♥~คำสาปแห่งรัก~♥PF

7.2

เขียนโดย Menutty

วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555 เวลา 19.59 น.

  1 ตอน
  8 วิจารณ์
  5,727 อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

1) คำสาปรัก♥♥

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ณ คอนโดแห่งหนึ่ง
“ไอ้ฟางตื่นนะ วันนี้แกต้องไปดูดวงกับฉัน ตื่นๆๆๆ” ปังๆๆๆ เสียงเคาะประตูที่ดังสนั่นบวกกับเสียงแหลมๆของใครบางคนทำให้หญิงสาวร่างบางในชุดนอนค่อยๆตื่นจากนิทรา
“หืออ...?” คนที่หน้าตา งัวเงียเมื่อได้ยินเสียงนั้นบอกว่า ‘ต้องไปดูดวง’ บ่งบอกถึงความง่วงและลืมเรื่องบางอย่างไป
“เปิดซักทีเซ่~” เสียงข้างนอกโวยวายใหญ่ เธอจึงต้องรีบไปเปิดประตูเพราะกลัวว่าคนทั้งชั้นไม่เป็นอันอยู่อย่างสงบสุขเพราะเพื่อนของเธอแน่
แกรก... เสียงประตูเปิดออก เผยใหเห็นใบหน้าที่สละสวยแต่ตอนนี้มันแปดเปื้อนรอยอำมหิตหน่อยๆเพราะความโกรธ
“นี่แกเพิ่งตื่น” เสียงแหลมๆเอ่ยขึ้น เหมือนกำลังจะว่า’...
“ขอตัวอาบน้ำล่ะ” คนพึ่งตื่นไม่สนใจใบหน้าที่โกรธเลย เธอเดินโงนเงนเข้าไปในห้องน้ำทันที
บนรถ
:ฟาง:
ฉันนั่งอยู่บนรถที่ตอนนี้กำลังซิ่งด้วยความเร็ว 180/ชม. ‘กะปัน’ เพื่อนของฉันตอนนี้มันรีบมากจริงๆ
“ปัน เบาๆหน่อยก็ได้นะ” ฉันที่นั่งตัวติดเบาะตลอดเวลาต้องหันไปเตือนคนขับซักหน่อย
“แกทำฉันสายนะ นี่ถ้าไม่ทันฤกษ์ ขึ้นมาฉันก็ต้องไปดูใหม่อาทิตย์หน้า” กะปันบ่นทั้งๆที่หน้ายังมองอยู่ที่ถนนตามเดิม
“ขอโทษละกัน แต่ฉันว่าแกเบาหน่อยเหอะ” ฉันบอกขอโทษให้จบๆ ไปแต่ยังมิวายจะเตือนเพื่อนอีก
มันจะพาฉันแหกโค้ง ชนเสาไปฟ้าแล้วเนี่ย ... ถ้าไฟช๊อตตายทำไงTT
“ถึงแล้วคงไม่ต้องเบาแล้วล่ะ” กะปันเลี้ยวขวับเข้ามาในบ้านหลังหนึ่ง โดยที่ไม่มีการบอกกล่าวเลยจริงๆ
ค่อยๆหักพวงมาลัยไม่ได้รึไงยะ_*_  ตัวแทบบิดไปตามรถแล้วเนี่ย
“อ้าว...เหรอ” ฉันหน้าตาตื่นๆ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาดูดวงที่บ้านหลังใหญ่หลังนี้ 
ความจริงแล้วดูหมอมันต้องเป็นบ้านที่ เหมือนบ้านทรงไทยๆ อะงั้นไม่ใช่เหรอทำไมถึง... ดูเป็นบ้านธรรมดาล่ะ แต่มันก็ไม่น่าแปลกตรงไหนนี่เนอะ หมอดูก็คนนี่หว่าอยู่ที่ไหนก็คงเหมือนกัน ฉันนี่มันบ้าจริงๆ
เรา 2 คนเดินเข้ามาในบ้าน ที่นี่ก็ดูเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นธรรมดานี่นา คนก็ไม่มีมาดูหมอเลยซักคนไม่เหมือนสำนักดูดวงที่คนออกจะเยอะแยะไป
ไอ้ปันมันพาเรามาผิดป่าววะ-[]-??
“ปันแกแน่ใจนะว่า นี่คือที่ดูดวงอะไรของแกอะ” ฉันหันไปถามกะปันที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ไม่ผิดหรอกแกต้องไม่อยากจะเชื่อแน่ๆว่าใครดูหมอให้เรา” ปันพูดแถมยังทำหน้าตื่นเต้นยิ่งกว่าคนอยากรู้ซะอีก
อะไรของมัน…?
“อ้าวมาพอดีเลย...ป๊อปนี่เพื่อนเรานะ” กะปันเดินเข้าไปทักชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาดีๆ แล้วก็แนะนำให้
“อ๋อ~…คนที่เรียนอยู่บัญชีป้ะ” นายป๊อปถามกะปันพลางมองหน้าฉันอย่างพิจารณา
เราไปรู้จักกันตอนไหน?...
“ใช่ๆ นายเคยเห็นเหรอ” ยัยกะปันถาม
“ก็ไม่บ่อยหรอกนะ...”นายที่ชื่อป๊อปปี้บอกอย่างนั้น “มาเถอะเร็วเดี๋ยวจะหมดเวลาซะก่อน” นายป๊อปปี้เร่งแล้วเดนนำไปที่ห้อง ห้องึ่ง 
ดูหมอ... กับใครวะอย่าบอกนะว่าดูกับนายนี้ ไม่อะ นายนี่ดูเด็กไปจะดูหมอได้ไงกัน แล้วยัยปันไปสนิทกับหมอนี่เมื่อไหร่?
เฮ้ยยย!!~s หมอนี่ดูดวงให้จริงๆด้วยล่ะ อะไรกัน...คนน่าตาดีแบบนี้ อายุแค่นี้เนี่ยนะ จะดูดวงไม่อยากจะเชื่อเลย
จริงๆแล้วฉันไม่ได้มาดูด้วยหรอก ยัยปันมันให้มาเป็นเพื่อนน่ะ ฉันก็นั่งดูๆ 2 คนนั้นคุยกันไปงั้นๆแหละ แอบได้ยินมาว่า ไอ้ปันกำลังจะเจอเนื้อคู่เร็วๆนี้ด้วยนะ...อ๊ายยยย!!!จริงหรือเปล่าไม่รู้นะ แต่กะปันของฉันคงดีใจตายแน่ล่ะ
นานเหมือนกันนะกว่าจะดูเสร็จแต่ฉันรู้สึกว่า เวลาอยู่บ้านนายป๊อปปีทีไรหมอนั่นชอบหันมามองฉันทุกที หรือเราคิดไปเองก็ไม่รู้นะ ช่างเถอะ!-[]-
ระหว่างขับรถกลับ กะปันก็เล่าให้ฟังว่า นายป๊อปปีเนี่ยเรียนอยู่มหาลัยเดียวกับพวกเรา แต่อยู่คณะถาปัตย์ อะนะ อยู่ปี 3 แก่กว่าเรา 1 ปี ปันมันก็เล่าว่า รู้จักป๊อปปีครั้งแรกตอนนั้น ‘มันกำลังเดินไปที่ แถวน้ำพุหน้ามหาลัย แล้วก็มีเสียงหนึ่งตะโกนมาว่า “คุณระวังตัวนะบางทีคุณอาจจะต้องเปียกซักหน่อย” ยัยกะปันนี่ งง ใหญ่ ไม่ถึง 5 นาทีต่อมาน้ำในอ่างพุก็พุ่งออกมาใหญ่ทำให้ยัยปันนี่เปียกไปหมดทั้งตัวเลย 555+’ หลังจากนั้นไอ้ปันก็รู้จักกับป๊อปปี แต่มันบอกว่าเป็นแค่เพื่อนกันเพราะป๊อปปีบอกว่า มันไม่ใช่เนื้อคู่ของกันและกัน 
แต่...ฉันอดคิดไม่ได้ว่า เพราะนายป๊อปปีไม่ได้ชอบยัยปันมากกว่า เพื่อนเราน่ะดันปลื้มเขาซะนี่ 555+~
ฉันกับปันก็อยู่ในห้างช๊อปปิ้งกันไปให้มันหมดๆวันเพราะเหลือเวลาอีกเยอะแยะ ฉันขี้เกียจกับไปอยู่ห้องเงียบๆ
และก็กลับมาถึงห้องซักที มืดเลยทีเดียวอาบน้ำนอนดีกว่า
เช้าวันต่อมา
10.00 น.
วันนี้ฉันไม่มีเรียนเลย กะว่าจะทำรายงานให้เสร็จแล้วออกไปเดินเล่นข้างนอกซักหน่อย เพราะวันนี้ปันไม่อยู่มีเรียนฉันเลยไม่มีเพื่อนน่ะนะ~
แล้วรายงานก็เสร็จเสียทีนะ^^
ถึงเวลาออกไปเที่ยวข้างนอกแล้วล่ะ วันนี้แพลนไว้ว่า จะไปสวนสาธารณะ ตลาดนัดปากซอยซักหน่อย
ตอนนี้ฉันเดินเล่นอยู่ริมทะเลสาบ มองนู่นนี่ไปจะว่าไปแล้ว มันเหงาจริงๆนะเนี่ยแบบเนี้ย~
เอ๊ะ ผู้ชายคนนั้น คุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ
ฉันมองผู้ชายคนหนึ่งที่เดินอยู่แถวๆทางเดินไปที่สวน รู้สึกคุ้นหน้ามากๆ 
อ๋อจำได้แล้วนายป๊อปปี นี่เองมาทำอะไรแถวนี้เนี่ย งั้นต้องตามไปดูแล้วล่ะ~
ฉันย่องตามไปห่างๆไม่ให้นายป๊อปปีสังเกตได้แล้วหมอนั่นก็หยุดเดินเอาซะดื้อๆฉันก็เลยต้องรีบเข้าไปในพุ่มไม้ใกล้ๆเพื่อเข้าไปหลบซ่อนตัวซักหน่อย
“มันเลอะนะเธออออกมาเถอะ” นายป๊อปปี้พูดขึ้น... แต่ที่ตรงนั้นไม่มีใครนี่ นายพูดกับอากาศหรือไงกัน “เธอนั่นแหละ ชื่อไรนะ อ๋อ... ฟาง ใช่ไหม” นายป๊อปปี้เอ่ยชื่อฉันแล้วเดินตรงเข้ามายังที่กำบังของฉัน
เขารู้ได้ไงวะ ฉันว่าฉันแนบเนียนแล้วนะ!?
นายป๊อปปีมาดึงฉันให้ลุกขึ้น ฉันก็ งง น่ะสิ ยัง งง ไม่หายว่าเขารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?-_-
“ดีเลยเจอเธอพอดี” หลังจากที่ดึงฉันให้ลุกขึ้นยืน เขาก็เอ่ยอย่างดีใจ
“นายมีอะไรกับฉันหรือเปล่าน่ะ” ฉันถามออกไป(อย่าคิดลึกนะ)
“พอดีวันนี้ ... รู้สึกว่าเธอจะไปตลาดนัดนี่นะฉันเลยคิดว่าเธอไม่ควรไปเพราะอาจจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น” นายป๊อปปี้บอกอย่างนั้น
ฉันควรจะเชื่อหรือเปล่า
“นายมาที่นี่เพื่อที่จะมาเตือนฉันเนี่ยนะทำไมไม่ขอเบอร์กับปันแล้วโทรมาบอกก็ได้ไม่น่ามาไกลถึงนี่เลย”
“เอ่อคือ...” นายป๊อปปี้อึกอัก
“หือ...?” ฉันครางเหมือนส่งคำถามไปให้ไหม่อีกหนพร้อมกับยื่นหน้ากดดันรีดคำตอบจากเขา
ฮ่าๆๆๆๆ ตลกเป็นบ้า ... ทำไมน่าต้องแดงด้วยล่ะ~>,,,,< พลอยทำฉันเขินไปด้วยเลย
อึ๋ย! แล้วฉันคิดอะไรเนี่ยบ้าจริงๆเลย!
แปะๆ ฉันเอามือตบหน้าเรียกสติของตัวเองเบาๆ แล้วมันกลับมาเป็นปรกติซักที
“เอ่อ... ช่างมันเถอะฉันก็ไม่ได้อยากรู้อะไรมากมาย” ฉันจะเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่ที่บอกว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นมันอะไรเหรอ” ฉันถามนายป๊อปปี้
“ฉันเห็นไฟ~” 
ไฟ!!! ...งั้นเหรอ หมายความว่าไงกันนะ
“ไฟ?” ฉันทวนคำนั้นอีกครั้ง
“ใช่เห็นแค่นี้แหละ” นายป๊อปปี้บอก
“แล้วฉัน...” ฉันชี้ที่ตัวเอง “ควรจะกลับห้องใช่ไหม”
“แน่นอนอยู่แล้วหรือเธออยากจะไปเสี่ยง” นายป๊อปปี้กวน(นิดๆ)
“รู้แล้วน่า...” ฉันบอกแล้วเดินออกมาเลย
แงงงง... อดไปตลาดเลยTT… จริงไม่จริงไม่รู้อะนะ แต่ฉันเชื่อเรื่องพวกนี้พอสมควรน่ะ
19.30 ณ ห้องของฟาง
‘ข้าววันนี้เริ่มด้วยระเบิดย่านตลาดนัด XXX แถว XXX นะคะ มีผู้บาดเจ็บนับสิบราย เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเกิดจากความคึกตะนองของวัยรุ่น…’ ข่าวยังว่าต่อไป
“หือ...?” ฉันที่กำลังโซ้ยยยมาม่าอยู่หน้าทีวีเงยหน้าจากชามาม่ามาเป็นทีวีแทน เพราะได้ยินชื่อคุ้นๆอะไรบางอย่างน่ะสิ
นั่นมันตลาดนัดปากซอยนี่ ในภาพมีผู้คนบาดเจ็บมากมายเจ้าหน้าที่รีบหามส่งโรงพยาบาลกันยกใหญ่
‘ฉันเห็นไฟ~’ เมื่อเห็นภาพในทีวีประโยคหนึ่งของนายป๊อปปี้ก็ลอยเข้ามาในหัว
แม่นจริงพระเจ้า!>[]< นี่ถ้าเขาไม่มาเตือนฉันคงต้องเสียโฉมไปแล้วแน่ๆ
ขอบคุณจริงๆเจ้าค่ะToT ... ฉันจะตอบแทนเขายังไงดีเนี่ย?
เช้าวันต่อมา
วันนี้ฉันมีเรียนคาบเช้าพร้อมกับกะปันพอดีเลยไปพร้อมกันโดยคนขับคือฉันเพราะไม่เอาอีกแล้ว ฉันไม่อยากเอาชีวิตไปเสี่ยงกับยัยปันนี่อีกแล้ว!!!!
แอ๊ดดด เสียงประตู(เอาไปเปลี่ยนเถอะ)
ฉันเปิดประตูช้าๆเพื่อที่จะได้ออกไปเรียนเพราะป่านนี้ปันคงจะไปรอที่รถแล้วล่ะมั้งขืนช้าโดนบ่นยันลูกบวชแน่เลย
แล้วก็จริงๆ ฉันเดินเข้ามาในลานจอดรถก็เห็นกะปันยืนพิงรถของฉันอยู่หน้าเซ็งมาก มองไกลๆก็กลัวแล้ว ตาย!ลูกบวชแน่เราTT
“บอกแล้วให้แยกกันไปแกนี่น้า” มาแล้ววว 1 เม็ด
“เงียบไปเหอะน่า” ฉันรวบรวมความกล้ามาจากไหนก็ไม่รู้อยู่ดีๆก็บอกให้กะปันหุบปากซะได้ 
นี่เท่ากับฉันเถียงแม่คนนึงเลยนะเนี่ย
บาปกรรม-_-!
“ขับเร็วๆด้วยฉันสายเพราะใครให้รู้ซะบ้างนะ” เม็ดที่ 2 มาแล้ว กะปันเปิดประตูรถทันทีหลังจากที่ฉันปลดล็อก
“จะรีบไปตายรึไงยะ” ฉันว่า
“หุบปากไปซะ!!” กะปันตวาด 
ไม่ต้องตกใจหรอกเราทะเลาะกันทุกวัน(เหมือนเด็กอะ)
“…” ฉันไม่ตอบโต้อะไรเลยออกรถทันทีไม่อยากมีเรื่องเอาตอนเช้าแบบนี้หรอกนะ
ณ จุฬาฯ
ฉันส่งกะปันลงที่คณะอักษรแล้วขับรถเข้ามาจอดในลานจอดรถ แต่...ไม่มีที่ว่างเลยอ่ะแงTT
ฉันขับวนไปวนมาในลานจอดรถเหมือนผีที่กำลังหาศาลสิงสถิต! 
นั่นไงที่ว่างมีรถกำลังออกพอดี แต่...เอ๋?! รถคันนั้นพึ่งจอดได้สักพักเองนี่นา~
ฉันขับรถเข้าไปจอดในซองตรงนั้นแล้วมองหารถคันนั้นอีกครั้ง มันยังเคลื่อนที่อยู่ในลานจอดรถเหมือนเดิมแล้วดูเหมือนว่ากำลังจะหาที่จอดใหม่
ตรงนี้มันมีอะไรหรือไง จอดไปแล้วยังจะขับไปหาที่ใหม่อีกประสาท!
ฉันเดินดุ่มๆหน้าตั้งเข้ามาในตึกของคณะแล้วไปเข้าคลาสที่ลงไว้ ...
เที่ยง!
วันนี้มีเรียนแค่ครึ่งวันสบายไป ออกไปหาอะไรกินรอกะปันดีกว่ารายนั้นเรียนยันบ่ายแน่~
ฉันเดินมาที่ลานจอดรถที่ที่รถของตัวเองจอดอยู่ตาบังเอิญไปสะดุดเข้ากับรถคันเมื่อเช้าที่ตอนนี้มีผู้ชนคนหนึ่งกำลังยืนพิงแล้วคุยโทรศัพท์อยู่
หน้าคุ้นจังแฮะ! ไปดูซักหน่อยดีกว่านะ อิอิ
ฉันย่องไปอีกทางของรถคันนั้นแล้วหลบอยู่หลังรถของรถคันข้างๆเขา ฉันรู้สึกว่าเห็นหน้าไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เลย ฉันเลยชะโงกหน้าไปอีกนิด แล้วก็อีกนิดแต่ผู้ชานคนนั้นหันหน้ามามองพอดีตาเราทั้ง 2 คู่เลยสบกันเข้า
ตายล่ะ! นายป๊อปปีอีกแล้วเหรอเนี่ย~
“แหมเธอนี่น๊า ชอบแอบดูคนอื่นอยู่เรื่อย” แล้วนายป๊อปปี้ก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
“แฮ่ะ”ฉันได้แต่ยิ้มแห้งๆแก้อาการของคนที่ถูกจับได้แล้วเดินออกมาจากที่ซ่อนตัวนั่นก็คือรถคันหนึ่งนั่นแหละ
“ว่างรึเปล่า” อยู่ดีๆนายป๊อปปี้ก็เดินมาถามพร้อมกับเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง
“ว่างสิพอดีว่ามีเรียนครึ่งวัน มีอะไรหรือเปล่า” ฉันตอบยิ้มๆ
“ไปกินไอติมกันมั๊ย” นายป๊อปปี้ชวน
“เอ่อ...นายชวนฉัน? เนื่องในโอกาส?” ฉันถามหน้างง
“ก็ไม่มีอะไรหรอกไปเถอะฉันหิวแล้วล่ะ วันนี้ร้อนด้วย เดี๋ยวเดินไปละกันนะร้านอยู่ใกล้ๆกับมหาลัยพอดีเลย” นายป๊อปปี้พูดไปด้วยลากฉันไปด้วย
เอ่อ...มือฉันนะยะนายเป็นผู้ชายจับมือผู้หญิงงี้ได้ไงเล่า>////<เขินอะ(อ้าวนึกว่าหวงตัวซะอีก:SK!)
และเราก็เดินจูงมือกันเหมือนคู่รักเข้ามาในร้านไอศกรีมแห่งหนึ่งของมหาวิทยาลัย
“เธอชอบชูวี่ ช็อค รึเปล่านะ” นายป๊อปปี้ถามฉันพร้อมกับเปิดเมนูดูไปด้วย
“นายรู้ได้ไงอะ”
“ฉันมีความสามารถพิเศษไงจำไม่ได้เหรอ” 
จริงด้วยเขารู้อนาคตได้นี่นาฉันนี่น๊า โง่จริงๆ!
“เอาชูวี่ ช็อค” นายป๊อปปี้สั่งพนักงานร้านพร้อมกับชูสองนิ้วขึ้นเพื่อสื่อว่า ‘2ที่’ อะไรอย่างนั้น
“นายชอบ ชูวี่ ช็อคด้วยเหรอ” ฉันถาม
“เธอชอบอะไรฉันก็ชอบทั้งนั้นแหละ” นายป๊อปปี้ตอบยิ้มๆ
หือ... ประโยคเมื่อกี้มันดูหวานๆไปนะเหมือนคนรักกำลังจีบกันงั้นแหละนะ อ๊ายยยเขิน>/////<
ฉันรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีทันใดเลยจริงๆ ตายล่ะเขาจะเห็นมั๊ยนะว่าหน้าฉันแดงขนาดไหนแล้วเนี่ย~
จากนั้นเราทั้ง 2 คนต่างเงียบฉันก็นั่งก้มหน้าก้มตาหลบหน้านายป๊อปปี้เพื่อไม่ให้เห็นหน้าของฉันที่ตอนนี้มันคงแดงอย่างมากเลยล่ะ ส่วนนายป๊อปปี้ไม่รู้ทำอะไรเพราะฉันมองไม่เห็น(ก็ก้มหน้าอยู่นี่)เดาเอาว่ากำลังยิ้มอยู่ล่ะมั้ง?
สักพักไอติมก็มาเสิร์ฟฉันก็นั่งตักเข้าปากอย่างผู้ดีตอนนี้เรา 2 คนต่างไม่พูดอะไรนั่งกินเงียบๆ
แต่มันเงียบไป คนขี้คุยอย่างฉันไม่ชอบอะไรที่ไม่มีเสียงแบบนี้นะ
“โทษทีนะ ฉันไม่ใช่คนคุยเก่งเท่าไหร่นัก” แล้วนายป๊อปปี้ก็ทำลายความเงียบออกไปด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
เขารู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไรอยู่? อย่านะอย่ามาอ่านใจฉันนะยะ
“เอ่อ...ไม่เป็นอะไรซักหน่อยนึงนายคิดมากไปเองรึเปล่า” ฉันตอบปัดเพื่อให้นายป๊อปปี้สบายใจ
“คิดมากไปงั้นเหรอ...? ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเธอคิดอะไรอยู่ เธอเป็นคนแรกและคนเดียวที่ฉันอ่านใจยากที่สุด” นายป๊อปปี้พูดเศร้าๆ
อ่านใจคน! นี่เค้าอ่านใจคนได้จริงๆเหรอเนี่ย แล้วเมื่อกี้ที่บอกว่าฉันอ่านใจยากทำไมเป็นอย่างงั้นไปล่ะฉันไม่ได้มีเครื่องลางของขลังที่กันคนอ่านใจซักหน่อย
“ฉันไม่เข้าใจ” ฉันได้แต่ส่ายหน้า งง เต้กกับตำพูดเขาเมื่อกี๊นี้
“เธอไม่ต้องตกใจหรอกที่ฉันอ่านใจคนออกได้ เมื่อฉันอยากอ่านใจใครฉันก็จะทำเองแต่พอฉันอยากอ่านใจเธอ เธอคือคนเดียวที่ฉันเดาได้ยากที่สุด” 
จะบ้าฉันเริ่มไม่สนใจไอติมตรงหน้าแล้วล่ะ กำลัง งง อยู่!
“เอ่อ... ฉันขอโทษนะฉันต้องไปแล้วอ้ะนี่เงินร้อยนึงจ่ายให้ด้วยนะ” ฉันควักแบงค์ร้อยในกระเป๋าสตางค์ออกมาวางไว้บนโต๊ะแล้วรีบเดินออกจากร้านไป
ฉันเป็นอะไรเนี่ยเสียมารยาทที่สุดหนีเค้าออกมาได้ยังไง ... หรือเพราะฉันไม่อยากให้เขาอ่านใจฉันต่อไปกันแน่
ต้องใช่แน่เลยเพราะฉันกลัว ... กลัวว่าเขาจะอ่านใจฉันออกว่าคิดอะไรอยู่ คิดอะไร ... กับเขาอยู่!?
ผ่านไป 1 อาทิตย์
เฮ้อ...ไม่รู้เป็นอะไรทำไมใน 1 อาทิตย์นี้รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลยเวลาเจอหน้านายป๊อปปี้ 
เชื่อมั๊ยว่าฉันเห็นเขาทุกวันถึงแม้จะไม่ได้ไปมหาวิทยาลัย จะว่าเขาตามหาฉันก็ไม่ใช่มัเหมือนความบังเอิญมากกว่าบังเอิญเกินไป แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าฉันหลบหน้าเขาเพื่ออะไรหรือฉันกลัวว่าตัวเองดันไปคิดอะไรบ้าๆบอๆขึ้นมาทำให้เขาอ่านใจออกได้ ฉันได้อายยันลูกแต่งแน่!
ตอนนี้ฉันกำลังต้มมาม่ากินที่ห้องเพราะไม่กล้าจะออกไปไหน กลัวจะเจอ ‘เขา’ อีก
ในนี้ดีที่สุดแล้วล่ะ!^^;
ติ๊งต่อง!
อ๊ะ! เสียงกริ่งห้องนี่นาใครมานะ
แอ๊ด...(คาราบาว) เว๊ยยยย! ไม่ใช่นี่มันเสียงประตู
ใบหน้าเนียนใส คมคาย จมูกที่เป็นสัน ริมฝีปากบางอมชมพู ดวงตาเหมือนตัวการ์ตูนดิสนี่เรื่องหนึ่งที่ตอนฉันเด็กๆชอบดูมากๆ 
‘นายป๊อปปี้’
อะไรกัน?!นี่ขนาดฉันไม่ออกไปไหนยังมาถึงห้องแบบนี้มันเรื่องบังเอิญหรือเปล่านะ?
นายป๊อปปี้ยิ้มให้ฉัน ฉันก็ยังทำหน้าตะลึงค้างอยู่อย่างงั้นพอนึกขึ้นได้ก็ปิดประตูใส่หน้าเขาทันทีแล้วหันหลังพิงประตูแทน
อีกแล้วนะเรายัยฟาง นิสันเสียจริงๆเลย ไปทำอย่างงั้นได้ไงเสียมารยาท
แล้ว 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาทำไมฉันหายใจเข้าออกก็ต้องเป็นหน้าเขา จะบ้ารึเปล่าขนาดฝันยังเป็นเขาเลยโอ๊ยให้ตายนี่เขาสาปฉันรึเปล่าเนี่ย
สาป... สาปงั้นเหรอ เออใช่! นายป๊อปปี้ต้องสาปอะไรฉันแน่ๆเลยเขาต้องมีมนต์สะกดทำให้ฉันคิดถึงได้ทุกเวลาไม่ได้การล่ะฉันจะต้องให้เขาถอนคำสาปให้ไม่อย่างงั้นฉันไม่เป็นสุขแน่
แต่จะให้ฉันไปสู้หน้าเขาตอนนี้จะดีเหรอ...ฉันปิดประตูใส่หน้าเขาขนาดนั้น ทางที่ดีปรึกษายัยปันก่อนดีกว่า
ตู้ดดดๆๆ... เสียงรอสายดังอยู่สักพักยัยปันก็รับ
(ว่าไง) 
“ปันเย็นนี้ว่างมั๊ย”
(ว่างมีไร)
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
(เรื่องอะไร)
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันไปหาที่ห้อง”
(เฮ้ย! ไม่เอาออกไปหาอะไรกินด้วยเลยดีกว่างั้นแค่นี้ก่อนนะโทรไปบอกร้านอีกทีละกันว่าที่ไหน”
“อืม” ฉันคุยเสร็จก็วางโทรศัพท์ไว้ ไปกินมาม่าต่อดีกว่า!
เย็นวันนั้น
ฉันมาถึงที่ร้านที่ปันนัดไว้แล้ว ตอนนี้มันคงรอนานแล้วน่าดูสังเกตจากสีหน้าที่เซ็งๆของมัน 
โดนบ่นยันมีหลานแน่ฉัน!TT
“โทษทีรถติด” ข้อแก้ตัวของฉันหลุดออกไปพลางนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“รู้สึกว่ามีทางด่วนนะ” ยัยปันรู้ทันแหง
“ช่างเถอะน่า สั่งไรรึยัง” ฉันชวนเปลี่ยนเรื่อง
“สั่งแล้วแกแหละมีอะไรจะคุยกับฉัน” ยัยปันถาม
“เรื่องเพื่อนเธอ”ยัยกะปันทำหน้างงเหมือนกับกำลังคิดว่า ‘เพื่อนคนไหนวะ?’ อะไรอย่างงั้น “นายป๊อปปี้น่ะ” ฉันพูดให้กระจ่าง
“ป๊อปปี้ทำไมเหรอ” กะปันถาม
“ฉันสงสัยว่าเขาสาปฉัน”
“สาปแกงั้นเหรอ...?” ยัยปันทำตาโตอย่างเหลือเชื่อที่ฉันบอกไป
“ใช่แกรู้ไหมเขาน่ะทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเองมา 1 อาทิตย์เลยนะ ทำไมฉันต้องคิดถึงแต่เขา ฝันก็ยังจะฝันถึงเขา ไปไหนก็ยังจะเจอแต่เขาจนตอนนี้ฉันไม่กล้าออกไปไหนด้วยซ้ำแต่เขาก็ยังจะมาถึงห้อง อย่างงี้เขาต้องสาปฉันแน่ๆเพราะฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่พอมาเจอเขา...” ฉันชะงักกับคำพูดตัวเองเล็กน้องนี่ฉันเผาตัวเองให้ยัยปันได้ยินเหรอเนี่ย ดูสิมันหัวเราะฉันใหญ่เลยอ่ะ
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอซักหน่อย” เสียงนี้มันเสียง
‘นายป๊อปปี้’
นายป๊อปปี้เดินมาจากข้างหลังของยัยกะปันแสดงว่าเขานั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวติดกับยัยปันน่ะสิ เขาได้ยินอะไรไปมั่งนะเนี่ย?
“นายไม่ได้ทำได้ยังไงกัน” ฉันจะพูดตรงๆเลยแล้วกัน “นายต้องถอนคำสาปให้ฉันนะ” ฉันขอนายป๊อปปี้
“เอ่อ...ฉันว่าจะไปเข้าห้องน้ำซักหน่อยเชิญถอนคำสาปกันไป 2 คนนะ” ยัยปันเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกจากโต๊ะเดินออกไปเลยแล้วนายป๊อปปี้ก็มานั่งที่แทน
“ฉันถอนให้เธอไม่ได้หรอก” นายป๊อปปี้บอก
“ได้ไงกันนายสาปฉันนะ” ฉันเริ่มใส่อารมณ์
“ฉันต้องถามเธอมากกว่าว่าเธอน่ะสาปอะไรฉันไว้” 
ฉันไม่ได้สาปเขานะ-[]-
“สาปอะไรฉันไม่รู้เรื่องหรอก ฉันสาปไม่เป็น” ฉันแก้ตัว
“งั้นเหรอ ... เธอนั่นแหละสาปไม่งั้นฉันคงไม่คิดถึงเธอทุกวัน แถมยังต้องคอยถามไถ่ปันว่าวันนี้เธอไปไหนบ้างเพื่อที่จะได้ไปเจอกับเธอแล้ววันนี้ฉันก็ไปหาเธอที่ห้องเพื่อจะขอโทษเรื่องวันนั้นถ้าฉันพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไปแต่เธอกลับปิดประตูใส่ ฉันเลยปรึกษากับปันแต่เธอโทรมาหาปันพอดีปันเลยบอกให้ฉันมาที่นี่ด้วย” นายป๊อปปี้เริ่มยิ้มกริ่ม “แล้วก็มาได้ยินที่เธอกล่าวหาว่าฉันไปสาปให้เธอมีอาการแบบนั้น อาการเดียวกับที่ฉันโดนเธอสาปเลย เอาล่ะทีนี้เราจะแก้คำสาปยังไงกันดี” ฉันถึงกับค้างเลยทีเดียวที่เขาพูดออกมามันทำให้หัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะแถมยังร้อนๆที่หน้าอีกต่างหากด้วย
“ฉะ...ฉันไม่มีวิธีหรอกนะ” ฉันเริ่มอ้ำอึ้งเลยบอกออกไปแบบนั้น
“แต่ฉันมีล่ะ” นายป๊อปปี้ยิ้มที่มุมปาก
เขาลุกจากเก้าอี้โน้มหน้าลงมาหาฉัน มันเริ่มใกล้ขึ้นมาจนสัมผัสอุ่นๆกันที่ริมฝีปาก ~
เขาจูบฉัน-[]- เราจูบกัน>[]<
นานทีเดียวก่อนสัมผัสนั้นจะเริ่มถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง
“ฉันถอนให้เธอแล้วล่ะแล้วเธอจะถอนให้ฉันได้รึยัง” นายป๊อปปี้ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ก็...กำลังจะถอนให้อยู่นี่ไง” สิ้นเสียงของฉัน
ฉันลุกขึ้นนิดหน่อยพร้อมกับประทับจูบของฉันลงไปที่ริมฝีปากหล่อๆของเขา มันทั้งร้อนแรงแล้วก็หวานมากๆจริงๆ เป็นจูบที่เนิ่นนานและไม่มีวันที่ฉันจะลืมเลือนได้เลย
และเราก็ถอนคำสาปให้ฉันและกันสักที^^;
จบ!!!!

ณ คอนโดแห่งหนึ่ง
“ไอ้ฟางตื่นนะ วันนี้แกต้องไปดูดวงกับฉัน ตื่นๆๆๆ” ปังๆๆๆ เสียงเคาะประตูที่ดังสนั่นบวกกับเสียงแหลมๆของใครบางคนทำให้หญิงสาวร่างบางในชุดนอนค่อยๆตื่นจากนิทรา“หืออ...?” คนที่หน้าตา งัวเงียเมื่อได้ยินเสียงนั้นบอกว่า ‘ต้องไปดูดวง’ บ่งบอกถึงความง่วงและลืมเรื่องบางอย่างไป“เปิดซักทีเซ่~” เสียงข้างนอกโวยวายใหญ่ เธอจึงต้องรีบไปเปิดประตูเพราะกลัวว่าคนทั้งชั้นไม่เป็นอันอยู่อย่างสงบสุขเพราะเพื่อนของเธอแน่
แกรก... เสียงประตูเปิดออก เผยใหเห็นใบหน้าที่สละสวยแต่ตอนนี้มันแปดเปื้อนรอยอำมหิตหน่อยๆเพราะความโกรธ
“นี่แกเพิ่งตื่น” เสียงแหลมๆเอ่ยขึ้น เหมือนกำลังจะว่า’...“ขอตัวอาบน้ำล่ะ” คนพึ่งตื่นไม่สนใจใบหน้าที่โกรธเลย เธอเดินโงนเงนเข้าไปในห้องน้ำทันที

บนรถ

:ฟาง:
ฉันนั่งอยู่บนรถที่ตอนนี้กำลังซิ่งด้วยความเร็ว 180/ชม. ‘กะปัน’ เพื่อนของฉันตอนนี้มันรีบมากจริงๆ
“ปัน เบาๆหน่อยก็ได้นะ” ฉันที่นั่งตัวติดเบาะตลอดเวลาต้องหันไปเตือนคนขับซักหน่อย“แกทำฉันสายนะ นี่ถ้าไม่ทันฤกษ์ ขึ้นมาฉันก็ต้องไปดูใหม่อาทิตย์หน้า” กะปันบ่นทั้งๆที่หน้ายังมองอยู่ที่ถนนตามเดิม“ขอโทษละกัน แต่ฉันว่าแกเบาหน่อยเหอะ” ฉันบอกขอโทษให้จบๆ ไปแต่ยังมิวายจะเตือนเพื่อนอีกมันจะพาฉันแหกโค้ง ชนเสาไปฟ้าแล้วเนี่ย ... ถ้าไฟช๊อตตายทำไงTT
“ถึงแล้วคงไม่ต้องเบาแล้วล่ะ” กะปันเลี้ยวขวับเข้ามาในบ้านหลังหนึ่ง โดยที่ไม่มีการบอกกล่าวเลยจริงๆ
ค่อยๆหักพวงมาลัยไม่ได้รึไงยะ_*_  ตัวแทบบิดไปตามรถแล้วเนี่ย
“อ้าว...เหรอ” ฉันหน้าตาตื่นๆ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาดูดวงที่บ้านหลังใหญ่หลังนี้ 
ความจริงแล้วดูหมอมันต้องเป็นบ้านที่ เหมือนบ้านทรงไทยๆ อะงั้นไม่ใช่เหรอทำไมถึง... ดูเป็นบ้านธรรมดาล่ะ แต่มันก็ไม่น่าแปลกตรงไหนนี่เนอะ หมอดูก็คนนี่หว่าอยู่ที่ไหนก็คงเหมือนกัน ฉันนี่มันบ้าจริงๆ
เรา 2 คนเดินเข้ามาในบ้าน ที่นี่ก็ดูเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นธรรมดานี่นา คนก็ไม่มีมาดูหมอเลยซักคนไม่เหมือนสำนักดูดวงที่คนออกจะเยอะแยะไป
ไอ้ปันมันพาเรามาผิดป่าววะ-[]-??
“ปันแกแน่ใจนะว่า นี่คือที่ดูดวงอะไรของแกอะ” ฉันหันไปถามกะปันที่นั่งอยู่ข้างๆ“ไม่ผิดหรอกแกต้องไม่อยากจะเชื่อแน่ๆว่าใครดูหมอให้เรา” ปันพูดแถมยังทำหน้าตื่นเต้นยิ่งกว่าคนอยากรู้ซะอีก
อะไรของมัน…?
“อ้าวมาพอดีเลย...ป๊อปนี่เพื่อนเรานะ” กะปันเดินเข้าไปทักชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาดีๆ แล้วก็แนะนำให้“อ๋อ~…คนที่เรียนอยู่บัญชีป้ะ” นายป๊อปถามกะปันพลางมองหน้าฉันอย่างพิจารณา
เราไปรู้จักกันตอนไหน?...
“ใช่ๆ นายเคยเห็นเหรอ” ยัยกะปันถาม“ก็ไม่บ่อยหรอกนะ...”นายที่ชื่อป๊อปปี้บอกอย่างนั้น “มาเถอะเร็วเดี๋ยวจะหมดเวลาซะก่อน” นายป๊อปปี้เร่งแล้วเดนนำไปที่ห้อง ห้องึ่ง ดูหมอ... กับใครวะอย่าบอกนะว่าดูกับนายนี้ ไม่อะ นายนี่ดูเด็กไปจะดูหมอได้ไงกัน แล้วยัยปันไปสนิทกับหมอนี่เมื่อไหร่?

เฮ้ยยย!!~s หมอนี่ดูดวงให้จริงๆด้วยล่ะ อะไรกัน...คนน่าตาดีแบบนี้ อายุแค่นี้เนี่ยนะ จะดูดวงไม่อยากจะเชื่อเลย

จริงๆแล้วฉันไม่ได้มาดูด้วยหรอก ยัยปันมันให้มาเป็นเพื่อนน่ะ ฉันก็นั่งดูๆ 2 คนนั้นคุยกันไปงั้นๆแหละ แอบได้ยินมาว่า ไอ้ปันกำลังจะเจอเนื้อคู่เร็วๆนี้ด้วยนะ...อ๊ายยยย!!!จริงหรือเปล่าไม่รู้นะ แต่กะปันของฉันคงดีใจตายแน่ล่ะ
นานเหมือนกันนะกว่าจะดูเสร็จแต่ฉันรู้สึกว่า เวลาอยู่บ้านนายป๊อปปีทีไรหมอนั่นชอบหันมามองฉันทุกที หรือเราคิดไปเองก็ไม่รู้นะ ช่างเถอะ!-[]-
ระหว่างขับรถกลับ กะปันก็เล่าให้ฟังว่า นายป๊อปปีเนี่ยเรียนอยู่มหาลัยเดียวกับพวกเรา แต่อยู่คณะถาปัตย์ อะนะ อยู่ปี 3 แก่กว่าเรา 1 ปี ปันมันก็เล่าว่า รู้จักป๊อปปีครั้งแรกตอนนั้น ‘มันกำลังเดินไปที่ แถวน้ำพุหน้ามหาลัย แล้วก็มีเสียงหนึ่งตะโกนมาว่า “คุณระวังตัวนะบางทีคุณอาจจะต้องเปียกซักหน่อย” ยัยกะปันนี่ งง ใหญ่ ไม่ถึง 5 นาทีต่อมาน้ำในอ่างพุก็พุ่งออกมาใหญ่ทำให้ยัยปันนี่เปียกไปหมดทั้งตัวเลย 555+’ หลังจากนั้นไอ้ปันก็รู้จักกับป๊อปปี แต่มันบอกว่าเป็นแค่เพื่อนกันเพราะป๊อปปีบอกว่า มันไม่ใช่เนื้อคู่ของกันและกัน 
แต่...ฉันอดคิดไม่ได้ว่า เพราะนายป๊อปปีไม่ได้ชอบยัยปันมากกว่า เพื่อนเราน่ะดันปลื้มเขาซะนี่ 555+~
ฉันกับปันก็อยู่ในห้างช๊อปปิ้งกันไปให้มันหมดๆวันเพราะเหลือเวลาอีกเยอะแยะ ฉันขี้เกียจกับไปอยู่ห้องเงียบๆ

และก็กลับมาถึงห้องซักที มืดเลยทีเดียวอาบน้ำนอนดีกว่า
เช้าวันต่อมา
10.00 น.
วันนี้ฉันไม่มีเรียนเลย กะว่าจะทำรายงานให้เสร็จแล้วออกไปเดินเล่นข้างนอกซักหน่อย เพราะวันนี้ปันไม่อยู่มีเรียนฉันเลยไม่มีเพื่อนน่ะนะ~
แล้วรายงานก็เสร็จเสียทีนะ^^
ถึงเวลาออกไปเที่ยวข้างนอกแล้วล่ะ วันนี้แพลนไว้ว่า จะไปสวนสาธารณะ ตลาดนัดปากซอยซักหน่อย
ตอนนี้ฉันเดินเล่นอยู่ริมทะเลสาบ มองนู่นนี่ไปจะว่าไปแล้ว มันเหงาจริงๆนะเนี่ยแบบเนี้ย~
เอ๊ะ ผู้ชายคนนั้น คุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ
ฉันมองผู้ชายคนหนึ่งที่เดินอยู่แถวๆทางเดินไปที่สวน รู้สึกคุ้นหน้ามากๆ อ๋อจำได้แล้วนายป๊อปปี นี่เองมาทำอะไรแถวนี้เนี่ย งั้นต้องตามไปดูแล้วล่ะ~
ฉันย่องตามไปห่างๆไม่ให้นายป๊อปปีสังเกตได้แล้วหมอนั่นก็หยุดเดินเอาซะดื้อๆฉันก็เลยต้องรีบเข้าไปในพุ่มไม้ใกล้ๆเพื่อเข้าไปหลบซ่อนตัวซักหน่อย
“มันเลอะนะเธออออกมาเถอะ” นายป๊อปปี้พูดขึ้น... แต่ที่ตรงนั้นไม่มีใครนี่ นายพูดกับอากาศหรือไงกัน “เธอนั่นแหละ ชื่อไรนะ อ๋อ... ฟาง ใช่ไหม” นายป๊อปปี้เอ่ยชื่อฉันแล้วเดินตรงเข้ามายังที่กำบังของฉัน
เขารู้ได้ไงวะ ฉันว่าฉันแนบเนียนแล้วนะ!?
นายป๊อปปีมาดึงฉันให้ลุกขึ้น ฉันก็ งง น่ะสิ ยัง งง ไม่หายว่าเขารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?-_-
“ดีเลยเจอเธอพอดี” หลังจากที่ดึงฉันให้ลุกขึ้นยืน เขาก็เอ่ยอย่างดีใจ“นายมีอะไรกับฉันหรือเปล่าน่ะ” ฉันถามออกไป(อย่าคิดลึกนะ)“พอดีวันนี้ ... รู้สึกว่าเธอจะไปตลาดนัดนี่นะฉันเลยคิดว่าเธอไม่ควรไปเพราะอาจจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น” นายป๊อปปี้บอกอย่างนั้น
ฉันควรจะเชื่อหรือเปล่า
“นายมาที่นี่เพื่อที่จะมาเตือนฉันเนี่ยนะทำไมไม่ขอเบอร์กับปันแล้วโทรมาบอกก็ได้ไม่น่ามาไกลถึงนี่เลย”“เอ่อคือ...” นายป๊อปปี้อึกอัก“หือ...?” ฉันครางเหมือนส่งคำถามไปให้ไหม่อีกหนพร้อมกับยื่นหน้ากดดันรีดคำตอบจากเขา
ฮ่าๆๆๆๆ ตลกเป็นบ้า ... ทำไมน่าต้องแดงด้วยล่ะ~>,,,,< พลอยทำฉันเขินไปด้วยเลย
อึ๋ย! แล้วฉันคิดอะไรเนี่ยบ้าจริงๆเลย!
แปะๆ ฉันเอามือตบหน้าเรียกสติของตัวเองเบาๆ แล้วมันกลับมาเป็นปรกติซักที
“เอ่อ... ช่างมันเถอะฉันก็ไม่ได้อยากรู้อะไรมากมาย” ฉันจะเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่ที่บอกว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นมันอะไรเหรอ” ฉันถามนายป๊อปปี้“ฉันเห็นไฟ~” 
ไฟ!!! ...งั้นเหรอ หมายความว่าไงกันนะ
“ไฟ?” ฉันทวนคำนั้นอีกครั้ง“ใช่เห็นแค่นี้แหละ” นายป๊อปปี้บอก“แล้วฉัน...” ฉันชี้ที่ตัวเอง “ควรจะกลับห้องใช่ไหม”“แน่นอนอยู่แล้วหรือเธออยากจะไปเสี่ยง” นายป๊อปปี้กวน(นิดๆ)“รู้แล้วน่า...” ฉันบอกแล้วเดินออกมาเลย
แงงงง... อดไปตลาดเลยTT… จริงไม่จริงไม่รู้อะนะ แต่ฉันเชื่อเรื่องพวกนี้พอสมควรน่ะ
19.30 ณ ห้องของฟาง
‘ข้าววันนี้เริ่มด้วยระเบิดย่านตลาดนัด XXX แถว XXX นะคะ มีผู้บาดเจ็บนับสิบราย เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเกิดจากความคึกตะนองของวัยรุ่น…’ ข่าวยังว่าต่อไป
“หือ...?” ฉันที่กำลังโซ้ยยยมาม่าอยู่หน้าทีวีเงยหน้าจากชามาม่ามาเป็นทีวีแทน เพราะได้ยินชื่อคุ้นๆอะไรบางอย่างน่ะสินั่นมันตลาดนัดปากซอยนี่ ในภาพมีผู้คนบาดเจ็บมากมายเจ้าหน้าที่รีบหามส่งโรงพยาบาลกันยกใหญ่
‘ฉันเห็นไฟ~’ เมื่อเห็นภาพในทีวีประโยคหนึ่งของนายป๊อปปี้ก็ลอยเข้ามาในหัว
แม่นจริงพระเจ้า!>[]< นี่ถ้าเขาไม่มาเตือนฉันคงต้องเสียโฉมไปแล้วแน่ๆ
ขอบคุณจริงๆเจ้าค่ะToT ... ฉันจะตอบแทนเขายังไงดีเนี่ย?
เช้าวันต่อมา
วันนี้ฉันมีเรียนคาบเช้าพร้อมกับกะปันพอดีเลยไปพร้อมกันโดยคนขับคือฉันเพราะไม่เอาอีกแล้ว ฉันไม่อยากเอาชีวิตไปเสี่ยงกับยัยปันนี่อีกแล้ว!!!!
แอ๊ดดด เสียงประตู(เอาไปเปลี่ยนเถอะ)
ฉันเปิดประตูช้าๆเพื่อที่จะได้ออกไปเรียนเพราะป่านนี้ปันคงจะไปรอที่รถแล้วล่ะมั้งขืนช้าโดนบ่นยันลูกบวชแน่เลย
แล้วก็จริงๆ ฉันเดินเข้ามาในลานจอดรถก็เห็นกะปันยืนพิงรถของฉันอยู่หน้าเซ็งมาก มองไกลๆก็กลัวแล้ว ตาย!ลูกบวชแน่เราTT
“บอกแล้วให้แยกกันไปแกนี่น้า” มาแล้ววว 1 เม็ด“เงียบไปเหอะน่า” ฉันรวบรวมความกล้ามาจากไหนก็ไม่รู้อยู่ดีๆก็บอกให้กะปันหุบปากซะได้ 
นี่เท่ากับฉันเถียงแม่คนนึงเลยนะเนี่ย
บาปกรรม-_-!
“ขับเร็วๆด้วยฉันสายเพราะใครให้รู้ซะบ้างนะ” เม็ดที่ 2 มาแล้ว กะปันเปิดประตูรถทันทีหลังจากที่ฉันปลดล็อก“จะรีบไปตายรึไงยะ” ฉันว่า“หุบปากไปซะ!!” กะปันตวาด 
ไม่ต้องตกใจหรอกเราทะเลาะกันทุกวัน(เหมือนเด็กอะ)
“…” ฉันไม่ตอบโต้อะไรเลยออกรถทันทีไม่อยากมีเรื่องเอาตอนเช้าแบบนี้หรอกนะ
ณ จุฬาฯ
ฉันส่งกะปันลงที่คณะอักษรแล้วขับรถเข้ามาจอดในลานจอดรถ แต่...ไม่มีที่ว่างเลยอ่ะแงTT
ฉันขับวนไปวนมาในลานจอดรถเหมือนผีที่กำลังหาศาลสิงสถิต! 
นั่นไงที่ว่างมีรถกำลังออกพอดี แต่...เอ๋?! รถคันนั้นพึ่งจอดได้สักพักเองนี่นา~
ฉันขับรถเข้าไปจอดในซองตรงนั้นแล้วมองหารถคันนั้นอีกครั้ง มันยังเคลื่อนที่อยู่ในลานจอดรถเหมือนเดิมแล้วดูเหมือนว่ากำลังจะหาที่จอดใหม่
ตรงนี้มันมีอะไรหรือไง จอดไปแล้วยังจะขับไปหาที่ใหม่อีกประสาท!
ฉันเดินดุ่มๆหน้าตั้งเข้ามาในตึกของคณะแล้วไปเข้าคลาสที่ลงไว้ ...
เที่ยง!
วันนี้มีเรียนแค่ครึ่งวันสบายไป ออกไปหาอะไรกินรอกะปันดีกว่ารายนั้นเรียนยันบ่ายแน่~
ฉันเดินมาที่ลานจอดรถที่ที่รถของตัวเองจอดอยู่ตาบังเอิญไปสะดุดเข้ากับรถคันเมื่อเช้าที่ตอนนี้มีผู้ชนคนหนึ่งกำลังยืนพิงแล้วคุยโทรศัพท์อยู่
หน้าคุ้นจังแฮะ! ไปดูซักหน่อยดีกว่านะ อิอิ
ฉันย่องไปอีกทางของรถคันนั้นแล้วหลบอยู่หลังรถของรถคันข้างๆเขา ฉันรู้สึกว่าเห็นหน้าไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เลย ฉันเลยชะโงกหน้าไปอีกนิด แล้วก็อีกนิดแต่ผู้ชานคนนั้นหันหน้ามามองพอดีตาเราทั้ง 2 คู่เลยสบกันเข้าตายล่ะ! นายป๊อปปีอีกแล้วเหรอเนี่ย~
“แหมเธอนี่น๊า ชอบแอบดูคนอื่นอยู่เรื่อย” แล้วนายป๊อปปี้ก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน“แฮ่ะ”ฉันได้แต่ยิ้มแห้งๆแก้อาการของคนที่ถูกจับได้แล้วเดินออกมาจากที่ซ่อนตัวนั่นก็คือรถคันหนึ่งนั่นแหละ“ว่างรึเปล่า” อยู่ดีๆนายป๊อปปี้ก็เดินมาถามพร้อมกับเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง“ว่างสิพอดีว่ามีเรียนครึ่งวัน มีอะไรหรือเปล่า” ฉันตอบยิ้มๆ“ไปกินไอติมกันมั๊ย” นายป๊อปปี้ชวน“เอ่อ...นายชวนฉัน? เนื่องในโอกาส?” ฉันถามหน้างง“ก็ไม่มีอะไรหรอกไปเถอะฉันหิวแล้วล่ะ วันนี้ร้อนด้วย เดี๋ยวเดินไปละกันนะร้านอยู่ใกล้ๆกับมหาลัยพอดีเลย” นายป๊อปปี้พูดไปด้วยลากฉันไปด้วย
เอ่อ...มือฉันนะยะนายเป็นผู้ชายจับมือผู้หญิงงี้ได้ไงเล่า>////<เขินอะ(อ้าวนึกว่าหวงตัวซะอีก:SK!)
และเราก็เดินจูงมือกันเหมือนคู่รักเข้ามาในร้านไอศกรีมแห่งหนึ่งของมหาวิทยาลัย
“เธอชอบชูวี่ ช็อค รึเปล่านะ” นายป๊อปปี้ถามฉันพร้อมกับเปิดเมนูดูไปด้วย“นายรู้ได้ไงอะ”“ฉันมีความสามารถพิเศษไงจำไม่ได้เหรอ” 
จริงด้วยเขารู้อนาคตได้นี่นาฉันนี่น๊า โง่จริงๆ!
“เอาชูวี่ ช็อค” นายป๊อปปี้สั่งพนักงานร้านพร้อมกับชูสองนิ้วขึ้นเพื่อสื่อว่า ‘2ที่’ อะไรอย่างนั้น“นายชอบ ชูวี่ ช็อคด้วยเหรอ” ฉันถาม“เธอชอบอะไรฉันก็ชอบทั้งนั้นแหละ” นายป๊อปปี้ตอบยิ้มๆ
หือ... ประโยคเมื่อกี้มันดูหวานๆไปนะเหมือนคนรักกำลังจีบกันงั้นแหละนะ อ๊ายยยเขิน>/////<
ฉันรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีทันใดเลยจริงๆ ตายล่ะเขาจะเห็นมั๊ยนะว่าหน้าฉันแดงขนาดไหนแล้วเนี่ย~
จากนั้นเราทั้ง 2 คนต่างเงียบฉันก็นั่งก้มหน้าก้มตาหลบหน้านายป๊อปปี้เพื่อไม่ให้เห็นหน้าของฉันที่ตอนนี้มันคงแดงอย่างมากเลยล่ะ ส่วนนายป๊อปปี้ไม่รู้ทำอะไรเพราะฉันมองไม่เห็น(ก็ก้มหน้าอยู่นี่)เดาเอาว่ากำลังยิ้มอยู่ล่ะมั้ง?
สักพักไอติมก็มาเสิร์ฟฉันก็นั่งตักเข้าปากอย่างผู้ดีตอนนี้เรา 2 คนต่างไม่พูดอะไรนั่งกินเงียบๆ
แต่มันเงียบไป คนขี้คุยอย่างฉันไม่ชอบอะไรที่ไม่มีเสียงแบบนี้นะ
“โทษทีนะ ฉันไม่ใช่คนคุยเก่งเท่าไหร่นัก” แล้วนายป๊อปปี้ก็ทำลายความเงียบออกไปด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
เขารู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไรอยู่? อย่านะอย่ามาอ่านใจฉันนะยะ“เอ่อ...ไม่เป็นอะไรซักหน่อยนึงนายคิดมากไปเองรึเปล่า” ฉันตอบปัดเพื่อให้นายป๊อปปี้สบายใจ“คิดมากไปงั้นเหรอ...? ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเธอคิดอะไรอยู่ เธอเป็นคนแรกและคนเดียวที่ฉันอ่านใจยากที่สุด” นายป๊อปปี้พูดเศร้าๆ
อ่านใจคน! นี่เค้าอ่านใจคนได้จริงๆเหรอเนี่ย แล้วเมื่อกี้ที่บอกว่าฉันอ่านใจยากทำไมเป็นอย่างงั้นไปล่ะฉันไม่ได้มีเครื่องลางของขลังที่กันคนอ่านใจซักหน่อย
“ฉันไม่เข้าใจ” ฉันได้แต่ส่ายหน้า งง เต้กกับตำพูดเขาเมื่อกี๊นี้“เธอไม่ต้องตกใจหรอกที่ฉันอ่านใจคนออกได้ เมื่อฉันอยากอ่านใจใครฉันก็จะทำเองแต่พอฉันอยากอ่านใจเธอ เธอคือคนเดียวที่ฉันเดาได้ยากที่สุด” 
จะบ้าฉันเริ่มไม่สนใจไอติมตรงหน้าแล้วล่ะ กำลัง งง อยู่!
“เอ่อ... ฉันขอโทษนะฉันต้องไปแล้วอ้ะนี่เงินร้อยนึงจ่ายให้ด้วยนะ” ฉันควักแบงค์ร้อยในกระเป๋าสตางค์ออกมาวางไว้บนโต๊ะแล้วรีบเดินออกจากร้านไป
ฉันเป็นอะไรเนี่ยเสียมารยาทที่สุดหนีเค้าออกมาได้ยังไง ... หรือเพราะฉันไม่อยากให้เขาอ่านใจฉันต่อไปกันแน่
ต้องใช่แน่เลยเพราะฉันกลัว ... กลัวว่าเขาจะอ่านใจฉันออกว่าคิดอะไรอยู่ คิดอะไร ... กับเขาอยู่!?
ผ่านไป 1 อาทิตย์
เฮ้อ...ไม่รู้เป็นอะไรทำไมใน 1 อาทิตย์นี้รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลยเวลาเจอหน้านายป๊อปปี้ 
เชื่อมั๊ยว่าฉันเห็นเขาทุกวันถึงแม้จะไม่ได้ไปมหาวิทยาลัย จะว่าเขาตามหาฉันก็ไม่ใช่มัเหมือนความบังเอิญมากกว่าบังเอิญเกินไป แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าฉันหลบหน้าเขาเพื่ออะไรหรือฉันกลัวว่าตัวเองดันไปคิดอะไรบ้าๆบอๆขึ้นมาทำให้เขาอ่านใจออกได้ ฉันได้อายยันลูกแต่งแน่!
ตอนนี้ฉันกำลังต้มมาม่ากินที่ห้องเพราะไม่กล้าจะออกไปไหน กลัวจะเจอ ‘เขา’ อีก
ในนี้ดีที่สุดแล้วล่ะ!^^;
ติ๊งต่อง!
อ๊ะ! เสียงกริ่งห้องนี่นาใครมานะ
แอ๊ด...(คาราบาว) เว๊ยยยย! ไม่ใช่นี่มันเสียงประตู
ใบหน้าเนียนใส คมคาย จมูกที่เป็นสัน ริมฝีปากบางอมชมพู ดวงตาเหมือนตัวการ์ตูนดิสนี่เรื่องหนึ่งที่ตอนฉันเด็กๆชอบดูมากๆ ‘นายป๊อปปี้’
อะไรกัน?!นี่ขนาดฉันไม่ออกไปไหนยังมาถึงห้องแบบนี้มันเรื่องบังเอิญหรือเปล่านะ?
นายป๊อปปี้ยิ้มให้ฉัน ฉันก็ยังทำหน้าตะลึงค้างอยู่อย่างงั้นพอนึกขึ้นได้ก็ปิดประตูใส่หน้าเขาทันทีแล้วหันหลังพิงประตูแทน
อีกแล้วนะเรายัยฟาง นิสันเสียจริงๆเลย ไปทำอย่างงั้นได้ไงเสียมารยาท
แล้ว 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาทำไมฉันหายใจเข้าออกก็ต้องเป็นหน้าเขา จะบ้ารึเปล่าขนาดฝันยังเป็นเขาเลยโอ๊ยให้ตายนี่เขาสาปฉันรึเปล่าเนี่ย
สาป... สาปงั้นเหรอ เออใช่! นายป๊อปปี้ต้องสาปอะไรฉันแน่ๆเลยเขาต้องมีมนต์สะกดทำให้ฉันคิดถึงได้ทุกเวลาไม่ได้การล่ะฉันจะต้องให้เขาถอนคำสาปให้ไม่อย่างงั้นฉันไม่เป็นสุขแน่
แต่จะให้ฉันไปสู้หน้าเขาตอนนี้จะดีเหรอ...ฉันปิดประตูใส่หน้าเขาขนาดนั้น ทางที่ดีปรึกษายัยปันก่อนดีกว่า
ตู้ดดดๆๆ... เสียงรอสายดังอยู่สักพักยัยปันก็รับ
(ว่าไง) “ปันเย็นนี้ว่างมั๊ย”(ว่างมีไร)“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”(เรื่องอะไร)“เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันไปหาที่ห้อง”(เฮ้ย! ไม่เอาออกไปหาอะไรกินด้วยเลยดีกว่างั้นแค่นี้ก่อนนะโทรไปบอกร้านอีกทีละกันว่าที่ไหน”“อืม” ฉันคุยเสร็จก็วางโทรศัพท์ไว้ ไปกินมาม่าต่อดีกว่า!
เย็นวันนั้น
ฉันมาถึงที่ร้านที่ปันนัดไว้แล้ว ตอนนี้มันคงรอนานแล้วน่าดูสังเกตจากสีหน้าที่เซ็งๆของมัน 
โดนบ่นยันมีหลานแน่ฉัน!TT
“โทษทีรถติด” ข้อแก้ตัวของฉันหลุดออกไปพลางนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม“รู้สึกว่ามีทางด่วนนะ” ยัยปันรู้ทันแหง“ช่างเถอะน่า สั่งไรรึยัง” ฉันชวนเปลี่ยนเรื่อง“สั่งแล้วแกแหละมีอะไรจะคุยกับฉัน” ยัยปันถาม“เรื่องเพื่อนเธอ”ยัยกะปันทำหน้างงเหมือนกับกำลังคิดว่า ‘เพื่อนคนไหนวะ?’ อะไรอย่างงั้น “นายป๊อปปี้น่ะ” ฉันพูดให้กระจ่าง“ป๊อปปี้ทำไมเหรอ” กะปันถาม“ฉันสงสัยว่าเขาสาปฉัน”“สาปแกงั้นเหรอ...?” ยัยปันทำตาโตอย่างเหลือเชื่อที่ฉันบอกไป“ใช่แกรู้ไหมเขาน่ะทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเองมา 1 อาทิตย์เลยนะ ทำไมฉันต้องคิดถึงแต่เขา ฝันก็ยังจะฝันถึงเขา ไปไหนก็ยังจะเจอแต่เขาจนตอนนี้ฉันไม่กล้าออกไปไหนด้วยซ้ำแต่เขาก็ยังจะมาถึงห้อง อย่างงี้เขาต้องสาปฉันแน่ๆเพราะฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่พอมาเจอเขา...” ฉันชะงักกับคำพูดตัวเองเล็กน้องนี่ฉันเผาตัวเองให้ยัยปันได้ยินเหรอเนี่ย ดูสิมันหัวเราะฉันใหญ่เลยอ่ะ“ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอซักหน่อย” เสียงนี้มันเสียง
‘นายป๊อปปี้’
นายป๊อปปี้เดินมาจากข้างหลังของยัยกะปันแสดงว่าเขานั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวติดกับยัยปันน่ะสิ เขาได้ยินอะไรไปมั่งนะเนี่ย?
“นายไม่ได้ทำได้ยังไงกัน” ฉันจะพูดตรงๆเลยแล้วกัน “นายต้องถอนคำสาปให้ฉันนะ” ฉันขอนายป๊อปปี้“เอ่อ...ฉันว่าจะไปเข้าห้องน้ำซักหน่อยเชิญถอนคำสาปกันไป 2 คนนะ” ยัยปันเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกจากโต๊ะเดินออกไปเลยแล้วนายป๊อปปี้ก็มานั่งที่แทน“ฉันถอนให้เธอไม่ได้หรอก” นายป๊อปปี้บอก“ได้ไงกันนายสาปฉันนะ” ฉันเริ่มใส่อารมณ์“ฉันต้องถามเธอมากกว่าว่าเธอน่ะสาปอะไรฉันไว้” 
ฉันไม่ได้สาปเขานะ-[]-
“สาปอะไรฉันไม่รู้เรื่องหรอก ฉันสาปไม่เป็น” ฉันแก้ตัว“งั้นเหรอ ... เธอนั่นแหละสาปไม่งั้นฉันคงไม่คิดถึงเธอทุกวัน แถมยังต้องคอยถามไถ่ปันว่าวันนี้เธอไปไหนบ้างเพื่อที่จะได้ไปเจอกับเธอแล้ววันนี้ฉันก็ไปหาเธอที่ห้องเพื่อจะขอโทษเรื่องวันนั้นถ้าฉันพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไปแต่เธอกลับปิดประตูใส่ ฉันเลยปรึกษากับปันแต่เธอโทรมาหาปันพอดีปันเลยบอกให้ฉันมาที่นี่ด้วย” นายป๊อปปี้เริ่มยิ้มกริ่ม “แล้วก็มาได้ยินที่เธอกล่าวหาว่าฉันไปสาปให้เธอมีอาการแบบนั้น อาการเดียวกับที่ฉันโดนเธอสาปเลย เอาล่ะทีนี้เราจะแก้คำสาปยังไงกันดี” ฉันถึงกับค้างเลยทีเดียวที่เขาพูดออกมามันทำให้หัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะแถมยังร้อนๆที่หน้าอีกต่างหากด้วย
“ฉะ...ฉันไม่มีวิธีหรอกนะ” ฉันเริ่มอ้ำอึ้งเลยบอกออกไปแบบนั้น“แต่ฉันมีล่ะ” นายป๊อปปี้ยิ้มที่มุมปาก
เขาลุกจากเก้าอี้โน้มหน้าลงมาหาฉัน มันเริ่มใกล้ขึ้นมาจนสัมผัสอุ่นๆกันที่ริมฝีปาก ~
เขาจูบฉัน-[]- เราจูบกัน>[]<
นานทีเดียวก่อนสัมผัสนั้นจะเริ่มถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง“ฉันถอนให้เธอแล้วล่ะแล้วเธอจะถอนให้ฉันได้รึยัง” นายป๊อปปี้ยิ้มเจ้าเล่ห์“ก็...กำลังจะถอนให้อยู่นี่ไง” สิ้นเสียงของฉัน
ฉันลุกขึ้นนิดหน่อยพร้อมกับประทับจูบของฉันลงไปที่ริมฝีปากหล่อๆของเขา มันทั้งร้อนแรงแล้วก็หวานมากๆจริงๆ เป็นจูบที่เนิ่นนานและไม่มีวันที่ฉันจะลืมเลือนได้เลย
และเราก็ถอนคำสาปให้ฉันและกันสักที^^;
จบ!!!!

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา