Sorry Sorry , i need you

10.0

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 19.20 น.

  4 ตอน
  210 วิจารณ์
  16.12K อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) Specail...The end

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

“คิดถึง ผมคิดถึงฮันนี่ทุกลมหายใจรู้หรือเปล่า ฮันนี่รู้หรือเปล่า ?”

 

 

 

“พ่อ...ฮึก แก้วคิดว่าพ่อจะลืมแก้วแล้ว”   เธอโผเข้ากอดรอบเอวสอบของเขาอย่างแนบแน่นพลางซุกดวงหน้าลงบนอกอุ่นที่เธอแสนจะคุ้นเคยอย่างโหยหา แรงสะอื้นจากคนตัวเล็กทำให้โทโมะสงสารจับหัวใจ เขาไม่มาดูแลจนเธอโทรมขึ้นถึงขนาดนี้เชียวหรือ  ร่างสูงกอดตอบแก้วอย่างรักใคร่ กดจูบเบาๆบนขมับน้อยอย่างเอ็นดู

 

 

“ไม่ลืม ผมไม่ลืม จะลืมได้ยังไง โถ่....ขอโทษนะฮันนี่ที่ผมหายไป ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะบอกความจริงให้ทุกคนรับรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน และรักกันมากแค่ไหน”

 

 

“ไม่ได้นะ พ่อบอกไม่ได้”  เธอแย้งเขาอย่างไม่เห็นด้วย

 

 

“ทำไม...ไม่รักผมแล้วหรือ ? หรือที่มหาลัยแอบมีคนใหม่ไปเสียแล้ว”    เขาตัดพ้ออย่างหึงหวงพลางจ้องมองคนตัวเล็กหน้าดุแลจริงใจ    แก้วส่ายหน้าเบาๆก่อนจะโผเข้ากอดเขาอีกครั้งเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ (ใจ)

 

 

“ไม่มี พ่อจะบ้าเหรอ...แก้วจะไปมีใครได้เล่า ถ้าแก้วมีใครคงไม่ต้องมาร้องไห้คิดถึงพ่อทุกวันหรอก”

 

 

“ร้องทุกวันเลย ?”

 

 

“ค่ะ...ทุกวัน”  เธอตอบตามความเป็นจริงไม่มีปิดบังใดๆ  เขามองหญิงสาวกึ่งเอ็นดูกึ่งขำกับเด็กน้อยที่ขาดผู้ปกครองไปไม่ถึงสองเดือนก็ร้องไห้ฟูมฟาย  แต่เขาจะไม่มีทางบอกเธอหรอก...ว่าเขาก็คิดถึงเธอมากเช่นเดียวกัน  ถึงขั้นต้องใช้แอลกอฮอลล์เพื่อดื่มดับความอาวรณ์ต่อคนรักแทบทุกวัน !

 

 

 

“พ่อล่ะ พ่อไม่คิดถึงแก้วบ้างเหรอ ? ให้ตาย...พ่อใจร้ายจัง”

 

 

 

“จนจะบ้าตาย”  สุดท้ายเขาก็ต้องยอมบอกออกมาอยู่ดี เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าน้อยใจขึ้นมา เขากลัวจะร้องไห้เสียอีกเลยรีบปลอบและตอบกลับว่ารักและคิดถึงจนหัวใจแทบจะขาดและเขาแทบจะลงไปดาวดิ้นตาย !

 

 

 

“แล้วพ่อมาที่นี่ได้ยังไง ไม่กลัวนักข่าวจะตามเหรอไงกัน”

 

 

 

“ตามก็ตาม ผมไม่สนใจแล้ว...อยากมาหาฮันนี่ใจจะขาด”  แก้วมองเขาขำๆ นี่ขนาดไม่กลัวไม่สนใจใครยังอุตส่าห์ปลอมตัวสวมแว่นสวมหมวกอำพรางขนาดนี้

 

“พ่อแน่ใจว่าไม่สน ? แล้วพี่ฟ้าผู้จัดการพ่อล่ะ เขาไม่ว่าเอาหรอกเหรอที่พ่อออกมาหาแก้วทั้งที่เรื่องมันยังไม่ซาแบบนี้น่ะ !”

 

“ใครเขาจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของผมได้ ผมออกมาหาเมียนะ ไม่ได้ออกมาปล้นชาวบ้านชาวช่องเขา ถึงได้ต้องคอยระวงแระแวงกลัวใครจะรู้เห็นน่ะ”

 

“งั้น...ที่พี่ฟ้าหวงพ่อขนาดนั้นแปลว่าเขาต้องคิดอะไรกับพ่อแน่ๆเลย เขาชอบพ่อ...”

 

“ไร้สาระน่า พี่ฟ้าเค้าเป็นผู้จัดการผม ฮันนี่อย่ามั่วสิเด็กเซี้ยว”

 

“เขาชอบพ่อ เขาชอบพ่อแน่ๆ !”   หญิงสาวแกล้งเบ้ปากใส่ความเขากับผู้จัดการส่วนตัว  โทโมะอมยิ้มน้อยๆก่อนจะตวัดเรือนร่างอ้อนแอ้นเข้ามากอดพลางยกคนตัวเล็กขึ้นเหนือพื้นแล้วหมุนรอบๆจนเธอเวียนหัวจนต้องบอกให้เขาหยุด

 

“อ๊า ! พ่อ..พอก่อนๆ แก้วเวียนหัวจะอ้วกอยู่แล้วเนี่ย”

 

“แล้วใครเขาใช้ให้คิดพิเรนทร์ๆแบบนั้นกัน แล้วก็นะ...ถึงใครอื่นจะมารักมาชอบผมก็เถอะ ฮันนี่คิดว่าผมจะรักคนอื่นได้อีกเหรอ ?”   ร่างสูงรวบคว้าไหล่บางลาดเอียงเอาไว้ทั้งสองข้างพลางหันหน้าแก้วให้เผชิญหน้ากับเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาจริงจัง

 

“ทำไมละคะ ? คนอื่นที่ดีกว่าแก้วก็มีตั้งเยอะ สวยกว่าก็มี น่ารักนิสัยดีกว่าก็มี ทำไมพ่อไม่รักเขาล่ะ”  แก้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นระรัวกลัวเหลือเกินกับคำตอบที่จะได้ยิน หากเขาพูดว่าจะรักคนอื่นได้เธอคงเสียใจไม่น้อยเป็นแน่

 

“สวยกว่า น่ารักกว่า นิสัยดีกว่าน่ะมีเยอะ...แต่แก้วของผม มีคนเดียว ผมรักของผมแค่คนเดียว”

 

หญิงสาวหลบตาเขาวูบด้วยความเขินอาย นิ้มเรียวของโทโมะบรรจงเชยปลายคางมนของคนตรงหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนใบหน้าคมเข้มเข้าหาดวงหน้านุ่มเนียนราวกับแพรไหมแล้วประทับริมฝีปากอุ่นคลอเคลียกลีบปากนุ่มหวานอย่างอ้อยอิ่ง 

 

“ฮันนี่รู้หรือเปล่า ว่าฮันนี่น่ารักที่สุดในโลกเลย ให้ตาย...ผมอยากให้ฮันนี่เรียนจบเร็วๆจัง”

 

“หือ ? ทำไมคะพ่อ”

 

“พอฮันนี่เรียนจบผมจะได้จับแต่งงานเข้าห้องหอ เตรียมมีลูกเลยไง ผมอยากมีลูกทันใช้ อายุก็ไม่ใช่ว่าจะน้อยๆแล้วด้วย”

 

“พะ พ่ออ่า พูดอะไรไม่รู้ บ้าจริง”

 

“ฮะๆ อะไรกัน แค่นี้ถึงกับต้องเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึงเลยหรือไงเด็กน้อย แล้วฮันนี่จะยอมมีลูกกับผมไหมละคะ ?” 

 

      เขาถามเสียงเหย้าพลางรวบรัดเอวคอดไปกอดเต็มมือ  ก่อนที่แก้วจะต้องตอบคำถามอันเป็นเหตุให้เธอเขินแล้วเขินเล่าเจียนจะขาดใจนั้น ตัวช่วยก็เข้ามาพอดิบพอดี...เสียงออดดังขึ้นจนแก้วต้องรีบเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดอบอุ่นของเขาแล้วเลี่ยงไปเปิดประตู  โทโมะกอดอกมองคนมาเยือนด้วยสีหน้าไม่พอใจ.....ผู้ชาย ?

 

“เอ่อ...รายงานของแก้วที่กวินยืมไปน่ะ เห็นว่าต้องส่งพรุ่งนี้กวินกลัวเอาไปให้แก้วไม่ทันส่งเช้าเลยเอามาให้”

 

“ไม่เป็นไรหรอก เข้าไปดื่มอะไรข้างในก่อนไหมกวิน”   หญิงสาวเอ่ยชวนตามมารยาทแต่อีกฝ่ายปฏิเสธก่อนจะขอตัวกลับเพราะคนอื่นอาจมองไม่ดี

 

 “ไม่ดีมั้งแก้ว เรากลับดีกว่า ไปนะ พรุ่งนี้เจอกันครับ”  ร่างสูงโบกมือน้อยๆก่อนจะเดินห่างออกจากห้องของแก้วไป คนในห้องเลยรีบออกจากที่ซ่อนแล้วตรงปรี่เข้าไปหาคนรักของเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์  มือหนาคว้าแขนเรียวของแก้วเอาไว้ก่อนจะดึงเข้าหา

 

“ใคร ?”  เขาถามเสียงทุ้มแกมไม่พอใจ

 

“เพื่อนค่ะเพื่อน”

 

“ทำไมเขารู้ที่อยู่แก้ว ได้ยังไงกันหือ ?!”

 

“พ่อหึงหรือคะ ? ไม่มีอะไรหรอกคนตัวใหญ่ของแก้ว เพื่อนทุกคนของแก้วก็รู้จักที่อยู่ของแก้วแทบจะหมดละคะ “

 

“ผู้ชายก็ไม่เว้น !”

 

“พ่อ !”

 

“ฮันนี่อย่ามาขึ้นเสียงใส่ผมนะ ตัวเองทำตัวไม่ดีเป็นเด็กดื้อยังมาเถียงว่าเพื่อน ว่าเพื่อน ! ไอ้ผมนะเชื่อใจฮันนี่อยู่หรอก แต่คนอื่นเขาจะมองยังไง มีอย่างที่ไหนชวนผู้ชายเข้าห้อง ดีนะที่ไอ้หน้าอ่อนนั่นไม่เข้ามา ลองเข้ามาสิผมจะไล่ฟาดให้หัวแตกเลย ให้ตายเหอะ !”   

 

 

     คนกำลังหึงหวงใส่อารมณ์พูดด้วยความโกรธจนแก้วน้ำตาร่วงไม่คิดว่าเขาจะดูถูกน้ำใจเธอได้ถึงขนาดนี้ เขาไม่รู้หรอกหรือว่าเธอรักและเทิดทูนเขามากเพียงใด แล้วไหนจะจะกล้าคิดคบคนอื่นในยามที่เขาไม่อยู่ได้  แก้วปล่อยให้น้ำตารินไหลโดยไม่ปริปากเถียงเขาสักคำ ปล่อยให้คนกำลังโกรธต่อว่าเธอเสียๆหายๆตามใจชอบ !

 

“ไม่ต้องมาร้องไห้บีบน้ำตา เด็กดื้อ !”

 

“แก้วไม่ได้ร้อง”  แก้วแย้งเขาเสียงสั่นสะอื้น

 

“ก็เห็นๆอยู่ตำตาว่าร้องไห้ ยังบอกไม่ร้อง แล้วร้องทำไม ? ร้องที่ว่าผมดุหรือร้องเพราะผมจับได้ว่าคบคนอื่น !”

 

“เปล่านะ ! พ่อจะดุจะว่าอะไรแก้วก็ได้ แต่พ่อห้ามพูดว่าแก้วคิดนอกใจพ่อเป็นอันขาด เพราะสิ่งที่พ่อครหาแก้ว แก้วไม่เคยแม้แต่จะคิด ! พ่อก็รู้ว่าแก้วรักพ่อแทบจะเทียมเป็นพ่ออีกคน พ่อก็รู้...ฮึก”   ร่างเล็กสั่นเทาด้วยแรงสะอื้น เธอตกเป็นทาสของน้ำตาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนรักกำลังเข้าใจผิด

 

“งั้นสิ” เขาตอบรับอย่างห้วนๆ

 

“แล้วแต่พ่อจะคิด ป่วยการจะพูด พูดไปพ่อก็ไม่ฟังแก้ว “  แก้วเดินหนีเขาเข้าห้องนอนไปทิ้งไว้แต่เพียงโทโมะที่ยังคงยืนนิ่งไม่พูดไม่จา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป  เขารู้ว่าเขาพูดรุนแรงกับแก้วไปมาก...แต่จะให้อธิบายยังไง เขารักดวงใจของเขามากเหลือเกิน เขาหวง เขาหึง ยิ่งเขาไม่อยู่ใกล้สายตาแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่ สาวน้อยของเขาจะเหงาจนต้องคบใครอื่นหรือไม่ ? ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาทรมานแค่ไหนที่คิดแบบนั้น

 

 

 

วันต่อมา

 

“อะไรกันอีก โทโมะ ! ไหนบอกพี่ว่าสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมหนังสือพิมพ์ถึงพาดหัวข่าวแบบนั้น !...โทโมะ ขึ้นคอนโดแฟนสาวนักศึกษานิรนาม  อะไร นี่มันคืออะไร !”  ผู้จัดการสาวตบโต๊ะดังปึงด้วยความโมโหเรื่องยังไม่ซา เรื่องใหม่ก็มีมาให้ปวดหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนโทโมะเริ่มปวดเศียรเวียนเกล้ากับเรื่องบ้าบอพรรค์นี้แล้วเหมือนกัน !

 

“ผมไปหาคนรักของผมมันผิดตรงไหน อีกอยางไม่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายนะครับพี่ฟ้า”

 

“พี่รู้ว่าเธอรักเขามาก แต่เธอก็ควรจะรักษาภาพพจน์ของเธอด้วย โอ๊ย ! พี่ไม่รู้จะตามแก้ข่าวยังไงแล้วนะ”

 

“โอเคครับ ผมจะจบปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเอง”

 

“เธอจะทำยังไง จะเลิกกับน้องคนนั้นเหรอ ?”

 

“ไม่มีทาง”  โทโมะตอบเสียงหนักแน่นก่อนจะปึงปังออกไป 

 

 

 

ร่างสูงวกรถกลับมาหาแก้วที่คอนโดอีกครั้ง แต่พอขึ้นไปหา เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าเขามาก็เท่านั้นแหละเธอก็รีบปิดประตูใส่หน้าด้วยยังไม่หายโกรธเขา โทโมะจึงตัดสินใจโทรเข้าโทรศัพท์ในห้อง

 

“ฮันนี่ผมขอโทษ ผมมีเรื่องจะคุยกับฮันนี่นะครับ”

 

“แต่แก้วไม่มีอะไรจะคุยกับคนใจร้ายไม่มีเหตุผลแบบพ่อ !”  แก้วตวัดเสียงใส่เขา

 

“ฮันนี่จ๋า ผมมาง้อ...”

 

“ไม่หาย !”

 

“ให้ผมทำยังไงครับฮันนี่ ผมขอโทษนะฮันนี่ ผมขอโทษ”

 

“กองไว้ตรงประตูนั้นแหละคะ คำว่าขอโทษของพ่อนะ เพราะมันไม่ได้ช่วยลบล้างความรู้สึกที่เสียไปแล้วของแก้วให้มันดีขึ้นมาได้หรอก !”

 

“ถ้าฮันนี่ไม่หายโกรธ ผมจะทำยังไงล่ะยอดรักของโทโมะ”

 

“นั่นมันเรื่องของพ่อ แค่นี้นะคะ !”  แก้ววางสายลงอย่างหัวเสีย ถึงแม่จะแอบดีใจอยู่ลึกๆที่เขาง้อ แต่ก็ใช่ว่าจะหายโกรธเสียทีเดียว ก็รู้ว่าเขาหึง แต่เขากลับไม่ถนอมน้ำใจเธอก่อนนี่ คิดได้ยังไงว่าเธอนอกใจ ! ตาบ๊อง !

 

.

 

.

 

.

 

แก๊กๆๆๆๆ ~

 

 

     ไม่ช้านานบานประตูก็ถูกเปิดออก คนโตกว่ายิ้มกระหยิ่มในใจเล็กน้อยที่เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าห้องแก้วน่ะ...เขามีกุญแจสำรอง  ร่างสูงผลักบานประตูออกอย่างเบามือที่สุดเพื่อไม่ให้ไก่ในห้องตื่น!? โทโมะมองไปรอบๆห้องชะเง้อหาแก้วจนทั่วก่อนจะพบว่าอีกคนกำลังนั่งเอนหลังอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา เขาค่อยๆสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆเธออย่างเงียบๆก่อนจะรวบคว้าคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนพนักพิงโซฟาและหันหน้ามาเผชิญกับเขา

 

 

“พ่อ! พ่อบ้าพ่อเข้ามาทำไม หึยยย! ปล่อย!!!”  แก้วโวยวายดีดิ้นอย่างเด็กหัวเสียแต่อีกฝ่ายกลับอมยิ้มเล็กๆและรวบตัวเธอเอาไว้ในอ้อมกอด

 

“มาง้อไง”

 

“ไม่หายงอน ไม่หายโกรธ! ไม่หาย ไม่หายๆๆๆๆๆ”

 

“ฮันนี่ก็รู้ว่าที่ผมทำไปเพราะอะไรถ้าไม่ใช่เพราะรักเพราะหึงเพราะหวงเพราะ....”

 

“พอได้ยัง หึ!”

 

“ก็หายโกรธสิคนดี....นะ”  แก้วเบนหน้าหนีเขาน้อยๆด้วยไม่อยากจะทะเลาะกับเขาไปมากกว่านี้ วันนี้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่เลยเลี่ยง

 

“ตัวร้อนๆ ไม่สบายเหรอ ทำไมไม่บอกผมล่ะฮันนี่”   เป็นเพราะพิษไข้ที่ทำให้หน้าผ่องแดงระเรื่อขึ้น ลมหายใจอุ่นร้อนขึ้นกว่าผิดปกติ  โทโมะใช้หลังมืออังหน้าผากคนตัวเล็กเบาๆก่อนจะถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง

 

“กินยาหรือยัง”

 

“ไม่กิน แก้วไม่ชอบพ่อก็รู้!”  เธอว่าเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ท่าทางฟึดฟัดนั่นบ่งบอกได้เป็นอ่างดีว่าแก้วคงไม่ยอมหายงอนง่ายๆแน่

 

“ยังโกรธผมอยู่ใช่มั้ย”  เขาว่าพลางหอมแก้มนุ่มแรงๆหนึ่งที  ร่างบางไม่ได้มีท่าททีขัดขืนเพราะเหนื่อยทั้งร่างกายทั้งจิตใจเลยยอมปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายดูแลทั้งคืน....

 

 

ตอนเช้า...

 

 

     แก้วนมอุ่นๆทรงสูงถูกวางคู่กับอาหารเช้าแสนเรียบง่าย....ข้าวต้มกุ้ง  สายตาคมตวัดมองร่างเล็กที่งัวเงียตื่นขึ้นมา มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นคนสวยมองมาที่เขา....มองได้เดี๋ยวเดียวก็ส่งสายตาค้อนๆมาให้เขาอีกระลอก

 

“มองผมทำไม จะลากไปฆ่าที่ไหนเหรอครับ”   โทโมแกล้งเหย้าเสียงเข้มส่งผลให้อีกฝ่ายหน้ามุ่ยก่อนจะเหยียดมุมปากอย่างหมั่นไส้เขา

 

“อยากจะตายที่ไหนละคะ!”

 

“สวรรค์....หรือ....นรกก็ยอมไปทั้งนั้นแหละฮันนี่”  โทโมะเดินตรงไปหาร่างเล็กนั้นก่อนจะโผเข้ากอดหลวมๆ กดจูบเบาๆลงบนขมับน้อยอย่างเอ็นดู  ใบหน้าหวานของคนรักดูซีดเผือดลงไปมากเนื่องจากพิษไข้ ดวงตาดูอิดโรย ร่างแบบบางดูผอมไปอีกนิด....ให้ตาย เด็กดื้อของเขาทำไมถึงปล่อยตัวแบบนี้กัน

 

“งั้นก็ช่วยไปสวรรค์หรือนรกที่อื่นด้วยนะคะ อย่ามาตายที่นี่เด็ดขาด”  

 

“ไม่เอาแล้วไม่เถียงกันดีกว่า ไปทานข้าวต้มกุ้งของโปรดของฮันนี่ดีกว่า กำลังร้อนๆเลย”

 

“ไม่หิว...”

 

“อย่าดื้อ”  เขาบีบจมูกรั้นอย่างหมั่นไส้ก่อนจะกึ่งจูงกึ่งลากเธอไปทานข้าวจนได้

 

 

 

 

“ลงมาสิฮันนี่”

 

“พ่อคิดจะทำอะไรกัน ?”   เขายื่นมือไปรับเธอลงมาจากรถเพื่อพาแก้วมาโรงพยาบาลเนื่องจากอาการของเธอไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก  เขาไม่คิดจะอำพรางตัว....ไม่คิดว่าคนอื่นจะเห็นบ้างหรือยังไงกัน  ถึงกระนั้นก็เถอะแก้วเองก็แอบดีใจลึกๆและปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอรู้สึกดีแค่ไหน

 

“ก็พาฮันนี่มาโรงพยาบาลไงครับ ไปหาหมอเถอะ”    ระหว่างทางเดินเข้ามา ทุกสายตาต่างหันมามองที่เขาเป็นตาเดียว  แก้วเองก็ทำตัวไม่ถูกได้แต่รีบเข้าไปหาหมออย่างเร็วที่สุดเพราะไม่อยากเป้นที่จับตามองของใครหลายๆคน...มันน่าอึดอัดจริงๆ

 

 

 

“สวัสดีครับพี่ฟ้า”

 

“โทโมะ นายอยู่โรงพยาบาลกับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า ?”

 

“ข่าวไวดีนะครับ ใช่ครับ ผมพาแก้วมาหาหมอ”  

 

“โทโมะ!”  ปลายสายตอบกลับอย่างอารมณ์เสีย พัง! ทุกอย่างพังไม่เป็นท่า ยิ่งเจ้าตัวยืนยันอย่างหนักแน่นแบบนั้นแล้วละก็... โทโมะวางสายลงอย่างใจเย็นก่อนจะปิดเครื่องลงเพราะไม่อยากรับสายใครอีก  เมื่อแก้วทำธุระเสร็จเขาจึงรีบพาเธอกลับทันที

 

 

“เป็นไงบ้างฮันนี่ หมอบอกว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า”

 

“แค่พักผ่อนไม่เพียงพอเฉยๆค่ะ ร่างกายก็เลยอ่อนเพลีย แล้วนี่พ่อจะพาแก้วไปไหนอีกคะ”

 

“ก็พาไปซื้อชุดสวยๆใส่ไปงานไงครับ”

 

“งาน?”

 

“เดี๋ยวฮันนี่ก็รู้เองแหละครับ ไปเถอะ”  เขาพาแก้วไปเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ห้างและอีกตามเคยคนทั้งคู่ตกอยู่ท่ามกลางสายตาประชาชนนับร้อย แต่โทโมะก็หาได้สนใจ  เขาเลือกที่จะมองคนตัวเล็กของเขาลองชุดพร้อมรอยยิ้มสดใสนั่นมากกว่า  ไม่ได้สนใจอะไรรอบข้างอีกต่อไปแล้ว....ราวกับทั้งห้างมีเพียงแค่เขากับแก้วสองคน

 

 

 

 

 

งานเลี้ยงเปิดตัวภาพยนตร์

 

 

     ภายในงานถูกประดับประดาด้วยสีสันต่างๆอย่างสวยหรู  ผู้คนมากหน้า...ทั้งช่างภาพ  นักแสดง รวมทั้งพิธีกรและคนทำงานเบื้องหลังมากมายเดินกันกวัดไกว แสงไฟสาดประโคมไปยังเวทีกระทบกับคริสตัลที่นำมาห้อยระย้าประดับเอาไว้ยิ่งดูสวยงามจนยากจะถอดถอนสายตาออกได้ ซุ้มดอกไม้นานาพันธ์ถูกนำมาตบแต่งตรงทางเข้าออกของงาน ช่อกุหลาบสีชมพูหวานตัดกับดอกสีเหลืองสดแซมดอกสีดอกสีโอรสถึงแม้จะเอามารวมกันแต่ก็ให้ความสวยงามไปอีกแบบ.....

 

 

     ภายในงานเป็นไปอย่างครึกครื้นจนกระทั่งพระเอกของเรื่องปรากฏตัว.....เขาเรียกเสียงฮือฮาพร้อมทุกสายตาให้กลับมาจดจ้องที่เขา   โทโมะในชุดสูทสีดำ กระเป๋าตรงหน้าอกปักไว้ด้วยปากกาด้ามทองเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงอีกคน....ผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาว ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยสีพีชอ่อนๆให้เข้ากับชุดราตรีสั้นพริ้วสีโอรส  ทรงผมซอยสั้นถูกจัดทรงอย่างเป็นระเบียบ ริมฝีปากอวบอิ่มทาทับด้วยลิปกลอสสีส้มหวานๆ ดวงตากลมโตดูวาวประกายเป็นธรรมชาติ....

 

 

ธอเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาไปเสียทุกอย่าง

เธอดึงดูดทุกๆสายตาให้จ้องมองได้อย่างง่ายดาย

 

 

     ร่างเล็กจับมือของอีกคนไว้แน่น ไม่คิดไม่ฝันว่าวันนี้ของเธอกับเขาจะมาถึง ...ไม่คิดเลยว่าวันนึงเขาจะพาเธอมาเปิดตัวต่อหน้าสื่อมวลชนคนนับร้อยแบบนี้  ริมฝีปากบางยกยิ้มนิดๆและอดที่จะเอียงอายต่อสายตาชื่นชมเหล่านั้นไม่ได้  โทโมะกระชับมือแน่นก่อนจะจูงเธอไปนาตรงหน้างานและรอเขาขึ้นไปพูดบนเวที

 

 

“สวัสดีครับ  ก่อนอื่นผมต้องขอคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์ในวันนี้ ผมขอเป็นตัวแทนผู้ทำงานทุกท่านกล่าวขอบคุณอีกครั้งครับ”

 

     บนเวที....ประเด็นเรื่องภาพยนตร์ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องจนผ่านมาถึงช่วงท้ายของงานเป็นเวลาที่จะให้สัมภาษณ์นักแสดง และแน่นอนประเด็นแรกคงจะหนีไม่พ้นเรื่องผู้หญิงปริศนาที่นั่งอยู่ทางด้านล่างของเวที

 

“ไม่ทราบว่าวันนี้คุณโทโมะพาใครมาด้วยครับ จะใช่คนเดียวกับที่ข่าวออกบ่อยๆหรือเปล่า”  พอสิ้นคำถามเสียงเฮโลโห่เชียร์ก็พร้อมใจกันดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง  โทโมะอมยิ้มนิดๆก่อนจะเดินลงไปนั่งขนาบข้างผู้หญิงของเขา คว้ามือน้อยมากุมไว้ต่อหน้าสายตาผู้คน  แก้วหลบสายตานิดๆด้วยความไม่คุ้นชินกับการถูกจับตามองเสียเท่าไหร่

 

“คนนี้แหละครับ”

 

“งั้นก็แปลว่าวันนี้พามาเปิดตัวเลยสิคะ”

 

“ครับ  หลายคนก็คงหายใจข้องใจเสียทีผมกับน้องก็จะได้สบายใจกันทั้งคู่ด้วย ผมก็เลยตัดสินใจในวันนี้...”  โทโมะพูดออกสื่อด้วยรอยยิ้ม

 

“แล้วไม่คิดจะแนะนำน้องให้รู้จักกันหน่อยเหรอครับ”

 

“พ่อคะ ทำไมคนเยอะแบบนี้ล่ะ แก้วกลัว...”  ร่างเล็กหันมากระซิบกระซาบกับเขาเบาๆ  โทโมะกระชับมือที่จับแน่นขึ้นกว่าเดิมเป็นการให้กำลังใจอีกฝ่ายที่เอาแต่ก้มหน้าเขิน ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้อยู่ข้างๆเขา

 

“ผมกับแก้วคบกันได้นานพอสมควรแล้วละครับ แต่ที่ยังไม่ได้บอกทุกคนเพราะว่าน้องเองก็ยังเด็ก ให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่พักหลังๆนี้ข่าวเริ่มออกเยอะมากขึ้น ผมเลยตัดสินใจบอกให้ทุกคนทราบเพื่อเป็นการให้เกียรติแก้วด้วยครับ”

 

“แต่งเมื่อไหร่ดีละคะเนี่ย คนนี้”

 

“หือ ? ผมไม่รีบ...แต่ถ้าทุกอย่างลงตัวเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละครับ”   คำถามนั้นทำเอาแก้วหน้าแดงได้แต่ส่งยิ้มเฝื่อนให้นักข่าวด้วยความเขินอาย

 

“งั้นก็แปลว่ากับคุณจินนี่ก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานสิคะ “

 

“ใช่ครับ”

 

“คุณโทโมะมีข่าวกับสาวๆเยอะออกขนาดนี้น้องแก้วหึงบ้างเหรอคะเนี่ย ฮ่าๆ”  นักข่าวสาวหัวเราะอย่างอารมณ์ดี กับคำถามจี้ใจดำ  โทโมะเหลือบมองแก้วนิดๆก่อจะฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเบียดไหล่เธอเป็นเชิงถามเจ้าตัว...

 

“หึงมั้ย”

 

“.....”  แก้วเม้มริมฝีปากแน่นพลางส่ายหน้าอย่างเขินอาย  เขาทำให้เธออายแทบแทรกแผ่นดินหนี กิริยาน่ารักๆแบบนั้นเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากผู้คนในงานไม่มากก็น้อย

 

 

 

 

     แก้วมองตัวเองจากโทรทัศน์ด้วยความอารมณ์เสียก่อนจะหันมาปาหมอนใส่อีกฝ่ายที่แกล้งเธอออกสื่อแบบนั้น โทโมะหัวเราะน้อยๆก่อนจะคว้าคนตัวเล็กมานั่งลงบนตัก มือหนาบีบจมูกรั้นน้อยๆอย่างหมั่นเขี้ยวกับเด็กที่ไม่ยอมรับความจริงแบบเธอ...แก้วย่นจมูกใส่เขาอย่างหมั่นไส้ มือน้อยทุบอกเขาเบาๆอย่างขัดใจ

 

 

ชอบนักกับการแกล้งให้เธออับอายเนี่ย!

 

“พ่ออ่ะ...พ่อบ้าๆๆๆ”

 

“ฮะๆ ก็เขาถามแก้ว ไม่ได้ถามผม ผมให้ฮันนี่ตอบไม่ถูกหรือไงล่ะ”

 

“แต่พ่ออ่ะ........ไม่เอาแล้วแก้วไม่ออกงานไหนกับพ่ออีกแล้ว บอกตรงๆ......เข็ดจนตาย” 

 

“เข็ดจนตายเลย โถ...เด็กน้อยของผม”  เขาคว้าใบหน้าหวานมาจูบซ้ำอย่างอามรณ์ดี ต่อไปนี้ไม่ว่าจะไปไหน ทำอะไรก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาเห็นแล้วต้องหลบๆซ่อนๆอีกต่อไป

 

“แต่ก็ดี...พวกผู้หญิงของพ่อจะได้รู้ว่าพ่อมีแฟนแล้ว จะได้เลิกยุ่งกับพ่อเสียที!”  คนตัวเล็กเชิดหน้าอย่างพอใจก่อนจะถูกเขาแซวขึ้นอีกครั้ง

 

“แล้วบอกไม่หึง....ไม่หึง....แก้วไม่หึง”  มือหนาเอื้อมมาบีบจมูกเชิดรั้นอย่างหมั่นไส้แม่คุณที่ปากไม่เคยตรงกับใจ ทำเอาแก้วส่งค้อนควับมาเข้าให้อีกครั้งจนได้  ทั้งอาย ทั้งเขิน หัวใจของเธอทำงานหนักเพราะเขามากี่ครั้งกี่หนกันแล้ว คนบ้า!

 

“พ่ออ่ะ!”

 

“รีบตั้งใจเรียนให้จบไวๆแล้วกันนะฮันนี่”

 

“ทำไมคะ?”

 

“.....อยากแต่งงาน”

 

“พะ...พ่ออ่ะ! -/////////-“   ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงฝาดอย่างเห็นได้ชัด จนถูกเขาล้อเลียนครั้งแล้วครั้งเล่า  คนโตกว่าหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งให้อีกฝ่ายเขินจนหน้าร้อนแบบนั้น  ท่าทางพูดไม่ออก ไปไม่เป็นและสิ้นสุดที่คำว่า ‘พ่ออ่ะ’ เถียงไม่ได้ทีไรเธอต้องพูดคำนี้ทุกที.....น่ารักเกินไปแล้ว

 

 

“เขินใหญ่ เขินใหญ่เลย ฮ่าๆ”

 

“แก้วไม่ได้เขินนะ ไม่ได้เขิน เปล่า...ไม่เขินๆๆๆ!”

 

“เหรอครับ แล้วหน้าแดงทำไมกัน”

 

“อากาศมันร้อน”

 

“ยัยเด็กขี้โกหก”   โทโมะขยี้กลุ่มผมนุ่มของคนในอ้อมกอดน้อยๆ ก่อนที่แก้วจะฟาดมือแรงๆบนต้นแขนของเขาเป็นการลงทัณฑ์วิธีสุดท้ายของเธอ.....ก็ทำได้แค่นั้นแหละ! 

 

“แก้วไม่ได้เขินนะ...ไม่เขิน ไม่เขินๆๆๆ ฮ่าๆๆ”  เขาเอาคำพูดเธอมาล้อเลียนอีกครั้งจนแก้วหน้าแดงซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือใหญ่เชยปลายคางเรียวขึ้นให้เผชิญหน้ากับเขา  แววตาใสซื่อจับจ้องมองดวงตาคมวับอย่างงอนๆ จนอีกฝ่ายต้องรีบง้อด้วยการจูบเบาๆที่ริมฝีปากบางนั่น

 

 

“ไม่เขินใช่ไหม...งั้นต่อไปห้ามเขินนะ..... 

 

“พะ...พ่อ O///////O” 

 

 

 THE END

 


 

จบแล้วคร้าบ จบแบบมึนๆ T^T

'โทโมะจะทำอะไรแก้วอ่ะ'  O.O 

จิตนาการกันต่อเองนะคร้าบบบ

อี้ีอี้! แล้วพบกันเรื่องอื่นนะ จุ้บเบะ♥

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา