Rumor เหมือนเป็นข่าวลือ
เขียนโดย StrawberryTKCuTe
วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20.21 น.
แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
9) คืนเสียรัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
คืนเสียรัก...
KEAW PART
ความเงียบกลับมาเป็นเพื่อนฉันอีกครั้ง ทำไม....ทำไมเขาถึงรู้ ว่าฉันก็คิดแบบเดียวกันกับเขา แต่ก็อย่างที่บอกเรื่องของเรามันไม่มีทางเป็นไปได้...ฉันสะบัดหน้าหนีการจู่โจมของโทโมะก่อนจะรีบเดินหนีออกมาจากห้องนอนนั้นด้วยความรวดเร็ว เพราะถ้าเกิดฉันอยู่นานกว่านี้....ฉันคงทนเขาไม่ไหวจนต้องระเบิดออกมาแน่ๆ
และเหมือนโทโมะจะสึกนึกผิดที่เขาสร้างปัญหาให้กับฉัน เขาตามมาคว้าข้อมือฉันไว้ก่อนจะยื่นแผ่นกระดาษบันทึกโน้ตเพลงของเรา เพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัยว่าเรา...หายไปไหนกันมา?
“กลับแล้วนะ....และหวังว่าคืนนี้ คงเป็นคืนสุดท้าย ทุกอย่างจบแล้ว” ฉันหันมาพูดกับเขาด้วยความหนักแน่น แต่ใครจะรู้...ว่ามันก็เป็นเพียงภาพลวงตา ฉันสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาเพื่อตบตาเขา ทั้งที่จริงตอนนี้ตัวฉันกำลังร้องไห้อยู่ก็ตาม
“....” ไม่มีเสียงตอบรับจากปากของโทโมะ ฉันหันหลังเดินออกไปกล่าวลาครอบครัวของเขา ไม่เว้นแม้กระทั่งเบลล์? เขาไม่ได้ตามมาส่งฉันอย่างที่เขาพูดไว้ตอนแรกซึ่งมันก็ดีแล้วแหละ มีเพียงพี่เคนจิที่อาสาจะไปส่งแต่ฉันตอบปฏิเสธไป....
ปีนี้อากาศหนาวมาเร็วกว่าทุกๆปี ฉันเดินกอดตัวเองออกมาตามทางสายย่อยเป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ บ้านของโทโมะอยู่ลึกพอสมควรมันทำให้ฉันรู้สึกเดียวดายที่ต้องเดินเพียงลำพัง แต่เชื่อไหม...ฉันกลับรู้สึกดีกว่าที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆในบ้านของเขา คนเยอะ...ที่ไม่คุ้นเคย เพราะฉะนั้นการอยู่ตัวคนเดียวเวลานี้ มันจึงวิเศษที่สุดของแก้วเลยล่ะ
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน จู่ๆฉันก็รู้สึกร้อนๆบริเวณขอบตา รู้ตัวแล้วล่ะว่าน้ำใสๆมันกำลังเอ่อท้นจนแทบทะลัก จากดวงตาของฉัน ดวงตาที่เขาบอกว่าเป็นแรงบันดาลใจ ตอนนี้มันไม่สดใสแล้ว ไม่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวตามที่เขาบอก เขาจะรู้ตัวบ้างไหม....ว่าเขานั้นแหละเป็นคนทำให้ฉันเป็นแบบนี้เอง
“ฮึก...ฮึก” พยายามที่จะกลั้นแล้ว แต่มันก็ไม่อยู่จริงๆนี่นา....ฉันเลยปล่อยเลยตามเลย ปล่อยให้น้ำตามันไหลทั้งที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เจ็บ...เวลาที่เห็นเขาอยู่ด้วยกัน หรือ เป็นเพราะหลงเชื่อคำพูดลมๆของเขา ตอนที่เขาขอความรักจากฉัน ความสัมพันธ์ไม่มีชื่อเรียก ฮึ....สำหรับฉันแล้ว เรา 2 คน ไม่มีความสัมพันธ์กันเลยต่างหาก...
ฉันเดินมาเรื่อยๆจนเส้นทางบรรจบกับถนนสายหลัก จึงโบกเรียกรถโดยสาร แท็กซี่คันเดิม เอาเถอะ...ถ้าเขาจะเข้าใจผิดว่าฉันกับเขาเป็นอะไรกัน ก็ปล่อยเขาไป ฉันว่าฉันควรชินกับการถูกจับคู่ได้แล้วล่ะ...
“อ้าว...น้อง ไม่เคลียกับ....”
“ออกรถค่ะพี่”
เมื่อเห็นว่าฉันเอาจริง พนักงานขับรถจึงรีบทำตามคำบอกของฉัน ฉันนั่งเหม่อมองออกไปทางกระจกรถ เห็นพระจันทร์ดวงโตกำลังส่องสว่าง จริงสิ...ที่พระจันทร์มันสวยขนาดนี้ ก็คงเป็นเพราะพรุ่งนี้เป็นคืนวันเพ็ญสินะ วันลอยกระทง วงล้อของรถเคลื่อนที่ไปเรื่อยบนเส้นทางจราจรที่คับแน่น เป็นเรื่องปกติของกรุงเทพเมืองฟ้า แต่ทำไม...ฉันรู้สึกว่าหัวใจของฉันยังอยู่ที่เดิม อยู่ในที่ที่ฉันเดินจากมาเมื่อครู่...
วันต่อมา
“แก้ว..youสบายดีช่ะ?^O^” เขื่อนปั้นหน้ายิ้มเดินเข้ามากอดฉันด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์แปลกประหลาด ไม่เข้าใจในสิ่งที่หมอนี่ถาม ฉันไม่ได้เป็นอะไร ทำไมถึงจะไม่สบายล่ะ?
“นี่พวกแก....ทำไมวันนั้นพวกแกถึงทิ้งฉัน”
ฉันโพล่งออกไปด้วยความน้อยใจ เพื่อนก็มีตั้งเยอะแยะไม่คิดจะเป็นห่วงกันบ้าง ปล่อยให้ฉันอยู่กับโทโมะ 2 คนในนั้น ได้ยังไง? ไม่มีใครคิดจะออกมาตามหาฉันบ้างเลยเหรอ? แย่จริง ชิ! แต่คนที่งงยิ่งกว่าเห็นจะเป็นฉันเสียแล้ว....ก็ทุกคนเล่นทำหน้าเอ๋อไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรด้วย แถมยัยเฟย์ยังพูดจาประหลาดอีก
“ทิ้ง? ทิ้งใคร ใครทิ้งแก?” อ้าว...ก็ถ้าไม่ใช่พวกแกทิ้งฉันแล้วจะเป็นใครล่ะ ผ่านมาแค่ 2 วันลืมกันหมดแล้วเหรอ ไม่จริงหรอก!
“ก็....”
“แก้ว!”
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไร เสียงทุ้มๆของใครบางคนก็ตะโกนเรียกฉันไว้เสียก่อน ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ดีว่าเป็นใคร.....ฉันจำได้เสมอ เสียงเรียกของโทโมะ! ใบหน้าหล่อเก๊กขรึมจนคิ้วขมวดเป็นปมเดินอาดๆเข้ามาหาฉัน ก่อนจะเข้าคว้าที่ข้อมือแล้วลากฉันออกไปท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆ ...
“พี่ฟาง เฟย์ไม่เข้าใจในสิ่งที่แก้วพูด เราไปทิ้งยัยแก้วตอนไหน?”
“บางที..อาจจะเป็นวันคอนที่แก้วหายไปหรือเปล่า?” ป๊อปปี้ให้เหตุผลขึ้นมา แต่คนตัวเล็กส่ายหน้าพัลวัน มันจะเป็นแบบนั้นไปดั้งไง...ในเมื่อแก้ว
“แก้วส่งข้อความมาหาฟางกับเฟย์ แล้วว่ามีธุระที่บ้าน เลยกลับก่อน แล้วยัยแก้วจะมาหาว่าเราทิ้งได้ไงล่ะ?”
“แก้วคงลืมละมั้งฟาง”
“อืม...”
สาวร่างเล็กทำท่างุนงงอยากจะตามไปซักเพื่อนสาว แต่ถูกเขื่อนห้ามไว้ จนเฟย์หันมามองด้วยความหมั่นไส้...เดี๋ยวนี้เขื่อนชักทำตัวประหลาดๆขึ้นทุกวัน เหมือนเขื่อนจะรู้อะไรที่คนอื่นไม่รู้ สักวันเถอะเฟย์ต้องคาดคั้นเอาคำตอบจากปากเขาให้ได้ คอยดู!!
“ปล่อยนะ...งี่เง่า!” ฉันต่อว่าเขาเล็กน้อยพลางดีดดิ้นให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการของเขา แต่เปล่าเลยยิ่งฉันดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่น จนกระดูกแทบจะหักคามือเขา คนใจร้าย...เขาใจร้ายที่สุดเลย
“เด็ก....เด็กงี่เง่า ขี้โวยวาย”
เขาสบถใส่หน้าเธอด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ไม่ได้สนใจกับคำพูดของแก้วเท่าที่ควร มือหนาเกี่ยวกระหวัดเอวบางเข้าใกล้จนแก้วแทบเซล้ม ด้วยแรงฉุดมหาศาลทำให้เธอถลาเขาหาเขาอย่างแนบชิด จนหน้าอกหน้าใจเบียดเสียดกับแผ่นอกกว้างของเขาอย่างโจ่งแจ้ง เขาเล่นพาเธอมาทางสัญจรของผู้คนภายในบริษัทนี่นา...ใครเห็นเข้าละก็เป็นเรื่องแน่!
“ทำอะไรบ้าๆ อยากเป็นข่าวนักหรือไง?”
“เป็นก็ดีสิ...., มินนี่ ยอมให้เป็นหรือเปล่าล่ะ?” ประโยคเลี่ยนๆถูกกลั่นกรองออกจากปากหนาๆที่ช่างป้อยอหยอดคำหวาน ดูเหมือนโทโมะจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย เขายังคงไม่เลิกยุ่งกับแก้ว ถึงแม้จะถูกเธอถอยห่างก็ตาม ยิ่งแก้วถอย เขายิ่งเข้าหา....ยิ่งห้าม...เขายิ่งรัก
“ไม่”
“ไม่คิดบ้างเหรอ? โทโมะว่า...แก้วอย่าถามเรื่องวันนั้นกับใครอีกเลย ถ้าไม่อยากให้คนรู้ เรื่องของเรา” ที่เขาพูดมา ก็ถูกต้องทุกประการแก้วจำต้องยอมพยักหน้ารับตามคำบอกเล่าของเขา ยามคนสวยในอ้อมแขนเผลอ คนฉวยโอกาสก็ถือวิสาสะกดจมูกโด่งลงบนพวงแก้มสีชมพูทันที พร้อมๆกับที่เขาปล่อยเธอเป็นอิสระ
“อ๊ะ...เกลียดจริงคนฉวยโอกาส!!!”
“ฮะๆ ....แก้ว Loy Krathong Day คืนนี้....ว่างไหม?” โทโมะเอ่ยถามเสียงหวาน สายตาจดจ้องจดจ้องมองคนเขินที่เอาแต่หลุบสายตาต่ำ นิ้วเรียวเชยปลายคางคนสวยที่กำลังหน้าแดงขึ้นก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง
“.....”
“ไปลอยกระทงกันนะมินนี่”
ยังไม่ทันที่เธอจะตอบรับคำชวนของเขา เสียงโวยวายจอแจของเหล่าเพื่อนๆที่กำลังย่างเท้ามายังจุดที่เธอกับเขายืนอยู่ ทำให้ทั้งคู่ต้องรีบผละออกจากกันด้วยความรวดเร็ว
“ไฮ....พรุ่งนี้เราไปลอยกระทงที่ไหนดีแก้ว...นายด้วยโทโมะ?” ฟางเอ่ยถามเสียงหวานทั้งแก้ว และโทโมะ แก้วได้แต่หลบสายตาคาดคั้นของเฟย์ ส่วนโทโมะก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วมีหรือ?ที่ฟางจะดูไม่ออก
“งั้น..เที่ยวกันให้สนุกนะ”
ฟางหัวเราะคิกคักเป็นการใหญ่ที่ได้เอ่ยแซว คิดว่าคนสวยไม่ได้ยินหรือไง? ที่ฝ่ายชายชวนเพื่อนตัวเองไปลอยกระทงนะ....ที่ถามก็เพราะอยากแซวก็เท่านั้น การได้แกล้งให้แก้วเขินเนี่ย...สนุกเป็นบ้าเลย แล้วอีกอย่างนะ...ไม่มีเพื่อนชายคนไหนที่ชวนเพื่อนสาวไปลอยกระทงกัน 2 ต่อ 2 หรอก เชื่อฟางสิ...
หลังจากที่ฟางกับเฟย์เดินออกไปแล้ว แก้วก็ตั้งท่าจะเดินหนีโทโมะอีกครั้ง แต่ถูกเขาเดินดักหน้าไว้เสียก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างใบหู เสียงกระซิบแผ่วเบาของเขาสร้างความร้อนผ่าวบนใบหน้าขาวได้อย่างดีเยี่ยม ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดแก้มใสอย่างแนบชิด
“คืนนี้เจอกันนะ”
ฉันอยากจะตอบปฏิเสธเขาเสียเหลือเกิน แต่ทำยังไงได้ ในใจมันร่ำร้องหาแต่เขาเองนี่นา....อาจจะเห็นแก่ตัวที่ฉันทำแบบนี้ ตอบรับเขา เพราะบางทีผู้หญิงของเขาก็คงอยากไปกับโทโมะเหมือนกัน คืนพรุ่งนี้ ....ขอให้เป็นความทรงจำของฉันกับโทโมะก็แล้วกัน แล้วฉันจะสัญญาว่า....เราจะเป็นเหมือนเดิม
คืนนี้แล้วสินะ.....ที่โทโมะจะมารับฉัน เขาบอกให้ฉันรออยู่ที่บ้าน ฉันก็เลยจำเป็นที่จะต้องโป้ปดกับทางบ้านว่ารอเพื่อนมารับไปเที่ยวด้วย เป็นปกติของทุกปีที่ฉันต้องไปกับครอบครัว ขอเว้นไว้สักปีก็แล้วกัน คืนนี้ฉันอยากอยู่กับเขา...
นี่ก็เป็นเวลาเกือบๆสองทุ่มแล้ว ตามจริงโทโมะควรจะมารับฉันได้แล้ว เขานัดฉันไว้ตั้งแต่ทุ่มนึงด้วยซ้ำ แต่ฉันก็จะรอเพียงเพราะคิดว่าเขาจะมา ไม่อยากคิดเลย....ว่าตอนนี้เขาจะอยู่กับใคร?
“ฮึก” มีเพียงเสียงสะอื้นและหยดน้ำตาของฉัน เมื่อเวลามันล่วงเลยมาจนเกือบๆจะเที่ยงคืนแล้ว คนผิดสัญญา ! ตอนนี้เขาคงอยู่กับเบลล์สินะ...ฉันนี่โง่เสียจริง รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังจะรอ ทั้งที่รู้ว่าเขา...คงไม่มา
ลมหนาวโชยมาจนฉันต้องกอดตัวเองอีกครั้ง เตรียมตัวจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าปนกับเสียงหอบฮักของใครบางคนจากทางด้านหลัง เป็นโทโมะที่วิ่งเข้ามากอดฉันพร้อมกับคำขอโทษที่พร่ำออกจากปากเขาอย่างไม่ขาดสาย เหมือนกับน้ำตาของฉันที่มันยังคงไม่หยุดไหลเช่นกัน...
“ขอโทษ...แก้ว....โทโมะขอโทษ”
“กลับไปเถอะ ดึก.....”
“เรายังมีเวลา....ไปกับโทโมะนะ”
“ไม่ไป”
“เด็กดี....ไปกับมิกกี้นะ นะครับ” เขาขอร้องอ้อนวอนฉันด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาคงกลัวว่าฉันจะไม่ไปกระมัง? สุดท้ายเป็นฉันเองที่พ่ายแพ้เขา ปล่อยให้โทโมะจูงมือไปขึ้นรถได้อย่างง่ายดาย....
และฉัน...จะไม่ถามว่าเขาหายไปไหนมา
เขาขับรถมาเรื่อยๆจนสิ้นสุดที่ปลายทางแห่งหนึ่งเลียบแม่น้ำสายยาวทอดสุดลูกหูลูกตา สายลมเอื่อยๆปะทะเข้ากับใบหน้าของฉัน จนรู้สึกหนาวเหน็บ ฉันเดินลงจากรถมาพร้อมกับโทโมะที่ถือกระทงลงมาด้วยเพียงใบเดียว
“เราสองคน...”
“เราจะลอยด้วยกัน”
เขาตอบฉันแค่นั้นก็จะหันมาจูงมือฉันมุ่งตรงไปยังชายน้ำที่กำลังไหลเอื่อยๆ พัดพากระทงของผู้มาลอยก่อนหน้านั้นหายไปเรื่อยๆทีละกระทงๆ ฉันนั่งยองๆเคียงข้างเขา หันไปรอบๆตัวพบเพียงผู้คนบางตาเนื่องจากมันเป็นเวลาจะเที่ยงคืนพอดี คนส่วนใหญ่ก็เดินทางกลับกันหมดแล้ว
หลังจากที่เขาจุดธูปเทียนเสร็จ โทโมะก็เอ่ยชวนฉันอีกครั้ง...
“แก้ว...อธิฐานสิ” ฉันทำตามอย่างว่าง่าย ค่อยๆยกมือจับกระทงพร้อมกับโทโมะก่อนจะหลับตาอธิฐาน...
เขาลอบมองเธอด้วยรอยยิ้มหวานเมื่อเห็นคนสวยเอาจริงเอาจังกับการอธิฐานกับกระทง แสงเทียนที่ส่องสว่างบวกกับแสงจากเดือนเพ็ญที่ลอยเด่นอยู่เหนือหัวฉายส่องใบหน้าหวานของผู้หญิงฝั่งตรงข้าม จากที่สวยอยู่แล้วกลับยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ แสงจันทร์ฉาบไล้ใบหน้าของแก้วให้ความรู้สึกงามผ่องกว่าปกติ...
“ลอยแล้วนะ.....” ชายหนุ่มบอกกล่าวก่อนที่จะค่อยๆปล่อยกระทงลงน้ำไป 2 มือช่วยกันวักน้ำเพื่อช่วยให้กระทงใบนี้ลอยออกไปให้ไกลที่สุด
เป็นเวลาเที่ยงคืนพอดีที่ฉันกับโทโมะลอยกระทงเสร็จ เวลานี้ สถานที่แห่งนี้คงเหลือแต่เพียงแค่เรา 2 คนนั้น ฉันเดินนำมาที่รถก่อนจะยืนพิงกระโปรงรถมองดูพุที่ถูกจุดขึ้นเพื่อการเฉลิมฉลองในค่ำคืนนี้...มันตระการและสวยงามมากเหลือเกิน
“แก้วอธิฐานว่าอะไร บอกหน่อยสิ”
“ไม่บอก...ใครเขาให้บอกกันเล่า?”
“จริงสิ...ใครเขาให้บอกกันนี่เนอะ”
“อืม...อากาศเย็น แก้วไปเอาเสื้อก่อนนะ” ฉันเดินวกกลับไปเบาะท้ายควานหาเสื้อคลุมที่โยนใส่ไว้เมื่อครู่ แต่....ยังไม่ทันได้ออกไป เขาก็ตามเข้ามาพร้อมกับปิดประตูรถ....
โทโมะพลิกตัวฉันเข้าหาก่อนจะดึงเข้าไปกอดแน่นภายในรถที่มีพื้นที่แออัด ฉันพยายามขัดขืนดันตัวเขาออกให้พ้นสรีระตัวเอง แต่ทำอยู่ได้ไม่นานก็ต้องเผลอกอดตอบเขาไป
“โทโมะ....เรา...ฮึก...ไม่ควรเลย” น้ำตาของฉันไหลลงอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเอง ฉันกำลังกอดกับแฟนคนอื่นได้อย่างหน้าไม่อาย อ้อมกอดที่ฉันโหยหาไขว่ขว้ามาโดยตลอด มันคืออ้อมกอดของเขา...โทโมะ
“ความรักไม่มีสมควร หรือไม่สมควร มีแค่รักกับรักเท่านั้น”
ฉันรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งเวลาที่เขากอด เวลาที่เขาพูดคำหวานที่แม้ฉันจะไม่รู้เลยก็ตามว่ามันออกมาจากใจของเขาหรือเปล่า? อาจจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของหญิง-ชายที่ต้องใกล้ชิดกัน หรืออาจจะเป็นแค่ฉันคิดไปเอง? แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ช่าง....กอด จะอบอุ่นมากไหมในวันที่เดียวดายแบบนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขากอดเราแน่นไหม? แต่มันขึ้นอยู่กับว่าใคร....เป็นคนกอดต่างหาก
“ฮึก...หนาว...แก้วหนาวจริงๆ”
“อย่าพูดคำว่าหนาวรู้ไหม....”
“ทำไม?” ฉันปาดน้ำตาทิ้งอย่าลวกๆก่อนจะผละจากอ้อมกอดของโทโมะมาเผชิญหน้าเขาอีกครั้ง...
“มัน...เอ่อ...ไม่ดี”
“ไม่เข้าใจ”
“คือ....อย่าพูดแบบนี้ ในวันนี้ กับใคร...พูดได้แค่โทโมะคนเดียว รู้ไว้แค่นี้ก็พอ โอเคไหม?” ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดนักแต่ก็ยอมตกลง ตามที่เขาบอก ...
โทโมะเลื่อนใบหน้าเข้าหาแก้วจนปลายจมูกโด่งสัมผัสกันเล็กน้อย ดวงตาเรียวปิดลงลงช้าๆ จนกระทั่งริมฝีปากบรรจบกันในที่สุด เขากดริมฝีปากเข้ากับอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ประกบกันแน่นอีกครั้ง เพื่อดึงดูดลมหายใจของอีกฝ่ายเป็นการแลกเปลี่ยนลมหายใจระหว่างกันและกัน ...จุมพิตที่เขามอบให้ เขาเรียกกันว่า จุมพิตหลอมลมหายใจ...
มือหนาประคองท้ายทอยแก้วเอาไว้ก่อนจะดันกายบางนอนราบกับเบาะรถ มือร้อนค่อยๆลูบไล้ไปทั่วร่างของเธอ ปากหยักไล่จุมพิตไปทั่วบริเวณลำคอขาว มือบางยกคล้องคือเขาพลางสอดมือใต้เรือนผมดำขลับของโทโมะในยามที่เขาสัมผัส สติที่เปิดเปิงยากยิ่งที่จะควบคุมถูกปล่อยไปเลยตามเลย ทั้งที่จะขัดขืนก็ทำได้..แต่ไม่ทำ
ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดบริเวณลำคอระหงของแก้วจนเธอร้อนวูบวาบไปหมด เขาเลิ่กเสื้อยืดตัวบางขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะลูบไล้ผิวายบางที่กำลังสั่นสะท้านเพราะความไม่ชินบวกกับอากาศเย็นของวันนี้ ไหนจะยังเสื้อยืดที่ถูกถอดออกอย่างหมิ่นเหม่นั่นอีก...
“รักกันนะ”
“.....”
“รักไหม? รักกันบ้างไหมคนดี?”
“แก้ว....”
ฉันหลบสายตาของเขาอย่างห้ามไม่ได้ ล่วงเลยมาจนถึงป่านนี้คนโง่ยังไม่รู้ตัวจนต้องถามอีกหรือ? ฉันผิดสัญญากับตัวเองเสียแล้ว...ที่บอกว่าจะเลิกยุ่งกับเขา เป็นฉันเองที่ทำไม่ได้ ฉันหันกลับมาสบสายตาของเขานิ่งๆอย่างยอมแพ้ ยอมแล้วทุกอย่าง....
“รักสิ”
“บอกแล้ว...ว่าแก้วต้องรักโทโมะ ฮะๆ”เขากลั้วหัวเราะนิดๆก่อนจะก้มลงมาจูบหน้าผากฉันแผ่วเบา เป็นจูบที่อบอุ่นที่สุดในคืนนี้...สำหรับฉัน
“อย่าคิดว่าแน่นักนะ...” เขามองฉันยิ้มๆก่อนจะหันมาพรมจูบที่แก้มของฉันเบาๆ ก่อนจะเบี่ยงเบนจุดมุ่งหมายไปยังเรียวปากอวบอิ่มและ...ต่อๆไป
มือบางเผลกอดตอบร่างหนาแข็งแรงของเขา คนด้านบนซุกใบหน้าลงบนเรือนผมหอมของเธอพลางสูดดมความหอม บวกกับกลิ่นกายหอมอ่อนๆ นั่นเท่ากับยากล่อมประสาทชั้นเลิศที่ชวนให้เขาหลับใหล แต่ ต่างกันก็ตรงที่...ต่อให้ชวนหลับในนาที เขาก็คงหลับไม่ลงหรอก...กลิ่นกายสาวมันช่างหอมหวนเหลือเกิน หอมยิ่งกว่าน้ำหอมใดๆในโลกก็ว่าได้ แววตาพราวระยิบของเขาจดจ้องมองคนด้านล่างด้วยความหวานหยาดเยิ้ม....
วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรฉันไม่รู้...รู้แต่เพียงตอนนี้มีเขาเคียงข้างเท่านั้นฉันก็มีความสุขมากพอแล้ว
ความรักสำหรับฉัน มันคือความรู้สึกห่วงใยใครสักคน แม้จะแยกความรู้สึก ความลุ่มหลง และความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว...ก็ตามที
เป็นฉันเองที่ยอมยกหัวใจให้เขา...
เป็นฉัน...ที่เสียความรักให้เขา
END KAEW PART
.
โอะโอ...รู้ยังว่าทำไมเพื่อนๆไม่สงสัยที่แก้วหายไป
แก้วบอกเองนี่นาว่าโทรศัพท์อยู่กับ...แล้วจะส่งข้อความไปได้ไง จริงปะ แล้วใครน๊าเป็นคนส่ง ฮิฮิ
และแล้วก็อินกับการลอยกระทง ^^ ก็ลอยมาแต่งเป็น คืน-เสีย-รัก! โย่วววว
แล้วมีใครรู้บ้าง ว่าทำไม...โทโมะไม่ให้แก้วพูดคำว่าหนาวววววว~(กับคนอื่น)^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ