บุหรี่มวน (Cigarette) สิ่งเล็กๆ ที่ก่อให้เกิดโรคร้าย
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นที่ทราบกันดีว่าบุหรี่เป็นสิ่งที่แพร่หลายไปทั่วโลกและได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ซึ่งบุหรี่มีอยู่หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ไปป์ ซิการ์ ยาเส้น หรือรูปแบบของบุหรี่ไฟฟ้าที่ปัจจุบันก็ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นเป็นอย่างมาก จะพบว่าพฤติกรรมการสูบบุหรี่จะเริ่มนิยมกันมากในช่วงอายุ 15 ปีขึ้นไป ส่งผลมาจากความอยากรู้อยากลองของช่วงวัยและเพื่อผ่อนคลายความเครียด เนื่องจากในตัวบุหรี่มีสารประกอบที่เรียกว่า นิโคติน เป็นตัวกระตุ้นสมองส่วนกลางทำให้รู้สึกผ่อนคลายนั่นเอง
ประวัติของบุหรี่ที่นิยมในปัจจุบัน
บุหรี่มีต้นกำเนิดมาจากเผ่าดินเดียแดงซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกา โดยได้นำยาสูบมาใช้ในเรื่องยาและการทำพิธีกรรมต่างๆ จนในปี พ.ศ. 2035 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ได้พบเห็นการนำเอาใบไม้ชนิดหนึ่งมามวนและจุดไฟตอนปลายแล้วดูดควันจึงได้ทำการจดบันทึกและนั้นคือจุดเริ่มต้นของยาสูบ ต่อมามีการปลูกยาสูบขึ้นเพื่อทำเป็นสินค้าส่งออกจนเกิดความแพร่หลายเข้าไปในประเทศต่างๆ ทางยุโรป จากนั้นจึงเริ่มการปลูกยาสูบเชิงพาณิชย์จนกระทั่งมีการส่งออกผลผลิตไปยังประเทศอาณานิคมเป็นจำนวนมหาศาล ทำให้เกิดการปลูกไร่ยาสูบเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลายไปทั่วโลก
ในประเทศไทยเริ่มผลิตบุหรี่ครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยในระยะแรกจะเป็นการผลิตบุหรี่ด้วยมือ ต่อมาจึงได้มีการนำเครื่องจักรเข้ามาช่วยในการผลิตทำให้มีการผลิตเพิ่มขึ้นและสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้ ดังนั้นรัฐบาลได้จัดตั้งโรงงานยาสูบขึ้นมาโดยทำการซื้อกิจการมาจากห้างหุ้นส่วนบูรพายาสูบ จำกัด ซึ่งได้ดำเนินการกิจการภายใต้การควบคุมของกรมสรรพสามิต และไม่นานได้ซื้อกิจการของหลายบริษัทจนกลายเป็น โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลังจนถึงปัจจุบันนี้
ส่วนประกอบของบุหรี่มวนมีอะไรบ้าง
บุหรี่มวนแต่ละตัวจะมีส่วนประกอบ ดังนี้ กระดาษห่อยาสูบ รูปร่างทรงกระบอกมีความยาวประมาณ 120 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 10 มิลลิเมตร ด้านหนึ่งใช้สำหรับจุดไฟ อีกด้านสำหรับก้นกรองบุหรี่ โดยปกติก้นกรองบุหรี่ บางคนเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่า ก้นบุหรี่ จะเป็นสีขาวนิ่มๆ ทำจากเส้นใยสังเคราะห์มีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นที่เกิดขึ้นระหว่างสูบบุหรี่และช่วยกรองสารอันตรายจากบุหรี่ เช่น ทาร์และนิโคติน บุหรี่มีส่วนผสมของสารเคมีมากมากซึ่งในบุหรี่หนึ่งมวนจะประกอบไปด้วย
- นิโคตินประมาณ 15-20 มิลลิกรัม
- อะซีโตน
- ทาร์ หรือน้ำมันดิน
- แอมโมเนียม
- สารหนู
- บิวเทน
- แคดเมียม
- คาร์บอนมอนนอกไซด์
- ไซยาไนด์
- โครไลโนไทรล์
- ไนโตรเจนไดออกไซด์
- ฟอร์มาลดีไฮด์
- ตะกั่ว
- เมทิล เอทิล คีโทน
- ปรอท
- พอโลเนียม
นอกจากนี้ยังมีสารเคมีในบุหรี่อีกหลายชนิดที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย
บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่มวนธรรมดาจริงหรือไม่
ในปัจจุบันจะเห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากในหมู่วัยรุ่นและคนที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่มวน ตามคำโฆษณามากมายที่พูดถึงสรรพคุณว่าบุหรี่ไฟฟ้าหรือการสูบพอตเป็นตัวช่วยในการเลิกบุหรี่ธรรมดาได้จริงและปลอดภัยกว่าบุหรี่ทั่วไป ถึงแม้จะยังไม่มีข้อมูลวิจัยที่แน่ชัด แต่หากเทียบกันตามตรงแล้ว บุหรี่ไฟฟ้านั้นอันตรายน้อยกว่า เนื่องจากบุหรี่ธรรมดามีสารอย่างน้อย 70 ชนิดที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้แน่นอน
อย่างไรก็ตามหากจะพิจารณาการสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทนการสูบบุหรี่ธรรมดาต้องรู้ก่อนว่า ในตัวบุหรี่ไฟฟ้าที่มีลูกเล่นเรื่องกลิ่นที่หลากหลายมากกว่าบุหรี่ธรรมดานั้นยังมีสารระเหยอื่นๆ และนิโคตินอยู่ด้วย เมื่อสูบบ่อยเข้าก็ทำให้ติดได้เหมือนกัน
สูบบุหรี่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร
การสูบบุหรี่ส่งผลกระทบต่อทางด้านร่างกาย จิตใจ พฤติกรรม และผลกระทบทางสังคมอย่างมาก ดังนี้
- ผลกระทบทางร่างกาย
ทำให้เกิดกลิ่นปากและลมหายใจเหม็น ต่อมรับรสแย่ลงความอยากอาหารลดลง ส่งผลให้น้ำหนักลด ร่างกายซูบผอม การสูบบุหรี่ทำให้ริมฝีปากดำ แสบตา น้ำตาไหล ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น ยิ่งเมื่อสูบเป็นเวลานาส่งผลต่อความสามารถในการคิด ความจำ การรับรู้ที่ช้าลง แปรปรวน หลอดลมอักเสบเรื้อรัง หลอดเลือดใหญ่โป่งพอง จนกลายเป็นโรคถุงลมโป่งพอง โรคปอดเรื้อรัง มะเร็งกล่องเสียง หลอดอาหารและมะเร็งปอด ส่งผลให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อม จำนวนอสุจิลดลง และอสุจิมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติจึงส่งผลให้เป็นหมันได้
- ผลกระทบทางจิตใจและพฤติกรรม
หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน กระวนกระวาย ก้าวร้าว ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ และอาจจะเกิดภาวะซึมเศร้าได้
- ผลกระทบทางสังคม
เป็นที่รังเกียจของบุคคลในสังคม เนื่องจากสูบบุหรี่มีผลเสียต่อสุขภาพและจิตใจของผู้ที่อยู่รอบข้างซึ่งผลมาจากกลิ่นและควันของบุหรี่
อัตราความเสี่ยงของโรคร้ายที่มาจากการสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ มากมาย ทำให้เสี่ยงเกิดโรคหัวใจสูงขึ้นจากปกติ 2 เท่า เสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงลมโป่งพองสูงขึ้นเป็น 6 เท่าของปกติ และยังเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งปอดสูงขึ้นเป็น 10 เท่า ผู้สูบบุหรี่ยังเกิดอัตราเสี่ยงที่จะอายุสั้นลง 5-8 ปี ในแต่ละปีจะพบว่าอัตราการเสียชีวิตของคนไทยที่เกิดจากการสูบบุหรี่ยังคงเพิ่มขึ้นทุกปี และยังคงเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง
จากข้อมูล สธ. เผยว่า คนไทยเสียชีวิตจากบุหรี่ 5.4 หมื่นราย ตายก่อนวัยคนละเกือบ 18 ปี เป็นโรคเรื้อรังที่ต้องทุกข์ทรมานก่อนตาย บุหรี่ไม่ได้ส่งผลเพียงแค่ผู้ที่สูบเท่านั้น ควันบุหรี่มือสอง ยังส่งผลให้คนที่ได้รับควันเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ตามที่กล่าวมากได้อีกด้วย
สรุป
สรุปก็คือ ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน บุหรี่ ก็ยังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเช่นเดิม เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไปรูปแบบของบุหรี่ก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าหรือพอตกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากจากคนหลายกลุ่มโดยเฉพาะวัยรุ่น ด้วยรูปแบบของกลิ่นที่หลากหลาย เวลาสูบจะมีกลิ่นที่หอมมากกว่าบุหรี่ธรรมดาทำให้ วัยรุ่นนิยมและสนใจมากขึ้น
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ธรรมดาหรือบุหรี่ไฟฟ้าทั้งคู่ก็ยังมีส่วนผสมของนิโคตินอยู่เมื่อสูบบ่อยเข้าก็ทำให้ติดได้เหมือนกัน อันตรายจากการสูบบุหรี่ก็ยังคงอยู่และส่งผลกระทบทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมมากมาย เช่น โรคถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ และมะเร็งปอด เป็นต้น
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้