สิวอักเสบ เกิดจากอะไร รักษาอย่างไร รวมทุกคำตอบเกี่ยวกับสิวอักเสบ!
ปัญหาสิวเป็นสิ่งที่หลายคนเลี่ยงไม่ได้จนอาจเสียความมั่นใจ เพียงแค่สิวธรรมดาก็นับว่าเป็นเรื่องแย่ แต่หากเป็นสิวอักเสบยิ่งเห็นชัดมากกว่าเดิม รักษายากขึ้นและหากรักษาไม่ถูกก็อาจทำให้เกิดผลกระทบอื่นตามมา เช่น รอยแผลเป็นจากสิว
ในบทความนี้จะรวมเรื่องสิวอักเสบ ทั้งสาเหตุ ประเภท การรักษาสิวอักเสบและอื่นๆอีกมากมาย ช่วยคุณจัดการกับปัญหาสิวอักเสบได้แน่นอน
สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)
สิวอักเสบมีอีกชื่อว่า Papulopustular acne สิวอักเสบมักพัฒนามาจากสิวอุดตัน จุดสังเกตสิวอักเสบง่ายๆคือจะมีลักษณะบวมแดงเป็นที่น่ากังวลและเจ็บ ซึ่งสิวอักเสบมีทั้งแบบมีหัวและสิวอักเสบไม่มีหัว
ลักษณะของสิวอักเสบ
สิวอักเสบมีหลายประเภท ส่วนลักษณะสามารถแบ่งได้ตามระดับความรุนแรงของสิว
- ระดับ 1 (อักเสบน้อย) - สิวที่อาการอักเสบไม่รุนแรง พบบนใบหน้าไม่มากเช่น สิวตุ่ม สิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวหัวหนองขนาดเล็ก
- ระดับ 2 - เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นมาเล็กน้อย ประเภทสิวอักเสบจะไม่ต่างกันมาก เช่น สิวหัวหนอง สิวตุ่ม แต่จะกระจายบนใบหน้ามากขึ้น
- ระดับ 3 - สิวอักเสบลักษณะนี้หากสัมผัสจะเจ็บ ขนาดเป็นก้อนใหญ่ขึ้น ส่วนมากเป็นสิวตุ่มกับสิวหัวหนอง
- ระดับ 4 (อักเสบรุนแรง) - สิวอักเสบขนาดใหญ่ นอกจากเจ็บสิวและจะเจ็บไปทั่วบริเวณที่มีสิว มันเป็นสิวหัวหนองขนาดใหญ่และสิวตุ่มขนาดใหญ่
สาเหตุการเกิดสิวอักเสบ
สิวอักเสบ เกิดจากอะไร? สาเหตุการเกิดสิวอักเสบมีอยู่ 2 ปัจจัยด้วยกันคือปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน
ปัจจัยภายนอก
- อาหารน้ำตาลสูง อาหารมัน อาหารทอด - อาจทำให้เกิดสิวอักเสบได้แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคน อาจมีอาหารอื่นๆที่ทำให้คุณเป็นสิวอักเสบได้
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว - หลายผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของน้ำมันซึ่งอาจทำให้เกิดสิวอุดตันและนำไปสู่สิวอักเสบได้
- การทำความสะอาด - ความมันความสกปรกจากสิ่งแวดล้อมอาจทำให้เกิดสิวอุดตันได้ ควรหมั่นล้างหน้าบ่อยๆรวมถึงล้างเครื่องสำอางให้หมดจด
- เครื่องสำอาง - คล้ายคลึงกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวคือเครื่องสำอางหลายชนิดมีส่วนผสมของน้ำมันซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดสิวอักเสบได้
ปัจจัยภายใน
- แบคทีเรีย -Cutibacterium acnes และ Propionibacterium acnes เป็นแบคทีเรียที่อยู่ในรูขุมขนของเราอยู่แล้ว แต่หากมีจำนวนมากเกินไปก็จะก่อให้เกิดความผิดปกติอย่างสิวอักเสบ
- กรรมพันธุ์ - หากคนในครอบครัวมีสิวขึ้นเยอะก็อาจทำให้คุณมีสิวขึ้นง่ายและเยอะกว่าคนปกติได้
- ฮอร์โมน - สำหรับผู้หญิง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงรอบเดือนจะทำให้เกิดสิวง่ายขึ้น นอกจากนี้ฮอร์โมน dihydrotestosterone และ estosterone ที่มากเกินไปในช่วงวัยรุ่นก็ทำให้เกิดสิวอักเสบได้เช่นกัน
ประเภทของสิวอักเสบ
ถ้าอยากจะรักษาสิวอักเสบอย่างถูกวิธี ก่อนอื่นต้องรู้จักประเภทของสิวอักเสบ
1. สิวตุ่มแดง (Papule)
เป็นสิวแดงขนาดเล็ก อาจเจ็บเล็กน้อยเมื่อแตะ
2. สิวหัวหนอง (Pustule)
พัฒนามาจากสิวตุ่มแดงหรืออาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย มีหัวสิวเป็นหนองสีขาว
3. สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ (Nodule)
เกิดจากการกดสิวตุ่มแดงอย่างผิดวิธีทำให้แบคทีเรียและน้ำมันกระจายตัว มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง สิวอักเสบแดงเป็นก้อน เจ็บค่อนข้างมาก
4. สิวหัวช้าง (Acne Conglobata)
มีหัวหนองชัดเจน เกิดจากสิวอักเสบด้านบนขึ้นรวมกันหนาแน่น เป็นการอักเสบรุนแรง มีลักษณะบวม แดง หากรักษาผิดวิธีอาจทำให้เป็นหลุมสิว
5. สิวซีสต์ (Acne Cyst)
สิวชนิดนี้จะต่างจากสิวอักเสบชนิดอื่นๆตรงที่ไม่เจ็บ ไม่แดง มีลักษณะเป็นก้อนนูนแดง มีหนองปนเลือด หลังรักษามักเป็นหลุมสิวขนาดใหญ่หรือก้อนนูนแข็ง
บริเวณที่สิวอักเสบสามารถขึ้นได้
สิวอักเสบเกิดได้หลายบริเวณ ได้แก่
- สิวอักเสบที่แก้ม - อาจเกิดจากเครื่องสำอางหรือการใส่แมสก์
- สิวอักเสบที่จมูก - เกิดจากการบีบสิวบริเวณจมูกผิดวิธี
- สิวอักเสบที่คาง - มักเกิดช่วงรอบเดือนในผู้หญิงวัยทำงาน
- สิวอักเสบบนหน้าผาก - อาจเกิดจากแพ้แชมพู ผลิตภัณฑ์บำรุงผม หรือฮอร์โมน
วิธีรักษาสิวอักเสบ
สิวอักเสบ รักษาอย่างไร? หัวข้อนี้คงเป็นสิ่งที่หลายๆคนอยากรู้ วิธีรักษาสิวอักเสบมีมากมายดังนี้
1. ใช้ยาทารักษาสิวอักเสบ
ยาทารักษาสิวอักเสบมีมากมายหลายยี่ห้อ ยาทาที่มีส่วนผสมเหล่านี้สามารถช่วยรักษาสิวอักเสบได้ ยาสิวอักเสบอาจใช้ร่วมกับการกดสิว
- ยาทากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ (Topical Retinoids)
- ยาทากลุ่มเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide)
- ยาทาที่มีส่วนผสมของกำมะถัน (Sulfur)
- ยาทาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (Topical Antibiotics)
- ยาทากรดอะเซเลอิค (Azelaic acid)
2. กดสิว
การกดสิวช่วยกำจัดสิวออกจากรูขุมขนได้โดยนิยมกดสิวอุดตันออกก่อนที่จะกลายเป็นสิวอักเสบ หากเป็นสิวอักเสบแล้วยังสามารถกดสิวได้แต่ไม่แนะนำนักเพราะทำให้อักเสบมากกว่าเดิมได้ จำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญกดสิวเท่านั้น
3. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
ควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและทำความสะอาดผิวให้ดีเพื่อช่วยลดสิวอักเสบ เช่น
- ครีมกันแดด - เลือกใช้แบบที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันและกันทั้งแสง Ultra Violet A และ Ultra Violet B เพื่อช่วยลดผลกระทบจากการใช้เลเซอร์รักษาสิว
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว - เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว เช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่าย
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว - เลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน
4. ทานยารักษาสิว
เป็นวิธีรักษาสิวอักเสบอีกวิธีที่ได้รับความนิยม ยาที่สามารถลดสิวอักเสบได้ เช่น
- ยาปฏิชีวนะ - เหมาะกับการรักษาสิวอักเสบจาก C.acnes แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้
- ยาไอโซเตตริโนอิน - เป็นตัวยากลุ่มอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ ใช้ได้ผลดีแต่ผลกระทบค่อนข้างมาก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
5. คุมอาหาร
ลดอาหารที่มีความมันสูง ไขมันสูง เช่น ของทอด เพราะการทานของมันๆอาจทำให้เกิดสิวอุดตันมากขึ้นและนำไปสู่สิวอักเสบ ทั้งนี้ควรหมั่นสังเกตตนเองว่าอาหารประเภทใดที่ทำให้สิวขึ้น
6. ปรับพฤติกรรม
ลดปัจจัยภายนอก เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน ควบคุมอาหาร พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาความสะอาดของผิวหน้าอย่างพอเหมาะ เพียงเท่านี้ก็ลดโอกาสการเกิดสิวอักเสบได้
7. ยาคุมกำเนิด
สำหรับผู้หญิง สามารถใช้ยาคุมกำเนิดช่วยลดสิวอักเสบได้เพราะฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดสามารถช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้วิธีดังกล่าว
8. ปรึกษาแพทย์
หากลองรักษาด้วยตนเองแล้วไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อไม่ให้ปัญหาสิวอักเสบลุกลามเพราะอาจก่อให้เกิดรอยสิวที่ต้องใช้เวลารักษา
9. เลเซอร์สิวและบำบัดด้วยแสง
เป็นวิธีลดสิวอักเสบที่ได้รับความนิยมเพราะแก้ไขปัญหาสิวอักเสบได้ตรงจุด
- บำบัดด้วยแสง - ฉายแสงช่วงคลื่น 400 - 1200 nm เพื่อฆ่าเชื่อ c.acnes ผสมกับการใช้แรงดันลบดูดหัวสิวเพื่อบีบหัวสิวเอาหนองออก
- บำบัดด้วยเลเซอร์ - ส่วนมากใช้เพื่อลดผลกระทบจาก C.acnes ได้ผลลัพธ์ดีและมีประสิทธิภาพ การรักษาด้วยเลเซอร์มีหลายประเภท เช่น เลเซอร์แสงสีเหลือง, เลเซอร์แสงสีเขียว, LLLT, เลเซอร์แสงอินฟราเรด
แนวทางดูแลตัวเองเมื่อเป็นสิวอักเสบ
หากเป็นสิวอักเสบ คุณสามารถดูแลตัวเองเพื่อลดการอักเสบและโอกาสที่จะเกิดสิวอักเสบซ้ำดังนี้
- ทำความสะอาดผิวหน้าสม่ำเสมอวันละ 2 ครั้ง ทั้งนี้ไม่ควรล้างหน้าบ่อยมากเกินไป
- งดแตะผิวหน้าเพราะอาจทำให้มีสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียบนใบหน้าเพิ่มเติม
- ห้ามบีบสิวด้วยตนเอง งดแกะ เกา แคะ
- เลี่ยงการแต่งหน้า
- หากอาการรุนแรงหรือกังวลเรื่องสิวอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง
ป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดสิวอักเสบ
การป้องกันไม่ให้เกิดสิวอักเสบสามารถทำได้ไม่ยากดังนี้
- ล้างหน้าสม่ำเสมอ
- เลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดสิว
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวหน้า เช่น หากหน้ามันก็ใช้สูตรขจัดความมัน ใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยนต่อผิวสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย
- ใช้ครีมกันแดดสม่ำเสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ พยายามลดความเครียด
FAQs สิวอักเสบ
สิวอักเสบบีบได้ไหม
ไม่ควรบีบเอง หากต้องการบีบต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นเพราะอาจอักเสบมากกว่าเดิม
สิวอักเสบหายเองได้ไหม
ขึ้นอยู่กับประเภทของสิวอักเสบและระดับความรุนแรง อาจหายเองได้ แต่ควรรักษาให้ถูกวิธี
สิวอักเสบ กี่วันหาย
หากรักษาสิวอักเสบด้วยตนเอง เช่น ทายา อาจใช้เวลา 3-6 สัปดาห์ แต่ถ้ารักษาโดยแพทย์อาจหายเร็วขึ้น
สิวอักเสบ ทาครีม ครีมกันแดดได้ไหม
ได้ และควรใช้ครีมกันแดด บำรุงผิวเสมอแต่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันเพื่อลดการเกิดสิวอักเสบ
สิวอักเสบ ใช้อะไรดี
สามารถใช้ได้ได้ทั้งยาทาและยากินหากต้องการรักษาสิวอักเสบด้วยตนเอง แต่ควรเลือกยาที่มีส่วนผสมเฉพาะบางอย่างตามที่กล่าวไปในหัวข้อวิธีรักษาสิวอักเสบ
ข้อสรุป
สิวอักเสบเป็นปัญหาที่หลายคนพบเจอ ปัจจัยการเกิดสิวอักเสบมีทั้งปัจจัยภายในและภายนอก โดยส่วนมากมักพัฒนามาจากสิวอุดตัน ส่วนการรักษาสิวอักเสบสามารถทำได้ด้วยตนเองแต่หากอาการรุนแรงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้