ง แต่ภาพที่เห็นนั่นจะบอกว่าถูกสะกดจิต คงฟังไม่เป็นผลหรอกนะ ครูพยายามจะเชื่อว่าเอลลวนลามเธอ แต่ทำไมภาพมันกลายเป็นว่าเธอต่างหากที่ไปกอดรัดเขาไว้ล่ะ”

                “หนูไม่รู้ค่ะ หนูไม่รู้จริงๆ นะคะ” 

                “แอนนา ฉันไม่ได้เล่าเรื่องพวกนั้นนะ”เอลมองแอนนาตาละห้อย แอนนากลับก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าเอล ครูใหญ่ก็ยังคงพร่ำบ่นต่อ

                “ก็ฉันไม่ได้ว่าเธอนี่นา ฉันผิดเองเอล”

ครูใหญ่ได้ยินว่าก็กระแอม

                “ผมว่าถึงซักเราสองคนให้ตายก็ไม่ได้เรื่องอะไรหรอกครับ ที่จริงครูน่าจะสืบหาเจ้าคนที่ถ่ายวิดีโอจะดีกว่านะครับ”

                “เท่าที่ครูรู้ก็คือมีมือดียิงสัญญาณส่งเข้ามาในห้องส่งของโรงเรียน ครูไม่รู้ว่าเป็นใครหรอก มันอาจจะเป็นเด็กสติเฟื่องสักคนในโรงเรียนนี้ และเจ้านั่นต้องแค้นอะไรเธอสองคนอยู่ ลองคิดดูสิว่าจะเป็นใครได้”

                “ไว้ผมจะสืบเอาเองครับ ผมต้องลากตัวมันมาลงโทษให้ได้ครับ”

“เอาล่ะ ฉันจะลงโทษภาคทัณฑ์เธอสองคนให้พักการเรียนไปสองอาทิตย์แล้วค่อยว่ากันใหม่ เรื่องจะให้สรุปว่าแอนนาโดนผีเข้านั่นอย่าหวังล่ะ ไม่ต้องไปพูดกับใครเรื่องผีสิงหรือเรื่องโดนสะกดจิตนะ ไม่มีใครฟังพวกเธอหรอก แอนนา พี่ชายเธอเป็นคนมีหน้ามีตาในวงสังคม ที่จริงถ้าครูเอาเรื่องไปแจ้งเขา มันอาจจะวุ่นวายกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปก็ได้ แต่ครูไม่มีทางเลือก ขอโทษนะที่ครูต้องรายงานเรื่องนี้ให้พี่ชายเธอทราบ”

                “ค่ะหนูเข้าใจค่ะ”

                “ออกไปได้แล้ว”

แอนนาหันมามองหน้าเอล เอลกลับไม่กล้ามองหน้าเธออีก แล้วทั้งคู่ก็ลุกเดินออกไปจากห้อง เอลเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมารับแอนนาที่หน้าห้องเรียน เขาคือเดลพี่ชายของแอนนานั่นเอง เดลมองหน้าเอลด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย เขาจึงรีบก้มหน้าเดินจากมาจนไปเกือบชนถูกชายสูงวัยคนหนึ่ง

                “เจ้าชั่ว แกทำเรื่องบ้าอะไร”

                “นี่พ่ออย่าเพิ่งเสียงดังสิ”

“ฉันรู้เรื่องแกหมดแล้ว ทำไมทำแบบนี้ ฉันคงคิดผิดที่ปล่อยให้แกมาเรียนที่เมืองใหญ่ตามลำพัง คิดว่าแกจะดูแลตัวเองได้ นี่กลับทำเรื่องบ้าๆขึ้นมาจนได้”

“ฟังผมก่อนสิพ่อ”

                พ่อเปิดฉากเล่นงานเขายกใหญ่ แต่เขากลับไม่สนใจแอบมองไปที่เดล เขาเพิ่งรู้ว่าชายคนที่เจอในค่ำคืนนั้นคือเดลพี่ชายของแอนนา เขาเคยได้ยินกิติศัพท์ของเดลมาตลอด เรียกได้ว่าเดลคือไอดอลของเขาก็ว่าได้ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเดลจะเป็นตำรวจคนนั้นหนำซ้ำยังเป็นพี่ชายของแอนนาอีกด้วย

โอย..ทำไมโลกมันกลมอย่างนี้นะ

จู่ๆ เดลก็เดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าที่ขึงขัง เอลตัดสินใจเดินเข้าหาเช่นกัน

                เดลชายหนุ่มอายุมากกว่าเอลสองสามปี ความสูงพอๆกัน เขาไม่เคยรู้จักเอลมาก่อนและแน่นอนเรื่องที่เกิดขึ้นย่อมทำให้เขาเข้าใจผิดเอลอย่างช่วยไม่ได้ เขาพยายามอดกลั้นความรู้สึกเอาไว้เพราะเห็นพ่อของเอลยืนอยู่

เอลรับรู้ถึงความโกรธของเดลได้ไม่ยากนัก สีหน้าของเดลเวลานี้แม้จะข่มใจเอาไว้แต่ก็ปกปิดไม่ได้

                “นายล่อลวงน้องสาวฉันมากี่ครั้งแล้ว ...” เดลเสียงดัง

                “จะบ้าหรือไง ผมไม่รู้เรื่องนะ น้องสาวคุณมากอดรัดผมเอง ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

                ขณะที่แอนนาก้มหน้าแดงเรื่อไม่กล้ามองหน้าเดลและเอล

                “ผมอธิบายเรื่องนี้เป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว คุณจะเชื่อผมเหรอ ถ้าผมบอกว่าโรงเรียนนี้มีผีสิงมาเข้าสิงน้องสาวคุณและให้มาเล่นงานผม คุณจะเชื่อหรือเปล่าล่ะ”

                “ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องพรรค์นั้น” เดลเสียงแข็ง “ฉันไม่ต้องการฟังคำอธิบายที่ไร้สาระจากปากของคนอย่างนาย บอกตรงๆว่า นายโกหกได้แย่ที่สุด”

พูดจบเดลก็หันหลังจูงมือแอนนาออกเดินแต่แอนนากลับไม่เดินตาม เธอหันหน้ามาพูดกับเอลและพ่อ

                “ขอโทษนะคะ” แอนนาก้มหน้าขอโทษก่อนที่จะถูกพี่ชายดึงไป

                “ไปขอโทษเขาทำไม เธอเป็นฝ่ายเสียหายนะ”

                เดลพูดโดยไม่หันหน้ามา

                “ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย” เอลร้องลั่น “เสียแรงที่ชื่นชมนาย ยอดอัจฉริยะวัยรุ่น ที่แท้ก็นิสัยแบบนี้นี่เอง”

                เดลชะงักและครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะจูงมือแอนนาเดินก้มหน้าจากไป

ขณะที่พ่อของเอลก็ลากตัวเขาไปจากบริเวณนั้น          

“ชั่วจริงๆ ทำผิดยังไม่ยอมรับผิดอีกหรือไอ้คนไม่รักดี เด็กนั่นเรียบร้อยออกจะตาย แกยังกล้าพูดว่าเธอกลั่นแกล้งแกอีกเหรอ”

โดนเข้าไปชุดใหญ่ เอลถึงกับหน้าจ๋อย

          .......................................................................................

 

มันคือใครกันแน่ มันคือใคร ที่รู้ๆมันไม่ใช่ชิลด์ ไม่ใช่ครูแฟรงค์ ไม่ใช่แอนนา แล้วมันคือใครกัน หลอกเราให้หลงทางไปหมด มันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ แต่ว่าถ้ามันต้องการฆ่าเรา เราคงโดนมันเล่นงานไปแล้ว

                จะว่ามันต้องการทำลายชื่อเสียงเราอย่างเดียวก็ไม่น่าใช่ มันเป็นผู้ใช้พลังที่น่าเกรงขามทีเดียว บังคับคนให้ทำตามที่ตนเองสั่งการ เป็นพลังที่น่าพิศมัยจริงๆ ใครได้พลังนี้มาจะเป็นพระเจ้าแห่งโลกอย่างที่มันพูดจริงๆ

                เอลมึนไม่หาย หลังจากส่งพ่อขึ้นรถไฟกลับบ้านแล้ว ก็กลับมานั่งทบทวนเรื่องทั้งหมด พยายามประมวลความทรงจำทั้งหมดตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุการณ์บุกรุกทางจิต แล้วเริ่มวิเคราะห์เรื่องทั้งหมดใหม่

ตอนที่เรารู้สึกว่าถูกบุกรุกนั้น เรากำลังสอบ เราสงสัยเพื่อนสองคนในห้อง เราออกไปห้องน้ำและใช้พลังเพื่อกลับมาสังเกตุเจ้าสองคนนั้น เราเดินไปดูที่โต๊ะเจ้าลองก์และแก้ข้อสอบให้ ถ้าจะมีใครมองเห็นการกระทำของเราทุกฝีก้าว ก็คือคนในห้องกับคนนอกห้อง แต่มันจะเป็นคนเดียวกันไม่ได้แน่ แล้วถ้าคนในห้องไม่ใช่ คนนอกห้องที่ไหนจะมองเข้าในห้องได้ เราตรวจสอบในห้องแล้ว ไม่มีกล้องสอดแนมเล็กแบบเก่าที่นิยมใช้แอบถ่ายเมื่อสมัยสิบกว่าปีที่แล้ว

                แต่ถ้าคนนอกห้องแอบดูพฤติกรรมเรา ก็น่าจะทำได้เพราะเรานั่งอยู่ตำแหน่งที่ตรงกับประตูห้องห่างจากห้องที่มองเห็นถนัดที่สุดประมาณ 50 เมตรและคนที่มองเห็นห้องเราได้ถนัดถนี่ก็คือห้องที่อยู่ตรงข้ามซึ่งอยู่ขนานกับห้องของเรา

                ตึกเรียนของเราเป็นตึกที่ล้อมเป็นรูปวงกลมแบบสี่เหลี่ยม ตรงกลางตึกเป็นต้นไม้สูงสองสามต้น ห้องของเราอยู่ชั้นห้า ต้นไม้สูงไม่ถึงห้องของเรา

                ห้องที่มองเข้ามาได้อย่างชัดเจนคือห้อง G ซึ่งเป็นห้องของเจ้าหัวโจกไจโร แต่เก้าอี้ที่มองมาที่เราได้คือ เก้าอี้ของ บอลมองก์  เซนทรู  หวัง  เอ็ดเวิร์ด ชูหวา และ ยูมิโกะที่อยู่ด้านประตูหลังห้อง ส่วนพวกที่ประตูหน้าห้องอีกสามคนคือ แจน มินฮอง และกิลเบริ์ต ไม่น่าจะมองมาทางนี้ถนัด

                เราใช้กล้องถ่ายรูปจิ๋วที่ซื้อให้ตลาดมืดแอบถ่ายพฤติกรรมคนห้องนั้น เมื่อรีวิวดูพบว่ามีอยู่สามคนที่ห้องนั้นที่เหลือบมองมาที่ห้องเราบ่อยครั้งมาก

                สามคนที่นั่งอยู่ประตูด้านหลังนั้น

                เซนทรู หวัง ยูมิโกะ ทั้งสามมองมาตลอดเวลา

                เซนทรูมองมาเหมือนกับว่าจ้องมาที่เรา ส่วนหวังก็มองมาที่ยอดต้นสนแคระที่ออกดอกยื่นเหนือชั้นห้ามาไม่กี่วันนี้เอง ยูมิโกะนั่งมองเหม่อใจลอยอมยิ้ม คงคิดถึงแฟนของเธอที่ชื่อเบลล็อคอยู่ที่ห้องแอล คนที่น่าสงสัยที่สุดคือเซนทรู

                เซนทรูคือคนสมองใสเรียนเก่ง ไม่น่าจะมาลอกข้อสอบเราตอนนี้

                เป็นเด็กเรียนดีที่สุดในห้องจีมาตลอดสามปี ไม่น่าสงสัยเท่าไหร่

                ส่วนอีกคนที่นั่งด้านหลังเราคือ เจ้าเด็กตุ้ดเอ็ดเวิร์ด

                เจ้านี่ใส่แว่นสายตาตลอดเวลา แว่นสายตากรอบสีฟ้า เลนส์สีแดง

          เจ้านั่นวันๆเอาแต่กิ้วก้าว ยิ่งไม่น่าสงสัยใหญ่…

                แล้วมันเป็นใครกันล่ะเนี่ย......

                .........................................................................................................................................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา