เมื่อไหร่ที่ผู้ขับขี่ควรจะเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์

knowledgeCherry

เด็กใหม่ (4)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:6
เมื่อ 23 เมษายน พ.ศ. 2563 16.18 น.

การเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์เมื่อถึงเวลา หรือมีสัญญาณเตือนจากระบบไฟฟ้า ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ขับขี่ไม่ควรมองข้าม และปล่อยปละละเลยกับอาการดังกล่าวที่เกิดขึ้น หากแบตเตอรี่ของคุณนั้นเสื่อมสภาพย่อมส่งผลเสียให้กับรถยนต์อย่างโดยตรง เพราะฉะนั้นการตรวจและหมั่นสังเกตอาการต่างๆ ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งวันนี้เราจะมาบอกถึง 4 อาการที่ถึงเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ว่ามีอะไรบ้าง 

สตาร์ทรถติดยากกว่าปกติ

อาการยอดนิยมที่เกี่ยวข้องกับแบตรถยนต์และเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หรือหมดอายุ, ขี้เกลือขึ้นแบตเตอรี่, ไดชาร์จเสื่อม และมอเตอร์สตาร์ทพัง หากเกิดอาการเหล่านี้กับรถยนต์ของคุณจนผิดปกติ แนะนำให้ตรวจเช็กแบตเตอรี่ว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ และเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เพราะโดยปกติทั่วไปอายุการใช้งานของแบตจะอยู่ประมาณ 2 ปี (ขึ้นอยู่กับการใช้งานและดูแลของแต่ละคน) 

ระบบไฟฟ้าภายในรถทำงานผิดปกติ 

หากระบบไฟฟ้าภายในรถ อาทิ วิทยุ, เครื่องเสียง, กระจกไฟฟ้า, เบาะไฟฟ้า, ไฟบนหน้าปัด และส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง มีอาการทำงานช้าผิดปกติ หรือติดๆ ขัดๆ อยู่บ่อยครั้ง นั่นคือหนึ่งสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หรือใกล้หมดอายุถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะหากฝืนใช้งานต่อไปรถยนต์ของคุณอาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

ไฟหน้ารถและหลังรถไม่ค่อยสว่าง 

ถ้าคุณเปลี่ยนหลอดไฟหน้ารถและหลังรถใหม่ แต่พบว่าเมื่อใช้งานแล้วไม่สว่างอย่างที่คิด หรือที่ควรจะเป็น ให้คิดไว้เลยว่าระบบไฟฟ้าภายในรถกำลังอ่อนลง ด้วยสาเหตุจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน เพราะฉะนั้นควรเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ยามค่ำคืน

มีคราบเลอะบนตัวแบตเตอรี่ 

หากเปิดฝากระโปรงหน้ารถเพื่อเช็กแบตเตอรี่ และพบว่ามีคราบเลอะบนตัวแบต นั่นอาจจะเกิดมาจากการรั่วไหลของแบตเตอรี่ หรือยี่ห้อที่เปลี่ยนมานั้นไม่ได้คุณภาพ แนะนำให้ปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจลุกลามไปยังระบบไฟฟ้าต่างๆ หรือหากต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ใหม่ก็ควรทำจะดีที่สุด


แบตเตอรี่ของรถยนต์นั้นถือเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในการควบคุมและใช้งานระบบไฟฟ้าต่างๆ ภายในรถให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังรวมไปถึงในเรื่องของเครื่องยนต์ เพราะฉะนั้นก่อนออกเดินทางไม่ว่าจะไกล ใกล้ หรือไม่ค่อยใช้งานก็ตาม ควรหมั่นดูแลและตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุให้กับตัวแบตและลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างขับขี่ สำหรับรถของใครที่มีอาการข้างต้นทั้ง 4 อยู่ตอนนี้ แนะนำให้เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ หรือปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะได้หาสาเหตุอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา