ชะลอม โดย จักรเมถุน

9.1

เขียนโดย Little_Boy

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.33 น.

  1 ตอน
  5 วิจารณ์
  3,658 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 20.01 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) ชะลอม โดย จักรเมถุน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

ชะลอม

ผู้เขียน : จักรเมถุน

 

...

 

(เรื่องสั้นเรื่องนี้... ขออุทิศแด่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว)

ผลงานส่งเข้าประกวดโครงการ Asian Young Writer Award’2014

 

...

 

 

เสียงไก่บ้านขันขานรับแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ ดวงอาทิตย์ฉาดฉายแสงโอบอุ้มรวงข้าวสีเหลืองทองซึ่งกำลังถูกกระแสลมพัดโบกพลิ้วไหว ธรรมชาติแห่งท้องทุ่งให้กลิ่นความหอมรัญจวนใจ การย่างก้าวของทุกสรรพสิ่งเริ่มก่อเกิดไปตามวิถีแห่งชีวิตของชาวชนบท

คุณยายชราผู้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง นั่งเหม่อมองภาพสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ภายในปากกำลังเคี้ยวหมากด้วยความเพลิดเพลิน พลันใบหน้าของคุณยายได้ปรากฏรอยยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินเสียงจากกลุ่มเด็กตัวป่วน ซึ่งดังเจื้อยแจ้วมาตามท้องถนนลูกรัง

เด็กหญิงร่างเล็กสภาพมอมแมมหนึ่งคน วิ่งด้วยสีหน้าเริงรื่นมายังตำแหน่งที่คุณยายสุดที่รักนั่ง เมื่อถึงที่หมาย จึงค่อยๆ ปีนป่ายขึ้นไปบนแคร่ไม้ ซึ่งมีขนาดสูงขนานระดับอก

“คุณยายทานเลือดเหรอคะ” เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา เมื่อเห็นคุณยายบ้วนน้ำหมากสีแดงลงยังกระโถนข้างกาย

ได้ยินประโยคคำถามจากหลานตัวน้อยเช่นนั้น เสียงหัวเราะพลันก่อเกิดด้วยความขบขัน

“ไม่ใช่เลือดหรอก สิ่งที่อยู่ในปากของยายมันคือหมาก” ผู้เป็นยายอธิบายให้เด็กน้อยได้เข้าใจ แต่สีหน้าของหลานตัวน้อยยังคงฉายแววความงงฉงน

“หนูลองทานได้ไหมคะ” เด็กหญิงเริ่มเกิดความสนใจ ต้องการลิ้มลองรสชาติจากการ‘เคี้ยวหมาก’ พลางครุ่นคิดไปด้วยว่าอะไรบางอย่างซึ่งมีลักษณะสีขาว ที่คุณยายใช้ทาลงบนใบไม้สีเขียว คงจะมีรสความหวานเฉกเช่นขนมอยู่ไม่น้อย

“ทานไม่ได้หรอก เผ็ดเลยทีเดียว ไม่เหมือนกับขนมหวานที่หลานเคยทานหรอก” เคี้ยวหมากไป เอ่ยบอกสิ่งที่ถูกต้องแก่ผู้เป็นหลานไป คล้ายว่าเด็กตัวน้อยจะเลิกสนใจในสิ่งที่คุณยายกำลังเคี้ยวไปเสียแล้ว เมื่อได้ยินเสียงเชื้อเชิญจากกลุ่มเด็กเล็กรุ่นราวคราวเดียวกัน

“มาเล่นกันเถอะ...” ได้ยินเช่นนั้นแล้ว เด็กหญิงตัวน้อยรีบปีนป่ายลงจากแคร่ไม้ด้วยความคล่องแคล่วว่องไว ปล่อยให้ยายชรามองตามการจากไปด้วยสายตาแห่งความเอ็นดู...

สถานที่อันไร้ซึ่งความเจริญ ปราศจากมลพิษจากสารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้น แม้ว่าจะมีความล่าช้า แต่การดำเนินชีวิตสุดแสนจะเรียบง่ายเช่นนี้ นำมาซึ่งความสุขที่ยั่งยืนแก่คนกลุ่มหนึ่งได้อย่างไม่มีวันรู้ลืม...

 

ครั้นกาลเวลาแปรเปลี่ยน ทุกสรรพสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา...

หญิงสาวร่างสูงอรชรถอดแว่นกันแดดสีดำ เมื่อก้าวเท้าออกมาจากรถยนต์ บ้านไม้ทรงโบราณตรงหน้า แม้จะมีสภาพเก่าทรุดโทรม แต่ยังคงกลิ่นอายความหลังหลงเหลือในทุกครั้งที่ได้กลับมาเยือน

ใบหน้าสวยแย้มยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อสายตาไปหยุดมองที่แคร่ไม้อันเก่าแก่ แม้จะมีการเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปบ้างเล็กน้อย แต่แคร่ไม้ตัวนั้นยังคงรูปแบบความดั้งเดิมในสายตาของหล่อน

ถึงแม้ว่ากาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานหลายปี เหตุการณ์ต่างๆ มากมายได้เกิดขึ้นที่แคร่ไม้ตัวนั้น มากเรื่องราว มากสถานการณ์ กระทั่งกาลเวลาได้ลบเลือนความทรงจำบางอย่างขาดหายไป

“ขึ้นบ้านกันเถอะลูก เดี๋ยวเตรียมสำรับไม่ทัน” เสียงของมารดาเรียกสติให้หญิงสาวกลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง เนื่องจากวันนี้เป็นวันรวมญาติเฉกเช่นทุกเทศกาลสำคัญที่เคยผ่านมา เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แด่เครือญาติผู้ได้วายชนไปแล้ว

ปลายเท้าของหญิงสาวเหยียบย่ำลงบนแผ่นไม้ขั้นบันได มืออันเรียวงามสัมผัสราวบันได สายตาเหม่อมองขึ้นไปยังชั้นสูงสุด พลันที่ประตูทางขึ้นบ้าน เกิดภาพความเลือนรางของหญิงชราผู้คุ้นเคย ดุจคล้ายว่าเป็นภาพอีกหนึ่งมิติซึ่งกำลังซ้อนทับกับภาพของปัจจุบัน

ผิวหนังแม้จะเหี่ยวย่นไปตามช่วงวัย แต่รอยยิ้มซึ่งเต็มไปด้วยความอบอุ่นของหญิงชรา กลับทำให้มองข้ามอายุขัยไปเสียสนิท

เป็นรอยยิ้มแห่งความนัยมากมาย สารพัดถ้อยความรู้สึกที่ขับผ่านจากสีหน้าของบรรพบุรุษผู้ควรเคารพนับถือ

ร่างของเด็กหญิงวัยเรียนชั้นประถมศึกษา มีชะลอมถือไว้ภายในมือ พร้อมก้าวเดินขึ้นบันไดบ้านด้วยสีหน้าแห่งความสุข ภายในชะลอมมีมะม่วงพันธุ์พื้นบ้าน สีเหลืองชวนรับประทาน มารดาบอกกับเด็กหญิงว่าคุณตากับคุณยายชื่นชอบเป็นยิ่งนัก หากมีข้าวเหนียวกวนใส่กะทินับว่าช่างเป็นของที่คู่กัน

“คุณตา คุณยาย... สวัสดีค่ะ” เด็กหญิงพนมสองมือขึ้นไว้ทักทายสองตายาย ด้วยความนอบน้อม

 

 

ภัตตาหารเตรียมไว้พร้อมเสร็จสรรพ เหล่าเครือญาติต่างนั่งกันเรียงรายตั้งใจทำพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ดั่งเช่นที่บรรพบุรุษได้สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจวบจนถึงปัจจุบัน

 

ข้างผนังบ้าน ซึ่งสร้างจากไม้เนื้อดีแทบจะทุกส่วน มีชะลอมเก่าแก่ห้อยอยู่เรียงราย ขนาดแตกต่างกันตามการใช้งาน หญิงสาวไล่สายตามองไปทีละชะลอม และไม่แน่ใจว่าชะลอมใบไหนกันที่หล่อนเคยมอบมันให้กับคุณตาคุณยายเมื่อครั้งในอดีต

 

‘ชะลอมแห่งน้ำใจ’หญิงสาวเคยได้ยินประโยคนั้นจากปากของคุณตา เมื่อครั้งหนึ่งซึ่งหล่อนเคยเป็นเด็ก ได้นั่งมองคุณตาสานชะลอมด้วยความสนใจ

‘ชะลอมนี่... เป็นเหมือนภาชนะแห่งการส่งมอบความสุข หลานสังเกตไหม เวลาคนไปมาหาสู่กัน มักจะมีชะลอมติดไม้ติดมือไปด้วย ตาจึงขอตั้งชื่อให้ว่า... ชะลอมแห่งน้ำใจ’

เด็กหญิงพยักใบหน้าไปด้วยเป็นเชิงรับทราบ เมื่อคุณตากำลังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชะลอมให้ได้รับฟัง

 

กระแสลมเย็นพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างไม้ ทุกชีวิตล้วนได้สัมผัสกับกลิ่นอายความเย็นที่ธรรมชาติมอบให้กันอย่างถ้วนหน้า เสร็จสิ้นจากการถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ เครือญาติซึ่งไม่ได้เจอหน้าค่าตากันมานานแรมปี ต่างรวมกลุ่มสนทนาตามประสาผู้มีเชื้อสายแห่งวงศ์ตระกูลเดียวกัน

ร่างอรชรของหญิงสาว ทิ้งกายลงบนแคร่ไม้ เมื่อครั้งหนึ่ง... หล่อนต้องใช้ความพยายามอยู่มาก กว่าจะขึ้นมานั่งบนนี้ได้ พลันรอยยิ้มบางๆ ได้ก่อเกิดที่มุมปากเล็กน้อย เมื่อมองเห็นกลุ่มเด็กเล็กกำลังวิ่งหยอกล้อกันด้วยความสนุกสนาน ไม่น่าเชื่อว่า... กาลเวลาจะหมุนเวียนแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้

แต่ทุกคำบอกกล่าว เรื่องเล่าจากปากของบรรพบุรุษ ผู้ซึ่งเคยผ่านโลกมาก่อน ยังคงวนเวียนอยู่ภายในห้วงลึกแห่งจิตใจของหญิงสาวตลอดเวลา ครั้นนึกถึงภาพแห่งอดีตทีไร รอยยิ้มแห่งความสุขพลันได้ก่อเกิดขึ้นมาทุกที

 

“คุณน้า มาเล่นด้วยกันไหมคะ” เด็กหญิงตัวน้อยผู้มีสภาพมอมแมม วิ่งเข้ามายังตำแหน่งที่หญิงสาวนั่งด้วยความซุกซน นัยน์ตาของเด็กน้อยฉายแววความบริสุทธิ์อย่างเด็กผู้ไร้เดียงสา

บางสิ่งที่เด็กหญิงถือไว้ภายในมือ ดึงดูดความสนใจผู้เป็นน้าได้มากเลยทีเดียว

“ฝากน้าไว้ก่อนไหม วิ่งเล่นเดี๋ยวระวังหล่นไม่ได้ทานนะ” หญิงสาวยื่นมือไปขอชะลอมเล็กๆ จากมือของหลานสาว

คำตอบที่ได้รับคือการส่ายหน้าของเด็กหญิง มิหนำซ้ำยังซ่อนชะลอมไว้ที่ด้านหลัง เพราะเกรงว่าผู้เป็นน้าจะหลอกล่อเพื่อแย่งขนมหวานของหล่อนไปรับประทาน

การกระทำของหลานสาว ทำให้ผู้เป็นน้าเผยรอยยิ้มแห่งความสุขออกมา

“เด็กน้อย น้าไม่แย่งขนมของหลานหรอก นี่จะมาชวนน้าไปวิ่งเล่นด้วยไม่ใช่เหรอ จะรอช้าอยู่ทำไมล่ะ” หญิงสาวไม่เอ่ยเปล่า เคลื่อนตัวออกจากแคร่ไม้ แฝงตัวเข้าไปร่วมวงละเล่นกับเด็กน้อยรุ่นหลานด้วยความรู้สึกกลมกลืน

 

ทุกภาพเหตุการณ์... ดุจคล้ายว่ายังคงหมุนเวียนอยู่ในห้วงคำนึงตลอดเวลา ราวกับว่าภาพเหตุการณ์เมื่อในอดีต ภาพปัจจุบัน และภาพของอนาคตที่ยังมาไม่ถึง จะซ้อนทับกันเป็นภาพหนึ่งเดียว

 

ร่างกายแก่ชราไปตามกาลเวลา ครั้งหนึ่งเคยเป็นหนุ่มสาว แต่ไม่ช้านาน... สภาพร่างกายก็ต้องแปรเปลี่ยนไป ไม่มีใครผู้ใดต้องการ แต่หากถึงเวลานั้นกลับต้องยอมรับ

 

เรือนไม้ทรงโบราณ ผ่านการต่อเติมมารุ่นแล้วรุ่นเล่า แต่สภาพของมันในความรู้สึกยังคงเหมือนเดิม เป็นเรือนไม้... ที่มีคุณค่าแก่ความทรงจำ จากรุ่นบรรพบุรุษตกทอดสู่รุ่นของทายาทผู้สานต่อ

ภาพทุกภาพ ต่างเดินควบคู่ไปพร้อมกับการเดินทางของเข็มนาฬิกา คอยสร้างภาพความทรงจำภาพใหม่มาแทนที่

หญิงชราทอดสายตามองชะลอมซึ่งตั้งวางอยู่ข้างกาย ผลไม้หลากหลายชนิดบรรจุไว้ภายในนั้นอย่างสวยงาม บุคคลมากมายตรงหน้า ต่างห้อมล้อมแคร่ไม้ยังตำแหน่งที่หญิงชรานั่ง โดยเฉพาะแถวหน้ามีกลุ่มเด็กๆ ส่งสายตาละห้อยจ้องมองคุณยายอาวุโสด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

ลูกหลาน... มาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อกราบไหว้ขอพร ก่อนจะกลับไปเผชิญกับโลกกว้างยังสถานที่ที่ทุกคนจากมา...

ของฝากมากมายตั้งวางเรียงราย แต่มีสิ่งหนึ่งเมื่อได้มองอยู่เนิ่นนาน พลันเรียกน้ำตาแห่งความรู้สึกในห้วงลึกของหญิงชราได้เป็นอย่างมาก และสิ่งนั้นก็คือ... ชะลอม

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา