UTM คืออะไร ทำไมนักการตลาดจึงใช้ในการประเมินผลแคมเปญ

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (439)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:801
เมื่อ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 12.29 น.

UTM คืออะไร ดีต่อนักการตลาดอย่างไร แบ่งออกเป็นกี่ประเภท แล้ว UTM tracking คืออะไร เราสามารถวัดผล UTM tracking ได้อย่างไร เราไปดูกัน

 

UTM คือ

  

ในทางธุรกิจย่อมมีการจัดแคมเปญต่าง ๆ มากมาย เพื่อกระตุ้นยอดขายหรือเพิ่มจำนวนลูกค้า แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่า แคมเปญที่เราจัดนั้น มีประสิทธิภาพเพียงพอ ลูกค้าสามารถเข้าถึงด้วยช่องทางใด วิธีการใด หรือแคมเปญใดที่เราจัด โดยเราขอแนะนำ Urchin Tracking Module หรือ UTM ซึ่งเป็นพารามิเตอร์ที่จะช่วยเราตอบคำถามดังกล่าว แล้ว UTM คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรในเชิงธุรกิจ บทความนี้มีคำตอบ

 

UTM Code คืออะไร

 

parameter คือ

 

Urchin Tracking Module หรือ UTM คือ พารามิเตอร์หรือตัวแปรต่าง ๆ ที่ใส่ต่อท้าย URL ของเว็บไซต์ เพื่อวัดผลลัพธ์ในการเข้าชมเว็บไซต์ ว่า ลูกค้ามาจากช่องทางไหน มาด้วยวิธีอะไร และมาจากแคมเปญอะไร ถือว่าเป็นเครื่องมือทาง Marketing ที่ใช้ในการติดตามและวิเคราะห์ผลของแคมเปญทางการตลาด เพื่อให้เราสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล นำมาวัดประสิทธิภาพของแคมเปญ และต่อยอดวางแผนถึงแคมเปญต่อไปในอนาคต

โดย UTM Code จะนำมาต่อท้าย URL ทำให้นักการตลาดสามารถรวบรวมข้อมูลในด้านต่าง ๆ ของแคมเปญได้ถึงแหล่งที่มา สื่อ แคมเปญ และคำหลักที่ดึงดูดการเข้าชมเว็บไซต์ เพื่อนำมาประเมินแคมเปญที่ทำอยู่ เป็นการใช้ข้อมูลที่ได้รับมาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถปรับเปลี่ยนแผนกลยุทธ์ทางการตลาดได้

 

UTM ดีต่อนักการตลาดอย่างไร?

 

ในหัวข้อนี้ เรามาหาความรู้เกี่ยวกับ UTM ให้ประโยชน์หรือมีข้อดีอย่างไรกับนักการตลาด โดยมีปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ที่ช่วยให้ UTM ดีต่อนักการตลาด คือ

 

  • การติดตามแคมเปญ UTM ช่วยให้นักการตลาดติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดได้อย่างถูกต้อง ด้วยการผนวกพารามิเตอร์ UTM ที่ไม่ซ้ำกันเข้ากับลิงก์แคมเปญต่าง ๆ นักการตลาดสามารถระบุได้ว่าแคมเปญใดที่กระตุ้นการเข้าชม และการมีส่วนร่วมบนเว็บไซต์ของตน ข้อมูลนี้ช่วยในการประเมินความสำเร็จทางการตลาดได้เป็นอย่างดี 

  • แหล่งที่มา รหัส UTM ช่วยระบุแหล่งที่มาของการเข้าชมเว็บไซต์ โดยใช้พารามิเตอร์ "UTM_source" นักการตลาดสามารถระบุได้ว่าเว็บไซต์ เครื่องมือค้นหา แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือแหล่งอ้างอิงใดที่สร้างการเข้าชมมากที่สุด ข้อมูลนี้ช่วยให้นักการตลาดสามารถมุ่งเน้นไปที่ช่องทางที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสม

  • วิเคราะห์สื่อ ด้วยพารามิเตอร์ "UTM_medium" นักการตลาดสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพของสื่อหรือช่องทางการตลาดต่าง ๆ โดยสามารถระบุได้ว่าสื่อใด เช่น อีเมล โซเชียลมีเดีย โฆษณาแบบ CPC หรือการค้นหาแบบออร์แกนิก ที่กระตุ้นการเข้าชมมากที่สุด ข้อมูลนี้ช่วยจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลงทุนในช่องทางการตลาดที่ประสบความสำเร็จสูงสุด

  • การเปรียบเทียบแคมเปญ UTM ช่วยให้นักการตลาดสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดต่างๆ โดยใช้พารามิเตอร์ "UTM_campaign" นักการตลาดสามารถแยกความแตกต่างระหว่างหลายแคมเปญที่ทำงานพร้อมกัน และตัดสินว่าแคมเปญใดให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ข้อมูลนี้ช่วยในการระบุกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จ เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ และจัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ

  • การติดตามคำหลัก: พารามิเตอร์ "UTM_term" มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการติดตามคำหลักในแคมเปญการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย นักการตลาดสามารถระบุได้ว่าคำหลักใดที่ทำให้เกิดการคลิก ทำให้เขาสามารถปรับแต่งกลยุทธ์คำหลัก เพิ่มประสิทธิภาพการเสนอราคา และปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญ

  • การทดสอบ A/Bโค้ด UTM ที่มีพารามิเตอร์ "UTM_content" ช่วยในการทดสอบ A/B นักการตลาดสามารถสร้างโฆษณาหรือลิงก์เวอร์ชั่นต่างๆ ที่มีค่าเนื้อหา UTM ที่แตกต่างกัน โดยการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของรูปแบบนั้น ในการประเมินว่าองค์ประกอบใดมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน เพื่อใช้ในการตัดสินใจเพิ่มประสิทธิภาพสื่อการตลาดของตน

 

โดยรวมแล้ว UTM ให้ข้อมูลเชิงลึกอย่างละเอียดแก่นักการตลาดเกี่ยวกับการพัฒนาทางการตลาดช่วยให้วัดและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญ แหล่งที่มา สื่อ คำหลัก และรูปแบบเนื้อหาที่แตกต่างกัน ข้อมูลนี้ช่วยให้นักการตลาดสามารถปรับกลยุทธ์ จัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลลัพธ์ที่ดีขึ้น 

 

5 ประเภท UTM Parameter

 

UTM

 

พารามิเตอร์ UTM หรือที่เรียกว่าแท็ก UTM หรือรหัส UTM ใช้เพื่อติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดและการเข้าชมเว็บไซต์ ทำให้นักการตลาดสามารถรวบรวมข้อมูลในด้านต่างๆ ของแคมเปญได้ พารามิเตอร์เหล่านี้ถูกเพิ่มลงใน URL เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มาของผู้เข้าชมหรือแคมเปญเฉพาะที่นำไปยังเว็บไซต์ มี 5 พารามิเตอร์ UTM หลักที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่

 

1. Campaign

 

UTM_campaign คือ พารามิเตอร์ที่ติดตามแคมเปญการตลาดหรือโปรโมชั่นที่เกี่ยวข้องกับลิงก์ ช่วยในการแยกแยะในกรณีที่มีการทำโปรโมทหลายแคมเปญหรือโปรโมชั่นพร้อมกัน เพื่อไม่ให้สับสน กรณีที่ทำการวัดผลปริมาณมาก ๆ ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังส่งเสริมการขายช่วงลดราคาฤดูร้อน คุณอาจใช้ "UTM_campaign=summersale"  ใน URL ของคุณ

 

2. Source

 

UTM_source พารามิเตอร์นี้ระบุแหล่งที่มาของการเข้าชม เช่น เว็บไซต์ เครื่องมือค้นหา จดหมายข่าว หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ทำให้ทราบว่าผู้เข้าชมมาจากช่องทางใด หรือเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ไปฝากลิงก์ไว้

ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้งานแคมเปญบน Facebook คุณจะใช้ "UTM_source=facebook" ใน URL ของคุณ

 

3. Medium

 

UTM_medium พารามิเตอร์นี้ระบุสื่อทางการตลาดหรือช่องทางที่นำผู้เข้าชมมายังเว็บไซต์ด้วยวิธีการใด เช่นเข้ามาจาก อีเมล โซเชียลมีเดีย จะเป็นการคลิกแบนเนอร์ คลิกโฆษณา คลิกลิงก์ หรืออื่นๆ Medium ก็จะช่วยให้เราสามารถแยก และวิเคราะห์วิธีที่ลูกค้าคลิกเข้า หรือบอกว่าเข้ามาด้วยเส้นทางหรือรูปแบบใด

ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้การตลาดผ่านอีเมล คุณจะใช้ "UTM_medium=email" ใน URL ของคุณ 

 

4. Term

 

UTM_term: พารามิเตอร์นี้ใช้สำหรับค้นหาข้อมูลอื่น ๆ จากคำหลักในแคมเปญการค้นหาช่วยระบุข้อความค้นหาหรือ keywords ที่ใช้ในแคมเปญนั้น ๆ

ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้งานแคมเปญ Google Ads และเสนอราคาสำหรับคำหลัก "รองเท้าวิ่ง" คุณอาจใช้ "UTM_term=running+shoes" ใน URL ของคุณ

 

5. Content

 

UTM_content พารามิเตอร์นี้ใช้เพื่อแยกเนื้อหาที่ใกล้เคียงหรือแตกต่างกันในแคมเปญนั้น หรือลิงก์ภายในโฆษณาเดียวกัน สามารถใช้เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างโฆษณาหรือองค์ประกอบต่างๆ ภายในแคมเปญเดียวกัน เพื่อให้ทราบว่าเนื้อหารูปแบบใดมีประสิทธิภาพที่ดีกว่ากัน

 

อาจมีประโยชน์สำหรับการทดสอบ A/B หรือการติดตามลิงก์เฉพาะภายในอีเมลหรือโฆษณา ตัวอย่างเช่น หากคุณมีหลายลิงก์ภายในแคมเปญอีเมล คุณสามารถใช้ "UTM_content=link1" และ "UTM_content=link2" เพื่อติดตามประสิทธิภาพแยกกัน

 

วิธีการทำ UTM Tracking 

 

การติดตาม UTM หรือ UTM Tracking คือ วิธีในการติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญ ด้วยการวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งเราสามารถทำ UTM Tracking ได้ง่าย ๆ ดังนี้

 

  1. กำหนดสิ่งที่คุณต้องการติดตามและวัดผล เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ หรือการมีส่วนร่วมแคมเปญ

  2. ตั้งค่าตัวสร้าง UTM เพื่อสร้างสเปรดชีตและจัดระเบียบพารามิเตอร์ UTM เช่น แหล่งที่มาของแคมเปญ (UTM_source) สื่อแคมเปญ (UTM_medium) ชื่อแคมเปญ (UTM_campaign) คำของแคมเปญ (UTM_term) และเนื้อหาแคมเปญ (UTM_content)

  3. กรอกค่าพารามิเตอร์ UTM แต่ละรายการตามแคมเปญของคุณ เช่น URL: https://www.example.com/page?UTM_source=facebook&UTM_medium=social&UTM_campaign=summer_sale

  4. เพิ่มพารามิเตอร์ UTM ที่สร้างขึ้นไปยัง URL ปลายทางของเว็บไซต์

  5. ตรวจสอบให้แน่ใจว่า URL ที่ต่อท้ายนั้นถูกต้อง

  6. ตั้งค่าเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Google Analytics เพื่อติดตามข้อมูลที่สร้างโดยพารามิเตอร์ UTM ซึ่งจะช่วยในการตรวจสอบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญ ทั้งแหล่งที่มาของการเข้าชม และพฤติกรรมของผู้ใช้

  7. ตรวจสอบข้อมูลการวิเคราะห์เป็นประจำเพื่อประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาด

 

UTM Tracking ใช้เครื่องมืออะไรดี 

 

สำหรับ UTM Tracking นั้น เรามีเครื่องมือหลายอย่าง แต่ที่นิยมกันในปัจจุบัน คือ Google Analytics และ Bitly ซึ่งทั้ง 2 เครื่องมือสามารถติดตามและวิเคราะห์ผลในเชิงลึกได้เป็นอย่างดี

 

Google Analytics

 

url ย่อมาจาก

 

Google Analytics เป็นเครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีความสามารถในการติดตามและการรายงานอย่างครบถ้วนและรอบด้าน ช่วยให้คุณสามารถตั้งค่าพารามิเตอร์ UTM และติดตามแคมเปญได้อย่างง่ายดาย ด้วยการรวม Google Analytics เข้ากับเว็บไซต์และตรวจสอบเมตริกต่าง ๆ เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ อัตราการตีกลับ และอื่น ๆ โดยสามารถสร้างรายงานที่กำหนดค่าได้เองและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของแคมเปญได้

 

Bitly

 

UTM builder

 

Bitly เป็นบริการย่อ URL ที่มีฟังก์ชันการติดตาม UTM ช่วยให้สร้าง URL ที่สั้นลง โดยต่อท้ายพารามิเตอร์ UTM Bitly จะนำเสนอการวิเคราะห์และข้อมูลการติดตามการคลิก แสดงจำนวนการคลิก แหล่งที่มาของการเข้าชม และตำแหน่งที่ตั้งของผู้เข้าชม เครื่องมือนี้ มีประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับการติดตามประสิทธิภาพของลิงก์ที่แชร์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหรือในแคมเปญอีเมล

 

วัดผลการ Tracking UTM 

 

ในการวัดผลการ Tracking UTM เราสามารถทำตามได้อย่างง่าย ๆ ด้วยขั้นตอนเหล่านี้

 

  1. กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแคมเปญการตลาดให้ชัดเจน รวมถึงการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ สร้างโอกาสในการขาย หรือกระตุ้นยอดขาย

  2. ตัดสินใจเลือกพารามิเตอร์ UTM ที่คุณต้องการใช้ เช่น UTM_source, UTM_medium, UTM_campaign, UTM_content และ UTM_term ให้เหมาะสมกับช่องทางการตลาดและแคมเปญ

  3. ใช้เครื่องมือสร้าง URL และใช้ UTM Tracking ในการติดตามผล

  4. ใช้แพลตฟอร์มวิเคราะห์เว็บ เช่น Google Analytics  เพื่อติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อบันทึกพารามิเตอร์ UTM พร้อมทั้งใช้ข้อมูลเหล่านั้น ในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญอย่างรอบด้าน

  5. นำข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจาก UTM Tracking มาตัดสินใจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญการตลาด ปรับกลยุทธ์ การกำหนดเป้าหมาย หรือการส่งข้อความต่อไป

 

ข้อสรุป 

 

campaign คือ

 

Urchin Tracking Module หรือ UTM คือ พารามิเตอร์หรือตัวแปรต่าง ๆ ที่ใส่ต่อท้าย URL ของเว็บไซต์ เพื่อวัดผลลัพธ์ในการเข้าชมเว็บไซต์ ทั้งช่องทางที่ลูกค้าเข้ามา มาด้วยวิธีใด และมาจากแคมเปญอะไร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ เราสามารถใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ผลอย่าง Google Analytics หรือ Bitly ในการติดตามและวิเคราะห์ผล เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญที่เราจัดได้ว่า มีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ หรือต้องปรับปรุงและพัฒนาส่วนใดต่อไปในอนาคต

แก้ไขครั้งที่ 1 โดย GUEST1649747579 เมื่อ13 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 15.04 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา