รากฟันเทียม วิธีรักษาที่ทำให้คุณกลับมายิ้มสวยเป็นธรรมชาติอีกครั้ง
หลายคนคงเคยสงสัยและอยากรู้ว่า อะไรคือรากฟันเทียม และทำไมต้องใส่ วันนี้เรามาทำความรู้จักกันก่อนที่จะทำรากฟันเทียม และอาจจะมีบางคนที่กำลังวางแผนจะลงทุนในการทำรากฟันเทียม เชื่อว่าคุณคงกำลังหาข้อมูล จากแหล่งต่าง ๆ จนอาจกลายเป็นความลังเลในใจโดยเฉพาะเรื่องการผ่าตัด จะเจ็บมั้ย ใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน มีข้อดีอย่างไร อย่าปล่อยให้ความลังเลเหล่านี้มาทำให้คุณต้องพับโครงการ บทความนี้เรามีคำตอบให้กับคุณ
รากฟันเทียม
รากฟันเทียม (dental implant) คือ วัสดุที่มีรูปร่างคล้ายรากฟันทำจากวัสดุไททาเนียม titanium ที่ได้รับการออกแบบพิเศษเพื่อให้เข้ากับร่างกายของคนเราได้ดี จึงสามารถฝังลงเพื่อให้ยึดติดกับกระดูกขากรรไกรในตำแหน่งที่สูญเสียรากฟันธรรมชาติไป ช่วยรองรับในการทำฟันเทียมแบบติดแน่น และแบบถอดได้ ปัจจุบันการใส่รากฟันเทียมถือเป็นวิธีการใส่ฟันที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด
รากฟันเทียม vs สะพานฟัน ต่างกันอย่างไร
รากฟันเทียมและสะพานฟัน แตกต่างกันด้วยวิธีการทำแตกต่างกันอย่างไร เรามาดูกันเลย
- การทำรากฟันเทียม เป็นวิธีฝังรากเทียมลงในกระดูกบริเวณขากรรไกรที่เกิดการสูญเสียฟันแท้ แล้วทำการครอบฟันลงไปบนรากเทียมอีกที ซึ่งการทำรากฟันเทียม เป็นวิธีที่ไม่ทำให้เราสูญเสียเนื้อฟันที่ดีไป สามารถทำความสะอาดได้ง่ายเหมือนฟันปกติ แต่การทำรากฟันเทียมจะต้องมีการผ่าตัด และรากฟันเทียมราคาที่ค่อนข้างสูง
- การใส่สะพานฟัน เป็นการใส่ฟันเทียมเข้าไปทดแทนช่องว่างที่เกิดการสูญเสียฟันไป ด้วยการกรอฟันซี่ข้าง ๆ ช่องว่างให้มีขนาดเล็กลง แล้วนำสะพานฟันสามซี่มาครอบลงไป ซึ่งวิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ ไม่ต้องผ่าตัด แต่อาจทำให้การทำความสะอาดเข้าถึงยากกว่าปกติ แถมยังเสียเนื้อฟันที่ดีไปกับการกรอฟัน
ใครที่ควรทำรากฟันเทียม
แล้วใครบ้างที่ประสบปัญหาฟัน จนต้องทำรากฟันเทียม ซึ่งเราได้สรุปไว้ให้ดังนี้
- บุคคลที่มีการสูญเสียฟัน และปฏิเสธการใส่ฟันปลอมแบบถอดได้
- บุคคลที่ต้องการใส่ฟันเพียงซี่เดียว โดยที่ฟันข้างเคียงในสภาพดี
- บุคคลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เพราะกระดูกขากรรไกรมีการเจริญเติบโตที่ค่อนข้างเต็มที่แล้ว
- บุคคลที่ไม่ต้องการกรอฟันในการทำสะพานฟันติดแน่น
- บุคคลที่ใส่ฟันปลอมทั้งปาก และพบปัญหากระดูกขากรรไกรยุบตัวลงทำให้ฟันปลอมหลุดง่าย สามารถแก้ไขได้ด้วยการฝังรากเทียมไทเทเนียม จะช่วยยึดฟันปลอมให้แน่นขึ้น
ข้อดี-ข้อจำกัด ของการทำรากฟันเทียม
การทำรากฟันเทียม ก็มีทั้งดีและข้อจำกัด ซึ่งใครที่กำลังสนใจจะทำนั้น จะต้องทราบและเข้าใจเสียก่อน
ข้อดีของการทำรากฟันเทียม
- เพิ่มความมั่นใจ เสริมบุคลิกภาพที่ดี พูดและยิ้มได้อย่างเต็มที่
- ทำให้สุขภาพอนามัยในช่องปากดีขึ้น และช่วยรักษาเนื้อเยื่อของเหงือก เนื่องจากโครงสร้าง ของฟันสมบูรณ์และแข็งแรง
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว ดังนั้นจึงทำให้อาหารย่อยได้ดีขึ้น
- ป้องกันการสูญเสียฟันและกระดูกข้างเคียง
- ช่วยบูรณะโครงสร้างของใบหน้าเพื่อความสมบูรณ์แบบมากขึ้น
- สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติและการใช้งานที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด
- ช่วยการใส่ฟันเทียมแบบถอดได้ความรู้สึกสบาย มีความแน่นกระชับมากยิ่งขึ้น
- พูดออกเสียงได้ชัดถ้อยชัดคำเป็นธรรมชาติ ไร้ปัญหาด้านการออกเสียง
- ลดความกังวลเกี่ยวกับปัญหาในช่องปากได้
- มีความคงทนและอยู่ถาวร
ข้อจำกัดของการทำรากฟันเทียม
- ราคาสูงกว่าฟันปลอมประเภททั่วไป
- การทำรากฟันเทียมไม่สามารถทำในเด็กที่อายุต่ำกว่า18ปี เนื่องจากกระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่
- มีข้อจำกัดสำหรับผู้มีโรคประจำตัว
- คนที่สูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีความเสี่ยงในการรักษาโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
- ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนาน บางกรณีอาจใช้เวลาถึง 1 ปี โดยเฉพาะผู้ที่ต้องปลูกกระดูกสันเหงือกเพิ่มเติม
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวานที่ยังไม่สามารถควบคุมอาการได้ โรคปริทันต์อักเสบรุนแรง โรคไฮเปอร์ไทรอยด์ โรคไขข้ออักเสบรุนแรง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด โรคกระดูกพรุน ฯลฯ จำเป็นต้องมีการปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด
ขั้นตอนทำรากฟันเทียม
มารู้กันก่อนทำจริงเกี่ยวกับขั้นตอนการทำรากฟันเทียมแบบเจาะลึก แล้วคุณจะพบว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยทำให้การรักษาง่ายขึ้น ลดความเจ็บปวด และสามารถฟื้นตัวได้ไว ดังขั้นตอนต่อไปนี้
- พบทันตแพทย์เพื่อตรวจประเมินสภาพช่องปากอย่างละเอียด, ตรวจ x-ray หรือถ้าจำเป็นจะทำ CT Scan เพื่อประเมินความหนาของกระดูกขากรรไกรและเนื้อเยื่อบนสันเหงือก อาจทำการพิมพ์ปาก เพื่อใช้วางแผนการรักษา ระยะเวลา หรือต้องทำหัตถการอื่นๆ ร่วมด้วยหรือไม่ เช่น ปลูกกระดูก ยกโพรงไซนัส
- การฝังรากฟันไทเทเนียม ทันตแพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่ให้ก่อน จากนั้นจะทำการผ่าตัดฝังรากฟันไทเทเนียมลงไปในกระดูกขากรรไกร และเย็บปิดแผล จากนั้น 7-14 วัน จึงมาตัดไหมที่เย็บออก
- รอประมาณ 3-6 เดือน เพื่อรอให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกร
- ทันตแพทย์จะใส่เครื่องมือที่ช่วยสร้างร่องเหงือก จากนั้น 1-2 สัปดาห์ จะทำการพิมพ์ปาก เพื่อส่งทำครอบฟัน
- ทันตแพทย์จะใส่ครอบฟันบนรากฟันเทียมให้ ก็จะได้ฟันที่สวยงามและมีประสิทธิภาพการใช้งานใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ
วิธีดูแลตนเองหลังทำรากฟันเทียม
จริง ๆ แล้วการดูแลตัวเองหลังการรักษารากฟันเทียม เพื่อให้มีอายุการใช้งานนาน ๆ สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่ปฏิบัติตนดังนี้
- ในช่วง 1-2 เดือนแรกที่เข้ารับการฝังรากฟันเทียมมา ให้หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีความแข็งหรือมีความเหนียว เพื่อเป็นการป้องกันการกระแทกจากการบดเคี้ยวที่รุนแรง
- ดูแลรักษาช่องปากให้สม่ำเสมอ ทั้งการแปรงฟัน บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
- ลดการทานของร้อนของเผ็ดจัด หรือเย็นจัดเกินไป
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และยาสูบประเภทอื่นๆ
- รับประทานยาแก้ปวดและยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่ง หากมีความผิดปกติควรรีบพบทันตแพทย์
เพียงเท่านี้ก็สามารถจะทำให้รากฟันเทียมคงทนและอยู่กับเราได้นานตามอายุการใช้งานแล้ว
สรุป
การใส่รากฟันเทียมเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันแท้ไป ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร และต้องการใส่ฟันทดแทนที่แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้เหมือนฟันปกติสวยตามตามธรรมชาติ แต่ที่สำคัญ ในการทำรากฟันเทียมจะต้องมีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง สามารถมาพบทันตแพทย์ได้ตลอดการรักษา ซึ่งเราควรจะรักษาฟันของตนเองไว้ให้ดีที่สุด ถ้าหากมีปัญหา ก็ควรรีบเข้าพบทันตแพทย์ เพื่อให้ได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้