ฉีดโบท็อกไมเกรนช่วยรักษาโรคไมเกรนได้จริงหรือไม่?

การปวดหัวจากโรคไมเกรนไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาด้วยการทานยา การฝังเข็ม หรือการนวดตามจุด นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการควบคุมอารมณ์ไม่ให้เกิดความเครียดอีกด้วย แต่นวัตกรรมในทุกวันนี้ก่อให้เกิดการรักษาที่เรียกว่า “โบท็อกไมเกรน” ขึ้นมาเพื่อรักษาอาการดังกล่าว อีกทั้งการเป็นไมเกรนก็ไม่ได้เกิดจากความเครียดเพียงอย่างเดียวแต่อาจจะมีองค์ประกอบอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาอีกด้วยเช่นกัน ดังนั้นการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนก็ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่สำคัญของการรักษาโรคไมเกรนได้เป็นอย่างดี แล้วการฉีดโบท็อกไมเกรนคืออะไร? และมีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง? บทความนี้เราได้รวบรวมข้อมูลที่สำคัญมาไว้ให้แล้ว

การโบท็อกไมเกรน คืออะไร

โดยทั่วไปแล้วเราอาจจะรู้จักโบท็อกเกี่ยวกับทางด้านความงามมากกว่าการรักษาโรค ซึ่งก็เป็นความรู้ที่ถูกต้องแล้วว่าโบท็อกก็เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาหรือใช้สำหรับความงาม แต่โบท็อกก็มีคุณสมบัติที่ช่วยรักษาไมเกรนได้เช่นกัน โดยโบท็อกไมเกรนเป็นการฉีดสาร botulinum toxin รักษาไมเกรนซึ่งทำหน้าที่บรรเทาอาการปวดหัวที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถรักษาโรคอื่น ๆ ได้อีกด้วย แต่จะต้องเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทหรือสมอง และอาการที่เกิดจากการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติหรือกล้ามเนื้อแข็งและเกร็ง รวมไปถึงยังช่วยรักษาเพื่อบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วย

ฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน มีวิธีอย่างไรบ้าง

การฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนมีวิธีการรักษาที่ไม่แตกต่างจากการฉีดโบท็อกเพื่อรักษาความงามมากนัก โดยมีวิธีการรักษาด้วยการฉีดไปยังบริเวณใบหน้าและจุดที่สำคัญอย่างบริเวณหน้าผากระหว่างคิ้วและเลื่อนลงไปบริเวณท้ายทอยยาวไปถึงคอและบ่า ซึ่งแต่ละจุดจะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้เป็นอย่างดีเนื่องจากตัวยาภายในโบท็อกจะมีหน้าที่ยับยั้งไปยังปลายประสาทของ Acetyl Choline ที่มีตัวกลางสำหรับส่งสัญญาณความเจ็บปวดที่เชื่อมไปยังสมอง โดยสมองส่วนนี้เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อและเมื่อมีการหดเกร็งอยู่แล้วโดนตัวยานี้เข้าไปกล้ามเนื้อก็จะคลายตัวลงทำให้อาการปวดศีรษะลดน้อยลงนั่นเอง แต่การรักษาเพื่อฉีดโบท็อกไมเกรนก็มีข้อจำกัด คือ ควรฉีดในปริมาณ 100 ยูนิตหรือตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น 

หลังจากโบท็อกไมเกรนมีผลข้างเคียงอย่างไร

หลังจากที่ฉีดโบท็อกไมเกรนแล้วจะมีอาการข้างเคียงหรือไม่มีก็ได้ขึ้นอยู่กับลักษณะร่างกายของคนไข้แต่ละคน หรือถ้าฉีดโบท็อกไมเกรนกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็จะลดการเกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน ซึ่งผลข้างเคียงที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นก็คือ อาการปวดหรือคันบริเวณที่ฉีด รอยช้ำ อาการบวมหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่อาการเหล่านี้มักหายไปเองภายในไม่กี่สัปดาห์และมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก และถ้าหากมีอาการนอกเหนือจากนี้ควรสังเกตอาการให้ดีและถ้ายังไม่หายควรรีบไปพบแพทย์เพราะอาจจะเป็นอาการแพ้ก็ได้เช่นกัน 

หลังจากฉีดโบท็อกไมเกรนควรดูแลตัวเองแบบไหน

เมื่อฉีดโบท็อกไมเกรนแล้วไม่ได้หมายความว่าจะสามารถปล่อยปละละเลยได้ ซึ่งจะต้องมีการดูแลรักษาตัวเองเพื่อให้การฉีดโบท็อกมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหลังจากฉีดไปแล้ว โดยเฉพาะการฉีดโบท็อกเพื่อรักษาไมเกรนก็ต้องหมั่นดูแลรักษาไม่แตกต่างจากการฉีดโบท็อกเพื่อความงามเช่นกัน ซึ่งมีวิธีการดูแลดังนี้

• พักผ่อนให้เพียงพอและนอนให้เป็นเวลามากขึ้น
• ลดความเครียดหรือสิ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดความเครียดได้
• ลดอยู่ในสถานที่อย่างที่ที่มีเสียงดังหรือสถานที่ที่มีแสงสว่างมากเกินไป เนื่องจากอาจจะไปกระตุ้นการเกิดอาการปวดศีรษะได้
• ลดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างชา กาแฟ เพราะเป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะนั่นเอง
• ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเลือกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
  
  

ควรฉีดโบท็อกไมเกรนที่ไหนดี

สำหรับท่านใดที่สนใจการฉีดโบท็อกเพื่อรักษาอาการไมเกรนแต่ยังไม่รู้ว่าควรเลือกคลินิกหรือเลือกแพทย์จากที่ไหนดี เรามีหลักการสำหรับการเลือกให้กับทุกท่านได้นำไปประกอบในการพิจารณาเพื่อเป็นแนวทางการตัดสินใจ ดังนี้

• เลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เนื่องจากการฉีดโบท็อกไมเกรนเป็นการรักษาเฉพาะทางที่จะต้องคำนึงถึงปริมาณการฉีด วิธีการฉีดและการผสมตัวยา ดังนั้นควรจะศึกษาและเลือกคลินิกที่มีแพทย์ที่น่าเชื่อถือ
• เลือกสถานพยาบาลสะอาดและมีการจัดวางอุปกรณ์ที่ปลอดภัย รวมไปถึงเครื่องมือก็ต้องปลอดภัยและได้มาตรฐานเช่นกัน
• สามารถเดินทางได้สะดวก ไม่ติดอยู่กับสถานที่ที่สามารถเข้าถึงได้ยาก เพราะอาจจะต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทางอีกด้วย
  
  

จากข้อแนะนำที่ได้กล่าวไปข้างต้น เราอยากแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักทาง BTX Migraine Center ที่มีคุณสมบัติตรงกับข้อแนะนำที่เราได้แจ้งไป ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของทางคลินิกนั้นมีความรู้และความสามารถพร้อมกับให้คำแนะนำแก่คนไข้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีประสบการณ์ในการรักษามาอย่างยาวนาน อีกทั้งสถานพยาบาลยังสะอาดและมีอุปกรณ์ที่ตรงตามมาตรฐานการใช้งานสำหรับทางการแพทย์โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางได้สะดวก สามารถขึ้น MRT ไปลงที่สถานีพหลโยธินและเดินเท้าต่อเพียง 5 นาทีก็ถึงคลินิกทันที

สรุป

สำหรับท่านใดที่เป็นโรคไมเกรนแต่ยังคงมีอาการปวดหัวข้างเดียวอยู่ถึงแม้จะทานยาแก้ปวดไมเกรนไปแล้วก็ตาม ขอแนะนำให้เลือกวิธีการรักษาโดยการฉีดโบท็อกไมเกรนเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวที่คลินิก BTX Migraine Center เนื่องจากเป็นศูนย์รักษาไมเกรนเฉพาะทางที่ได้รับการรีวิวจากคนไข้ที่เคยมาใช้บริการว่า เมื่อมารักษาแล้วมีอาการปวดหัวลดน้อยลงจริง นอกจากนี้ยังสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อศึกษาวิธีการรักษาดังกล่าวได้ โดยสามารถติดต่อไปที่ Line: @ayaclinic เพื่อปรึกษาหรือนัดวันและเวลาสำหรับการรักษาได้เลย สำหรับใครที่ปล่อยให้อาการปวดหัวจากไมเกรนมาส่งผลต่อชีวิตประจำวันอยู่ก็อาจจะทำให้มีอาการแย่ลงและส่งผลต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ ในอนาคตได้ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลองมารักษาที่คลินิก BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนที่เต็มไปด้วยมาตรฐานและคุณภาพ