Rumor เหมือนเป็นข่าวลือ

8.6

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20.21 น.

  43 ตอน
  2163 วิจารณ์
  116.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

24) บอกฉันทีว่ารักของเรายังคงเหมือนเดิม?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

                                            บอกฉันทีว่ารักเรายังคงเหมือนเดิม?

 

 

 

 

          ภายใต้รถยนต์คันหรูเต็มไปด้วยบรรยากาศมาคุเมื่อเบลล์เอาแต่พูดจากกระแหนะกระแหนเรื่องระหว่างโทโมะกับแก้ว ถึงแม้ว่าเขาจะยอมทิ้งอีกฝ่ายมาเพื่อไปส่งเธอที่บ้านก็ตาม  ผู้หญิงมักจะดูอาการด้วยกันออกและเบลล์เองเธอก็ไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้เรื่องราวความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของคนรักกับเพื่อนสนิทของเขา! ข่าวคราวก็ออกโครมๆพฤติกรรมของเขาก็เผยออกให้เห็นๆกันอย่างโจ่งแจ้ง เพื่อนที่ไหน....เขาจูงมือจูงไม้กันตอนเดินห้าง?  เพื่อนที่ไหน....ที่ให้ความสนิทชิดเชื้อติดกันแจจนร่างทั้งสองแทบจะรวมเป็นคนๆเดียวกัน เพื่อนที่ไหน?!

 

 

 

“จะทำอะไรก็หัดเกรงใจกันบ้างคิดว่าเบลล์หน้าโง่มากหรือไง”

 

 

 

“เรื่องอะไร”    น้ำเสียงเครียดขมของโทโมะทำให้เบลล์รู้สึกโมโหมากขึ้นไปอีก

 

 

“เรื่องนายกับนังนั่น!”   เมื่อความอดทนมาถึงขีดสุด สรรพนามในการใช้เรียกแทนตัวเองกับเขาก็เปลี่ยนไป  หญิงสาวตวาดแว้ดจนปากคอสั่นสลับมองหน้าคนที่กำลังขับรถด้วยจิตใจอันขุ่นมัว 

 

 

 

“อย่าเรียกเพื่อนโทโมะว่านัง แก้วเป็นเพื่อน...”   ร่างสูงแบ่งรับแบ่งสู้อย่างสุดแสนจะลำบากใจ ด้วยรู้ดีว่าการกระทำของตนเป็นเรื่องที่ผิด เขายังไม่จัดการปัญหาค้างคากับอีกคนแต่ก็ดันอดทนรอไม่ไหวรับอีกคนเข้ามาแทนที่ขณะที่เบลล์ยังขึ้นชื่อว่า ‘แฟน’ อยู่เต็มปาก

 

 

 

“เพื่อนรักท้องติดกันสิไม่ว่า วันนี้นังนั่นมันกล้ามาหยามหน้าฉันถึงที่นี่....คิดว่าแน่นักหรือไง!”

 

 

 

“หยุดพูดจาแบบนั้นได้แล้วเบลล์  แก้วเขาไปทำอะไรให้ทำไมถึงต้องว่ากันรุนแรงนัก”  

 

 

 

“อ๋อ ปกป้องกันงั้นสิ! ทำไม...นังนั่นมันมีดีอะไรนายถึงได้หลงมันนัก ก็แค่ผู้หญิงหน้าตาจืดๆ สวยสู้ฉันก็ไม่ได้ นังนั่นมันไม่มีอะไรดีเลย! นายคบกับนังนั่นอยู่ใช่มั้ยๆ....ฉันถามว่าใช่มั้ย!?”   เบลล์ยังคงคาดคั้นเอาคำตอบจากเขาไม่เลิก จนอีกฝ่ายเริ่มหมดความอดทน เมื่อครู่เธอก็ด่าว่าคนรักของเขามากเกินพอแล้ว

 

 

 

“คบแล้วยังไง ไม่คบแล้วจะทำไม”

 

 

 

“ฉันไม่ยอมนะ นายทำอย่างนี้ได้ยังไง! อย่าลืมสิว่าเราเป็นอะไรกัน”

 

 

 

“เป็นอะไรล่ะ”    เขาถามเสียงเรียบ....พยายามข่มความรู้สึกเอาไว้ ไม่มีใครรู้หรอกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องทนกดเก็บความรู้สึกของตนเองขนาดไหน

 

 

 

 

          ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘คนรัก’ แต่กลับเป็นคนที่ตนเองไม่เคยรู้สึก ‘รัก’ ยืนเคียงข้างในฐานะ ‘แฟน’ มาตลอดสามปีเต็ม เธอเข้ามายืนเคียงข้างเขาด้วยความไม่เต็มใจของเขา....ตลอดเวลาเขาปฏิบัติตัวในฐานะแฟนที่ดีมาโดยตลอด ถึงแม้จะไม่พามาเปิดตัวกับเพื่อนๆมากนัก ไม่ใช่ไม่ให้เกียรติ…แต่มันอธิบายไม่ถูก หากเบลล์เป็นแก้ว...เขาจะรีบป่าวประกาศให้ทุกๆคนได้รับทราบทันทีว่านี่แหละ ‘คนรักของเขา’

 

 

 

 

“จะบอกอะไรให้นะ ฉันไม่มีวันยอม นายเป็นแฟนฉันและฉันก็จะไม่เลิกกับนายให้แล้วทิ้งฉันไปหานังนั่นหรอก!”

 

 

 

“แล้วตกลงเบลล์รักโทโมะจริงๆหรือแค่กลัวอายว่าโทโมะจะทิ้งไปหาแก้วกันแน่”

 

 

 

“....”   ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่นอย่างเถียงไม่ออก ก่อนที่รถของเขาจะหยุดการเคลื่อนที่เมื่อส่งเธอถึงหน้าบ้านพอดี

 

 

 

“เอาเป็นว่า ไม่นานนี้เราคงจะได้คุยกันอย่างเป็นทางการ เบลล์จะได้รู้ในสิ่งที่เบลล์ไม่เคยรู้ ทุกเรื่อง ทุกอย่าง!”   เขากล่าวเสียงแข็งเมื่อเห็นว่าต้องพูดเรื่องนี้ให้เธอรับรู้เสียที เธอจะได้รู้ว่าเขารู้สึกยังไง และแท้จริงแล้วหัวใจของเขา....ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของ!

 

 

 

 

         ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากอิ่มสวย เธอเม้มมันแน่นสนิทจนเป็นเส้นตรงก่อนจะสะบัดหน้าหนีเดินลงจากรถไปด้วยอาการฉุนเฉียว  โทโมะไม่หันไปมองเธอสักนิด รับรู้เพียงว่าเขาส่งเธอปลอดภัยดีแล้ว...เขาก็สบายใจ

 

 

 

 

          มือหนาเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์ข้างเบาะรถก่อนจะกดโทรหาคนตัวแสบที่เล่นซนจนทำให้เขาหัวเสียได้  เขารอฟังเสียงรอสายของเธอนานกว่าสิบนาทีเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมรับ จนเขาต้องตัดสายทิ้งหลายรอบหลายครั้งกว่าเธอจะรับก็ปาเข้าไปสามสิบกว่าสาย...หึ กะจะยั่วโมโหเขาให้ตายไปข้างเลยงั้นสิ

 

 

 

 

“ฮัลโหล...ง่วง”     ปลายสายตอบกลับมาพลางแสดงน้ำเสียงหงุดหงิดที่เขาโทรหาเอาตอนตีหนึ่งกว่าๆ แต่มีหรือที่โทโมะจะดูไม่ออกว่าคนตัวแสบของเขาแกล้งทำเป็นง่วงทั้งที่จริงแล้วยังคงตาสว่าง

 

 

 

“อยู่ไหน”

 

 

 

“ไม่บอก...”

 

 

 

“ที่ไหน”   เขาถามย้ำอีกครั้งน้ำเสียงเครียดขมขึ้นมาทันทีเมื่อเจ้าตัวเล่นแง่ใส่เขา

 

 

 

“คอนโดโทโมะ  มีไร”   คนตัวเล็กตอบน้ำเสียงอู้อี้อย่างขัดใจ

 

 

 

“งั้นอยู่นั่นแหละ เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว” เขาวางสายใส่ทันที ดวงตาคู่เข้มจ้องมองพื้นถนนปลายทางของเขาคือคอนโดของเขา

 

 

 

 

 

 

 

 

“เห้ย ปล่อย....ทำอะไรนะ ปล่อยๆๆๆ”   ร่างสูงสะบัดผ้าห่มที่แก้วใช้มันคลุมร่างนอนอยู่เตียงกว้างออกทันทีที่เหยียบย่างเข้าไปหาเธอ เจ้าตัวร้องโวยวายพลางกระถดกายหนีคนโตกว่าด้วยความไม่ไว้ใจ  แววตาดุดันที่จ้องมองเธออย่างเอาเรื่องทำให้แก้วนึกหวั่นแต่เธอกลับไม่นึกกลัวเขาเสียอย่างนั้น

 

 

 

คนอะไรชอบทำหน้าโหด แต่อันที่จริงแล้วเขาก็แค่ลูกเสือเชื่องๆแค่นั้นเอง 

 

 

 

 

 

“ทำไม แตะต้องไม่ได้หรือไง”

 

 

 

“ทำไม......อยากแตะเหรอ”   น้ำเสียงที่เขามองว่ายั่วเย้าของเธอช่างชวนให้เขารู้สึกโกรธไม่ลง ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ตามที  

 

 

 

 

 

          ร่างสูงคิดไปเพลินๆพลางจดจ้องมองร่างเล็กตรงหน้าไม่วางตา แก้มใสพองออกนิดๆ หัวคิ้วขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจว่าเขาจะจ้องมองอะไรเธอขนาดนั้น  นั่นไง...ท่าทีน่ารักแบบนั้นที่เธอชอบทำใส่ทำเอาเขาอดใจไม่ไหว อยากจะกระชากร่างนั้นมาฝังฝากความรัก อยากจะกระชากมากอดจูบให้รู้แล้วรู้รอดไป 

 

 

 

 

 

           และเมื่อหยุดความคิดไม่ได้ก็เลยเผลอทำตามความคิดของตน...มือหนาคว้าร่างตรงหน้าเข้าสู่อ้อมแขน  กดจมูกโด่งลงบนพวงแก้มนุ่มนิ่มที่เขาได้สัมผัสมาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะครั้งไหนสัมผัสเหล่านั้นจากตัวของเธอที่เขาได้พานพบก็ไม่ทำให้เขาลืมมันลงได้เลยแม้แต่เสี้ยวนาที 

 

 

 

 

 

          ร่างแบบบางหากแต่กลมกลึงไปด้วยส่วนสัดที่สมบูรณ์แม้เธอจะออกตัวเล็กไปหน่อยแต่นั่นก็ไม่ทำให้ทั้งร่างงามน้อยลงไป โทโมะโอบกระชับเอวคอดกิ่วของคนในอ้อมแขนส่งผลให้หน้าท้องแบนราบของเธอแนบชิดกับเขาจนแทบไม่มีที่ว่างให้อากาศเล็ดลอด หน้าอกเต็มเปรียะบดเบียดกับอกบึกบึนของเขาจนร่างสูงชักจะอดทนกับคนตรงหน้าไม่ไหว

 

 

 

 

 

          เด็กน้อยในอ้อมแขนมองเขาตาแป๋วไร้เดียงสา มือน้อยขยุ้มสาบเสื้อเขาไว้เมื่อเธอเริ่มรู้สึกเขินอายต่อสายตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มที่เขาใช้มองเธออย่างสำรวจไปทั่วทั้งร่าง วูบหนึ่งที่เธอเผลอหลบสายตาอีกฝ่ายก็ใช้นิ้วเรียวเชยคางมนขึ้นให้เธอผสานสายตากับเขาดังเดิม  เขามองริมฝีปากอิ่มชมพูระเรื่อที่เผยออ้านิดๆ ท้าทายเขาก่อนจะก้มประกบกลีบปากอิ่มอันเย้ายั่วอย่างหักห้ามใจไม่ได้

 

 

 

 “ปล่อยเค้านะคนบ้า...ปล่อย”    ทันทีที่เป็นอิสระ แก้วก็โวยลั่นพลางใช้กำปั้นน้อยๆทุบลงบนอกกว้างของเขา

 

 

 

“ไม่ปล่อย....มีอะไรไหม”   เขาว่าอย่างยียวนก่อนจะรวบมือน้อยนั้นไว้แล้วรั้งร่างแก้วเข้าหาอีกครั้ง  สาวน้อยหลบสายตาเขาวูบอย่างรู้สึกเขินอาย ถึงแม้มันจะไม่ใช่ครั้งแรกของกันและกันก็ตาม....โทโมะทำให้เธอรู้สึกซาบซ่านได้ตลอดเวลา

 

 

 

“จะ...ทะ....ทำอะไร”

 

 

 

“ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันสองต่อสองดึกๆดื่นๆแบบนี้ก็ต้อง....”

 

 

 

“หยุดนะ อย่าพูด”   หญิงสาวใช้สองมือตะครุบปิดปากเขาไว้ไม่ให้พูดอะไรน่าเกลียดออกมา  เขาหัวเราะขันๆก่อนจะแกะมือน้อยนั่นออกแล้วก้มจูบลงบนมือเรียวหอมหากแต่สายตายังคงจับจ้องใบหน้าหวานนั่นอย่างมีความหมาย

 

 

 

 

“ทำไม ก็พูดเรื่องจริง”   เขามักจะเป็นอย่างนี้เสมอ คิดอะไรก็พูดออกไปแบบนั้นไม่เกรงว่าคำพูดเหล่านั่นจะทำให้เธอเขินจนหน้าร้อน แก้วทุบที่อกของเขาเบาๆหากแต่สายตาคู่สวยกลับก้มลงมองต่ำที่พื้นไม่เงยหน้าสบสายตากับโทโมะ

 

 

 

“ปล่อย....หิวข้าว...แก้วจะไปกินข้าว”    เป็นอีกครั้งที่คำว่า ‘หึ’ ถูกสบถออกจากปากของโทโมะ การกินข้าวตอนตีหนึ่งกว่าไม่ใช่เวลาของเธอ....แก้วรู้น่าที่เสมอว่าตนเองเป็นโรคกระเพาะและเธอก็ต้องทานอาหารให้ตรงเวลาแล้วจะมากินอะไรเอาป่านนี้....แผนการเอาตัวรอดแบบเด็กๆนั่นคิดว่าเขาโง่จนดูไม่ออกหรอกเหรอ?

 

 

 

“แต่เค้าหิวคนตัวเล็กมากกว่านะครับ”   

 

 

 

“ไปหิวแฟนตัวสิ ชิ!”    ร่างบางทำหน้าบุ้ยเบ้อย่างหมั่นไส้ก่อนที่อีกฝ่ายจะหน้าตึงขึ้นมาถนัดตา เขากระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นพร้อมกับจ้องตาเด็กดื้อตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง

 

 

 

“พูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดี จะบอกอะไรให้นะแก้วใจ ต่อไปนี้ห้ามเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเบลล์อีก แก้วกำลังจะทำให้โทโมะเป็นบ้าอยู่แล้วรู้หรือเปล่า”

 

 

 

“ทำไม...เป็นห่วงความรู้สึกเขางั้นสิ งั้นก็เชิญเลย เชิญออกไปปลอบใจกันเลยไป...ไปยันเช้าเลยก็ไม่มีใครว่า!”  สาวน้อยหน้าตูมเมื่อรับรู้ได้ว่าเขากำลังเป็นห่วงแฟนของเขาอย่างออกนอกหน้า 

 

 

 

“วุ่นวาย”  เขาว่าเสียงเข้ม

 

 

 

“เออ! แก้วมันวุ่นวายแล้วใครล่ะที่ทำแบบนี้กับโทโมะแล้วไม่วุ่นวาย คุณเบลล์นะเหรอ คุณเบลล์ทำได้คนเดียวใช่มั้ยล่ะ!”

 

 

 

“ถ้าไม่เลิกงอแงโทโมะจะกลับ แล้วเราไม่ต้องมาคุยกันอีก” 

 

 

 

“ไม่!”   สาวน้อยยืนกรานเสียงแข็งจนโทโมะอ่อนใจ เขาหมดความอดทนกับเด็กงี่เง่าคนนี้เต็มทน หากตอนนี้ไม่รีบเดินหันหลังออกจากห้องนี้ไป มีหวังได้คว้าเธอมาฟาดฝ่ามือหนักๆลงตามตัวเพรียวบางนั่นเป็นแน่แท้!

 

 

 

“โอเค งั้นก็ไม่มีอะไรจะต้องพูด”  ร่างสูงหมุนตัวเตรียมเดินออกจากห้องไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

 

 

 

 

 

          แต่เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ชะงักเมื่อแก้ววิ่งตามมารวบกอดเขาเอาไว้ ทั้งที่เขาพยายามจะปลดแขนเรียวที่เกาะกอดรอบเอวเขาไว้นั่นแล้วก็หาได้สำเร็จ ยิ่งผลักไสร่างบางที่แนบสนิทจากทางด้านหลังก็ยิ่งรัดเขาแน่น

 

 

 

“ปล่อย...”

 

 

 

“ไม่ให้ไป จะไปหาเขางั้นเหรอ? ไม่ให้ไปๆๆ”

 

 

 

“ใช่ จะไปหาเบลล์” 

 

 

 

 

 

           แขนเรียวถูกแกะออกอีกครั้ง ก่อนเขาจะหันมาเผชิญหน้ากับแก้ว ใบหน้าสวยทมึงถึง ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนที่หยาดน้ำตาจะรินไหลออกมา เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าแก้วใจคนที่เคยเข้มแข็งคนก่อนหายไปไหน ทำไมต้องหวั่นไหวกับเรื่องบ้าบอพวกนี้ก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่เธอรู้ดีก็คือ...มันเป็นเพราะเขา เขามีอิทธิพลต่อหัวใจของเธอมากเกินไป เลยทำให้เธอต้องหลายเป็นคนอ่อนแอเพียงเพราะกลัวว่าเขาจะไม่รักก็เท่านั้น!

 

 

 

“ร้องไห้....”  เขาเอ่ยถามเสียงแผ่ว

 

 

 

“ไม่ได้ร้อง...ไม่...”   มือหนาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าสวยหวานนั้นออกก่อนจะซับน้ำตาให้สาวน้อยอย่างแผ่วเบา

 

 

 

 

 

          ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสาวน้อยของเขาเจ็บปวดมากแค่ไหน มันก็ไม่ต่างกับเขานักหรอก...ทุกๆครั้งที่อยู่กับแก้วเขามีความสุขมาก มากจนไม่อยากจะออกห่างจากเธอเลยแม้แต่น้อย หากแต่ความสุขนั้นก็แอบแฝงไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวลใจ เมื่อเขานึกได้ว่าผู้หญิงข้างๆเขาอยู่ในฐานะใด ‘เธอคือคนรัก’ สำหรับเขา แต่ยิ่งเขาแสดงออกว่ารักเธอมากเท่าไหร่ เขาก็จะกลายเป็นคนทำร้ายเธอมากขึ้นเท่านั้น เพราะบุคคลภายนอกไม่ได้รับรู้ด้วยว่าเธอคือคนรักของเขา  แต่เป็นผู้หญิงอีกคนต่างหาก

 

 

 

“โทโมะ...เรื่องของเราะต้องจบแล้วจริงๆเหรอ”   เสียงใสหากแต่ขุ่นเครือเอ่ยถามเขาเสียงแผ่ว  โทโมะมองภาพหญิงสาวตรงหน้าอย่างเจ็บปวดก่อนจะดึงร่างน้อยเข้าสู่อ้อมกอดพลางกดจูบลงบนขมับชื้นเหงื่อของอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน

 

 

 

“โทโมะหลงรักแก้ว...”

 

 

 

“....”   ร่างบางเงียบเพื่อที่จะฟังเขาพูดต่อ

 

 

 

“หลงรักมานานและตอนนี้แก้วก็รับรู้และเป็นของโทโมะคนเดียวแล้ว  โทโมะไม่โง่พอจะปล่อยหัวใจตัวเองหลุดลอยไปเสียหรอก....ไม่รู้หรือไงว่าใครเขาหลงรักตัวจนจะบ้า...”

 

 

 

 

“....”

 

 

 

“บอกที บอกโทโมะทีว่าเรายังเหมือนเดิม”

 

 

 

 

 

          ร่างบางบดเบียดกายแนบร่างใหญ่ของเขาไว้เหมือนเด็กน้อยขี้อ้อน ใบหน้าสวยน่ารักถูไถไปมากับแผ่นอกกว้างอย่างออเซาะ มือน้อยกอดรอบเอวสอบเขาไว้แน่น พลางเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบปลายคางสากเขาเบาๆ หญิงสาวเงยหน้าสบตาเขา แววตาคู่นั้นฉายแววแห่งความอบอุ่นทอดมองมายังเธอ จนแก้วแทบหลอมละลาย

 

 

 

 

          คนโตกว่าช้อนอุ้มร่างแบบบางขึ้นมาแนบอกก่อนจะพาร่างนั้นไปวางลงบนเตียงกว้างอย่างอ่อนโยนก่อนจะโถมตัวไปคร่อมร่างน้อยนั้นเอาไว้  แก้วมองเขาด้วยสายตาหลุบต่ำเมื่อเห็นว่าสายตาที่เขาใช้มองเธอมันช่างต่างกับตอนคุยกับปกติทั่วๆไป มันหวานซึ้ง อบอุ่นอ่อนโยนและร้อนแรงดั่งไฟแผดเผาไปในคราเดียวกัน จนหญิงสาวแก้มแดงซ่านอย่างเขินอาย

 

 

 

“ทุกอย่างเหมือนเดิม...”  ร่างบางตอบเขาเสียงแผ่วสร้างความชื่นใจให้เขาได้เป็นอย่างมาก

 

 

 

“พูดอีกทีสิ พูดอีกที”  เขาว่าเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

 

 

 

“เรายังเหมือนเดิม แก้วยังรักโทโมะเหมือนเดิมน่าคนตัวใหญ่”   หญิงสาวเอื้อมมือไปดึงคางเรียวของร่างสูงไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว

 

 

 

“โทโมะรักแก้ว รักมากเหลือเกินรักจนเกินกว่าจะปล่อยไปให้ใคร...รู้หรือเปล่าว่าตอนที่เราทะเลาะกันเพราะเรื่องของผู้ชายคนนั้น โทโมะแทบจะคลั่งตาย อยากจะไปอัดมันสักหมัดสองหมัด แต่ก็ไม่ทำ...”   เขาเม้มริมฝีปากแน่นอย่างเครียดขมจนแก้วต้องเอ่ยถามเขา

 

 

 

“ทำไมเหรอ”  

 

 

 

“เพราะไม่อยากให้แก้วมองโทโมะในแง่ร้ายไปมากกว่านี้ แค่นี้...ก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว”  เขาว่าเสียงอ่อยอย่างคนน้อยใจ

 

 

 

“โถ่  แก้วขอโทษนะคนตัวใหญ่...งอนแก้วเหรอคนดี?”   มือน้อยลูบไล้ใบหน้าหวานของคนรักอย่างแผ่วเบา 

 

 

 

“งอนสิ แก้วพูดขนาดนั้นใครไม่งอนก็บ้าแล้ว อย่าให้ได้เห็นว่าแก้วไปยุ่งกับเขาและเขามายุ่งกับแก้วอีกทีเดียวเชียว ไม่งั้นโทโมะไม่ปล่อยไว้แน่”  เขาขู่อาฆาตมาดร้ายสายน้อยใต้ร่างอย่างหมายมาด

 

 

 

“หึงแก้วเหรอ”

 

 

 

“ยังจะมาถาม แก้วน่ารักออกอย่างนี้ไม่หึงได้ยังไง ไม่รู้ล่ะ...ห้ามหูเบาให้เขาจูงจมูกอีกรู้หรือเปล่า”

 

 

 

“ว่าแก้วอีกแล้ว”   หญิงสาวตัดพ้อเขาน้อยๆ

 

 

 

“ว่าสิ ก็แก้วชอบดื้อดีนักนี่...แม่ดื้อขนาดเนี้ย ไม่อยากจะคิดเลยแฮะว่าลูกออกมาจะดื้อขนาดไหน”   ร่างบางหน้าร้อนฉ่าทันทีกับคำพูดของเขา  มือน้อยฝาดเผียะลงบนต้นแขนล่ำๆอย่างลืมตัวจนเขาร้องขำออกมา

 

 

 

“พะ...พูดอะไรโทโมะบ้า ลูกเลิกอะไรกัน บ้า...”

 

 

 

“อย่ามาโยเยน่าสาวน้อย”   เขามองเธอด้วยสายตากรุ่มกริ่มก่อนจะฝังจมูกโด่งลงบนต้นคอขาวนวล  กดจูบลงบนกลีบปากอิ่มอย่างแสนเสน่หาในความหวานไม่รู้อิ่ม

 

 

 

 

 

         เสียงหวานครางแผ่วผ่านลำคอระหง ยามถูกเขาสัมผัสอย่างลึกล้ำร้อนแรงหากแต่แฝงความนุ่มหวานไว้เต็มกลืนจนแก้วแทบจะสำลักกระอักความหอมหวานนั้น แก้มสาวแดงซ่านร้อนฉ่าอย่างเขินอาย  หัวใจของชายหนุ่มเต้นระรัวเมื่อความกำซาบซ่านละมุนละไมจากหญิงสาวสร้างความปันป่วนปลุกปั่นให้เขาร้อนไปทั่วทั่งร่าง

 

 

 

เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่า จะปรารถนาร่างน้อยอย่างเธอได้มากมายขนาดนี้

 

 

 

 

 

 

 

          สายมากแล้วหากแต่ร่างบางยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียงกว้างไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาง่ายๆ  โทโมะตะแคงมองใบหน้าหวานละมุนยามหลับใหลนั่นอย่างยิ้มๆ ริมฝีปากอิ่มเผยอน้อยๆอย่างน่ารัก ร่างบางนอนหลับสนิทในท่านอนคว่ำ ผ้าห่มผืนใหญ่ที่ใช้คลุมร่างเปลือยเปล่าเลื่อนต่ำลงทุกทีหลังจากที่สาวน้อยขยับตัวไปมา ผิวกายเนียนอมชมพูเผยออกให้เขาได้เห็น  ร่างสูงค่อยๆขยับตัวเข้าใกล้พลางกดจูบลงบนพวงแก้มหอมนุ่มและแผ่นหลังเนียนขาวนั่นอย่างบางเบา พร้อมกระซิบเสียงพร่าข้างใบหูเล็ก

 

 

 

“แมวน้อยขี้เซา....ไม่ตื่นอีกเหรอครับ สายมากแล้วนะ”

 

 

 

“อื้อ”  เสียงครางแผ่วๆออกจากลำคออีกฝ่ายอย่างงัวเงีย  โทโมะมองภาพนั้นอย่างมีความสุขก่อนจะมีเสียงขัดจังหวะของประตูห้องดังขึ้น

 

 

 

 

 

       หัวคิ้วขมวดมุ่นอย่างขัดใจเมื่อมีคนมารบกวนภาพอันแสนสุขของเขา โทโมะสะบัดผ้าห่มออกจากตัวก่อนจะก้มลงหยิบเสื้อคลุมข้างเตียงขึ้นมาสวมใส่พร้อมทั้งเดินไปเปิดประตูห้อง

 

 

 

“มาทำไมแต่เช้าว่ะ”  

 

 

 

“…..รบกวนสินะ”   ป๊อปปี้คือผู้มาเยือนในครั้งนี้ เขายกยิ้มมุมปากนิดๆเมื่อสายตาดันเหลือบไปเห็นเจ้าของแผ่นหลังขาวเนียนบนเตียงกว้างที่ตั้งเด่นอยู่กลางห้องนอนที่เปิดประตูแง้มไว้ของเพื่อนรัก  ในสภาพที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยเสียเท่าไหร่นัก

 

 

 

“แล้วมีอะไรถึงต้องมาถึงคอนโดของฉัน”  โทโมะถามเสียงขุ่นก่อนจะเชื้อเชิญเพื่อนรักให้เข้ามานั่งคุยภายในห้อง ก่อนจะเดินไปปิดประตูห้องนอนเมื่อเขาลืมสนิทไปว่าเผลอเปิดมันทิ้งไว้

 

 

 

“เก่งนี่...ปราบพยศยัยม้าดีดกะโหลกนั่นได้...ฮึ”  เพื่อนรักเอ่ยแซวเขาเล็กน้อยจนโทโมะต้องเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อน

 

 

 

“ว่าธุระของแกมาเหอะน่า”

 

 

 

“ก็ไม่มีอะไร แค่ฉันแวะมาทำธุระแถวนี้ให้คุณแม่พอดี ก็เลยแวะขึ้นมาดื่มกาแฟที่ห้องแกซะหน่อย ไม่คิดว่าจะไม่อยู่คนเดียวนี่...”

 

 

 

“คอฟฟี่ ช็อปข้างทางแกกินไม่ได้เหรอว่ะ ถึงต้องขึ้นมากินที่ห้องฉันนะ” 

 

 

 

“ได้สิ...ก็แค่ขึ้นมาทักทายเพื่อนนิดๆหน่อยๆน่า สาบานได้ว่าถ้าฉันรู้ว่าจะมีคนนอนอยู่บนเตียงแกอย่างงั้นฉันไม่มาให้อิจฉาเล่นหรอก”  ป๊อปปี้พูดหยิกแกมหยอกจนอีกฝ่ายทำหน้าไม่ถูก ทั้งเก้อเขินทั้งรู้สึกโมโหที่เพื่อนรักเอ่ยแซวเขาแรงอย่างนั้น

 

 

 

“ทำไม...มันก็เป็นเรื่องธรรมดา”

 

 

 

“เอาลูกสาวเขามาปู้ยี้ปู้ยำแบบเนี่ย พ่อแม่พี่สาวเขาไม่ว่าหรอกหรือไง ฮึ....”   ร่างสูงว่าไปพลางจิบกาแฟที่เจ้าของห้องเพิ่งเดินไปชงให้อย่างสบายอารมณ์

 

 

 

“ใครว่า ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นซะหน่อยนี่หว่า คนเรารักกันมันก็ต้องให้เกียรติกันใครจะบ้าเอาตุ๊กตาน้อยมาปู้ยี้ปู้ยำกันเล่า”

 

 

 

“แล้วเคลียร์กับคนเก่าหรือยัง ถึงได้ลากเอาตุ๊กตาน้อยที่ว่าเข้ามาพัวพันในชีวิตน่ะ”   คำพูดของป๊อปปี้ทำให้โทโมะฉุกคิดขึ้นมาได้ สิ่งที่เพื่อนรักพูดเป็นความจริงทุกประการและตอนนี้เขาก็เริ่มจะคิดหนักอีกครั้งเสียแล้ว

 

 

 

“ฉัน....”

 

 

 

“แก้วก็เป็นเพื่อนคนนึงที่ฉันรัก เพราะเราค่อนข้างสนิทกันมานานพอสมควรและแกก็เป็นเพื่อนที่ฉันรัก ฉันไม่อยากเห็นแกทำร้ายแก้วด้วยคำว่า ‘รัก’ หากแกคิดจะรับผิดชอบชีวิตของเธอแล้วละก็...ช่วยจัดการเรื่องผู้หญิงคนนั้นเสียที ฉันเห็นแก้วร้องไห้หลายครั้งฉันก็เป็นห่วง ฟางก็เป็นห่วงเพื่อนของเขาแล้วก็มาปรับทุกข์กับฉันประจำ”

 

 

 

 

“.....”

 

 

 

 

“ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้แหละ ไม่ได้มากินกาแฟหรือทักทายแกหรอก ก็เห็นๆกันอยู่แทบทุกวันจะต้องมาทักทายกันทำไม จริงมั้ย?”

 

 

 

“ฉันรู้ดี ทุกอย่างที่ฉันทำอาจจะไม่ถูกต้องนัก แต่ฉันก็กล้ายืนยันเต็มปากว่ายังไงฉันก็รักแก้ว และก็ไม่ได้รักเบลล์”

 

 

 

“ไม่ได้รักเบลล์ ? แล้วคบกับเธอทำไม?”  ถูกเพื่อนรักถามย้อนจนเขาไม่รู้จะตอบยังไง  จึงตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเล่าให้ป๊อปปี้ฟังเป็นคนแรก อย่างน้อยเขาก็มีที่พึ่งที่ระบายได้ ป๊อปปี้เป็นคนมีเหตุผล มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ เพื่อนของเขาคนนี้คงช่วยอะไรเขาได้บ้างไม่มากก็น้อย

 

 

 


 

 

'เพราะเราทุกคนกำหนดชีวิตตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างจึงไม่เป็นไปอย่างใจหวัง'

 

โทโมะเลือกที่จะรับแก้วเข้ามาในชีวิตโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องเพียงเพราะ 'รัก'

 

ส่วนแก้วเลือกที่จะเดินตามเขาโดยไม่คิดเช่นกันว่าสิ่งที่ทำถูกต้องหรือไม่ก็เพราะ 'รัก'

 

เรื่องนี้ไม่มีคนผิด ไม่มีคนถูก และไม่มีสาระ จบข่าว-0-

 

#มาช้าไปมากเพราะติดสอบ ติดทำพาเหรดกีฬาสี ติดเรียนเสริม เรียนๆๆๆๆคับผมมyy *แพร่ม*

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา