สิวอักเสบ เกิดจากอะไร รักษาอย่างไร รวมทุกคำตอบเกี่ยวกับสิวอักเสบ!

GUEST1649747579

ขีดเขียนดีเด่น (371)
เด็กใหม่ (0)
เด็กใหม่ (0)
POST:694
เมื่อ 15 มีนาคม พ.ศ. 2566 00.36 น.

สิวอักเสบ

ปัญหาสิวเป็นสิ่งที่หลายคนเลี่ยงไม่ได้จนอาจเสียความมั่นใจ เพียงแค่สิวธรรมดาก็นับว่าเป็นเรื่องแย่ แต่หากเป็นสิวอักเสบยิ่งเห็นชัดมากกว่าเดิม รักษายากขึ้นและหากรักษาไม่ถูกก็อาจทำให้เกิดผลกระทบอื่นตามมา เช่น รอยแผลเป็นจากสิว 

ในบทความนี้จะรวมเรื่องสิวอักเสบ ทั้งสาเหตุ ประเภท การรักษาสิวอักเสบและอื่นๆอีกมากมาย ช่วยคุณจัดการกับปัญหาสิวอักเสบได้แน่นอน

 



สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)

สิวอักเสบไม่มีหัว

สิวอักเสบมีอีกชื่อว่า Papulopustular acne สิวอักเสบมักพัฒนามาจากสิวอุดตัน จุดสังเกตสิวอักเสบง่ายๆคือจะมีลักษณะบวมแดงเป็นที่น่ากังวลและเจ็บ ซึ่งสิวอักเสบมีทั้งแบบมีหัวและสิวอักเสบไม่มีหัว



ลักษณะของสิวอักเสบ

สิวอักเสบที่คาง
สิวอักเสบ
มีหลายประเภท ส่วนลักษณะสามารถแบ่งได้ตามระดับความรุนแรงของสิว 

  • ระดับ 1 (อักเสบน้อย) - สิวที่อาการอักเสบไม่รุนแรง พบบนใบหน้าไม่มากเช่น สิวตุ่ม สิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวหัวหนองขนาดเล็ก
  • ระดับ 2 - เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นมาเล็กน้อย ประเภทสิวอักเสบจะไม่ต่างกันมาก เช่น สิวหัวหนอง สิวตุ่ม แต่จะกระจายบนใบหน้ามากขึ้น
  • ระดับ 3 - สิวอักเสบลักษณะนี้หากสัมผัสจะเจ็บ ขนาดเป็นก้อนใหญ่ขึ้น ส่วนมากเป็นสิวตุ่มกับสิวหัวหนอง
  • ระดับ 4 (อักเสบรุนแรง) - สิวอักเสบขนาดใหญ่ นอกจากเจ็บสิวและจะเจ็บไปทั่วบริเวณที่มีสิว มันเป็นสิวหัวหนองขนาดใหญ่และสิวตุ่มขนาดใหญ่



สาเหตุการเกิดสิวอักเสบ

สิวอักเสบ เกิดจากอะไร? สาเหตุการเกิดสิวอักเสบมีอยู่ 2 ปัจจัยด้วยกันคือปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน

ปัจจัยภายนอก

  1. อาหารน้ำตาลสูง อาหารมัน อาหารทอด - อาจทำให้เกิดสิวอักเสบได้แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคน อาจมีอาหารอื่นๆที่ทำให้คุณเป็นสิวอักเสบได้
  2. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว - หลายผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของน้ำมันซึ่งอาจทำให้เกิดสิวอุดตันและนำไปสู่สิวอักเสบได้
  3. การทำความสะอาด - ความมันความสกปรกจากสิ่งแวดล้อมอาจทำให้เกิดสิวอุดตันได้ ควรหมั่นล้างหน้าบ่อยๆรวมถึงล้างเครื่องสำอางให้หมดจด
  4. เครื่องสำอาง - คล้ายคลึงกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวคือเครื่องสำอางหลายชนิดมีส่วนผสมของน้ำมันซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดสิวอักเสบได้

ปัจจัยภายใน

  1. แบคทีเรีย -Cutibacterium acnes และ Propionibacterium acnes เป็นแบคทีเรียที่อยู่ในรูขุมขนของเราอยู่แล้ว แต่หากมีจำนวนมากเกินไปก็จะก่อให้เกิดความผิดปกติอย่างสิวอักเสบ
  2. กรรมพันธุ์ - หากคนในครอบครัวมีสิวขึ้นเยอะก็อาจทำให้คุณมีสิวขึ้นง่ายและเยอะกว่าคนปกติได้
  3. ฮอร์โมน - สำหรับผู้หญิง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงรอบเดือนจะทำให้เกิดสิวง่ายขึ้น นอกจากนี้ฮอร์โมน dihydrotestosterone และ estosterone ที่มากเกินไปในช่วงวัยรุ่นก็ทำให้เกิดสิวอักเสบได้เช่นกัน

 


ประเภทของสิวอักเสบ

ถ้าอยากจะรักษาสิวอักเสบอย่างถูกวิธี ก่อนอื่นต้องรู้จักประเภทของสิวอักเสบ


1. สิวตุ่มแดง (Papule)

เป็นสิวแดงขนาดเล็ก อาจเจ็บเล็กน้อยเมื่อแตะ


2. สิวหัวหนอง (Pustule)

พัฒนามาจากสิวตุ่มแดงหรืออาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย มีหัวสิวเป็นหนองสีขาว


3. สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ (Nodule)

เกิดจากการกดสิวตุ่มแดงอย่างผิดวิธีทำให้แบคทีเรียและน้ำมันกระจายตัว มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง สิวอักเสบแดงเป็นก้อน เจ็บค่อนข้างมาก


4. สิวหัวช้าง (Acne Conglobata)

มีหัวหนองชัดเจน เกิดจากสิวอักเสบด้านบนขึ้นรวมกันหนาแน่น เป็นการอักเสบรุนแรง มีลักษณะบวม แดง หากรักษาผิดวิธีอาจทำให้เป็นหลุมสิว


5. สิวซีสต์ (Acne Cyst)

สิวชนิดนี้จะต่างจากสิวอักเสบชนิดอื่นๆตรงที่ไม่เจ็บ ไม่แดง มีลักษณะเป็นก้อนนูนแดง มีหนองปนเลือด หลังรักษามักเป็นหลุมสิวขนาดใหญ่หรือก้อนนูนแข็ง



บริเวณที่สิวอักเสบสามารถขึ้นได้

สิวอักเสบที่แก้ม

สิวอักเสบเกิดได้หลายบริเวณ ได้แก่

  • สิวอักเสบที่แก้ม - อาจเกิดจากเครื่องสำอางหรือการใส่แมสก์
  • สิวอักเสบที่จมูก - เกิดจากการบีบสิวบริเวณจมูกผิดวิธี
  • สิวอักเสบที่คาง - มักเกิดช่วงรอบเดือนในผู้หญิงวัยทำงาน
  • สิวอักเสบบนหน้าผาก - อาจเกิดจากแพ้แชมพู ผลิตภัณฑ์บำรุงผม หรือฮอร์โมน

 



วิธีรักษาสิวอักเสบ

สิวอักเสบ รักษาอย่างไร? หัวข้อนี้คงเป็นสิ่งที่หลายๆคนอยากรู้ วิธีรักษาสิวอักเสบมีมากมายดังนี้


1. ใช้ยาทารักษาสิวอักเสบ

ยาทาสิวอักเสบ

ยาทารักษาสิวอักเสบมีมากมายหลายยี่ห้อ ยาทาที่มีส่วนผสมเหล่านี้สามารถช่วยรักษาสิวอักเสบได้ ยาสิวอักเสบอาจใช้ร่วมกับการกดสิว

  • ยาทากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ (Topical Retinoids)
  • ยาทากลุ่มเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide)
  • ยาทาที่มีส่วนผสมของกำมะถัน (Sulfur)
  • ยาทาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (Topical Antibiotics)
  • ยาทากรดอะเซเลอิค (Azelaic acid)

2. กดสิว

กดสิว

การกดสิวช่วยกำจัดสิวออกจากรูขุมขนได้โดยนิยมกดสิวอุดตันออกก่อนที่จะกลายเป็นสิวอักเสบ หากเป็นสิวอักเสบแล้วยังสามารถกดสิวได้แต่ไม่แนะนำนักเพราะทำให้อักเสบมากกว่าเดิมได้ จำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญกดสิวเท่านั้น

3. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

รักษา สิวอักเสบ

ควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและทำความสะอาดผิวให้ดีเพื่อช่วยลดสิวอักเสบ เช่น

  • ครีมกันแดด - เลือกใช้แบบที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันและกันทั้งแสง Ultra Violet A และ Ultra Violet B เพื่อช่วยลดผลกระทบจากการใช้เลเซอร์รักษาสิว
  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว - เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว เช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่าย
  • ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว - เลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน

 

4. ทานยารักษาสิว

ยาสิวอักเสบ

เป็นวิธีรักษาสิวอักเสบอีกวิธีที่ได้รับความนิยม ยาที่สามารถลดสิวอักเสบได้ เช่น

  • ยาปฏิชีวนะ - เหมาะกับการรักษาสิวอักเสบจาก C.acnes แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้
  • ยาไอโซเตตริโนอิน - เป็นตัวยากลุ่มอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ ใช้ได้ผลดีแต่ผลกระทบค่อนข้างมาก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้

 

5. คุมอาหาร

อาหารลดสิว

ลดอาหารที่มีความมันสูง ไขมันสูง เช่น ของทอด เพราะการทานของมันๆอาจทำให้เกิดสิวอุดตันมากขึ้นและนำไปสู่สิวอักเสบ ทั้งนี้ควรหมั่นสังเกตตนเองว่าอาหารประเภทใดที่ทำให้สิวขึ้น

6. ปรับพฤติกรรม

สิวอักเสบ รักษา

ลดปัจจัยภายนอก เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน ควบคุมอาหาร พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาความสะอาดของผิวหน้าอย่างพอเหมาะ เพียงเท่านี้ก็ลดโอกาสการเกิดสิวอักเสบได้

7. ยาคุมกำเนิด

สิวหัวช้าง รักษา

สำหรับผู้หญิง สามารถใช้ยาคุมกำเนิดช่วยลดสิวอักเสบได้เพราะฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดสามารถช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้วิธีดังกล่าว

8. ปรึกษาแพทย์

หมอรักษาสิวอักเสบ

หากลองรักษาด้วยตนเองแล้วไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อไม่ให้ปัญหาสิวอักเสบลุกลามเพราะอาจก่อให้เกิดรอยสิวที่ต้องใช้เวลารักษา

9. เลเซอร์สิวและบำบัดด้วยแสง

เลเซอร์สิวอักเสบ

เป็นวิธีลดสิวอักเสบที่ได้รับความนิยมเพราะแก้ไขปัญหาสิวอักเสบได้ตรงจุด

  • บำบัดด้วยแสง - ฉายแสงช่วงคลื่น 400 - 1200 nm เพื่อฆ่าเชื่อ c.acnes ผสมกับการใช้แรงดันลบดูดหัวสิวเพื่อบีบหัวสิวเอาหนองออก
  • บำบัดด้วยเลเซอร์ - ส่วนมากใช้เพื่อลดผลกระทบจาก C.acnes ได้ผลลัพธ์ดีและมีประสิทธิภาพ การรักษาด้วยเลเซอร์มีหลายประเภท เช่น เลเซอร์แสงสีเหลือง, เลเซอร์แสงสีเขียว, LLLT, เลเซอร์แสงอินฟราเรด



แนวทางดูแลตัวเองเมื่อเป็นสิวอักเสบ

รักษาสิวอักเสบไม่มีหัว

หากเป็นสิวอักเสบ คุณสามารถดูแลตัวเองเพื่อลดการอักเสบและโอกาสที่จะเกิดสิวอักเสบซ้ำดังนี้

  • ทำความสะอาดผิวหน้าสม่ำเสมอวันละ 2 ครั้ง ทั้งนี้ไม่ควรล้างหน้าบ่อยมากเกินไป
  • งดแตะผิวหน้าเพราะอาจทำให้มีสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียบนใบหน้าเพิ่มเติม
  • ห้ามบีบสิวด้วยตนเอง งดแกะ เกา แคะ
  • เลี่ยงการแต่งหน้า
  • หากอาการรุนแรงหรือกังวลเรื่องสิวอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง

 



ป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดสิวอักเสบ

ป้องกันสิวอักเสบ

 

การป้องกันไม่ให้เกิดสิวอักเสบสามารถทำได้ไม่ยากดังนี้

  • ล้างหน้าสม่ำเสมอ
  • เลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดสิว
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวหน้า เช่น หากหน้ามันก็ใช้สูตรขจัดความมัน ใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยนต่อผิวสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย
  • ใช้ครีมกันแดดสม่ำเสมอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ พยายามลดความเครียด



FAQs สิวอักเสบ

 

สิวอักเสบบีบได้ไหม

ไม่ควรบีบเอง หากต้องการบีบต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นเพราะอาจอักเสบมากกว่าเดิม


สิวอักเสบหายเองได้ไหม

ขึ้นอยู่กับประเภทของสิวอักเสบและระดับความรุนแรง อาจหายเองได้ แต่ควรรักษาให้ถูกวิธี


สิวอักเสบ กี่วันหาย

หากรักษาสิวอักเสบด้วยตนเอง เช่น ทายา อาจใช้เวลา 3-6 สัปดาห์ แต่ถ้ารักษาโดยแพทย์อาจหายเร็วขึ้น


สิวอักเสบ ทาครีม ครีมกันแดดได้ไหม

ได้ และควรใช้ครีมกันแดด บำรุงผิวเสมอแต่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันเพื่อลดการเกิดสิวอักเสบ


สิวอักเสบ ใช้อะไรดี

สามารถใช้ได้ได้ทั้งยาทาและยากินหากต้องการรักษาสิวอักเสบด้วยตนเอง แต่ควรเลือกยาที่มีส่วนผสมเฉพาะบางอย่างตามที่กล่าวไปในหัวข้อวิธีรักษาสิวอักเสบ


ข้อสรุป

สิวอักเสบเป็นปัญหาที่หลายคนพบเจอ ปัจจัยการเกิดสิวอักเสบมีทั้งปัจจัยภายในและภายนอก โดยส่วนมากมักพัฒนามาจากสิวอุดตัน ส่วนการรักษาสิวอักเสบสามารถทำได้ด้วยตนเองแต่หากอาการรุนแรงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง

โพสตอบ

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา