Inbound Marketing หรือ การตลาดแบบดึงดูด คืออะไร พร้อมตัวอย่าง

GUEST1649747579

สุดยอดขีดเีขียน (439)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:801
เมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2565 11.31 น.

Inbound Marketing คืออะไร

 

Inbound Marketing คือ การทำตลาดผ่านการใช้คอนเทนต์เป็นหลัก เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าเข้ามาแทนที่การส่งข้อมูลเพื่อสื่อสารออกไป และจะสังเกตได้ว่าการตลาดรูปแบบนี้จะไม่มีการขายของตรง ๆ แต่จะเป็นการเข้าถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าด้วยคอนเทนต์ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Blog, Google, Facebook, Twitter, Youtube, LINE, หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ เป็นต้น โดยการทำตลาดแบบ Inbound Marketing จะมีแนวโน้มการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ตามต้องการมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างเครดิตและความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์สินค้าและบริการได้เป็นอย่างดี

Outbound Marketing คือ การทำตลาดแบบผลักข้อมูลที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการให้กระจายออกไปยังผู้คนจำนวนมาก และอาจเป็นการโปรโมตหรือโฆษณาที่ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะมาในรูปแบบของสื่อออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็น การโฆษณาผ่านโทรทัศน์, วิทยุ, ป้ายโฆษณา, และ Video Ads เป็นต้น จะเห็นได้ว่าการทำตลาดชนิดนี้ จะไม่มีการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง แต่จะเป็นการสื่อสารแบบสุ่มนั่นเอง

หลังจากทำความรู้จักกับการตลาดทั้ง 2 แบบไปแล้ว เราคงจะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นว่า Inbound Marketing และ Outbound Marketing นั้นมีรูปแบบและกระบวนการในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันยังไง และแน่นอนว่าการทำการตลาดไม่ว่าจะแบบไหน ย่อมมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และกลยุทธ์ของแต่ละธุรกิจ ว่าต้องการจะบริหารทุ่มงบโฆษณาไปที่ด้านไหน

 


 

Inbound Marketing คืออะไร

 

Inbound Marketing แตกต่างจาก Outbound Marketing ยังไง

Inbound Markeitng แตกต่างกับ Outbound Marketing ตรงที่ Outbound Marketing นั้นคือเทคนิคการทำการตลาดแบบแรงผลักหรือการกระจายคอนเทนต์ออกไปสู่ผู้คนให้ได้มากที่สุด ผ่านการทำโฆษณาลงในสื่อต่าง ๆ เช่น การทำโฆษณาตามทีวี, วิทยุ, การโฆษณาป้าย Billboard ตามรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่การยิง Ads บน Facebook, Youtube ฯลฯ เปรียบเหมือนเป็นการผลักคอนเทนต์ออกไปสู่ผู้บริโภค ซึ่งจะแตกต่างจากการทำการตลาดแบบดึงดูด Inbound Marketing ที่จะเป็นการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาหาธุรกิจของคุณเอง

 

การตลาด Inbound Marketing รวมกับ Outbound Marketing เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Inbound Marketing เป็นวิธีผสมผสานกลยุทธ์ต่าง ๆ โดยมี Content Marketing เป็นแค่ส่วนหนึ่งในวิธีการเท่านั้น และงานส่วนหนึ่งของการทำการตลาดแบบดึงดูดคือการสร้างสรรค์คอนเทนต์ทุกรูปแบบทั้งบทความ, บล็อก, คอนเทนต์ยาวแบบ eBook, คอนเทนต์สำหรับโซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่คอนเทนต์บนเว็บไซต์ แต่เนื่องจากมีการวางเป้าหมายการทำงานอยู่ที่การวัดผลและประเมินผลการดำเนินงาน ทุกคอนเทนต์จึงต้องสร้างสรรค์ สามารถตอบสนองความต้องการและมีส่วนช่วยผลักดันการตัดสินใจของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม ทรงประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 


 

เหตุผลที่ธุรกิจควรทำ Inbound Marketing 

 

  • เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแบรนด์มากขึ้น โดยการทำโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น TVC หรือ Social Medias เพื่อให้ผู้บริโภคได้เห็นแบรนด์ของคุณ อาจทำให้ผู้บริโภคสนใจในตัวแบรนด์ของคุณมากขึ้นและเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่ผู้บริโภคจะสามารถค้นหาติดตามกันต่อไปในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้
  • สร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้ เพราะการทำการตลาดแบบดึงดูดจะเน้นให้ข้อมูลที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ตามความต้องการของผู้บริโภคที่เป็นฝ่ายยินยอมในการรับข้อมูล ซึ่งจะแตกต่างกับการตลาดแบบผลักออกแบบ Outbound Marketing ที่ทำกันทั่วไปแล้ว โดยจะเป็นการยัดเยียดข้อมูลให้กับผู้บริโภคโดยไม่ได้เกิดจากความยินยอม จากการไปป่าวประกาศว่าเรามีอะไรดี แต่จะตรงกันข้ามกับการทำตลาดแบบ Inbound Marketing ที่จะเป็นการทำให้เขาเห็นเราเองว่าเรามีอะไรดี+

 


 

กลยุทธ์การตลาด Inbound Marketing 

 

การทำการตลาดแบบดึงดูด Inbound Marketing เป็นการตลาดรูปแบบใหม่ที่เข้ามาตอบโจทย์อย่างมากกับวิธีการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน โดยจะเน้นลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง Customer Centric ทำให้ลูกค้ามองมาหาแบรนด์เราด้วยตัวลูกค้าเอง จากการทำให้เขาเห็นคุณค่าและประโยชน์จากข้อมูลของเราที่เป็นสิ่งที่ลูกค้ากำลังต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถทำควบคู่ไปกับการทำ SEO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์สูงสุดในการทำตลาดครั้งนี้

 

inbound marketing มีกลยุทธ์อะไรบ้าง

 

Attracting Strategies

การทำการตลาดแบบดึงดูดคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักแบรนด์ของคุณเข้ามาสู่เว็บไซต์ของคุณ โดยการผลิตคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ ตอบคำถามให้แก่ผู้อ่านได้หรือแม้แต่สามารถแก้ปัญหาให้กับผู้อ่านได้ก็ตามผ่านการทำบทความบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Blog, Google, Twitter, Facebook, Youtube, LINE, หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ จะช่วยให้คนแปลกหน้าที่มีความสนใจเกี่ยวกับบทความที่คุณเขียนเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณและอาจทำให้คนแปลกหน้าเหล่านี้กลายเป็นลูกค้าของคุณในท้ายที่สุด

 

Engaging Strategies

การทำการตลาดแบบมีส่วนร่วมถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่หลังจากดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เป็นผู้เข้าชมได้สำเร็จแล้ว เราจะทำให้พวกเขาเปิดใจพร้อมรับคอนเทนต์และรวมไปถึงกระบวนการซื้อสินค้าแบรนด์หรือบริการของเรา ซึ่งมีเทคนิควิธีการหลายรูปแบบ โดยจะอาศัยความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบด้วยส่วนหนึ่ง เพื่อให้ผู้เข้าชมชื่นชอบและปิดการขายได้มากขึ้น 

 

Delighting Strategies

การทำการตลาดที่จะต้องมีการสร้างความพึงพอใจเป็นขั้นตอนสุดท้าย ในเมื่อลูกค้าที่เข้ามาใช้สินค้าหรือบริการของคุณ หากก่อให้เกิดความพอใจนั้น จะทำให้เกิดการบอกต่อและการซื้อซ้ำ การทำให้พวกเขากลายมาเป็นพรีเซนเตอร์หรือ PR ของคุณให้ได้ เพื่อที่พวกเขาจะได้เผยแพร่สินค้าหรือบริการของเราไปให้คนอื่น ๆ ได้รับรู้ นอกจากนี้คือการทำให้พวกเขาเห็นถึงคุณค่าและอาจมีโอกาสกลับมาซื้อสินค้าของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง

 


 

ตัวอย่าง Inbound Marketing 

 

ตัวอย่างการทำการตลาดแบบ Inbound Marketing ที่ได้ประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จจนเป็นเจ้าธุรกิจในด้านการทำการตลาดแบบดึงดูดก็ต้องหนีไม่พ้นกับบริษัทอย่าง HubSpot ที่เป็นบริษัทด้าน Marketing Software ที่ถือเป็นผู้ให้กำเนิดและบัญญัติศัพท์คำว่า Inbound Marketing อีกด้วย

โดยทาง HubSpot เป็นที่บริษัทขายคอร์สเรียนด้าน Content Marketing ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการหาความรู้ด้าน Content Marketing ซึ่งทาง HubSpot รู้ดีว่าพฤติกรรมของผู้คนส่วนใหญ่นั้น มักจะใช้ Search Engine อย่าง Google ในการตอบคำถามสิ่งที่พวกเขาสงสัยเป็นหลัก 

ทาง HubSpot จึงไม่รอช้าที่จะผลิตคอนเทนต์คุณภาพที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Content Marketing ขึ้นมาในเว็บไซต์ของพวกเขาเป็นจำนวนมาก เพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้งาน Search Engine ที่กำลังมีปัญหาในด้านการทำ Content Marketing หรือต้องการที่จะศึกษาเรื่อง Content ให้ผู้คนกดเข้ามาอ่านกัน หลังจากนั้นเมื่อกลุ่มเป้าหมายได้กดเข้ามาอ่านจนพวกเขาพบเข้ากับคุณภาพของคอนเทนต์ที่ HubSpot สร้างขึ้น เลยทำให้ผู้อ่านส่วนใหญ่ยึดมั่นและเชื่อถือในแบรนด์ HubSpot 

จนเมื่อ HubSpot เปิดขายคอร์สเรียนออนไลน์ด้าน Content Marketing กลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นก็จะลงสมัครคอร์สเรียนออนไลน์ของ HubSpot อย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาเชื่อในคุณภาพของ HubSpot เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

 

ตัวอย่างการทำ Inbound Marketing

 


  

ข้อดี-ข้อเสียของ Inbound Marketing 

 

ข้อดีของ Inbound Marketing 

 

  • สามารถสร้างเครดิตแบรนด์ของคุณได้เป็นอย่างดีและเพิ่มความน่าเชื่อถือหรือสร้างความนับถือในแบรนด์ของคุณขึ้นมาได้ด้วยการทำคอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่ตอบสนองความต้องการในแต่ละขั้นของผู้บริโภคเอาไว้ อีกทั้งยังสามารถทำควบคู่ไปกับการทำ SEO ได้อีกด้วย
  • สามารถช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ต่าง ๆ ขึ้นมาได้ด้วยการทำคอนเทนต์ที่ควบคู่ไปกับการพูดคุยระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค ย่อมทำให้ผู้บริโภคมีความอยากกลับมาเป็นลูกค้าประจำของแบรนด์หรืออยากติดตามแบรนด์ว่าจะนำเสนอคอนเทนต์อะไรออกมาในครั้งต่อ ๆ ไปอีกด้วย
  • สามารถช่วยสร้างจุดยืนของแบรนด์ขึ้นมาเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจดจำจุดยืนของแบรนด์ได้ ว่าแบรนด์กำลังจะพยายามจะสื่อสารอะไร และมีทิศทางไปทางไหน
  • สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังได้ผลดีในระยะยาวอีกด้วย เพราะหากว่าทางแบรนด์ยังผลิตคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านต่อไปเรื่อย ๆ ผู้อ่านก็จะเข้ามาผูกพันกับแบรนด์ของคุณโดยไม่รู้ตัว และจะค่อย ๆ เปลี่ยนจากเป็นคนแปลกหน้ามาเป็นผู้ติดตามไปจนถึงเป็นลูกค้าของคุณได้ในอนาคต

 

ข้อเสียของ Inbound Marketing 

 

  • มีเว็บไซต์ที่ต้องดูแลอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
  • ต้องมีคอนเทนต์คุณภาพ และลงอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักสำคัญที่จะให้คุณค่ากับกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกับการเขียนคอนเทนต์ให้ผู้คนได้ Research กันตามบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ
  • มีขั้นตอนการทำให้คำนึงถึงเยอะ และแม้ว่าจะมีองค์ประกอบที่ไม่ซับซ้อนก็ตาม แต่ขั้นตอนเหล่านี้ก็มีเรื่องให้ต้องคำนึงถึงมากมาย
  • การทำการตลาดแบบดึงดูดต้องใช้ระยะเวลาที่นานถึงจะเห็นผล เพราะหากเวลาได้ผ่านไปหลักหลายเดือนก็จะคอย ๆ มีผู้ชมทยอยเข้ามาเยี่ยมชมเว็บของคุณอยู่เรื่อย ๆ

 


 

คำถามที่พบบ่อย 

 

ทำไมธุรกิจขนาดเล็กควรใช้กลยุทธ์ Inbound Marketing

 

Inbound Marketing กับคำถามที่พบบ่อย

 

สำหรับธุรกิจที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก และไม่ได้มีงบประมาณในการโฆษณามากมาย แต่ยังมีความอยากสร้างธุรกิจให้เติบโตในระยะยาว และที่สำคัญหากธุรกิจมีสินค้าที่ต้องการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เช่นธุรกิจประเภท B2B, ธุรกิจที่มีสินค้าและบริการราคาสูง ที่ต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจก่อน การทำการตลาดแบบดึงดูดก็จะมีโอกาสทำให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักได้ง่ายกว่าและทำให้ธุรกิจได้ลูกค้าเข้ามาอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะลูกค้าจะเห็นถึงคุณค่าของธุรกิจผ่านคอนเทนต์ที่คุณสร้างขึ้นมาก่อนการตัดสินใจซื้อนั่นเอง

 

ตำแหน่งใดในองค์กรที่ควรรู้กลยุทธ์ Inbound Marketing 

สำหรับตำแหน่งที่ควรรู้กลยุทธ์ในการทำการตลาดแบบ Inbound Marketing ก็ต้องหนีไม่พ้นกับตำแหน่ง CMO หรือ Chief Marketing Officer ที่มีหน้าที่ตัดสินใจในการวางแผนการขายมีการจัดตั้งระบบการตลาดที่ต้องมีการคิดกลยุทธ์การขายต่าง ๆ ในรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยสมจริงและดูจริงใจต่อลูกค้า และการหันมาใช้กลยุทธ์การทำการตลาดแบบดึงดูดก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถใช้คำเชิญชวนโฆษณาว่าสินค้าเหมาะสมและช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างไร เพื่อพิชิตใจลูกค้าและสามารถดึงฐานลูกค้าของบริษัทคู่แข่งมาเป็นลูกค้าของบริษัทตนเองได้

 


 

สรุป

ท้ายที่สุดแล้วการจะเลือกใช้รูปแบบการสื่อสารแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้จักและเข้าใจในธุรกิจของตัวเองมากขนาดไหน หากเรารู้ว่าสินค้าหรือการบริการของเราเหมาะสมกับการสื่อสารแบบไหน ความเข้าใจตรงนี้ก็จะเป็นตัวกำหนดได้ชัดเจนมากขึ้นว่า เราควรจะใช้การสื่อสารแบบ Inbound Marketing หรือ Outbound Marketing มากกว่ากัน

 


 

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา