เช็คพัฒนาการทารกแรกเกิด ภาวะปกติและสัญญาณเตือนที่พ่อแม่ควรรู้
เช็คพัฒนาการทารกแรกเกิด ภาวะปกติและสัญญาณเตือนที่พ่อแม่ควรรู้
สำหรับพ่อแม่ทุกคนคงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเลี้ยงลูกให้เติบโตแข็งแรง ให้นมลูกและมีพัฒนาการทางสมองที่ดีตามวัย แต่ด้วยความที่เป็นมือใหม่ อีกทั้งทารกแรกเกิดถึง 1 ปี มีการเรียนรู้และพฤติกรรมไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ทำให้หลายคนเป็นกังวลว่าลูกน้อยเป็นเด็กปกติหรือมีความผิดปกติหรือไม่ วันนี้ขอแนะนำ แอพ alive จาก AIA เป็นแอพพลิเคชั่นที่รวมพัฒนาการเด็กทารกที่คุณแม่มือใหม่ต้องรู้และสังเกตตั้งแต่แรกคลอดมาแนะนำกัน ไปดูกันค่ะว่าพัฒนาการทารกแรกเกิด ภาวะปกติของเด็ก หรือสัญญาณเตือนใดบ้างที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้
ทารกแรกเกิดจนถึง 4 เดือน เป็นวัยที่สังเกตความผิดปกติได้ยาก เพราะเด็กจะนอนเกือบทั้งวัน พ่อแม่มือใหม่วิตกกังวลว่าลูกน้อยจะเจ็บไข้ได้ป่วยหรือ โดยไม่ทันสังเกตสัญญาณเตือนความผิดปกติ ซึ่งความจริงเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ ยิ่งพบเร็วเท่าไรยิ่งแก้ไขได้เร็วเท่านั้น พ่อแม่ควรสังเกตพฤติกรรมลูกในแต่ละช่วงอายุ เริ่มสบตา จ้องหน้า สังเกตว่าพลิกตัวเมื่อไร เริ่มส่งเสียงอ้อแอ้และตอบสนองต่อเสียงเรียกหรือไม่ ในกรณีที่ลูกอายุ 3 เดือน แล้วยังไม่สบตา ไม่มองตาม ไม่หันตามเสียง ไม่เล่นด้วย หรืออายุ 6 เดือนแล้ว ไม่ชูคอ พลิกคว่ำพลิกหงายไม่ได้ แบบนี้คุณพ่อคุณแม่ควรรีบปรึกษาคุณหมอได้แล้วค่ะ โดย แอป เอ ไลฟ์ เป็นช่องทางปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สะดวกง่ายดาย มีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์และกลุ่มแชทจากพ่อแม่ที่มีประสบการณ์ใกล้เคียงกันนำเสนอข้อมูลและมุมมองเพื่อช่วยเหลือคุณแม่เลี้ยงดูลูกน้อย
สิ่งที่ต้องสังเกตและสัญญาณเตือนที่ควรรู้ มีดังนี้
1.พัฒนาการด้านสติปัญญาและการเรียนรู้
ทารกเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่แรกเกิด สิ่งแรกคือการตอบสนองต่อเสียงตั้งแต่อายุ 1-2 เดือน จะสะดุ้งหรือตกใจเมื่อมีเสียงดัง ช่วงอายุ 6 เดือน เริ่มคว่ำได้เอง ส่งเสียงอ้อแอ้และทำเสียงเลียนแบบพ่อแม่ ถ้าลูกไม่หันมาตามเสียง หรือได้ยินเสียงดังแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ นั่นแสดงถึงความผิดปกติบางอย่าง พอถึงอายุ 9 เดือน ลุกนั่งได้เอง แสดงอารมณ์จากการยิ้ม ร้องไห้ หัวเราะ และเล่นสนุกกับคนอื่น ถ้าอายุ 12 เดือนแล้วยังไม่สนใจคน ไม่สื่อสารด้วยท่าทาง ไม่เข้าใจการห้าม หรือคำสั่งง่าย ๆ เป็นอาการผิดปกติที่คุณพ่อคุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ว่าลูกมีพัฒนาการล่าช้าหรือมีความผิดปกติอย่างไร ลองเข้าอ่าน รีวิว แอพ alive เพื่อมองหาจุดสังเกตตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เช่น ลูกมีตาห่างผิดปกติซึ่งมีสาเหตุจากพัฒนาการที่ล่าช้า หรือลูกขยี้ตาบ่อย ๆ หรือหยิบสิ่งของเข้ามาดูใกล้ ๆ แสดงว่าสายตามีปัญหาทำให้มองไม่ชัดจะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาแต่เนิ่น ๆ
2.พัฒนาการด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว
ทารกเริ่มมีการเคลื่อนไหวตอบสนองตั้งแต่วัย 1 เดือน เริ่มเคลื่อนไหวตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า พ่อแม่ที่ใกล้ชิดลูกจะสังเกตและช่วยลูกฝึกทักษะการเคลื่อนไหวมือ แขน และขาทั้ง 2 ข้าง คุณแม่ควรโอบกอดบ่อย ๆ อุ้มบ่อยโดยไม่ต้องกลัวลูกติดมือเพื่อให้เด็กมีการตอบสนองและเคลื่อนไหว กระตุ้นให้เด็กมองตามด้วยการใช้เสียงและสัมผัส แตะข้างแก้มสองข้างสลับไปมาเพื่อให้เด็กหันศีรษะตาม จับมือลูกกำ แบ ร้องเพลงและเล่นจับปูดำ ปูไต่ จั๊กจี้เพื่อให้ลูกมีการตอบสนองด้วยการเคลื่อนไหว จับลูกนอนหงายยกขาขึ้นลง งอและเหยียดขา จับแขนยกขยับร่างกาย เป็นวิธีการกระตุ้นประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว คอยสังเกตเวลาลูกนั่งหรือเริ่มเกาะยืนว่าสองขาคงที่ แข็งแรงหรืออ่อนปวกเปียก มีอาการเกร็งหรือโอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งหรือไม่ ถ้ามีความผิดปกติส่งผลให้การเคลื่อนไหวลำบาก ควรปรึกษาแพทย์ทันที หรือสอบถามข้อสงสัยผ่าน แอพ alive
- ด้านภาษาและการสื่อสาร
เด็กเริ่มเรียนรู้ภาษาและการสื่อสารตั้งแต่ยังเล็ก การยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้คือการสื่อสารเพื่อแสดงอารมณ์และความต้องการ เพราะยังใช้คำพูดไม่ได้ พ่อแม่ควรเรียนรู้ว่าการร้องไห้แต่ละแบบหมายถึงอะไร หิว เปียก เจ็บ ร้อน หนาว เพื่อให้ลูกน้อยพอใจ ลูบตัวและอุ้มบ่อย ๆ ให้ลูกไว้วางใจพร้อมกับพูดคุยไปด้วยกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองและจดจำคำได้ เมื่อเด็กเริ่มอ้อแอ้แล้วให้ใช้คำพูดซ้ำ ๆ เพื่อให้ลูกเข้าใจความหมายอย่างถูกต้อง ถ้าอายุ 9-12 เดือน แล้วยังสื่อสารกับใครไม่ได้ ให้ลองปรึกษาแพทย์จาก ปรึกษาแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญใน แอพ alive ดีไหม ไม่เพียงได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเท่านั้น ยังมีฟีเจอร์แชทกลุ่มพ่อแม่ที่มีประสบการณ์เดียวกันช่วยแชร์ข้อมูลซึ่งจะช่วยเหลือคุณแม่ได้มากทีเดียว
- ด้านอารมณ์และสังคม
วัยแรกเกิดมีการพัฒนาของสมองส่วนความจำแล้ว สังเกตได้ว่าเวลาคุณแม่อุ้มลูกน้อยขึ้นมากล่อมนอน เด็กจะขยับแขนขา แสดงสีหน้าผ่อนคลาย ทารกมักจะคุ้นเคยกับแม่ แต่ถ้าเป็นคุณพ่ออุ้มเจ้าตัวเล็กมักจะร้องโยเย ทำตัวเกร็ง ๆ ต้องเปลี่ยนมาให้แม่อุ้มจึงหยุดร้อง เป็นพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นว่าลูกน้อยมีพัฒนาการด้านความจำและการแสดงออกทางอารมณ์ให้รู้ว่าอุ่นใจและรู้สึกปลอดภัยเมื่อแม่อุ้ม หากลูกไม่ชอบสบตา ไม่สนใจพ่อแม่และคนอื่น มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง หรือเคลื่อนไหวซุกซนมากผิดปกติ สามารถปรึกษาแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญใน แอพ alive เป็นตัวช่วยที่สะดวกรวดเร็วสำหรับคุณแม่มือใหม่ช่วยหาความผิดปกติ และวางแผนการรักษาเพื่อส่งเสริมพัฒนาการที่สมวัยให้กับลูกน้อย
ที่มาข้อมูล :
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้