ประกันสุขภาพจำเป็นแค่ไหน และมีแบบไหนบ้าง

ในปัจจุบันนี้ได้มีโรคภัยต่าง ๆ มากมายอยู่รอบตัวที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวหรือตัวเราเองได้ทุกเมื่อ อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลก็แพงแสนแพง ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษา ค่ายา ค่าห้องพักผู้ป่วย หรือค่าผ่าตัดอื่น ๆ ทำให้หลายครอบครัวเลยทีเดียวที่จำเป็นต้องขายรถ ขายบ้าน หรือทรัพย์สินมีค่าต่าง ๆ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาล

และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บริษัทประกันหลาย ๆ แห่งเริ่มหันมาขาย ประกันสุขภาพ กันเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ให้แก่ผู้ที่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

โดยประกันสุขภาพนี้จะมีการแบ่งออกเป็นหลายแบบด้วยกัน เพื่อให้ผู้คนสามารถเลือกทำได้ตามความเหมาะสมของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน ประกันโรคร้ายแรง และประกันชดเชยรายได้

ทำความรู้จักกับประกันสุขภาพ

ประกันสุขภาพ คือการได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยนั้น ๆ ในการรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยจากโรคภัย หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุก็ตาม

ซึ่งประกันสุขภาพในแต่ละบริษัทก็จะมีแผนประกันที่หลากหลาย บางแผนก็เป็นประกันสุขภาพที่คุ้มครองเฉพาะโรค แต่ในบางแผนก็เป็นประกันสุขภาพที่คุ้มครองมากกว่า 1 โรคขึ้นไป ก่อนที่จะทำการเลือกแผนประกันสุขภาพจึงควรอ่านรายละเอียดให้ถี่ถ้วนอย่างดีเสียก่อน

โดยประกันสุขภาพจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่

• ประกันสุขภาพแยกค่าใช้จ่าย
  ประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่ายจะมีค่าเบี้ยประกันที่ไม่สูงนัก และมีวงเงินความคุ้มครองที่ถูกกำหนดในการเบิกแต่ละรายการตามที่ได้มีการจ่ายจริง ซึ่งจะไม่เกินวงเงินเอาประกัน
• ประกันสุขภาพเหมาจ่าย
  ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจะมีค่าเบี้ยประกันที่ค่อนข้างสูง แต่จะมีการกำหนดแค่วงเงินของค่ารักษาพยาบาลในแต่ละครั้งเท่านั้น

นอกจากนี้ประกันสุขภาพยังมีการแบ่งตามช่วงอายุวัยออกเป็น 3 ช่วงด้วยกัน คือ ประกันสุขภาพเด็ก ประกันสุขภาพผู้ใหญ่ และประกันสุขภาพผู้สูงอายุ โดยประกันสุขภาพทั้ง 3 ช่วงอายุนี้จะมีความแตกต่างกันทั้งค่าเบี้ยประกัน ความคุ้มครอง และระยะเวลาความคุ้มครอง

ประกันสุขภาพจำเป็นจริงไหม

การทำประกันสุขภาพนั้นถือว่าค่อนข้างจำเป็นไม่น้อย เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่แย่ลงในปัจจุบัน มลพิษที่มีมากขึ้น รวมไปถึงโรคใหม่ ๆ มากมายที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้คนมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการเจ็บป่วยหรือเกิดโรคภัยต่าง ๆ ได้มากขึ้นเช่นกัน

การทำประกันสุขภาพจึงเป็นสิ่งที่จะสามารถรับรองเราได้ว่าเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วยหรือเป็นโรคร้ายแรงต่าง ๆ ขึ้นมาแล้วจะได้รับการรักษาที่ดี โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายมากมายที่อาจเกิดขึ้นในการรักษาพยาบาล

ประกันสุขภาพแบ่งเป็นกี่แบบ

ประกันสุขภาพในปัจจุบันนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 4 แบบด้วยกัน โดยแต่ละแบบก็จะให้ความคุ้มครอง และมีค่าเบี้ยประกันที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่

ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก

ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก OPD คือประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วยนอก ไม่ว่าจะเป็นค่ายา ค่าแพทย์ หรือค่ารักษา (ผู้ป่วยนอก หรือ OPD คือ ผู้ป่วยที่ทำการรักษาอาการเจ็บป่วยโดยที่ไม่จำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล)

ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน

ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน IPD คือประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วยใน ไม่ว่าจะเป็นค่ายา ค่าแพทย์ ค่ารักษา ค่าอาหาร หรือค่าห้องพัก (ผู้ป่วยใน หรือ IPD คือ ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง หรือผู้ที่จำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล)

ประกันชดเชยรายได้

ประกันชดเชยรายได้ คือประกันที่เมื่อเรามีการเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ทางบริษัทประกันจะทำการจ่ายค่าสินไหมทดแทนรายวันให้ในจำนวนที่ได้ระบุเอาไว้ เพื่อชดเชยรายได้ที่เสียไปขณะที่รักษาตัว

ประกันโรคร้ายแรง

ประกันโรคร้ายแรง คือประกันสุขภาพที่จะให้ความคุ้มครองเมื่อผู้เอาประกันมีการตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรงใด ๆ ที่ได้มีการระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ โดยทางบริษัทประกันจะทำการจ่ายเป็นเงินก้อนให้เมื่อมีการตรวจพบโรค หรืออาจเป็นการคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษา ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัท

(โรคร้ายแรง คือกลุ่มโรคที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยอย่างรุนแรง และอาจอันตรายถึงชีวิต ไปจึงถึงสร้างความลำบากอย่างมากในการใช้ชีวิตของผู้ป่วย โดยโรคร้ายแรงจะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ค่อนข้างสูง และยังใช้เวลาในการรักษานาน ซึ่งจำเป็นต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษา)

ต้องการใส่ใจสุขภาพ ก็ควรทำประกันสุขภาพให้แก่ตัวเองและคนที่รัก

การทำประกันสุขภาพนั้นก็นับว่าเป็นวิธีในการใส่ใจสุขภาพอย่างนึง โดยสามารถทำประกันสุขภาพให้ได้กับทั้งตัวเอง ครอบครัว หรือคนที่คุณรัก เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุดเมื่อเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ หรือเกิดอาการบาดเจ็บเข้า

นอกจากจะทำให้ตัวเอง ครอบครัว หรือคนที่คุณรักได้รับการรักษาอย่างดีที่สุดแล้ว ยังทำให้ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่สูงอีกด้วย ซึ่งเมื่อเทียบกันกับค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายไป ก็ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียว