Sorry Sorry , i need you
4) Specail...The end
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“คิดถึง ผมคิดถึงฮันนี่ทุกลมหายใจรู้หรือเปล่า ฮันนี่รู้หรือเปล่า ?”
“พ่อ...ฮึก แก้วคิดว่าพ่อจะลืมแก้วแล้ว” เธอโผเข้ากอดรอบเอวสอบของเขาอย่างแนบแน่นพลางซุกดวงหน้าลงบนอกอุ่นที่เธอแสนจะคุ้นเคยอย่างโหยหา แรงสะอื้นจากคนตัวเล็กทำให้โทโมะสงสารจับหัวใจ เขาไม่มาดูแลจนเธอโทรมขึ้นถึงขนาดนี้เชียวหรือ ร่างสูงกอดตอบแก้วอย่างรักใคร่ กดจูบเบาๆบนขมับน้อยอย่างเอ็นดู
“ไม่ลืม ผมไม่ลืม จะลืมได้ยังไง โถ่....ขอโทษนะฮันนี่ที่ผมหายไป ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะบอกความจริงให้ทุกคนรับรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน และรักกันมากแค่ไหน”
“ไม่ได้นะ พ่อบอกไม่ได้” เธอแย้งเขาอย่างไม่เห็นด้วย
“ทำไม...ไม่รักผมแล้วหรือ ? หรือที่มหาลัยแอบมีคนใหม่ไปเสียแล้ว” เขาตัดพ้ออย่างหึงหวงพลางจ้องมองคนตัวเล็กหน้าดุแลจริงใจ แก้วส่ายหน้าเบาๆก่อนจะโผเข้ากอดเขาอีกครั้งเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ (ใจ)
“ไม่มี พ่อจะบ้าเหรอ...แก้วจะไปมีใครได้เล่า ถ้าแก้วมีใครคงไม่ต้องมาร้องไห้คิดถึงพ่อทุกวันหรอก”
“ร้องทุกวันเลย ?”
“ค่ะ...ทุกวัน” เธอตอบตามความเป็นจริงไม่มีปิดบังใดๆ เขามองหญิงสาวกึ่งเอ็นดูกึ่งขำกับเด็กน้อยที่ขาดผู้ปกครองไปไม่ถึงสองเดือนก็ร้องไห้ฟูมฟาย แต่เขาจะไม่มีทางบอกเธอหรอก...ว่าเขาก็คิดถึงเธอมากเช่นเดียวกัน ถึงขั้นต้องใช้แอลกอฮอลล์เพื่อดื่มดับความอาวรณ์ต่อคนรักแทบทุกวัน !
“พ่อล่ะ พ่อไม่คิดถึงแก้วบ้างเหรอ ? ให้ตาย...พ่อใจร้ายจัง”
“จนจะบ้าตาย” สุดท้ายเขาก็ต้องยอมบอกออกมาอยู่ดี เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าน้อยใจขึ้นมา เขากลัวจะร้องไห้เสียอีกเลยรีบปลอบและตอบกลับว่ารักและคิดถึงจนหัวใจแทบจะขาดและเขาแทบจะลงไปดาวดิ้นตาย !
“แล้วพ่อมาที่นี่ได้ยังไง ไม่กลัวนักข่าวจะตามเหรอไงกัน”
“ตามก็ตาม ผมไม่สนใจแล้ว...อยากมาหาฮันนี่ใจจะขาด” แก้วมองเขาขำๆ นี่ขนาดไม่กลัวไม่สนใจใครยังอุตส่าห์ปลอมตัวสวมแว่นสวมหมวกอำพรางขนาดนี้
“พ่อแน่ใจว่าไม่สน ? แล้วพี่ฟ้าผู้จัดการพ่อล่ะ เขาไม่ว่าเอาหรอกเหรอที่พ่อออกมาหาแก้วทั้งที่เรื่องมันยังไม่ซาแบบนี้น่ะ !”
“ใครเขาจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของผมได้ ผมออกมาหาเมียนะ ไม่ได้ออกมาปล้นชาวบ้านชาวช่องเขา ถึงได้ต้องคอยระวงแระแวงกลัวใครจะรู้เห็นน่ะ”
“งั้น...ที่พี่ฟ้าหวงพ่อขนาดนั้นแปลว่าเขาต้องคิดอะไรกับพ่อแน่ๆเลย เขาชอบพ่อ...”
“ไร้สาระน่า พี่ฟ้าเค้าเป็นผู้จัดการผม ฮันนี่อย่ามั่วสิเด็กเซี้ยว”
“เขาชอบพ่อ เขาชอบพ่อแน่ๆ !” หญิงสาวแกล้งเบ้ปากใส่ความเขากับผู้จัดการส่วนตัว โทโมะอมยิ้มน้อยๆก่อนจะตวัดเรือนร่างอ้อนแอ้นเข้ามากอดพลางยกคนตัวเล็กขึ้นเหนือพื้นแล้วหมุนรอบๆจนเธอเวียนหัวจนต้องบอกให้เขาหยุด
“อ๊า ! พ่อ..พอก่อนๆ แก้วเวียนหัวจะอ้วกอยู่แล้วเนี่ย”
“แล้วใครเขาใช้ให้คิดพิเรนทร์ๆแบบนั้นกัน แล้วก็นะ...ถึงใครอื่นจะมารักมาชอบผมก็เถอะ ฮันนี่คิดว่าผมจะรักคนอื่นได้อีกเหรอ ?” ร่างสูงรวบคว้าไหล่บางลาดเอียงเอาไว้ทั้งสองข้างพลางหันหน้าแก้วให้เผชิญหน้ากับเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาจริงจัง
“ทำไมละคะ ? คนอื่นที่ดีกว่าแก้วก็มีตั้งเยอะ สวยกว่าก็มี น่ารักนิสัยดีกว่าก็มี ทำไมพ่อไม่รักเขาล่ะ” แก้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นระรัวกลัวเหลือเกินกับคำตอบที่จะได้ยิน หากเขาพูดว่าจะรักคนอื่นได้เธอคงเสียใจไม่น้อยเป็นแน่
“สวยกว่า น่ารักกว่า นิสัยดีกว่าน่ะมีเยอะ...แต่แก้วของผม มีคนเดียว ผมรักของผมแค่คนเดียว”
หญิงสาวหลบตาเขาวูบด้วยความเขินอาย นิ้มเรียวของโทโมะบรรจงเชยปลายคางมนของคนตรงหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนใบหน้าคมเข้มเข้าหาดวงหน้านุ่มเนียนราวกับแพรไหมแล้วประทับริมฝีปากอุ่นคลอเคลียกลีบปากนุ่มหวานอย่างอ้อยอิ่ง
“ฮันนี่รู้หรือเปล่า ว่าฮันนี่น่ารักที่สุดในโลกเลย ให้ตาย...ผมอยากให้ฮันนี่เรียนจบเร็วๆจัง”
“หือ ? ทำไมคะพ่อ”
“พอฮันนี่เรียนจบผมจะได้จับแต่งงานเข้าห้องหอ เตรียมมีลูกเลยไง ผมอยากมีลูกทันใช้ อายุก็ไม่ใช่ว่าจะน้อยๆแล้วด้วย”
“พะ พ่ออ่า พูดอะไรไม่รู้ บ้าจริง”
“ฮะๆ อะไรกัน แค่นี้ถึงกับต้องเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึงเลยหรือไงเด็กน้อย แล้วฮันนี่จะยอมมีลูกกับผมไหมละคะ ?”
เขาถามเสียงเหย้าพลางรวบรัดเอวคอดไปกอดเต็มมือ ก่อนที่แก้วจะต้องตอบคำถามอันเป็นเหตุให้เธอเขินแล้วเขินเล่าเจียนจะขาดใจนั้น ตัวช่วยก็เข้ามาพอดิบพอดี...เสียงออดดังขึ้นจนแก้วต้องรีบเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดอบอุ่นของเขาแล้วเลี่ยงไปเปิดประตู โทโมะกอดอกมองคนมาเยือนด้วยสีหน้าไม่พอใจ.....ผู้ชาย ?
“เอ่อ...รายงานของแก้วที่กวินยืมไปน่ะ เห็นว่าต้องส่งพรุ่งนี้กวินกลัวเอาไปให้แก้วไม่ทันส่งเช้าเลยเอามาให้”
“ไม่เป็นไรหรอก เข้าไปดื่มอะไรข้างในก่อนไหมกวิน” หญิงสาวเอ่ยชวนตามมารยาทแต่อีกฝ่ายปฏิเสธก่อนจะขอตัวกลับเพราะคนอื่นอาจมองไม่ดี
“ไม่ดีมั้งแก้ว เรากลับดีกว่า ไปนะ พรุ่งนี้เจอกันครับ” ร่างสูงโบกมือน้อยๆก่อนจะเดินห่างออกจากห้องของแก้วไป คนในห้องเลยรีบออกจากที่ซ่อนแล้วตรงปรี่เข้าไปหาคนรักของเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ มือหนาคว้าแขนเรียวของแก้วเอาไว้ก่อนจะดึงเข้าหา
“ใคร ?” เขาถามเสียงทุ้มแกมไม่พอใจ
“เพื่อนค่ะเพื่อน”
“ทำไมเขารู้ที่อยู่แก้ว ได้ยังไงกันหือ ?!”
“พ่อหึงหรือคะ ? ไม่มีอะไรหรอกคนตัวใหญ่ของแก้ว เพื่อนทุกคนของแก้วก็รู้จักที่อยู่ของแก้วแทบจะหมดละคะ “
“ผู้ชายก็ไม่เว้น !”
“พ่อ !”
“ฮันนี่อย่ามาขึ้นเสียงใส่ผมนะ ตัวเองทำตัวไม่ดีเป็นเด็กดื้อยังมาเถียงว่าเพื่อน ว่าเพื่อน ! ไอ้ผมนะเชื่อใจฮันนี่อยู่หรอก แต่คนอื่นเขาจะมองยังไง มีอย่างที่ไหนชวนผู้ชายเข้าห้อง ดีนะที่ไอ้หน้าอ่อนนั่นไม่เข้ามา ลองเข้ามาสิผมจะไล่ฟาดให้หัวแตกเลย ให้ตายเหอะ !”
คนกำลังหึงหวงใส่อารมณ์พูดด้วยความโกรธจนแก้วน้ำตาร่วงไม่คิดว่าเขาจะดูถูกน้ำใจเธอได้ถึงขนาดนี้ เขาไม่รู้หรอกหรือว่าเธอรักและเทิดทูนเขามากเพียงใด แล้วไหนจะจะกล้าคิดคบคนอื่นในยามที่เขาไม่อยู่ได้ แก้วปล่อยให้น้ำตารินไหลโดยไม่ปริปากเถียงเขาสักคำ ปล่อยให้คนกำลังโกรธต่อว่าเธอเสียๆหายๆตามใจชอบ !
“ไม่ต้องมาร้องไห้บีบน้ำตา เด็กดื้อ !”
“แก้วไม่ได้ร้อง” แก้วแย้งเขาเสียงสั่นสะอื้น
“ก็เห็นๆอยู่ตำตาว่าร้องไห้ ยังบอกไม่ร้อง แล้วร้องทำไม ? ร้องที่ว่าผมดุหรือร้องเพราะผมจับได้ว่าคบคนอื่น !”
“เปล่านะ ! พ่อจะดุจะว่าอะไรแก้วก็ได้ แต่พ่อห้ามพูดว่าแก้วคิดนอกใจพ่อเป็นอันขาด เพราะสิ่งที่พ่อครหาแก้ว แก้วไม่เคยแม้แต่จะคิด ! พ่อก็รู้ว่าแก้วรักพ่อแทบจะเทียมเป็นพ่ออีกคน พ่อก็รู้...ฮึก” ร่างเล็กสั่นเทาด้วยแรงสะอื้น เธอตกเป็นทาสของน้ำตาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนรักกำลังเข้าใจผิด
“งั้นสิ” เขาตอบรับอย่างห้วนๆ
“แล้วแต่พ่อจะคิด ป่วยการจะพูด พูดไปพ่อก็ไม่ฟังแก้ว “ แก้วเดินหนีเขาเข้าห้องนอนไปทิ้งไว้แต่เพียงโทโมะที่ยังคงยืนนิ่งไม่พูดไม่จา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป เขารู้ว่าเขาพูดรุนแรงกับแก้วไปมาก...แต่จะให้อธิบายยังไง เขารักดวงใจของเขามากเหลือเกิน เขาหวง เขาหึง ยิ่งเขาไม่อยู่ใกล้สายตาแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่ สาวน้อยของเขาจะเหงาจนต้องคบใครอื่นหรือไม่ ? ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาทรมานแค่ไหนที่คิดแบบนั้น
วันต่อมา
“อะไรกันอีก โทโมะ ! ไหนบอกพี่ว่าสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมหนังสือพิมพ์ถึงพาดหัวข่าวแบบนั้น !...โทโมะ ขึ้นคอนโดแฟนสาวนักศึกษานิรนาม อะไร นี่มันคืออะไร !” ผู้จัดการสาวตบโต๊ะดังปึงด้วยความโมโหเรื่องยังไม่ซา เรื่องใหม่ก็มีมาให้ปวดหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนโทโมะเริ่มปวดเศียรเวียนเกล้ากับเรื่องบ้าบอพรรค์นี้แล้วเหมือนกัน !
“ผมไปหาคนรักของผมมันผิดตรงไหน อีกอยางไม่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายนะครับพี่ฟ้า”
“พี่รู้ว่าเธอรักเขามาก แต่เธอก็ควรจะรักษาภาพพจน์ของเธอด้วย โอ๊ย ! พี่ไม่รู้จะตามแก้ข่าวยังไงแล้วนะ”
“โอเคครับ ผมจะจบปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเอง”
“เธอจะทำยังไง จะเลิกกับน้องคนนั้นเหรอ ?”
“ไม่มีทาง” โทโมะตอบเสียงหนักแน่นก่อนจะปึงปังออกไป
ร่างสูงวกรถกลับมาหาแก้วที่คอนโดอีกครั้ง แต่พอขึ้นไปหา เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าเขามาก็เท่านั้นแหละเธอก็รีบปิดประตูใส่หน้าด้วยยังไม่หายโกรธเขา โทโมะจึงตัดสินใจโทรเข้าโทรศัพท์ในห้อง
“ฮันนี่ผมขอโทษ ผมมีเรื่องจะคุยกับฮันนี่นะครับ”
“แต่แก้วไม่มีอะไรจะคุยกับคนใจร้ายไม่มีเหตุผลแบบพ่อ !” แก้วตวัดเสียงใส่เขา
“ฮันนี่จ๋า ผมมาง้อ...”
“ไม่หาย !”
“ให้ผมทำยังไงครับฮันนี่ ผมขอโทษนะฮันนี่ ผมขอโทษ”
“กองไว้ตรงประตูนั้นแหละคะ คำว่าขอโทษของพ่อนะ เพราะมันไม่ได้ช่วยลบล้างความรู้สึกที่เสียไปแล้วของแก้วให้มันดีขึ้นมาได้หรอก !”
“ถ้าฮันนี่ไม่หายโกรธ ผมจะทำยังไงล่ะยอดรักของโทโมะ”
“นั่นมันเรื่องของพ่อ แค่นี้นะคะ !” แก้ววางสายลงอย่างหัวเสีย ถึงแม่จะแอบดีใจอยู่ลึกๆที่เขาง้อ แต่ก็ใช่ว่าจะหายโกรธเสียทีเดียว ก็รู้ว่าเขาหึง แต่เขากลับไม่ถนอมน้ำใจเธอก่อนนี่ คิดได้ยังไงว่าเธอนอกใจ ! ตาบ๊อง !
.
.
.
แก๊กๆๆๆๆ ~
ไม่ช้านานบานประตูก็ถูกเปิดออก คนโตกว่ายิ้มกระหยิ่มในใจเล็กน้อยที่เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าห้องแก้วน่ะ...เขามีกุญแจสำรอง ร่างสูงผลักบานประตูออกอย่างเบามือที่สุดเพื่อไม่ให้ไก่ในห้องตื่น!? โทโมะมองไปรอบๆห้องชะเง้อหาแก้วจนทั่วก่อนจะพบว่าอีกคนกำลังนั่งเอนหลังอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา เขาค่อยๆสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆเธออย่างเงียบๆก่อนจะรวบคว้าคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนพนักพิงโซฟาและหันหน้ามาเผชิญกับเขา
“พ่อ! พ่อบ้าพ่อเข้ามาทำไม หึยยย! ปล่อย!!!” แก้วโวยวายดีดิ้นอย่างเด็กหัวเสียแต่อีกฝ่ายกลับอมยิ้มเล็กๆและรวบตัวเธอเอาไว้ในอ้อมกอด
“มาง้อไง”
“ไม่หายงอน ไม่หายโกรธ! ไม่หาย ไม่หายๆๆๆๆๆ”
“ฮันนี่ก็รู้ว่าที่ผมทำไปเพราะอะไรถ้าไม่ใช่เพราะรักเพราะหึงเพราะหวงเพราะ....”
“พอได้ยัง หึ!”
“ก็หายโกรธสิคนดี....นะ” แก้วเบนหน้าหนีเขาน้อยๆด้วยไม่อยากจะทะเลาะกับเขาไปมากกว่านี้ วันนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่เลยเลี่ยง
“ตัวร้อนๆ ไม่สบายเหรอ ทำไมไม่บอกผมล่ะฮันนี่” เป็นเพราะพิษไข้ที่ทำให้หน้าผ่องแดงระเรื่อขึ้น ลมหายใจอุ่นร้อนขึ้นกว่าผิดปกติ โทโมะใช้หลังมืออังหน้าผากคนตัวเล็กเบาๆก่อนจะถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง
“กินยาหรือยัง”
“ไม่กิน แก้วไม่ชอบพ่อก็รู้!” เธอว่าเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ท่าทางฟึดฟัดนั่นบ่งบอกได้เป็นอ่างดีว่าแก้วคงไม่ยอมหายงอนง่ายๆแน่
“ยังโกรธผมอยู่ใช่มั้ย” เขาว่าพลางหอมแก้มนุ่มแรงๆหนึ่งที ร่างบางไม่ได้มีท่าททีขัดขืนเพราะเหนื่อยทั้งร่างกายทั้งจิตใจเลยยอมปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายดูแลทั้งคืน....
ตอนเช้า...
แก้วนมอุ่นๆทรงสูงถูกวางคู่กับอาหารเช้าแสนเรียบง่าย....ข้าวต้มกุ้ง สายตาคมตวัดมองร่างเล็กที่งัวเงียตื่นขึ้นมา มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นคนสวยมองมาที่เขา....มองได้เดี๋ยวเดียวก็ส่งสายตาค้อนๆมาให้เขาอีกระลอก
“มองผมทำไม จะลากไปฆ่าที่ไหนเหรอครับ” โทโมแกล้งเหย้าเสียงเข้มส่งผลให้อีกฝ่ายหน้ามุ่ยก่อนจะเหยียดมุมปากอย่างหมั่นไส้เขา
“อยากจะตายที่ไหนละคะ!”
“สวรรค์....หรือ....นรกก็ยอมไปทั้งนั้นแหละฮันนี่” โทโมะเดินตรงไปหาร่างเล็กนั้นก่อนจะโผเข้ากอดหลวมๆ กดจูบเบาๆลงบนขมับน้อยอย่างเอ็นดู ใบหน้าหวานของคนรักดูซีดเผือดลงไปมากเนื่องจากพิษไข้ ดวงตาดูอิดโรย ร่างแบบบางดูผอมไปอีกนิด....ให้ตาย เด็กดื้อของเขาทำไมถึงปล่อยตัวแบบนี้กัน
“งั้นก็ช่วยไปสวรรค์หรือนรกที่อื่นด้วยนะคะ อย่ามาตายที่นี่เด็ดขาด”
“ไม่เอาแล้วไม่เถียงกันดีกว่า ไปทานข้าวต้มกุ้งของโปรดของฮันนี่ดีกว่า กำลังร้อนๆเลย”
“ไม่หิว...”
“อย่าดื้อ” เขาบีบจมูกรั้นอย่างหมั่นไส้ก่อนจะกึ่งจูงกึ่งลากเธอไปทานข้าวจนได้
“ลงมาสิฮันนี่”
“พ่อคิดจะทำอะไรกัน ?” เขายื่นมือไปรับเธอลงมาจากรถเพื่อพาแก้วมาโรงพยาบาลเนื่องจากอาการของเธอไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก เขาไม่คิดจะอำพรางตัว....ไม่คิดว่าคนอื่นจะเห็นบ้างหรือยังไงกัน ถึงกระนั้นก็เถอะแก้วเองก็แอบดีใจลึกๆและปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอรู้สึกดีแค่ไหน
“ก็พาฮันนี่มาโรงพยาบาลไงครับ ไปหาหมอเถอะ” ระหว่างทางเดินเข้ามา ทุกสายตาต่างหันมามองที่เขาเป็นตาเดียว แก้วเองก็ทำตัวไม่ถูกได้แต่รีบเข้าไปหาหมออย่างเร็วที่สุดเพราะไม่อยากเป้นที่จับตามองของใครหลายๆคน...มันน่าอึดอัดจริงๆ
“สวัสดีครับพี่ฟ้า”
“โทโมะ นายอยู่โรงพยาบาลกับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า ?”
“ข่าวไวดีนะครับ ใช่ครับ ผมพาแก้วมาหาหมอ”
“โทโมะ!” ปลายสายตอบกลับอย่างอารมณ์เสีย พัง! ทุกอย่างพังไม่เป็นท่า ยิ่งเจ้าตัวยืนยันอย่างหนักแน่นแบบนั้นแล้วละก็... โทโมะวางสายลงอย่างใจเย็นก่อนจะปิดเครื่องลงเพราะไม่อยากรับสายใครอีก เมื่อแก้วทำธุระเสร็จเขาจึงรีบพาเธอกลับทันที
“เป็นไงบ้างฮันนี่ หมอบอกว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“แค่พักผ่อนไม่เพียงพอเฉยๆค่ะ ร่างกายก็เลยอ่อนเพลีย แล้วนี่พ่อจะพาแก้วไปไหนอีกคะ”
“ก็พาไปซื้อชุดสวยๆใส่ไปงานไงครับ”
“งาน?”
“เดี๋ยวฮันนี่ก็รู้เองแหละครับ ไปเถอะ” เขาพาแก้วไปเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ห้างและอีกตามเคยคนทั้งคู่ตกอยู่ท่ามกลางสายตาประชาชนนับร้อย แต่โทโมะก็หาได้สนใจ เขาเลือกที่จะมองคนตัวเล็กของเขาลองชุดพร้อมรอยยิ้มสดใสนั่นมากกว่า ไม่ได้สนใจอะไรรอบข้างอีกต่อไปแล้ว....ราวกับทั้งห้างมีเพียงแค่เขากับแก้วสองคน
งานเลี้ยงเปิดตัวภาพยนตร์
ภายในงานถูกประดับประดาด้วยสีสันต่างๆอย่างสวยหรู ผู้คนมากหน้า...ทั้งช่างภาพ นักแสดง รวมทั้งพิธีกรและคนทำงานเบื้องหลังมากมายเดินกันกวัดไกว แสงไฟสาดประโคมไปยังเวทีกระทบกับคริสตัลที่นำมาห้อยระย้าประดับเอาไว้ยิ่งดูสวยงามจนยากจะถอดถอนสายตาออกได้ ซุ้มดอกไม้นานาพันธ์ถูกนำมาตบแต่งตรงทางเข้าออกของงาน ช่อกุหลาบสีชมพูหวานตัดกับดอกสีเหลืองสดแซมดอกสีดอกสีโอรสถึงแม้จะเอามารวมกันแต่ก็ให้ความสวยงามไปอีกแบบ.....
ภายในงานเป็นไปอย่างครึกครื้นจนกระทั่งพระเอกของเรื่องปรากฏตัว.....เขาเรียกเสียงฮือฮาพร้อมทุกสายตาให้กลับมาจดจ้องที่เขา โทโมะในชุดสูทสีดำ กระเป๋าตรงหน้าอกปักไว้ด้วยปากกาด้ามทองเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงอีกคน....ผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาว ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยสีพีชอ่อนๆให้เข้ากับชุดราตรีสั้นพริ้วสีโอรส ทรงผมซอยสั้นถูกจัดทรงอย่างเป็นระเบียบ ริมฝีปากอวบอิ่มทาทับด้วยลิปกลอสสีส้มหวานๆ ดวงตากลมโตดูวาวประกายเป็นธรรมชาติ....
เธอเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาไปเสียทุกอย่าง
เธอดึงดูดทุกๆสายตาให้จ้องมองได้อย่างง่ายดาย
ร่างเล็กจับมือของอีกคนไว้แน่น ไม่คิดไม่ฝันว่าวันนี้ของเธอกับเขาจะมาถึง ...ไม่คิดเลยว่าวันนึงเขาจะพาเธอมาเปิดตัวต่อหน้าสื่อมวลชนคนนับร้อยแบบนี้ ริมฝีปากบางยกยิ้มนิดๆและอดที่จะเอียงอายต่อสายตาชื่นชมเหล่านั้นไม่ได้ โทโมะกระชับมือแน่นก่อนจะจูงเธอไปนาตรงหน้างานและรอเขาขึ้นไปพูดบนเวที
“สวัสดีครับ ก่อนอื่นผมต้องขอคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์ในวันนี้ ผมขอเป็นตัวแทนผู้ทำงานทุกท่านกล่าวขอบคุณอีกครั้งครับ”
บนเวที....ประเด็นเรื่องภาพยนตร์ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องจนผ่านมาถึงช่วงท้ายของงานเป็นเวลาที่จะให้สัมภาษณ์นักแสดง และแน่นอนประเด็นแรกคงจะหนีไม่พ้นเรื่องผู้หญิงปริศนาที่นั่งอยู่ทางด้านล่างของเวที
“ไม่ทราบว่าวันนี้คุณโทโมะพาใครมาด้วยครับ จะใช่คนเดียวกับที่ข่าวออกบ่อยๆหรือเปล่า” พอสิ้นคำถามเสียงเฮโลโห่เชียร์ก็พร้อมใจกันดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง โทโมะอมยิ้มนิดๆก่อนจะเดินลงไปนั่งขนาบข้างผู้หญิงของเขา คว้ามือน้อยมากุมไว้ต่อหน้าสายตาผู้คน แก้วหลบสายตานิดๆด้วยความไม่คุ้นชินกับการถูกจับตามองเสียเท่าไหร่
“คนนี้แหละครับ”
“งั้นก็แปลว่าวันนี้พามาเปิดตัวเลยสิคะ”
“ครับ หลายคนก็คงหายใจข้องใจเสียทีผมกับน้องก็จะได้สบายใจกันทั้งคู่ด้วย ผมก็เลยตัดสินใจในวันนี้...” โทโมะพูดออกสื่อด้วยรอยยิ้ม
“แล้วไม่คิดจะแนะนำน้องให้รู้จักกันหน่อยเหรอครับ”
“พ่อคะ ทำไมคนเยอะแบบนี้ล่ะ แก้วกลัว...” ร่างเล็กหันมากระซิบกระซาบกับเขาเบาๆ โทโมะกระชับมือที่จับแน่นขึ้นกว่าเดิมเป็นการให้กำลังใจอีกฝ่ายที่เอาแต่ก้มหน้าเขิน ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้อยู่ข้างๆเขา
“ผมกับแก้วคบกันได้นานพอสมควรแล้วละครับ แต่ที่ยังไม่ได้บอกทุกคนเพราะว่าน้องเองก็ยังเด็ก ให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่พักหลังๆนี้ข่าวเริ่มออกเยอะมากขึ้น ผมเลยตัดสินใจบอกให้ทุกคนทราบเพื่อเป็นการให้เกียรติแก้วด้วยครับ”
“แต่งเมื่อไหร่ดีละคะเนี่ย คนนี้”
“หือ ? ผมไม่รีบ...แต่ถ้าทุกอย่างลงตัวเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละครับ” คำถามนั้นทำเอาแก้วหน้าแดงได้แต่ส่งยิ้มเฝื่อนให้นักข่าวด้วยความเขินอาย
“งั้นก็แปลว่ากับคุณจินนี่ก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานสิคะ “
“ใช่ครับ”
“คุณโทโมะมีข่าวกับสาวๆเยอะออกขนาดนี้น้องแก้วหึงบ้างเหรอคะเนี่ย ฮ่าๆ” นักข่าวสาวหัวเราะอย่างอารมณ์ดี กับคำถามจี้ใจดำ โทโมะเหลือบมองแก้วนิดๆก่อจะฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเบียดไหล่เธอเป็นเชิงถามเจ้าตัว...
“หึงมั้ย”
“.....” แก้วเม้มริมฝีปากแน่นพลางส่ายหน้าอย่างเขินอาย เขาทำให้เธออายแทบแทรกแผ่นดินหนี กิริยาน่ารักๆแบบนั้นเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากผู้คนในงานไม่มากก็น้อย
แก้วมองตัวเองจากโทรทัศน์ด้วยความอารมณ์เสียก่อนจะหันมาปาหมอนใส่อีกฝ่ายที่แกล้งเธอออกสื่อแบบนั้น โทโมะหัวเราะน้อยๆก่อนจะคว้าคนตัวเล็กมานั่งลงบนตัก มือหนาบีบจมูกรั้นน้อยๆอย่างหมั่นเขี้ยวกับเด็กที่ไม่ยอมรับความจริงแบบเธอ...แก้วย่นจมูกใส่เขาอย่างหมั่นไส้ มือน้อยทุบอกเขาเบาๆอย่างขัดใจ
ชอบนักกับการแกล้งให้เธออับอายเนี่ย!
“พ่ออ่ะ...พ่อบ้าๆๆๆ”
“ฮะๆ ก็เขาถามแก้ว ไม่ได้ถามผม ผมให้ฮันนี่ตอบไม่ถูกหรือไงล่ะ”
“แต่พ่ออ่ะ........ไม่เอาแล้วแก้วไม่ออกงานไหนกับพ่ออีกแล้ว บอกตรงๆ......เข็ดจนตาย”
“เข็ดจนตายเลย โถ...เด็กน้อยของผม” เขาคว้าใบหน้าหวานมาจูบซ้ำอย่างอามรณ์ดี ต่อไปนี้ไม่ว่าจะไปไหน ทำอะไรก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาเห็นแล้วต้องหลบๆซ่อนๆอีกต่อไป
“แต่ก็ดี...พวกผู้หญิงของพ่อจะได้รู้ว่าพ่อมีแฟนแล้ว จะได้เลิกยุ่งกับพ่อเสียที!” คนตัวเล็กเชิดหน้าอย่างพอใจก่อนจะถูกเขาแซวขึ้นอีกครั้ง
“แล้วบอกไม่หึง....ไม่หึง....แก้วไม่หึง” มือหนาเอื้อมมาบีบจมูกเชิดรั้นอย่างหมั่นไส้แม่คุณที่ปากไม่เคยตรงกับใจ ทำเอาแก้วส่งค้อนควับมาเข้าให้อีกครั้งจนได้ ทั้งอาย ทั้งเขิน หัวใจของเธอทำงานหนักเพราะเขามากี่ครั้งกี่หนกันแล้ว คนบ้า!
“พ่ออ่ะ!”
“รีบตั้งใจเรียนให้จบไวๆแล้วกันนะฮันนี่”
“ทำไมคะ?”
“.....อยากแต่งงาน”
“พะ...พ่ออ่ะ! -/////////-“ ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงฝาดอย่างเห็นได้ชัด จนถูกเขาล้อเลียนครั้งแล้วครั้งเล่า คนโตกว่าหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งให้อีกฝ่ายเขินจนหน้าร้อนแบบนั้น ท่าทางพูดไม่ออก ไปไม่เป็นและสิ้นสุดที่คำว่า ‘พ่ออ่ะ’ เถียงไม่ได้ทีไรเธอต้องพูดคำนี้ทุกที.....น่ารักเกินไปแล้ว
“เขินใหญ่ เขินใหญ่เลย ฮ่าๆ”
“แก้วไม่ได้เขินนะ ไม่ได้เขิน เปล่า...ไม่เขินๆๆๆ!”
“เหรอครับ แล้วหน้าแดงทำไมกัน”
“อากาศมันร้อน”
“ยัยเด็กขี้โกหก” โทโมะขยี้กลุ่มผมนุ่มของคนในอ้อมกอดน้อยๆ ก่อนที่แก้วจะฟาดมือแรงๆบนต้นแขนของเขาเป็นการลงทัณฑ์วิธีสุดท้ายของเธอ.....ก็ทำได้แค่นั้นแหละ!
“แก้วไม่ได้เขินนะ...ไม่เขิน ไม่เขินๆๆๆ ฮ่าๆๆ” เขาเอาคำพูดเธอมาล้อเลียนอีกครั้งจนแก้วหน้าแดงซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือใหญ่เชยปลายคางเรียวขึ้นให้เผชิญหน้ากับเขา แววตาใสซื่อจับจ้องมองดวงตาคมวับอย่างงอนๆ จนอีกฝ่ายต้องรีบง้อด้วยการจูบเบาๆที่ริมฝีปากบางนั่น
“ไม่เขินใช่ไหม...งั้นต่อไปห้ามเขินนะ.....”
“พะ...พ่อ O///////O”
THE END
จบแล้วคร้าบ จบแบบมึนๆ T^T
'โทโมะจะทำอะไรแก้วอ่ะ' O.O
จิตนาการกันต่อเองนะคร้าบบบ
อี้ีอี้! แล้วพบกันเรื่องอื่นนะ จุ้บเบะ♥
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ