เครื่องฟอกอากาศภูมิแพ้เหมาะกับผู้ป่วยหรือไม่
ปัจจัยในการเลือกเครื่องฟอกอากาศภูมิแพ้ให้เหมาะสมกับผู้ป่วย
ปัจจัยที่สำคัญในการเลือกเครื่องฟอกอากาศสักเครื่องให้กับผู้ป่วยหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว มีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องฟอกอากาศภูมิแพ้และป้องกันหอบหืดที่ช่วยกำจัดสารกระตุ้นอาการของโรคภูมิแพ้และหอบหืด เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อที่ทำให้อากาศบริสุทธิ์สดชื่น และเครื่องฟอกอากาศเสียงเบาที่จะทำให้ผู้ป่วยพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งปัจจัยที่ Airocide ได้กล่าวถึงมานี้จะช่วยให้พื้นที่ในการรักษาตัวของผู้ป่วยสะอาดปลอดเชื้อ อีกทั้งยังเป็นส่วนช่วยให้ผู้ป่วยอาการไม่ทรุดตัวและมีอาการที่ดีขึ้น
เพราะผู้ป่วยมักจะอ่อนไหวง่ายทั้งในด้านอารมณ์และด้านร่างกาย ยิ่งกับสภาพอากาศของเมืองไทยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและมีแต่มลภาวะสูงอย่างในปัจจุบัน อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดความไม่สบายตัวและทำให้อารมณ์อ่อนไหวได้ง่าย ดังนั้นคนรอบข้างจึงจำเป็นต้องเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมืออาจจะทำได้โดยการหาเครื่องฟอกอากาศภูมิแพ้ดี ๆ สักเครื่องมาวางไว้ในพื้นที่ที่ผู้ป่วยพักผ่อนอยู่ เพราะนอกจากอากาศที่บริสุทธิ์จะช่วยให้ร่างกายดีขึ้นแล้วยังช่วยให้สภาพจิตใจดีมากขึ้นอีกด้วย
เครื่องฟอกอากาศภูมิแพ้และป้องกันหอบหืด
เป็นเครื่องฟอกอากาศที่จะช่วยกำจัดสารก่อภูมิแพ้และหอบหืดในพื้นที่พักของผู้ป่วย หรือที่อาจจะติดมากับเสื้อผ้าและสิ่งต่าง ๆ ของผู้ดูแลหรือญาติที่ใกล้ชิด อย่างเช่น
- ไรฝุ่น ฝุ่นละออง และ PM 2.5
- ขนจากสัตว์เลี้ยง
- ละอองเกสร ต้นไม้ ดอกไม้และหญ้า
- สปอร์เชื้อรา เป็นต้น
เครื่องฟอกอากาศภูมิแพ้และป้องกันหอบหืดที่สามารถป้องกันมลภาวะทางอากาศต่าง ๆ ที่ยกมาข้างต้นได้นั้น จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถหายใจรับอากาศสดชื่นได้อย่างเต็มปอด โดยผลวิจัยของ ร.ศ.ดร.สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี ได้อธิบายเกี่ยวกับการหายใจที่ดีไว้ว่า “การหายใจเข้าออกลึก ๆ จะช่วยลดความดันโลหิต ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และลดน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานได้ดี” อีกด้วย
เครื่องฟอกอากาศภูมิแพ้ฆ่าเชื้อโรค
เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อที่จะมาช่วยกำจัดและปกป้องผู้ป่วยจากเชื้อโรคต่าง ๆ ที่ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ ที่อาจส่งผลให้ผู้ป่วยอากาศทรุดตัวลง ไม่ว่าจะเป็น
- กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
- แบคทีเรีย
- ก๊าซอินทรีย์และสารระเหย VOCs
- ไวรัส
- COVID 19 และ อื่น ๆ
ในช่วงที่เชื้อ COVID 19 ระบาดแบบนี้ เราจำเป็นต้องดูแลรักษาความสะอาดตัวเองและห้องของผู้ป่วยอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเราควรหาเครื่องฟอกอากาศภูมิแพ้ฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพสามารถดักจับและขจัดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัย และไม่เกิดอาการหรือโรคแทรกซ้อนที่อาจมาจากเชื้อโรคในอากาศ โดยศาสตราจารย์ เคธ โนกส์ จากมหาวิทยาลัยลีดส์ ได้กล่าวเอาไว้ว่า “ยิ่งอากาศบริสุทธิ์มากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งมีความเสี่ยงที่เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายไปทั่วพื้นที่น้อยลงเท่านั้น”
เครื่องฟอกอากาศภูมิแพ้มีเสียงเบา
เครื่องฟอกอากาศเสียงเบาไร้เสียงรบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วย เพราะการนอนหลับพักผ่อนที่ดีจะช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะระบบหัวใจและหลอดเลือดได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้เมื่อผู้ป่วยมีการนอนหลับที่ดีจะทำให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและปรับสมดุลของสารเคมีต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
และนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้นแล้ว เครื่องฟอกอากาศภูมิแพ้ที่เราเลือกให้กับผู้ป่วยนั้นต้องปลอดภัย ไม่ปล่อยก๊าซโอโซนและสารเคมีอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ ถึงแม้ว่าก๊าซโอโซนจะสามารถช่วยในการออกซิไดซ์สารพิษ ฆ่าไวรัส เชื้อโรค และลดสารก่อภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี แต่เครื่องฟอกอากาศภูมิแพ้ก็ไม่ควรที่จะปล่อยก๊าซโอโซนออกมา เพราะก๊าซโอโซนเป็นสารที่มีความระคายเคืองต่อปอดสูง หากหายใจเอาก๊าซโอโซนเข้าไปมาก ๆ หรือในระยะยาวนานอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบหายใจ ทำให้ไอระคายคอหรือแน่นหน้าอก ปวดศีรษะ ท้องเสีย แน่นท้อง มีอาการป่วยและอาเจียน โดยเฉพาะกับผู้ป่วย เด็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ ที่มีภูมิต้านทานน้อยกว่าคนทั่ว ๆ ไป
ดังนั้นเราจึงควรเลือกเครื่องกรองอากาศที่สามารถเป็นได้ทั้งเครื่องฟอกอากาศภูมิแพ้และป้องกันหอบหืด เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อ และเครื่องฟอกอากาศเสียงเบาในเครื่องเดียวอย่าง Airocide ที่มาพร้อมด้วยเทคโนโลยี Photocatalytic Oxidation (PCO) แบบเดียวกับที่องค์การ NASA เลือกใช้ เพราะอากาศที่เหมาะสมกับพื้นที่พักผ่อนของผู้ป่วย ต้องไร้มลพิษที่ปนเปื้อนใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นสารก่อภูมิแพ้ เชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย และสปอร์ของเชื้อรา หรือก๊าซอินทรีย์และสารระเหย VOCs
โพสตอบ
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเโพสตอบได้