PRP ผม นวัตกรรมฟื้นฟูจากภายใน แก้ปัญหาผมร่วง ผมบางได้อย่างไร?

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (439)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:801
เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 15.34 น.

PRP ผม

 

ในแต่ละวันเส้นผมของคนเราจะหลุดร่วงและจะงอกใหม่อยู่เสมอ ซึ่งตามปกติแล้วเส้นผมจะร่วงวันหนึ่งประมาณ 50 -100 เส้น แต่ถ้าใครที่ร่วงมากกว่านั้น มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ผมบางหรือเข้าภาวะผมร่วง อาจเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ จนทำให้ผมร่วง ผมบางมาก ส่งผลให้เกิดความกังวล ความเครียด และขาดความมั่นใจในที่สุด วันนี้เรามีเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีการรักษาผมแบบใหม่ที่มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน คือ การทำ PRP ผม เพื่อลดปัญหาผมร่วง ผมบาง สร้างความมั่นใจให้กับตัวเองอีกครั้ง 

 


 

PRP ผม คือ

 

PRP ผม คือ

 

การทำ PRP ผม หรือ PRP Hair Therapy คือ การปลูกผมในรูปแบบหนึ่ง โดยแพทย์จะฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) หรือพลาสมาที่อุดมด้วยเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับการรักษาเอง ฉีดเข้าไปบริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้าน เพื่อให้สารใน PRP เข้าไปฟื้นฟูและกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม ทำให้ผมที่งอกออกมาใหม่ มีความแข็งแรงและเส้นหนาขึ้น

 


 

ข้อดีและข้อจำกัดของ PRP ผม

 

การทํา PRP ผม เองก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดเช่นกัน ดังนั้น หากใครที่คิดจะปลูกผม PRP ก็ควรจะศึกษาและเข้าใจให้ดีเสียก่อน

 

ข้อดีของ PRP ผม

 

การรักษาผมร่วง ผมบางด้วยการฉีด PRP ผม มีข้อดีดังนี้

 

  • เป็นวิธีการปลูกผมที่ปลอดภัย และความเสี่ยงต่ำมาก จะมีแค่แผลจากการฉีด PRP ผมเท่านั้น ซึ่งมีขนาดเล็กมาก เมื่อหายไม่ทิ้งรอยแผล อีกทั้ง PRP ที่นำมาฉีดเป็นสิ่งที่มาจากร่างการเราเอง ดังนั้นโอกาสที่จะแพ้ หรือร่างกายปฏิเสธจะเกิดขึ้นได้น้อยมาก
  • ทำง่าย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาทำไม่นาน และขั้นตอนการรักษาก็ไม่เจ็บเลย
  • เป็นวิธีการปลูกผมที่มีประสิทธิภาพสูง ให้ผลในระยะยาว สามารถเห็นผลได้จริง เกิดการเปลี่ยนแปลงชัดเจน
  • ใช้การทำ PRP ผมร่วมกับการรักษาอื่นๆ ได้ เช่น การทำเลเซอร์ผม หรือยาใช้รักษาผมร่วง ผมบาง
  • ป้องกันผมบางจากกรรมพันธุ์และการขาดวิตามิน
  • กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ของรากผม ทำให้ผมเส้นใหญ่ แข็งแรง และหนามากขึ้น 
  • ทำให้รากผมแข็งแรง ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมลดปัญหาผมบาง

 

ข้อจำกัดของ PRP ผม

 

วิธีรักษาอาการผมร่วง ผมบางด้วยการทำ PRP ผม ไม่ใช่การปลูกผมถาวร PRP จะใช้ได้กับคนที่ยังมีเซลล์รากผมหลงเหลืออยู่เท่านั้น และบางคนอาจจะไม่สามารถทำ PRP ผมได้ เนื่องจากมีโรคประจำตัว หรือ อยู่ในระหว่างรับประทานยาบางชนิด ในหัวข้อนี้เราจะมากล่าวถึงกลุ่มบุคคลที่ไม่สามารถทำ PRP ผมได้ ได้แก่ 

 

  1. ผู้ที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร  
  2. ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำอยู่ในระหว่างการรับประทานยาต้านเกล็ดเลือด หรือ ละลายลิ่มเลือด 
  3. โรคผิวหนังที่มีการอักเสบหรือติดเชื้อบริเวณศีรษะ เช่น เป็นเชื้อรา
  4. ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เชื้อเอชไอวี
  5. ผู้ที่กำลังมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
  6. ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์มาก ๆ
  7. ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์
  8. ผู้ที่เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคตับ โรคมะเร็งเม็ดเลือดทุกชนิด
  9. ผู้เคยมีประวัติ มีผื่น หรือมีอาการแพ้ หลังฉีด PRP ผม

 


  

ก่อน PRP ผม เตรียมตัวอย่างไร

 

เตรียมตัวก่อน PRP ผม 

 

ผู้ที่ต้องการทำ PRP ผมควรรู้วิธีการเตรียมตัวก่อนการปลูกผม และควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพราะ PRP ที่นำมาฉีด เป็นเลือดที่สกัดมาจากผู้เข้ารับการรักษาเอง หากเตรียมตัวไม่ดี ร่างกายไม่พร้อม จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของ PRP ทำให้การปลูกผมเห็นผลน้อยลงได้

การเตรียมตัวก่อนเข้าการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง ด้วยการฉีด  PRP ผม สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ 

 

  • ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6 - 8 ชั่วโมง
  • ดื่มน้ำประมาณ 1.5 - 2 ลิตรต่อวัน ก่อนเข้าทำการรักษา
  • สระผมทำความสะอาดหนังศีรษะให้เรียบร้อยก่อนเข้ารับบริการ
  • งดการใช้ครีมนวด นวดผมและหนังศีรษะ รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผมทุกประเภทก่อนทำ PRP ผม
  • งดการใช้สารเคมีกับเส้นผม หรือการใช้ความร้อนบริเวณหนังศีรษะ อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ เพราะสารเคมีและใช้ความร้อนอาจส่งผลให้หนังศีรษะหลุดลอกเป็นสะเก็ด และทำให้หนังศีรษะแห้งเป็นขุยได้
  • ห้ามรับประทานยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด 1 สัปดาห์ก่อนทำ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค พอนสแตน วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย โสม น้ำมันกระเทียม เพราะมีผลต่อยาต้านการแข็งตัวของเลือด (ควรปรึกษาแพทย์ที่รักษาก่อนหยุดยา)
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 - 3 วัน เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลกับเลือดทั้งหมด

 


  

วิธี PRP ผม 

 

สำหรับผู้ที่สนใจรักษาผมร่วงผมบางด้วยการทำ PRP ผม มีขั้นตอน ดังนี้ 

 

  1.  ขั้นตอนแรกแพทย์จะเจาะเลือดออกมาประมาณ 10-20 มิลลิลิตร 
  2. แพทย์จะนำเลือดที่เจาะไปปั่นแยกในเครื่องเหวี่ยงสาร โดยจะทำการเติมสารป้องกันการแข็งตัวของเลือดก่อน 
  3. ดึงเอาเฉพาะเกล็ดเลือดเข้มข้น เพื่อเตรียมการฉีด
  4. ทำความสะอาดบริเวณหนังศีรษะ
  5. ฉีดยาชาบริเวณที่ต้องการปลูกผม PRP 
  6. หลังจากที่ครบเวลาตามกำหนดหรือยาชาออกฤทธิ์แล้ว แพทย์จะฉีด Derma Pen (Micro System) เพื่อกระตุ้นหนังศีรษะ 
  7. แพทย์ทำการฉีด PRP ผมที่เตรียมไว้เข้าไปในร่างกาย 

 


  

ผลลัพธ์ PRP ผม เป็นอย่างไร

 

ผู้ที่เข้ารับการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้าน ด้วยการทำ PRP ผมมักจะเห็นผลลัพธ์ภายในระยะเวลา 3 - 6 เดือน โดยผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ PRP ผม มีดังนี้

 

  1. หนังศีรษะมีสภาพที่ดีขึ้น มีหลอดเลือดฝอยมากขึ้น ช่วยทำให้เลือดมาเลี้ยงเซลล์รากผมได้มากขึ้น เหมาะกับการเจริญเติบโตของเส้นผม ช่วยเซลล์รากผมที่เสื่อมสภาพกลับมาทำงานอีกครั้ง 
  2. เซลล์รากผมถูกกระตุ้น และถูกฟื้นฟูให้แข็งแรงขึ้น ทำให้มีการสร้างเส้นผมมากขึ้น ผมที่ได้ออกมาเส้นใหญ่ขึ้น แข็งแรงกว่าเดิม ผมหนาขึ้น ช่วยลดปัญหาผมขาดร่วงลง 
  3. การทำ PRP ผมแก้ปัญหาผมร่วง ผมบางที่ต้นเหตุ ทำให้ได้ผมใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิม ไม่ขาดร่วงซ้ำอีก สามารถรักษาร่วมกับเลเซอร์ผม และยารักษาผมร่วง ผมบางเพื่อเห็นผลที่มากขึ้น

 

ทั้งนี้ผลลัพธ์จากการรักษาด้วยการทำ PRP ผมจะได้ผลมากน้อย หรือเห็นผลชัดขนาดไหนขึ้นอยู่กับเฉพาะตัวบุคคล และสภาพหนังศีรษะของผู้เข้ารับการรักษา การทำ PRP ผม ไม่ใช่การปลูกผมถาวร จึงขอแนะนำจำเป็นต้องกลับมาฉีด PRP ผมซ้ำในระยะเวลา 2-3 เดือน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี 

 


  

การดูแลตนเองหลังทำ PRP ผม

 

ดูแลตนเองหลังทำ PRP ผม

 

การดูแลตนเองหลังการฉีด PRP ผม อาจไม่ต้องระวังมากเท่ากับการปลูกผมแบบวิธีอื่น เนื่องจากไม่มีแผลจากการผ่าตัด ดูแลได้ง่าย แต่หลังทำ PRP ผมหนังศีรษะจะบอบบาง บางรายอาจมีอาการช้ำได้ ดังนั้นผู้เข้ารับการรักษาควรดูแลตนเองด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ 

 

  1. หลังทำ PRP ผม ห้ามสระผม หรือให้ผมโดนน้ำ รวมทั้งไม่ควรใช้เจล สเปรย์ หรือน้ำมันจัดแต่งทรงผม ห้ามออกกำลังกาย เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เนื่องจากอาจทำให้ส่วนที่ฉีด PRP ผมกระทบกระเทือน และช้ำได้ ในกรณีที่ทำการเพันท์หนังศีรษะร่วมด้วย ควรงดโดนน้ำอย่างน้อย 4 วัน
  2. ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ หลังทำ 24 ชั่วโมง เนื่องจากมีผลต่อการทำงานของสารต่าง ๆ ใน PRP
  3. ห้ามทานยาจำพวกไอบูโพรเฟ่นและแอสไพรินหลังทำ 2 – 3 วัน
  4. ในช่วงสัปดาห์แรกไม่ควรใช้ยาสระผมปกติ ให้ใช้ยาสระผมสูตรอ่อนโยนหรือยาสระผมที่แพทย์แนะนำ สระผมเบาๆ ห้ามเกาหรือขยี้รุนแรง  ควรใช้ผ้าเช็ดผมเบา ๆ เมื่อครบเวลาจึงสามารถกลับมาสระผมได้ตามปกติ
  5. ห้ามนวดบริเวณใบหน้าและศีรษะ เพราะจะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
  6. ห้ามโดนสารเคมี เนื่องจากมีผลต่อการเกิดขึ้นใหม่ของเส้นผม อีกทั้งเส้นผมที่เกิดใหม่ยังเป็นเส้นขนที่อ่อนแอ การโดนสารเคมีอาจจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมในระยะแรกได้
  7. หลังการผ่าตัดอาจเกิดอาการบวมช้ำบริเวณศีรษะและใบหน้าได้ หากต้องการให้ยุบเร็ว สามารถประคบเย็นได้ หรือหากปล่อยไว้ก็สามารถหายได้เองเช่นกัน โดยอาการบวมจะหายใน 2 – 3 วัน ส่วนการฟกช้ำจะหายไปใน 1 สัปดาห์

 


  

สรุป PRP ผม

 

สรุป PRP ผม

 

การทำ PRP ผมเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมาก สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้าน เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องอาการแทรกซ้อน การแพ้หลังผ่าตัด ไม่อยากมีแผลเป็น และไม่มีเวลาพักฟื้น เพราะการทำ PRP ผม โอกาสเกิดอาการแทรกซ้อนและแพ้น้อยมาก เพราะเป็นการใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นจากเลือดของผู้รับการรักษาเองและยังเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง ในระยะยาว ผู้สนใจควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเลือกวิธีปลูกผมที่เหมาะกับตนเองก่อนการตัดสินใจ

 


 

 
แก้ไขครั้งที่ 3 โดย GUEST1649747579 เมื่อ21 มิถุนายน พ.ศ. 2566 11.20 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา