Google Tag Manager สุดยอดตัวช่วยเพื่อเก็บข้อมูลให้เว็บของคุณ

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (439)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:801
เมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2566 12.47 น.

การทำการตลาดผ่านเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ ควรมีเครื่องมือตัวช่วยดี ๆ อย่าง Google Tag manager  เพื่อให้สามารถวัดผลเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลผู้บริโภคว่าเขาเข้าเว็บไซต์มาจากช่องทางไหน โดย Google Tag Manager จะทำงานเชื่อมกับ Google Analytics เพื่อให้เราสามารถดึง Insight Behavior และข้อมูลต่าง ๆ ของผู้บริโภค มาเพื่อนำมาปรับปรุงแผนการตลาดของเราได้ให้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง 

วันนี้เราจะพาทุกคนมาเรียนรู้กันว่า Google Tag Manager หรือ GTM คืออะไร ทำงานอย่างไร ไปจนถึงวิธีติดตั้ง การเพื่อให้เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับ Google Tag Manager มากยิ่งขึ้น สามารถใช้งานอย่างถูกวิธี และมีประสิทธิภาพ นั่นเอง

Track เว็บไซต์ของคุณด้วย Google Tag Manager


 

Google Tag Manager คืออะไร

 

เครื่องมือ Google Tag Manager

 

Google Tag Manager หรือ เรียกย่อว่า GTM คือ เครื่องมือการจัดการ Tag ที่มีลักษณะเป็น Code หรือ Script ซึ่งเรานำมาฝังในเว็บของเรา เพื่อให้เราสามารถติดตามผลลัพธ์ต่าง ๆ โดยเราสามารถจัดการและติดตั้ง Tags ต่างๆได้ด้วยตัวเองไม่ว่าจะเป็น Google Analytics Tracking ID, Java Script หรือ Tracking Pixels อื่น ๆ 

โดยการทำงานของ Google Tags Manager จะเริ่มจากเว็บไซต์ของเรา ถูกเก็บข้อมูลจาก Tags ที่เราฝังไว้ จากนั้นจะถูกแชร์ผ่าน Google Tags Manager และส่งผ่านไปที่ Google Analytics นั่นเอง 

 


 

Google Tag Manager ทำงานอย่างไร

 

การทำงานของ Google Tag Manager จะทำงานกับ 3 องค์ประกอบหลัก ดังนี้

 

  1. Tags : คือสิ่งที่ใช้ในการ Tracking อย่าง Tracking Pixels, Javascript,Adwords Conversion, Google Analytics เป็นต้น ซึ่ง Tag เหล่านี้จะมีคุณเลือกใน Google Tags Manager โดยที่คุณไม่ต้องไปแก้ไขที่ Source Code หลังบ้านในเว็บไซต์ของคุณ
  2. Triggers : สิ่งที่ใช้ในการกำหนดเงื่อนไขการทำงานของ Tag ว่าอยากให้ทำงานในตอนไหน โดยจะมีให้คุณเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เมื่อโหลดหน้าเว็บ หรือเมื่อกด CTA เป็นต้น
  3. Variables : สิ่งที่เรากำหนดเพิ่มเติมเพื่อให้ Tag หรือ Trigger เกิดการทำงานได้อย่างถูกต้อง

 

เมื่อเราเข้าใจทั้ง 3 องค์ประกอบนี้ จะช่วยให้เราสามารถใช้งาน Google Tag Manager ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

 


 

Google Tag Manager (GTM) แตกต่างจาก Google Analytics (GA) อย่างไร

 

เป็นคำถามที่มีผู้สงสัยมากมายสำหรับ ความแตกต่างระหว่าง Google Tag Manager กับ Google Analytics เป็นอย่างไร จริง ๆ แล้ว ทั้ง 2 เครื่องมือนี้มีความแตกต่างกันทั้งในด้านหน้าที่ และจุดประสงค์ของการใช้งาน

โดย Google Tag Manager จะมีหน้าที่เป็นตัวจัดการ Tags ต่าง ๆ บนเว็บไซต์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง หรือตรวจสอบ Tag ต่าง ๆ โดยที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเองไม่ต้องพึ่ง Developer ไปฝังโค๊ดที่หลังบ้าน ส่วน Google Analytics จะเป็นเครื่องมือที่ใช้แสดง Metrics หรือชุดข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการทำการตลาด ไม่ว่าจะเป็น Traffic ของเว็บเรา หรือข้อมูลผู้ใช้งานเว็บของเราในแง่ Demographic, Geographic และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งไม่มีความเกี่ยวกับ Tags เลย

แต่ถ้าหากว่าอยากทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพคุณควรใช้ทั้ง 2 เครื่องมือนี้ควบคู่กันไป เพื่อให้การ Tracking ผู้ใช้งานเว็บของเรานั้นเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ได้ข้อมูลเพื่อนำไปปรับปรุงแผนการตลาดของเราต่อไป

 


 

วิธีติดตั้ง Google Tag Manager (ข้อมูลอัพเดตปี 2023) 

 

การติดตั้ง Google Tag Manger นั้นหลัก ๆ แล้วจะมีเพียง 3 ขั้นตอนเท่านั้น แต่ทั้งนี้ ในแต่ละขั้นตอนจะมีรายละเอียดที่ค่อนข้างอาศัยความเข้าใจเล็กน้อย ทั้งนี้เราจึงขอเจาะเป็นข้อ ๆ เพื่อให้ทุกท่านเข้าใจได้อย่างง่ายที่สุด

 

สมัครและ Log-in บัญชี

ก่อนจะสมัครเราต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า เรามีบัญชีของ G-Suite หรือ Gmail ของเรานั่นเอง โดยการเข้าใช้งาน Google Tag Manager สามารถทำได้โดยการ Log-in ผ่าน Gmail ของคุณนั่นเอง

 

สร้าง Account และเซ็ตอัป Container 

ให้เรากดปุ่ม Create Account เราต้องกรอกข้อมูลดังนี้

 

  • ชื่อบัญชี หรือ Project โดยเราสามารถใส่ชื่อ Domain เว็บที่เราต้องการติดตั้ง Tag manager ก็ได้
  • เลือกประเทศ โดยอิงจากการใช้งานเว็บไซต์ว่าจากไหน
  • ใส่ URL เว็บของเราแบบไม่ต้องมี “https://”
  • เลือกภาชนะที่เราจะเอามาใส่ Tag โดยจะเรียกส่วนนี้ว่า Contatiner 

 

เมื่อเรากรอกเสร็จเรียบร้อย จะมีข้อตกลงและนโยบายให้เราอ่าน ให้เราติ๊ก จากนั้นคลิกที่ Yes

 

การติดตั้ง Google Tag Manager 

 

โดยเมื่อเราสร้าง Account เสร็จเราจะได้ Code ติดตั้ง เพื่อให้เราสามารถนำไปติดตั้ง Tag Manager ในเว็บไซต์ของเราได้

 

ติดตั้ง Google Tag Manager บนเว็บของเรา

ซึ่งมีวิธีติดตั้ง ทั้งหมด 2 วิธี โดยเราสามารถใช้วิธีไหนก็ได้

 

วิธีที่ 1 : นำ Code ที่เราได้มาจาก GTM ไปฝังไว้ที่หลังบ้านเว็บไซต์ของเรา โดย Code ชุดแรกจะต้องฝังที่ <Head> และ Code ชุดหลังจะฝังที่หลัง <Body>

 

วิธีที่ 1 ในการติดตั้ง GTA กับเว็บเรา

 

วิธีที่ 2 : ติดตั้งผ่าน Plug-in ของ CMS โดยเราต้องดาวน์โหลด และเปิดการใช้ Plug-in Google Tag Manager มา  จากนั้นทำการ Copy GTM ID จาก Google Tag Manager ไปใส่ในช่อง GTM ID ของ Plug-in เป็นอันเสร็จเรียบร้อย




 

เชื่อม Google Tag Manager กับ Google Analytics อย่างไร 

 

เมื่อเราทำการติดตั้ง Google Tag Manager บนเว็บไซต์ของเรา ต่อไปคือการที่ทำให้ให้เราสามารถเอาข้อมูลนำมาใช้ได้ โดยการใช้ Google Analytics นั่นเอง โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนหลักเช่นกัน

 

การเพิ่ม Tag

 

  1. กด New Tag
  2. ตั้งชื่อให้ Tag ของเรา
  3. กดเครื่องหมายดินสอ เพื่อทำการใส่ Tag
  4. เลือกประเภทของ Tag 
  5. เลือก Track Type โดยค่า Default คือ Page View และเราสามารถนำ Google Analytics ID มาใส่โดยการคลิกที่ New Variable… จากนั้นกด Save

 


การเพิ่ม Tag ใน Google Tag Manager

 

การเลือกและปรับ Trigger

 

  1. คลิกที่บอร์ด Triggering
  2. ถ้าต้องการให้ Tag ทำงานทุกหน้า ให้เลือก All Page หรือสามารถกด + เพื่อเลือกเฉพาะหน้าที่ต้องการให้ Tag ทำงาน จากนั้นกด  Save

 

การเลือกและปรับ Trigger ใน Google Track Manager

 

Submit การตั้งค่า Tag

 

  1. เมื่อเรากด Save จากขั้นตอน 1 และ 2 แล้ว เราต้องกด Submit ตรงมุมขวาบนอีกรอบเพื่อให้การตั้งค่าของเราขึ้นสู่ระบบ

 

เราสามารถเช็กว่า Google Tag Manager ทำงานแล้ว เพียงแค่เรากด Preview และดูว่าปรากฏ Tag ที่เราตั้งไว้หรือไม่ หากปรากฏนั่นหมายความว่า Tag เราเชื่อมกับ Google Analytics แล้วนั่นเอง

 


 

ความสำคัญของ Google Tag Manager 

 

Google Tag Manger นั้นเรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญมาก ๆ ในการทำการตลาดผ่านเว็บไซต์ แต่จริงๆ แล้ว GTM มีความสำคัญมากกว่านั้น โดยในส่วนนี้เราจะมาแนะนำความสำคัญของ Google Manager ให้ท่านได้ตระหนักถึง และเข้าใจถึงความสำคัญของเครื่องมือนี้

 

  1. เครื่องมือนี้ใช้งานฟรี !
  2. สามารถติดตั้ง Code ในการ Tracking ผลลัพธ์บนเว็บของเรา โดยไม่ต้องพึ่ง developer
  3. ทำหน้าที่เป็น Hub ของ Tag ทุกเว็บของเราในที่ ๆ เดียว
  4. สามารถตรวจสอบปัญหา Error กรณีการวาง Tag ผิดพลาดหรือ Tag ไม่ทำงาน โดยใช้การ Preview และ Debug Mode
  5. สามารถสร้าง Template เพื่อนำไปใช้กับโปรเจกต์ต่อ ๆ ไปได้
  6. Tracking Consumer Behavior ได้อย่างง่ายดาย
  7. มี Built-in Tag Template ที่คนส่วนใหญ่ใช้กันรวมอยู่ในนี้แล้ว
  8. สามารถย้อนกลับการทำงานได้ กรณีมีเหตุการณ์ผิดพลาด
  9. มีความปลอดภัยสูง
  10. สามารถตั้ง Permission ในการ Access Account เราได้
  11. มีการเติบโตในการใช้เครื่องมือนี้ และ มี Community ที่ดี คอยแบ่งปันความรู้

 

ข้อจำกัดในการติด Google Tag Manager 

ถึงแม้ Google Tag Manager จะเป็นเครื่องมือที่มีความสะดวก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างดังนี้

 

  1. คุณอาจจะต้องมีความรู้ในด้าน Technical บ้างเล็กน้อยในการติดตั้งเบื้องต้น แต่ปัญหานี้สามารถแก้ได้โดยการอ่าน Guide ในการติดตั้งอย่างถี่ถ้วน
  2. ต้องลงทุนในด้านเวลา ในการค้นคว้าแนวทางที่เหมาะสมสำหรับเว็บของคุณ หรือการเรียนเข้าคอร์สออนไลน์
  3. อาศัยประสบการณ์และความเคยชินในการ Troubleshooting 

 

ถึงแม้ปัญหาเหล่านี้จะเหมือนเป็นข้อจำกัด แต่ทั้งนี้ทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้ เพียงแค่คุณศึกษา และทำความเข้าใจ แล้วจะพบว่าเครื่องมือนี้มอบความสะดวกสบายให้เราในการจัดการ Tag เป็นอย่างมาก

 


 

เราสามารถติดตามอะไรได้บ้างจากการติด Google Tag Manager 

 

อย่างที่ทราบกันดี เราสามารถติดตามข้อมูล ในเรื่องการ คลิก การเข้าชม การเลื่อนจอ และ อื่น ๆ ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ โดยการใช้ Google Tag Manager โดยเราต้องอาศัย Tag ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Google Conversion Tag, Google Ads Tracking ,Tracking Pixel ต่าง ๆ และ Java Script เพื่อทำการเก็บผลลัพธ์ในเว็บไซต์ของคุณ

 


 

ข้อสรุป 

 

ความสำคัญของ Google Track Manager 

Google Tag Manger เครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากในการบริหารจัดการพวก Tag ต่าง ๆ โดยสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเว็บของคุณในแง่ Event Tracking ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเหมาะกับ E-commerce เพื่อติดตามกลุ่มเป้าหมายของเราอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับนักการตลาดที่จะเจาะตลาดผ่านเว็บไซต์ของตน

แก้ไขครั้งที่ 1 โดย GUEST1649747579 เมื่อ20 มกราคม พ.ศ. 2566 12.49 น.

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา