(Fic Undertale Sans x reader) Ketchup

7.7

เขียนโดย Fresh_Biscuit

วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 19.04 น.

  1 chapter
  3 วิจารณ์
  6,068 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559 23.17 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) Ketchup

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

(Fic UT Sans x reader) Ketchup

 

 

ปี20XX สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่คาดว่าเป็นเพียงของหลอกเด็กได้ปรากฎตัวขึ้นบนผิวโลก นำโดยราชาของพวกเขาและทูตเด็กน้อยระหว่างเผ่า คุณก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ยังคงปรับตัวไม่ได้กับชีวิตแบบใหม่ที่ต้องเปิดกว้างมากกว่าเดิม ก็ไม่ซะทีเดียวนะ?

 

 


ไม่กี่เดือนก่อน คุณได้พบกับโครงกระดูกที่ขึ้นมาแย่งงานคนขายฮ็อทด็อกบนโลก ในตอนนั้นคุณกำลังถังแตกอย่างรุนแรงเนื่องจากค่าอุปกรณ์จัดงานของสถาบัน ขนาดเที่ยงคืนแล้วยังไม่ได้กลับบ้าน ก็ขอหาอะไรที่ร้านสะดวกซื้อยัดลงท้องเป็นแรงทำงานต่อแล้วกัน และแล้วคุณก็พบกับรถเข็นขายฮ็อทด็อกที่คาดไม่ถึงว่าจะมีอยู่ตอนเที่ยงคืน

 

 


คุณรู้ว่ากฎหมายแถวนี้มันไม่อำนวยให้คนออกมาขายของข้างทางตอนดึกดื่นนัก ยิ่งคนขายไม่ใช่มนุษย์แล้วใครจะกล้าซื้อล่ะ คุณตั้งใจจะทำเป็นเมินแล้วเดินผ่านไป แต่ให้ตายสิ! ทำไมเจ้าโครงกระดูกจะต้องจ้องมาที่คุณขนาดนั้นกัน อยากให้ซื้อของนักรึไงฮึ?!

 

 


คุณเดินผ่านไปในที่สุด แต่ก็ยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายยังมองแบบไม่วางตา แม้คุณหันไปมองด้านหลังเขาก็ยังมองไม่เลิกจนสบตากัน ในใจคุณแรกวุ่นวายรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ฉุกเฉินทันที มีตัวประหลาดบ้าที่ไหนไม่รู้มองคุณชนิดไม่วางตา ในเวลาพระจันทร์อยู่ตรงหัวเป๊ะๆ แบบนี้ รู้สึกเหมือนว่าคุณกำลังจะเจอดีอะไรซักอย่าง

 

 


"สวัสดีค____" เสียงตอนรับขาดหายไป เมื่อมีคนมากดวางสาย ไม่สิเรียกว่าโครงกระดูกดีกว่า

 

 


"ถ้าหิวล่ะก็ ไม่ต้องเดินไกลขนาดต้องโทรเรียกคนมารับก็ได้ ฉันขายฮ็อทด็อกอยู่รู้ไหมล่ะ" กระดูกด้านหน้าคุณพูดพลางยี่เบ้าตาและยิ้มกว้าง

 

 


คุณรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ ไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย คุณรีบตอบไปว่าจะไปกินข้าวที่บ้านเพราะแม่ทำเตรียมไว้แล้ว บุคคลตรงหน้ายังคงยิ้ม แต่มือที่จับคุณเอาไว้คลายออกแล้ว

 

 


"เป็นเหตุผลที่มีเหตุผลดีเยี่ยมทีเดียว" น้ำเสียงแพรวพราวยิ่งทำให้คุณระวังตัวมากขึ้นอีก แต่แล้วคุณก็หนีเขาออกมาได้

 

 


ในความจริงคุณแทบจะลืมไปแล้วตัวเองหิวหรือจะมีงานที่ต้องทำต่อ แต่เข้าไปหลบตัวจากโครงกระดูกนั่นในร้านสะดวกซื้อแล้วโทรให้เพื่อนสนิทมารับโดยด่วน "แกๆ มารับเราที่ร้านสะดวกซื้อตรงหัวมุมถนนที่เรามากันบ่อยๆ ทันทีเลยนะ มีคนตามเราอยู่ว่ะ"

 

 


"อะไรอ่ะ ล้อเล่นอยู่ป่ะเนี่ย เที่ยงคืนแล้วง่วงนอนนะเฮ้ย" เสียงปลายสายแลดูยังงัวเงีย คาดว่าหลับไปแล้วแต่แหกตาตื่นมารับโทรศัพท์

 

 


"เรื่องจริงย่ะ!! ถ้ายังไม่อยากให้เพื่อนตัวเองตายไปก็มารับเร็วๆ พาพวกผู้ชายมาด้วย หลายๆคนยิ่งดี" คุณกระซิบใส่เครื่องอย่างร้อนรน พลางมองไปด้วยว่าจะมีใครเข้ามาในร้านไหม

 

 


"โอเคๆ เดี๋ยวรีบไป อยู่แถวนั้นดีๆ นะ!!" คุณโล่งอกไปนิดหน่อยที่จะมีคนมาช่วยแล้ว แต่หันไปที่เคาท์เตอร์อีกที.....

 

 


พี่พนักงานหายไปไหนของพี่? หนูต้องการคนเฝ้าที่สุด คุณพี่หายไปไหน?!!!

 

 


มีมือเย็นเฉียบตบที่บ่าคุณเบาๆ "เฮ้ย!! " คุณทรุดตัวลงกับพื้น หน้าแทบจะร้องไห้อยู่แล้วด้วยซ้ำ ยังไม่ทันแหกปากร้องอะไร อีกฝ่ายก็พูดว่า

 

 


"อย่าร้องๆ แค่ได้ยินเธอคุยกับเพื่อนน่ะว่ามีคนตามมา ก็เลยนึกได้ว่าทำไมเธอต้องรีบเดินไปนักหนา แค่เดินมาอยู่เป็นเพื่อนกับเธอน่ะรู้ไหม"

 

 


คุณคิดว่าคำพูดของเขาไม่สมเหตุสมผลจริงๆ "แต่ต้องเดินตามมาก่อนสิ ถึงจะได้ยินฉันคุยโทรศัพท์!!"

 

 


คุณตะโกนออกไป เขาเบิกเบ้าตากว้าง แต่ยังคงยิ้มอยู่ "เธอไม่เคยเห็นโครงกระดูกที่ทำหลายๆ งานงั้นหรือ? ฉันขายฮ็อทด็อกเสร็จแล้ว มาเข้ากะดึกทำงานที่ร้านสะดวกซื้อน่ะ"

 

 


คุณไม่พูดอะไรต่อ โครงกระดูกตรงหน้าจึงชิงพูดก่อน "เอา ฮ็อทด็อกที่เหลือ แล้วอย่ากลัวไปล่ะ ฉันไม่มีเจตนาจะทำอะไรอยู่แล้ว ในไส้กรอกก็ไม่ได้ใส่ยาอะไรลงไปด้วย เรามาที่นี่เพื่อเป็นเพื่อนกับมนุษย์ ไม่ได้มาทำร้ายเสียหน่อย"

 

 


เขาคงรู้ว่าคุณกำลังหิว และคุณก็ลืมไปด้วยว่าคุณก็หิวอยู่จริงๆ คุณมองเข้าไปในเบ้าตาของเขาดีๆ ซักครั้ง อีกฝ่ายก็ยังยิ้มอยู่ดี ในที่สุดคุณก็กัดฮ็อทด็อกลงไปคำเล็กๆ ค้นพบว่ามันเป็นแค่ของกินธรรมดา เขาดูดีใจมาก

 

 


"อ่ะนี่!! ฉันยังเหลือที่ยังขายไม่หมดอีกเยอะ ถ้าเธออยากกินอีก ฉันจะวางไว้ตรงนี้ก็แล้วกัน"

 

 


......เขาวางฮ็อทด็อกบนหัวของคุณ......

 

 

_____________________________________________________________

 

เหตุการณ์วันนั้นทำให้ทุกคนวุ่นวายมากทีเดียว เพื่อนสนิทของคุณยกโขยงผู้ชายมาเป็นฝูง ซึ่งคาดว่านางน่าจะปลุกคนทั้งหมู่บ้านมา แม้เรื่องการเข้าใจผิดต้องอธิบายกันมากมายจนคุณต้องอัดเสียงลงเน็ต เพราะมีคนถามมากมายเสียเมื่อยปาก ตอนนี้คุณกับโครงกระดูกก็เป็นเพื่อนกัน

 

 


เขาชื่อแซน มีน้องชายที่เป็นกระดูกอีกหนึ่งคือ พาไพรัส น้องชายของเขาเป็นคนดีทีเดียว อย่างน้อยตอนนี้ก็สบายใจว่ากระดูกคนพี่ไม่ได้เป็นคนไม่ดีอะไรอย่างที่คิดตอนแรก แซนชอบมาหาคุณบ่อยๆ และก็ชวนกินข้าวทุกครั้งที่เจอ จนบางครั้งคุณก็คิดว่าเขาเป็นฝ่ายที่ให้มากเกินไป

 

 


ตอนนี้คุณนั่งอยู่ในร้าน......ร้านอะไรก็ช่างเถอะ คุณจำไม่ได้เท่าไหร่ แต่มักจะเรียกว่าร้านบาร์ไฟมากกว่า คุณลงมาใต้ดินที่เมืองสโนว์ดินไม่บ่อยนัก อากาศที่นี่หนาวจนตัวสั่น โชคดีที่ร้านสามารถอุ่นได้โดยไม่ต้องใช้ฮีตเตอร์หรือเตาผิง เพราะเจ้าของร้านเป็นมนุษย์ไฟนั่นเอง คุณคิดว่ามันเป็นการประหยัดงบของร้านทางอ้อมที่ดีอย่างหนึ่ง

 

 


คุณนั่งเหม่อไป จิ้มเฟรนฟรายด์ลงซอสมะเขือเทศไปพลาง ระหว่างรอแซนไปทำธุระด้านนอกนิดหน่อย จู่ๆ ก็มีหมาในชุดเกราะตัวหนึ่งเข้ามานั่งข้างคุณ มันน่ารักดี ขาวฟูเหมาะกับอากาศที่นี่ มันเหมือนจะอยากคุยกับคุณ โดยการหันหน้ามาแล้วเห่าบ็อกๆ

 

 


คุณไม่ได้เรียนภาษาสัตว์มา แปลไม่ออกซักบ็อกเดียว แต่ดูเหมือนว่าทุกคนในร้านจะฟังภาษามันออก และพากับอมยิ้มทันที

 

 


"เขาบอกว่า --ลองหาน้ำหอมกลิ่นซอสมะเขือเทศมาใช้ดูสิ-- ครับ" เจ้าของร้านแปลออกมาให้ฟัง คุณพยักหน้ารับและส่งยิ้มน้อยๆ ให้น้องหมา แต่มันยังคงเห่าต่อด้วยสีหน้าแลดูกระตือรือร้นอย่างหักโหม

 

 


ไม่มีใครแปล คุณหันไปหามนุษย์ไฟเจ้าของร้านแต่เขาไม่ได้พูดอะไร ทันใดนั้นคุณก็รู้สึกเหมือนอะไรเย็นๆ ราดบนตัว คุณใช้มือแตะดูแล้วค้นพบว่าเจ้าหมาข้างตัวนี่เองที่คาบขวดซอสมะเขือเทศไว้ในปากแล้วเทใส่หัวคุณ?!

 

 


คุณลุกขึ้นออกจากที่นั่งเพื่อหนี แต่เจ้าหมาก็พยายามสะบัดขวดให้ซอสเลอะบนตัวคุณอยู่ดี หลังจากที่อีกฝ่ายเห็นว่าซอสหมดขวดแล้วก็เห่าอย่างพอใจอีกครั้งหนึ่ง และกลับไปนั่งเล่นไพ่บนโต๊ะตัวเองเหมือนเดิม

 

 


"ให้ตายสิ!!" คุณพึมพัมออกมา จากนั้นจึงหาผ้าจากเจ้าของร้านมาเช็ดตัว มองเขม่งไปที่เจ้าหมาตัวนั้นที่ยังคงนั่งทำตาแป๋วเล่นไพ่ต่อไป คุณไม่อยากมีเรื่องในเมืองที่ไม่ใช่ของมนุษย์เพราะฉะนั้นจึงทำได้แต่คิดว่าชาตินี้จะไม่มีวันปล่อยมาให้หมามาอยู่ใกล้อีกเป็นอันขาด

 

 


แซนกลับเข้าร้านมาหลังจากผ่านไปไม่นาน เขารีบเข้ามาหาคุณและบอกว่า

 

 


"ไปโดนอะไรมากน่ะ หือ? ซอสมะเขือเทศ" กลิ่นซอสอบอวลไปทั่วทั้งร้าน ปกติมันไม่ควรจะกลิ่นแรงขนาดนี้ คาดว่าคงเป็นน้ำหอมกลิ่นซอสมะเขือเทศในรูปแบบที่คล้ายกับของจริงยิ่งนัก

 

 


"อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ เหมือนกับที่นายชอบเผลอทำขวดซอสหกบนอาหารบ่อยๆ นั่นแหละ" คุณลงน้ำเสียงแรงๆ ตามประสาคนหงุดหงิด ตอนนี้คุณเริ่มรู้สึกหนืดตัวถึงแม้จะเช็ดซอสที่ย้อยตามตัวออกไปแล้วก็ตาม

 

 


"ใจเย็นๆ ก่อน (ชื่อ) ไปใช้ห้องน้ำที่บ้านฉันก็ได้ มานี่สิ มีทางลัด" เขายิ้มก่อนจะลากตัวคุณไป

 

 


คุณขมวดคิ้วแน่น "บ้านของนายมีห้องน้ำด้วยเหรอ?" คุณถามออกไปด้วยความที่ว่าไม่เคยเห็นห้องน้ำในบ้านของพี่น้องโครงกระดูก

 

 


"ปกติไม่มี แต่ตอนนี้มีแล้วไง" แซนเดินไปค้นอะไรซักอย่างในบ้าน จากนั้นก็กลับมาพร้อมกับชุดเปลี่ยน เขาเปิดประตูห้องน้ำแล้วดันคุณเข้าไป ปิดประตูให้เสร็จสรรพ

 

 


"เสื้อนี่เป็นของอันไดน์ น่าจะพอดีตัวนะ" แซนพูดผ่านประตู

 

 


คุณเริ่มอาบน้ำสระผม นึกขึ้นได้ว่าบ้านของอันไดน์ถูกเผาไปแล้ว ตอนนี้ก็เลยพักอยู่ในบ้านของพี่น้องโครงกระดูก ปกติแซนกับพาไพรัสคงไม่อาบน้ำกันเพราะพวกเขาเป็นกระดูก (คุณคิดเอาเอง) แต่พออันไดน์มา เธอคงขาดน้ำไม่ได้ ยิ่งอากาศหนาวๆ ยิ่งทำให้ผิวแห้ง แต่ที่น่าแปลกใจคือการที่สามารถสร้างห้องน้ำได้ในเวลาอันสั้น

 

 


คุณออกมาจากห้องน้ำ ทีวีเปิดค้างไว้แต่แซนหลับคาโซฟาเรียบร้อยแล้ว คุณกะจะถามว่าที่นี่มีเครื่องซักผ้าไหม ตั้งแต่ในบ้านนี้ไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากคนที่หลับไป คุณก็ไม่รู้จะทำยังไง ด้วยความที่ขี้เกียจซักผ้าและคาดว่าตากให้ตายก็ไม่แห้ง คุณจึงคว้าถุงพลาสติกมาใส่เสื้อผ้าที่เลอะเปรอะเปื้อน

 

 


ที่น่าอารมณ์เสียคือตัวคุณยังมีกลิ่นซอสมะเขือเทศอยู่ และไม่ได้รับคำขอโทษจากหมาตัวนั้นด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ถึงราดซอสลงบนตัวคุณ ยิ่งคิดยิ่งโมโห คุณรีบมัดถุงเร็วๆ แล้วเดินไปที่ประตู หวังว่าจะกลับบ้านเสียเดี๋ยวนี้เลย

 

 


"อืมมม ซอสมะเขือเทศ อย่าพึงปาย" แซนพึมพัม

 

 


ฟังแล้วคุณก็เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้คุณนัดทำอะไรไว้ ทั้งช่วยชิมสปาเกตตี้สูตรใหม่ของพาไพรัส ทั้งแซนจะพาคุณไปเดินดูดอกไม้พูดได้แถวน้ำตก ถ้าคุณไป อย่างน้อยพาไพรัสที่ไม่รู้เรื่องที่เกิดวันนี้ก็คงจะหงอย

 

 


อีกอย่างที่คุณเพิ่งนึกได้คือ ด้านนอกหนาวจะตายชัก เสื้อของอันไดน์เป็นเพียงเสื้อแขนกุดและแซนก็ไม่ได้หาเสื้อกันหนาวให้ การเดินกลับบ้านเองถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายอย่างหนึ่งก็ไม่ผิด คุณกลอกตาและทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างช่วยไม่ได้

 

 


อย่างน้อยที่บ้านนี้ยังมีฮีตเตอร์ให้อุ่น ไม่หนาวตายเพราะอากาศก็แล้วกัน

 

 


ถึงจะตัดสินใจรอพาไพรัสให้กลับบ้านมา คุณก็ยังขุ่นหมองใจอยู่ นั่งมองทีวีตรงหน้าฉายรายการไปมาจนตาเริ่มหนัก สุดท้ายคุณก็ผลอยหลับไป

.
.
.
.
.

ตุบ!!

 

 


บางอย่างทิ้งน้ำหนักลงบนตัวคุณ คุณไม่คิดที่จะลืมตาขึ้นได้แต่ใช้มือผลักสิ่งนั้นออกไปห่างๆ แต่ผลักแล้วผลักอีกก็ยังกลับมาหาในที่สุด คุณเริ่มรำคาญและปล่อยสิ่งนั้นไปตามที่มันสบายใจ จากนั้นไม่นานคุณก็เริ่มรู้ตัวว่าคุณอยู่ที่ไหนกับใคร จากไม่คิดที่จะแหวกขี้ตาตื่น ก็กลิ้งลงโซฟาทันทีโดยอัตโนมัติ

 

 


ผิดคาดเหลือเกิน โครงกระดูกนามแซนได้กลิ้งตามลงมาด้วย คุณกลิ้งหลบแทบไม่ทัน แต่เขาก็กลิ้งเข้ามาหาคุณอีก ไม่น่าเชื่อว่าคุณสามารถเล่น 'กลิ้ง' ไล่จับได้จนมาสิ้นสุดตรงตู้เย็นในครัว เขารวบตัวคุณเอาไว้พร้อมกับกลั้นหัวเราะ

 

 


"แค่ทำขวดซอสมะเขือเทศตกลงพื้นแล้วมันก็กลิ้งไม่หยุดน่ะ"

 

 


"ตลกแล้วๆ " คุณแกะมือของเขาออกจากตัวของคุณ สิ่งที่พบคือใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนที่เขาทำตลอดเวลา

 

 


"แต่ชีวิตฉันขาดซอสมะเขือเทศไม่ได้จริงๆ นะรู้ไหม? ถ้าเธอเข้าใจความหมายของมัน"

 

 


คุณรู้สึกร้อนผาวทันที แซนมักจะเล่นมุกบ่อยครั้ง ทำให้คุณไม่รู้ว่าควรจะคิดถึงความหมายของมันตามคำหรือตามนัยแฝงดี ทันใดนั้นคุณก็รู้ว่าทำไมเจ้าหมาตัวดีถึงราดซอสมะเขือลงบนตัวคุณ ไม่ว่าเหตุใดก็ตาม ตอนนี้......

 

 


"พาไพรัสผู้ยิ่งใหญ่ กลับบ้านมาพร้อมกับเส้นสปาเกตตี้แล้ว!!!"

 

 


ประตูเปิดออกตามมาด้วยโครงกระดูกที่ยืดอกภูมิใจในตัวเองที่แอ็คท่าราวกับพระเอกหนังฮีโร่เปิดตัว เป็นการปรากฎตัวที่น่าตกตะลึงยิ่งจนแซนสะดุ้งปล่อยขวดซอสมะเขือเทศไป

 

 


*******************
จบปิ๊ง!! ตัวคนเขียนเองพยายามเขียนให้มันออกแนว x reader เต็มที่ ตั้งแต่ฟิคอันนี้เป็นแนวแบบที่ว่าอันแรก เนื่องด้วยเห็นว่าแนวนี้มีน้อยนิดในรูปแบบภาษาไทย จึงอยากให้แฟนเกมทั้งหลายมีความสุขกันถ้วนหน้า ใครติ่งพี่น้องโครงกระดูกในอันเดอร์เทล ขอเสียงหน่อยค่า ^_^

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา