เอล คนทะลุมิติ chapter 1
เขียนโดย pong43
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
22) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 22
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความศัตรูคนแรก
“พลังอำนาจเหนือมนุษย์จะดึงดูดพลังอำนาจเหนือมนุษย์ทั้งหลายเข้าหากัน เพื่อที่จะรวมพลังอำนาจนั้นให้เป็นหนึ่งเดียวกัน”
“ไม่อยากจะเชื่อ...”
เอลร้องลั่นในใจ หัวใจพองโตเพราะคิดว่าที่แอนนาจูบเป็นเพราะชอบเขาแน่ๆ
จะเป็นไปได้ยังไงกัน...ให้ตายสิ ไม่มีทางเป็นไปได้
ใจหนึ่งร้องค้านว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่อีกใจก็อยากให้เป็นเรื่องจริง
เมื่อสักชั่วโมงที่ผ่านมา เขาจำไม่ได้ว่าเขางีบหลับไปนานเท่าใด ทำไมแอนนาเด็กสาวแสนสวยถึงได้พิศวาสเขาได้ถึงเพียงนี้ พยายามคิดหาคำตอบก็ไม่แน่ใจ หรือว่าวันที่เขาจับมือเธอวันนั้นทำให้เกิดไฟฟ้าช้อตขึ้นมา และเธอคงรอโอกาสนี้มานานแล้ว
รสจูบยังไม่จางหายไปง่ายๆ เขายืนเป๋อเร๋อมึนงงกับจูบครั้งแรกของสาวร่วมห้องเรียน
ไม่ใช่เรื่องจริงๆ ๆๆๆๆ ....ยิ่งปฏิเสธเท่าไรเขากลับยิ่งเชื่อว่าสนิทใจว่าเป็นเรื่องจริง เขารู้สึกว่าตัวเริ่มเบาหวิวเหมือนจะลอยขึ้นเหนือท้องฟ้าได้เหมือนลูกโป่ง ความในใจที่เขาแอบซ่อนอยู่นั้นก็ถูกเผยออกมาอย่างหมดเปลือก
เขาเองก็สนใจแอนนาไม่ใช่น้อย เขาชอบเธอตั้งแต่แรกเห็นเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ไปแข่งขันคณิตศาสตร์ระหว่างโรงเรียน ตอนนั้นเขาก็รู้จักเธอในฐานะเด็กเก่งผู้มีชื่อเสียงแห่งโรงเรียนไรย์ลี่ มันคือรักแรกพบของเขาแต่เขาหยิ่งเกินว่าจะแสดงออก ได้แต่เก็บงำเอาไว้ในใจมาหลายปี ยิ่งรู้ว่าเธอย้ายมาที่เซนต์แองเจิ้ล เขาก็ยิ่งหวั่นไหวอยากอยู่ห้องเดียวกับเธอด้วยซ้ำหากขอย้ายห้องได้ แต่อีกใจหนึ่งเขามักปฏิเสธว่าไม่ชอบเธอเลยสักนิด
ในที่สุดก็เกิดการต่อต้านในใจอย่างรุนแรงทำให้รู้สึกอึดอัดใจในทุกครั้งที่พบเห็นหน้าเธอเดินอยู่โรงเรียน
การต่อต้านนั้นกลับทำให้เขารู้สึกเกลียดชังแอนนาในลึกๆ เกลียดที่ความรักทำให้เขาอ่อนแอจนขาดความเป็นตัวของตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว
แต่สำหรับเวลานี้เขายอมแพ้ต่อหัวใจโดยไม่มีข้อโต้แย้งอีกต่อไปแล้ว ไม่มีเรื่องใดสุขใจเท่าเรื่องนี้อีกแล้ว
ฉันรักเธอๆๆๆๆๆ
เขาร้องลั่นในใจด้วยความดีใจสุดขีด อยากจะกระโดดตัวลอยแผดเสียงร้องระบายความดีใจที่คับอกอยู่
แต่จู่ๆ เขากลับฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า นี่เป็นเรื่องจริงไปได้ยังไงกัน มันเรื่องโกหกแท้ๆ กำลังฝันไปต่างหาก เขาตกอยู่ในโลกแห่งความฝันอย่างแน่นอน
ให้ตายเถอะ… คิดได้เช่นนั้นเขาจึงใช้เล็บหยิกที่แขนอย่างแรง
“โอ้ย”
เขาร้องขึ้นเพราะรู้สึกเจ็บ นั่นก็แสดงว่าเขาอยู่ในโลกของความจริง ไม่ได้ฝันไปสักหน่อย
เราไม่ได้ฝัน… วันนี้ทั้งวันมีแต่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น
เรื่องเพี้ยนๆ ที่เกิดขึ้นกับครูแฟร้งค์ แล้วก็ ล้องก์กับชิลด์
... ถ้าไม่ใช่ความฝันแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้เป็นความจริงหรือ แอนนา เป็นไปไม่ได้ แล้วทุกอย่างก็หยุดลงคล้ายกับการถูกกดปิดสวิทซ์
เขานึกอะไรขึ้นมาได้แล้ว ทั้งหมดคือภาพลวงตา ความฝันกำลังซ้อนทับความฝันอยู่ แม้ว่าจะหยิกเนื้อตัวเองนั่นก็เป็นฝันซ้อนฝัน เขาไม่ได้หยิกจริง
เขาจึงตัดสินใจยันตัวลุกขึ้น เด็กสาวลุกตามเข้ากอดรัดเขาไว้แน่นไม่ยอมให้เขาไป ดวงตาโตใสหวานเยิ้มจ้องเอลตาไม่กระพริบ เขายิ่งดิ้นรน เธอยิ่งออกแรงกอดแน่น เกิดมาไม่เคยมีสาวใดมากอดแบบนี้ จะให้หนีออกไปจากที่นั่นก็รู้สึกว่าเป็นความคิดที่โง่เสียเหลือเกิน เขาจึงคิดกอดตอบ ตัดสินชั่วขณะว่าจะทำดีหรือไม่ทำดี ที่สุดก็โอบกอดเธอไว้ด้วยสองแขน คิดว่าถ้าเป็นความฝันก็ช่างหัวความฝันมันปะไร เขาไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นอีกแล้ว
โลกแห่งความสุขอยู่ตรงหน้าแล้ว จะทิ้งมันไปได้ยังไง สารเคมีในร่างกายกำลังฉีดซ่านไปทั่วร่าง ความซาบซ่านวาบหวิวและอะไรต่อมิอะไรกำลังวุ่นวายไปหมด เขากำลังหมดสิ้นความยับยั้งชั่งใจแล้ว หัวใจของเขาหลอมละลายเหมือนเทียนต้องไฟ แอนนาคลายกอดและจูงมือเขาเปิดประตูเดินออกจากห้องและพากันไปยังห้องกิจกรรมซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันนั้น เขาแปลกใจที่ไม่เห็นใครสักคนอยู่ที่ระเบียงนั้น นี่มันเวลาอันใดกัน ท้องฟ้ามืดครื้ม มันคือห้องซึ่งอยู่ปลายตึกเป็นห้องเก็บของใช้และเครื่องมือเครื่องไม้สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ จึงไม่ค่อยมีใครสนใจห้องนี้เท่าใดนัก ปกติห้องนี้จะถูกล๊อคกุญแจเอาไว้หากใครต้องการกุญแจก็ให้ไปขอที่ห้องพักครู
เขาคิดว่าแอนนามีกุญแจอยู่ในมือได้อย่างไรกัน เธอไขกุญแจเปิดประตูห้องเข้าไปได้อย่างง่ายดายและดึงเขาเข้าไปข้างในและลงกลอนประตูทันที
แม้เขาจะสงสัยกับพฤติกรรมของเธอเลย แต่หัวของเขากำลังหมุนติ้ว สมองก็เลยพาลตื้อไปหมดคิดอะไรไม่ออกเสียแล้ว
บรรยากาศในห้องนั้นมืดมาก เมื่อสายตาปรับได้เขาก็พบกับใบหน้าอันงดงามของเธอ
เขาไม่ได้สนใจกับสิ่งของที่วางกองอยู่ที่พื้นห้องเลยสักนิด ทั้งกองเก้าอี้และโต๊ะที่ถูกปล่อยให้ซ้อนทับกันอย่างไม่เป็นระเบียบเต็มไปด้วยหยักใย่รกรุงรังไปทั่วห้อง
เธอดึงเขาให้ไปนั่งลงตรงซอกว่างซึ่งถูกเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดี โดยมีกองโต๊ะซ้อนทับเป็นกำแพงทั้งสี่ด้าน มันช่วยบดบังให้ร่างของทั้งสองรอดพ้นจากสายตาคนภายนอกได้เป็นอย่างดีหากมีใครแอบมองมาตามช่องประตูซึ่งเป็นไม้แตกอยู่หลายแห่งก็คงไม่มีใครมองเห็น
เธอผู้กุมหัวใจของเด็กหนุ่มส่งตาหวานหยาดเยิ้มให้เขา มืออันเย็นเยียบของเธอเกาะกุมลูบไล้อยู่บนใบหน้าของเขาทั้งสองมือ เขาใบ้พูดไม่ออกหลับตาปี๋ยกมือสั่นๆขึ้นมาหมายจะลูบไล้ใบหน้าอันเนียนขาวของเธอบ้าง แต่กลับห้ามใจตนเองไว้ได้ทัน ใจหนึ่งร้องห้ามขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง
อย่าทำบ้าๆ นะ..
ทำให้เขารู้สึกตัว ตาเบิกโพลงขึ้นมา ความคิดขัดแย้งว่าเป็นความฝันก็พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง
นี่เป็นความฝัน..
จู่ๆ เอลก็มีสติขึ้นมาอีกครั้ง
แอนนาเป็นคนดี จะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง...แล้วเราก็ไม่ควรทำแบบนี้ด้วย นอกเสียจากว่าเธอไม่ใช่แอนนา
อะไรบางอย่างกำลังบอกเขาว่านี่ไม่ใช่แอนนา มันคือภาพลวงตาหรือไม่ก็แอนนาถูกอะไรบางอย่างบังคับให้ทำเหมือนกับครูแฟร้งค์ ล้องก์และชิลด์...
เขาเบิ่งตากว้างจ้องเด็กสาวตาไม่กระพริบ เด็กสาวเบื้องหน้าผู้ซึ่งจูงเขาเข้ามาในห้องนี้คือแอนนาจริงๆ เธอคือแอนนา ไม่ใช่คนอื่นไม่ใช่ความฝัน เธอคือแอนนาน้องสาวของเดลนายตำรวจจอมเต๊ะผู้มีชื่อเสียงคนนั้น เธอไม่ควรทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้เลยจริงๆ เขารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
แต่เธออาจจะไม่ใช่เด็กสาวใสซื่ออย่างที่เราคิดก็ได้
ด้านมืดอันย่ำแย่ของเอลรุกคืบขึ้นมาอีกครั้ง เขารีบปัดความคิดนั้นออกไปทันที เพราะเขาเชื่อมั่นในความดีงามของเธอ ไม่มีทางที่แอนนาจะทำตัวไร้สาระแบบนี้ แต่ไม่ว่าความคิดด้านดีและเลวกำลังงัดเอาเหตุผลต่างๆ มาต่อสู้กันก็ตาม ภาพของแอนนาที่นั่งทำตาแป๋วยิ้มเชิญชวนนั้นทำให้เขารู้สึกว่าตนเองกำลังจะหลอมละลายอีกครั้ง เสียงหวานนั้นเรียกให้เขาทำอะไรบางอย่าง
“ถอดเสื้อสิจ๊ะเอล”
เอลตาเหลือกโตเหมือนไข่ห่านทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น เขาไม่คิดว่ามันจะหลุดออกมาจากปากของเด็กสาว
เธอพูดออกมาได้ยังไงกันนี่.. เธอเรียกให้เราถอดเสื้อ
หัวใจของเขาเต้นตูมตามเร็วและแรงขึ้น แม้อากาศในห้องจะร้อนอบอ้าวแต่เนื้อตัวของเขากลับเย็นเฉียบ อีกทั้งเม็ดเหงื่อก็ผุดขึ้นมาจนเต็มใบหน้า
“หรือจะให้ฉันถอดให้จ้ะ” เสียงหวานอ้อนยิ่งทำให้หัวใจของเอลเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
เขารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าแอนนาเอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อของเขาเม็ดบนสุดออกแล้ว เขาหลับตาปี๋แต่จู่ๆ ภาพใบหน้าของเดลพี่ชายของแอนนาก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด เขารู้จักเดลมานานแล้วจากการติดตามผลงาน เดลนายตำรวจหนุ่มอายุมากกว่าเขาแค่สองสามปี ได้ชื่อว่าเป็นตำรวจอัจฉริยะผู้มีตาทิพย์
เมื่อเห็นหน้าเดลก็ทำให้เขาได้สติกลับคืนมาทันที เขาลืมตาขึ้นจ้องทะลุเข้าไปในดวงตาของแอนนา เขาเห็นอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในแววตาดวงกลมโตของเธอ แววตานั้นไม่ใช่ของแอนนา มันเป็นของใครสักคน แววตานั้นแฝงไว้ด้วยความอาฆาตมาดร้าย แววตาแห่งความเคียดแค้นชิงชัง แววตาแห่งการเย้ยหยันไม่ใช่แววตาพิศวาสเลยสักนิด
มันไม่ใช่ภาพลวงตา แอนนากำลังถูกอะไรบางอย่างบังคับให้ทำเหมือนกับที่ลองก์กับชิลด์โดน แม้แต่ครูแฟร้งค์ก็อาจจะโดนด้วยเช่นกัน
เวลานี้ด้านมืดของเขาถูกปิดไปแล้ว เขาได้สติกลับคืนมาแล้ว
“เธอเป็นใครกันแน่ บอกฉันมานะ” เอลร้องลั่นและจับต้นแขนของแอนนาไว้แน่นและเขย่าอย่างแรง เขามั่นใจแล้วว่าแอนนาถูกอะไรบางอย่างบังคับเอาไว้
“อีกนิดเดียวแกก็จะถึงสวรรค์แล้ว ไม่น่ารู้ตัวเลยนี่นา..ไอ้โง่เอ๋ย”
เสียงหนึ่งดังขึ้นน้ำเสียงคล้ายเสียงของแอนนา เขารู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงจากดวงตาอาฆาตมาดร้ายนั้น
“เจ้าบ้าแกเป็นใครกันวะ” เขายังคงเขย่าร่างแอนนาไม่ยอมหยุด
“แกทำลายสวรรค์ของแกเองนะโว้ย”
เขาแน่ใจแล้วว่าเสียงที่ได้ยินนั้นไม่ได้ออกมาจากปากของแอนนาอย่างแน่นอน มันคือเสียงที่พูดกับเขาทางจิต ใครบางคนใช้พลังสะกดแอนนาเอาไว้เพื่อให้มาทำเรื่องเลวร้ายนี้
“ฉันคือพระเจ้าแห่งโลกนี้ แกไม่มีวันเอาชนะฉันได้หรอกเจ้าโง่”
เอลจับมือแอนนาไว้แน่นเพราะนั่นจะเป็นสื่อที่ทำให้เขาได้ยินเสียงในจิตนั้น เขากำลังใช้พลังจิตเพื่อไปให้ถึงเจ้าวายร้ายผู้นั้น เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้านั่นเป็นใคร
“ฉันหมั่นไส้นังนี่จะตายไป เกลียดมันเข้าใส้”
……………………………………………………………………..
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ