i'm not&you don't [Yaoi NC18+] END หนังสือถามได้คะ
เขียนโดย Pierre
วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 02.28 น.
แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559 22.56 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
45) 31 - Voluntary Spirit and Service Mind (4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
31 - Voluntary Spirit and Service Mind (4)
“งั้นเราลองมาคบกันเล่นๆสัก100ปีดีมั้ย?”
ห๊ะ!?
คบกันเล่นๆสัก100ปี??
“แล้วก็คบกันจริงๆอีกสัก200ปี จากนั้นก็แต่งงาน อยู่ด้วยกันไปจนลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”
บอกผมทีว่าไอ้คนที่ยืนยิ้มเพ้อฝันอยู่นี้ไม่ใช่คนบ้า
“ก่อนคบกู...กูว่ามึงไปเช็คสมองก่อนเถอะ”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
ผมด่ามัน แต่มันกลับหัวเราะ เออ เอาเข้าไป สงสัยจะไม่เต็มจริงๆ
“แกรนด์ มึงด่ากูแล้ว” มันยิ้มบอก “งั้นถ้ากูกลับไปเช็คสมองแล้วไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ...มึงต้องคบกับกูนะ”
“เห้ยยย! ไม่ใช่ละ คนละเรื่องเลย” ผมรีบค้านทันที นี่แม่งเข้าใจผิดไปถึงไหนแล้ววะ มิน่า...ถึงได้ดูดีอกดีใจขนาดนั้น “ไอ้สัด ถอย กูหนาว ดึกแล้ว จะไปนอน”
แต่แทนที่ผมจะได้ทำตามที่ปากพูด คนตัวสูงกว่าคว้าตัวผมเข้าไปกอดอีกครั้ง
“ปล่อย!!”
“มึงยกโทษให้กูแล้วใช่มั้ย?”
“...”
บอกตรงๆว่าความรู้สึกตอนนี้มันทั้งอยากยิ้มอยากหัวเราะ แต่ก็อยากร้องไห้อยากผลักมันออกไปไกลๆตัว เหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนได้ดี
ทั้งเรื่องที่มันโกหกผมและ...
เรื่องที่ผมยังรักมัน ยิ่งได้อยู่คนเดียว ยิ่งรู้ว่าตัวเองโหยหาสิ่งที่เคยมีจากมันแค่ไหน
ความรู้สึกมันตีกันจนแยกไม่ได้
“ให้โอกาสพี่อีกครั้งนะแกรนด์...” มือใหญ่โน้มหลังศีรษะให้ซบลงบนบ่ากว้าง เสียงกระซิบเบาๆดังขึ้นที่ริมใบหู มืออีกข้างโอบกอดผมไว้แน่น ส่วนผมได้แต่ยืนนิ่ง ทิ้งแขนทั้ง2ข้างลงกับตัว ไม่ได้กอดตอบ
โอกาส...มันจะมีได้สักกี่ครั้งในชีวิต
คนทุกคนต้องเคยพลาดพลั้งทำผิดมากันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ผมหรือคนตรงหน้า ต่อให้เพอร์เฟ็คสมบูรณ์แบบแค่ไหนก็ต้องเคยก้าวพลาดกันบ้าง
มันขึ้นอยู่กับว่าใครเลือกที่จะเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดและนำมาปรับปรุงแก้ไขหรือเลือกที่จะปล่อยเลยผ่านไป...
ผมผลักตัวมันออก
มันหน้าเสีย
สายตาเราทั้งคู่ประสานกัน โดยฝ่ายหนึ่งแน่วแน่เด็ดเดี่ยว อีกฝ่ายนั้นถึงจะไม่ได้แสดงออกชัดแต่ก็พอมองออกว่ามีความหวาดกลัวอยู่
ผมตัดสินใจแล้ว
.
.
.
“กูไม่อยู่คบเล่นๆกับมึงถึง100ปีหรอกนะ”
“...”
“เพราะกูคงมีชีวิตอยู่ไม่ถึงตอนคบกันจริงจังอะดิ”
เท่านั้นแหละ คนที่หน้าเครียดถึงกับยิ้มกว้าง
โอกาสน่ะ...กูให้แล้วนะ ใช้มันให้ดีๆก็แล้วกัน เพราะมันจะไม่มีเป็นครั้งที่2!
ส่วนเรื่องหมั้น เรื่องหมอน...กลับจากค่ายไปมึงโดนแน่ ถึงจะบอกว่ายกเลิกแล้วก็เถอะ แล้วอย่าหวังว่าจะได้มาเหยียบห้องกูอีกเลย!! พูดแล้วก็หน่วงๆในอก ใครใช้ให้มึงเก็บของออกไปจากห้องกูวะ....
“เย้!!” มันร้องดีใจเหมือนเด็กๆก่อนจะยื่นมือมาหมายจะกอดผมอีกครั้ง
“หยุด! ถ้ามึงกอดกูอีกกูจะถีบมึงกระเด็นเลย” ผมรีบห้ามมัน
“โอเคๆ” ไอ้เหี้ยพอสมันยิ้มร่า โชว์ฟันขาวเรียงสวย 2มือที่จะมาโอบล้อมผมกลับหยุดค้างกลางอากาศแล้วเก็บกลับไปตามเดิม
“เออนี่กูถามหน่อย มึงว่างมากนักเหรอ? ไหนไอ้พวกนั้นว่ายุ่งมากไงวะ?” ผมถามข้อสงสัยที่มันตงิดๆในใจ
“เปล่า นี่กูก็ทำงานให้ค่ายอยู่”
“??”
“เดินตรวจเวรยามไง”
“อ่ออืม” แล้วคงเดินมาเจอกูกับไอ้ภูพอดีสินะ...
“แล้วนี้กูก็กำลังช่วยคนคนนึงไม่ให้โดนข่มขืน” มันพูดนิ่ง แต่ผมสิตกใจไปแล้ว
ในค่ายมันมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอวะ? ใครที่ทำคงแม่งสารเลวสุดๆ ควรเอาฝ่าเท้ากระทืบมันให้จมดิน!
“เห้ย! จริงดิ ใคร? แล้วช่วยได้ยัง?”
มันสบตามองผมตรงๆ ก่อนจะไล่ระดับต่ำลงมาเรื่อยๆ...
“มึงไง...แล้วตอนนี้กูก็กำลังห้ามใจตัวเองอยู่”
ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เอาเหี้ยไปหลายๆตัวเลยสาดดดดดด ท่าทางแถวนี้จะมีเยอะด้วย แม่งงงงงง!!
ผมขอเสริมจาก4บรรทัดก่อนหน้าว่า นอกจากจะกระทืบมันแล้วควรตัดอวัยวะสืบพันธุ์เอาให้มันเป็นขันทีไปเลย!
“เชี่ย! มึงไปช่วยตัวเองเลยสัด!” ผมรีบเดินหนี หยิบผ้าเช็ดตัว คว้าอะไรได้คว้าหมด เพื่อมาปิดบังท่อนบนเอาไว้ ไม่องไม่อาบแม่งละ ดินก็ปล่อยให้มันเปื้อนไป ค่อยไปเช็ดออกก็ได้
“เอ้ากูพูดความจริง ฮ่าๆๆ...แล้วนั่นมึงจะไปไหน?”
“นอน!”
ผมเดินจ้ำอ้าวมายังห้องเรียนด้วยความเร็วสูงสุด แต่ดูท่าจะยังไม่เร็วพอ เพราะไอ้คนที่มันกำลังเดินตามหลังมาก็ทันผมอยู่ดี
เกลียดขายาวๆของมันก็คราวนี้ละวะ ตัดทิ้งแล้วมาต่อขากูซะเลยดีมั้ย!?
แล้วในขณะที่อีกไม่กี่เมตรก็ถึงห้อง ผมหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับมันตรงๆ
“นี่มึงจะตามกูมาอีกทำไมเนี่ย!?”
“ใครบอกว่ากูตามมึง? กูมาเดินตรวจเวรต่างหาก”ไอ้เหี้ยพอสทำหน้ามึนตอบ
เออ!
ในเมื่อทำไรมันไม่ได้ ก็ได้แต่หันหลังกลับมุ่งมั่นไปที่ห้องอย่างฟึดฟัด เมื่อมาถึงก็พบว่าในห้องปิดไฟ นอนหลับกันหมดแล้ว ผมจึงต้องค่อยๆย่องไปที่นอนเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนอื่น
ถึงตอนนี้คนเดินตรวจเวรยามก็ไม่ได้ตามเข้ามาแล้ว มันยืนมองอยู่ตรงประตูห้องสักพัก รอให้ผมแต่งตัวเสร็จ ล้มตัวลงนอน มึงจึงเดินจากไป
“อาบนานสัด” ไอ้แทนกระซิบด่า ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าไอ้นี่มันยังไม่หลับแน่ๆถ้าผมยังไม่กลับมา
“ก็แม่งเสือกมีคนจะมาข่มขืนกู”
“หืม?”
นี่มึงช่วยตกใจหน่อยได้มะ?
“คนที่เพิ่งเดินมาส่งมึงเมื่อกี้น่ะเหรอ? กูว่าคงไม่ได้เรียกว่าข่มขืนมั้ง ต้องเรียกสมยอมมากกว่า”
โอเคครับสัดทัช ถ้ามึงจะเข้าข้างกันขนาดนี้
“เหี้ย ยังไม่ได้ทำไรกันโว๊ยย”
แม่งงงงง ยิ่งคุยยิ่งหงุดหงิด อารมณ์เสีย เหี้ยนั่นมันมีไรดีวะ ทำไมทุกคนถึงต้องนับถือมัน เข้าข้างแต่มัน ไม่มีใครเห็นใจกูเลย
ยึดโอกาสที่ให้มันคืนได้ไหมนี่?
“หึหึ นอนๆ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าทำงานกรรมกรต่อ”
“เออ ฝันดี”
“พี่แกรนด์ค่ะๆๆๆๆ” เสียงเรียกจากเด็กสาววันก่อนทำให้ผมหยุดการทำงานแล้วหันไปมอง
“มีอะไรเหรอครับ?”
“มานั่งพักก่อนๆๆๆๆๆๆ” เด็กสาวไม่รอฟังคำตอบจากผม แต่กลับลากผมไปนั่งในที่ร่มเลย
“เดี๋ยวครับ เดี๋ยว พี่ยังทำงานไม่เสร็จเลยนะ”
เดี๋ยวโดนหาว่าอู้ ไม่เอาอะ พี่เก่งที่เป็นหัวหน้าคุมโคตรดุเลย
“อะนี่น้ำ” แก้วน้ำถูกส่งมาไว้ในมือ “มานี่หนูนวดให้ พี่แกรนด์จะได้หายเมื่อย” มือเล็กๆบีบนวดตามไหล่ผมทันที
“เห้ย ไม่ต้องครับๆ”
“ง่า...ทำไมละคะ?”
“พี่ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้น พี่เป็นผู้ชายนะครับ ผู้ชายแข็งแรง ไม่เมื่อยง่ายๆหรอก”
โกหกเด็กจะบาปปะเนี่ย? ในเมื่อตอนนี้ผมน่ะล้าไปทั้งตัว ยิ่งแดดคล้อยบ่ายลามไปทั่วบริเวณก็พาลจะหมดแรงเอาดื้อๆ ผมเข้าใจความรู้สึกของก่อสร้างกรรมกรตามท้องถนนเลย ถ้าไม่มีพวกเขา เราก็ไม่มีที่อยู่ที่อาศัย ไม่มีการคมนาคม ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ได้ใช้กันอย่างทุกวันนี้ ลงแรงไปมากแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเงินจำนวนน้อยนิด พอมีกินมีใช้ไปวันต่อวัน
แต่พวกผมเป็นอาสาสมัคร มีจิตอุทิศเพื่อสังคม (โดนพี่เก่งกรอกหูมาแบบนี้) เราไม่ได้สิ่งตอบแทนอะไรเลยนอกจากเสียงหัวเราะ รอยยิ้มของชาวบ้าน และความภาคภูมิใจที่มาจากน้ำพักน้ำแรงเราเอง
“งั้นหนูพัดให้นะ” และนี่ไง ผลตอบแทน...เด็กสาวหยิบแผ่นไม้ใกล้ๆขึ้นมาพัดให้ผม
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากนะครับ” ผมส่งยิ้มให้ “ว่าแต่...คุยมาหลายวันแล้ว พี่ยังไม่รู้เลยหนูชื่ออะไร? แต่หนูกลับรู้ชื่อพี่ซะงั้น โกงกันนี่นา”
“หนูชื่อน้อยหน่าค่ะ อยู่ป.3 ส่วนที่หนูรู้ชื่อพี่แกรนด์ก็เพราะพี่พอสหล่อเค้าบอกมา อิอิ”
มันอีกแล้ว นี่มึงไปหลอกล่อเด็กอีท่าไหนวะเนี่ย?
“พี่พอสหล่อบอกให้หนูดูแลพี่ดีๆ แล้วพี่เค้าจะมีขนมเป็นรางวัลให้”
อ้อ...มึงเอาขนมล่อสินะ
“พี่พอสหล่อยังบอกอีกว่าห้ามให้ใครมาคุยกับพี่แกรนด์โดยเฉพาะคนชื่อภู แต่หนูก็ไม่รู้ว่าทำไม พี่ภูเค้าก็น่ารักออก” น้อยหน่าเอียงคออย่างสงสัย ผมเลยหันไปมองไอ้ภูที่ตักดินอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เมื่อเช้าจู่ๆมันเดินมาบอกกับผมว่า
‘มึงอยู่ห่างๆกูไว้ดีกว่านะ กูไม่อยากมีเรื่องกับพี่พอส แต่...ถ้ามีไรก็คุยกับกูได้ตลอดนะ’
รูปประโยคมันขัดกันแปลกๆ แล้วไอ้ที่ว่าให้ผมห่างมันน่ะ...ผมว่าไอ้ภูมันควรบอกตัวเองมากกว่านะ
“แต่ถึงพี่ภูน่ารักแค่ไหนก็สู้พี่แกรนด์ไม่ได้อยู่ดี”
“หือ? น้อยหน่าครับ อย่างพี่เค้าไม่เรียกว่า ‘น่ารัก’ แต่ให้เรียกว่า ‘หล่อ’ นะครับ อย่างที่เรียกพี่พอสอะครับ” ผมสอนหน่อยหน่าให้ใช้คำชมแบบถูกต้อง
“แต่..หนูว่าพี่แกรนด์น่ารัก...”
“ไม่ครับไม่ เอางี้ อย่างน้อยหน่าอะเค้าเรียกว่าน่ารัก แต่อย่างพี่พอสเค้าเรียกว่าหล่อ ส่วนพี่...เค้าเรียกว่าหล่อมากๆ”
ผมสอนเด็กในทางที่ถูกต้องนะครับ
“อ๋อ น้อยหน่าน่ารัก พี่พอสหล่อ พี่แกรนด์หล่อมากๆ”
“ใช่เลยครับ ต่อไปนี้ให้เรียกว่าพี่แกรนด์หล่อมากๆนะครับ”
“โอเคค่า” เด็กสาวยิ้มรับแป้นแล้น
“พี่ไปทำงานต่อก่อนนะครับ เดี๋ยวจะโดนดุเอา”
“งั้นหนูไปหาพี่พอสหล่อดีกว่า”
แล้วน้อยหน่าก็วิ่งออกไป เพื่อไปอวดศัพท์ใหม่ให้พี่พอสหล่อฟัง
ผมทำงานไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก วันต่อวันเป็นแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าผมเป็นชาวค่ายอาสาได้ถึง 7 วันแล้ว จากลานกว้างที่เมื่อก่อนไม่มีอะไรเลย บัดนี้ได้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นจนเกือบเรียกได้ว่าเสร็จสมบูรณ์ ในส่วนของไอ้ทัช ไอ้แทนและนายเมฆก็ใกล้จะเรียบร้อย ดูได้จากสนามเด็กเล่นที่มีเด็กน้อยพากันดีอกดีใจ ส่วนห้องเรียนก็ทาสีใหม่ วางกระดานดำใหม่ที่ได้มาจากผู้สนับสนุนหลักอย่างเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่ง ป้ายชื่อโรงเรียนก็ปรับปรุงใหม่ สีสันสดใส ต่างจากตอนที่ผมมาวันแรก นอกจากนี้ส่วนที่ผมไม่รู้ก็คือมีการสร้างห้องสมุดด้วย อาศัยรับบริจาคหนังสือและสื่อการเรียนการสอนที่พี่ๆเค้าทำกันมาเพื่อนำมาบรรจุไว้ที่นี่ พี่รอยกับพี่วอร์มเป็นคนในฝ่ายนี้
อ้อ ผมเพิ่งรู้อีกว่านายหมิงอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ก็...คงเข้ากับมันดีมั้ง... แล้วเนื่องจากมันอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ นายหมิงจึงต้องไปนอนกับชาวบ้าน นั่นเป็นเหตุให้พี่รหัสเสียงโหดของผมตามไปนอนเฝ้าด้วยทั้งๆที่ตัวเองอยู่ฝ่ายโครงการ
ฝ่ายสวัสดิการอย่างส้มโอและกิ๊งก็ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ (และเมนูใหม่ในการทำอาหาร) คอยบ่นกับพวกผมทุกวันว่าทำไมชอบทำห้องรก(?) ซักผ้าแล้วก็ตากให้เป็นที่เป็นทางบ้าง เนื่องจากพวกเธอเบื่อที่จะต้องคอยคีบซากบ๊อกเซอร์เน่าๆมาตากให้เรียบร้อยและไม่อุจาดตา
ชาวบ้านที่นี่ประกอบอาชีพหลักคือชาวไร่ชาวสวน ในแต่ละมื้อจึงมั่นใจได้ว่าผักปลอดสารพิษ…
‘...และปลอดเนื้อสัตว์’ นายแทนว่าไว้
ส่วนไอ้คนที่มันอยากคบกับผมเล่นๆ100ปี...ถ้ามันว่างมันคงมาป้วนเปี้ยนให้ผมหงุดหงิดเล่นแล้วล่ะครับ งานมันหนักจริงๆ อันนี้ยอมรับและเข้าใจ มันถึงได้ส่งหนูน้อยหน่ามาดูแลผมแทนไง
ตอนกลางคืนตรวจเวรยามไม่รู้ว่าคนอื่นไม่มีให้ผลัดเปลี่ยนกะเหรอไงมันถึงได้เดินผ่านหน้าห้องผมทุกๆชั่วโมง ไม่หลับไม่นอน แถมตอนกลางวันมันก็ทำนู่นทำนี่จนดูวุ่นวาย หากมันแยกร่างได้ผมว่ามันคงทำไปแล้ว
ไอ้เหี้ยพอสมันดูโทรมขึ้น แต่มันกลับมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าเสมอ ไม่ว่าจะคุยกับใครหรือทำอะไร ต่างจากวันแรกๆที่มาถึงค่าย
‘เหมือนมึง’ นายทัชกล่าว
อะไร๊! ใคร๊! ครายยยย! ครายอารมณ์ดีขึ้น หงุดหงิดน้อยลง ปากเริ่มเพาะพันธุ์ฟาร์มหมาเหมือนเดิม ไม่มี๊!
และวันนี้เป็นวันก่อนกลับแล้วครับ ไวเหมือนกัน พี่หมูและพี่ออยเรียกรวมตัวกันที่ลานกิจกรรมที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยประกาศว่าวันนี้จะพาไปปลูกป่า แบ่งแยกตามกลุ่ม ใครอยากอยู่กลุ่มไหนก็ไป ยกเว้นพวกสาวๆที่ไม่ต้องไป รอเตรียมอาหารให้พวกผมก็พอ
งานนี้ไอ้แทนลากผมไปอยู่กลุ่มเดียวกับลุงรหัสมันครับ โดยมีลุงรหัสผมอย่างพี่แซค พี่เติ้ล พี่โอเชี่ยน พี่วอร์ม พี่รอย หมิง ไอ้ทัช และนายเมฆอยู่รวมกันก็ได้กลุ่มนึงพอดี
ส่วนพี่โกเม่...ปล่อยพี่เขาไปเถอะครับ
เดินกันไปเป็นกลุ่ม พอถึงแนวป่าก็มีชาวบ้านนำทางเข้าไปในป่า เดินเรียงแถวตอนลึก มันรกมากครับ ต้นไม้นานาชนิดตั้งตระหง่านแผ่กิ่งก้านสาขาออกมาทำให้แสงแดดเล็ดรอดลงมายังพื้นดินได้ไม่มากนัก ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ผมไม่ค่อยโดนแดดหรือเรื่องแย่เพราะร้อนอบอ้าวก็ไม่รู้ นอกจากนั้นยังมีโขดหิน ตะไคร่เขียวเกาะ เศษใบไม้ เดินลำบากเอาการ ต้องคอยจับกิ่งไม้ไม่ให้ล้ม แต่ถึงอย่างนั้น ลึกๆแล้วผมก็วางใจถ้าหากผมลื่นล้มไป
ถึงไม่พูด ไม่บอกอะไรแต่ผมก็พอจะรู้สึกได้ว่าคนข้างหลังเป็นห่วง...
ดีที่ผมไม่ใช่ผู้หญิง พอมีกำลังขาและแขนอยู่ ไอ้ปีนป่ายแบบนี้ก็สนุกดีนะครับ เหมือนกับว่ากำลังผจญภัยเลย แต่ถ้าให้มาคนเดียวก็ไม่เอาหรอกครับ มีหลงแน่ๆ
“ว๊ากกกกกกกกกก!!”
“เห้ยแทน มึงเป็นอะไร?” ไอ้ทัชรีบถามเมื่อเห็นว่าคนเดินนำหน้าตัวเองร้องเสียงหลง พร้อมทั้งถอยหลังกลับมา จนรูปขบวนที่เดินต่อจากมันต้องหยุดลง
“ตะ...ตะ..ตะขาบ!!” มันบอกเสียงสั่นพร้อมทั้งปิดตาและชี้มั่วๆไปยังจุดที่คิดว่าตัวเองเห็น
พวกเราพร้อมใจกันไปมอง
อื้อหืออ เป็นผมผมก็กลัวครับ ตัวใหญ่มากกกกกกกกก มันกำลังคืบคลานจากโหดหินหนึ่งเข้าไปในซอก
“เออน่า แค่ตะขาบเอง มันไม่ได้มากัดมึงซะหน่อย เดินต่อๆ” พี่โอเชี่ยนพูด
“นี่มึง...กลัวตะขาบเหรอวะ?” ผมทักเมื่อเห็นท่าทางของมัน ไอ้แทนพอรู้ตัวว่าแสดงกิริยาออกไปก็รีบปรับตัวให้มาเป็นดังเดิมแล้วรีบเดินต่อเมฆไปย่างเร่งรีบ
“อะไร? ใครกลัว? กูก็แค่หลีกทางให้มันเดิน”
“แต่ตะขาบมันอยู่ในซอกโขดหินนะครับ ไม่ได้อยู่บนพื้นดินซะหน่อย จะหลีกทางทำไมหว่า?” เอาละครับ นายเมฆถามอย่างงงๆ
“เออน่ะ เผื่อมันจะอยากลงมาเดินบนพื้นไง”
น้ำใจงามจริงๆเพื่อนกู
ตามทางผมเห็นทั้งรังมด ตะขาบ ไส้เดือน และตัวอะไรไม่รู้บินว่อนโฉบหน้าเฉี่ยวหลังให้ลุ้นกันเล่นๆ ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อย มันไม่ใช่เพลียแดดหรือเหนื่อยจากการทำงานอย่างวันที่ผ่านๆมา แต่เป็นเพราะการเดินเฉยๆเนี่ยแหละครับ ตัวดีเลย เหงื่อเริ่มซึมออกมาตามผิวหนัง รู้สึกเหนอะหนะเหนียวตัว เท่านั้นยังไม่พอ ผมยังรู้สึกคันยุบยิบๆตามตัวอีกด้วย
“โดนอะไรกัด?” คนข้างหลังถามเมื่อเห็นว่าผมเริ่มเดินไปเกาไป
“ไม่รู้วะ มึงเป็นมะ?”
“ไหนมาดู” มันจับตัวผมให้หยุดเดิน
“หลานรหัสกูนี่แม่งดีจริงๆ มีคนดูแลตลอดทาง ขนาดแค่ตัวไรกัดไม่รู้ หน้าไอ้พอสแม่งทำอย่างกับจะเผาป่า” ไม่ใช่แค่ผมที่โดนครับ “เอ้าๆๆ แล้วไอ้น้องรหัสกูน่ะ จะอุ้มหมิงเลยมั้ย? กูอนุญาตนะ ไม่ต้องทำมาเป็นมองหน้ามองหลังแบบนั้นหรอก” พี่แซคซึ่งอยู่ท้ายๆแถวแต่พี่แกเล่นพูดเสียงดังซะจนลุงที่นำทางก็คงได้ยิน
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
ผมว่าผมคงมีความคิดที่ตรงกับพี่วอร์มก็คราวนี้แหละ
กูอยากตัดสายรหัสกับไอ้พี่แซคจริงๆ แม่งงงงงงงง
ผมไม่รู้ว่าพี่แซครู้เรื่องของผมกับไอ้พอสลึกตื้นแค่ไหน...แต่ดูท่า...ลุงรหัสผมคงรู้ลึกจนทะลุปรุโปร่งเลยล่ะครับ
เดินกันต่อไม่นานนักก็ถึงจุดที่จะต้องลงมือปลูก พื้นที่เป็นดินรกร้าง มีต้นไม้ใหญ่ไม่มากนัก อุปกรณ์ถูกเตรียมวางไว้แล้ว ต้นกล้าบรรจุอยู่ในถุงดำมีประมาณ50ต้น ซึ่งกลุ่มพวกผมต้องปลูกให้หมดและให้กระจายไปทั่วบริเวณป่า
ผมเดินไปหยิบต้นกล้ามา2ต้น พร้อมกับจอบขุดดิน
ไอ้เหี้ยพอสเดินมาหยิบเหมือนกัน มันมองหน้าผม
“ต่างคนต่างปลูก” ผมพูดก่อนจะเดินแยกออกมา
คือไม่ใช่อะไรหรอกครับ นี่มันเป็นงานอะ ควรจะแยกแยะแบบที่มันปฏิบัติในเรื่องงานก่อสร้าง ถึงจะรู้ก็เถอะว่าพวกที่มาด้วยมันก็พร้อมจะสนับสนุนไอ้เหี้ยพอสทั้งนั้น
เอ่อ...แต่...อ่า...สารภาพก็ได้...
ผมกลัวมันเดินมาปลูกกับผมแล้วพูดว่า ‘นี่คือต้นรักของเรา2คนนะครับ’
บรึ๋ยส์ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
เมื่อหาตำแหน่งที่เหมาะๆได้ก็ขุดครับ ขุดๆๆๆจนคิดว่ามันลึกพอที่จะได้ต้นกล้าลงไปได้ก็หยุด แล้วหันมาฉีกถุงสีดำที่ห่อหุ้มรากและดิน จับใส่ลงหลุม กลบๆดินลงไปเหมือนเดิม เป็นอันเสร็จ แล้วลุกขึ้นไปหาตำแหน่งใหม่
ผมทำซ้ำแบบนี้อยู่4ต้น จนต้นสุดท้ายที่ผมไปหยิบมา กะว่าจะหาตำแหน่งปลูกสวยๆซะหน่อย เมื่อเล็งได้ตำแหน่งที่ถูกใจก็เดินตรงไปทันที
“เฮ้ย” ผมร้องเบาๆเมื่อเห็นไอ้พอสเดินมาอีกทาง บรรจบกันที่จุดนี้พอดี ในมือมันถือต้นกล้ากับจอบไว้อย่างละข้าง
ให้ตายเหอะ เน่าชิบหายเลยวะ ยิ่งกว่าในนิยาย (ก็นี่มันนิยายนะยะ!! : Pierre)
ต่างคนต่างมองกัน
“เอ่อ...เดี๋ยวกูไปปลูกตรงโน้นดีกว่า” มันพูดค่อยๆ
แต่ก่อนที่สมองจะได้คิด ปากผมก็ร้องเรียกมันไปก่อนแล้ว
“เดี๋ยว!” มันหันกลับมามองผมแบบงงๆ “เอ่อ...ปลูกตรงนี้แหละ ต่างคนต่างปลูกไปดิ” พูดจบผมก็นั่งหันหลังลงยองๆทันที เริ่มก้มหน้าก้มตาขุดอย่างเอาเป็นเอาตาย
ไม่รู้หรอกว่าไอ้เหี้ยพอสมันทำหน้ายังไง แต่ผมก็ได้ยินเสียงใบไม้แห้งที่มันเหยียบดังกรอบแกรบอยู่ข้างหลัง แสดงว่ามันไม่ได้เดินไปไหน มันคงนั่งลงและเริ่มปลูกแล้ว
‘ต่างคนต่างปลูก’ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ มันไม่พูด ผมไม่พูด
เมื่อกลบดินเสร็จผมก็ลุกขึ้น พร้อมๆกับที่มันลุกขึ้นมาพอดี
“ไปรวมกับพวกนั้นเถอะ เดี๋ยวกูไปตรวจความเรียบร้อยก่อน”
ผมทำตามที่มันบอก เดินกลับไปคนเดียว ส่วนมันก็เดินแยกไปอีกทาง และก่อนที่จะเดินลับหายไปจากสายตาผมหันกลับมาดูต้นไม้ที่ปลูกอีกครั้ง
ต้นกล้า2ต้นที่ปลูกไม่ห่างกันมากนักตั้งตรงอยู่เคียงข้างกัน
และพร้อมที่จะเจริญเติบโตไปพร้อมๆกัน...
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ