My Diary about Dad

-

เขียนโดย โออี้

วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.12 น.

  3 บท
  0 วิจารณ์
  5,926 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557 19.16 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2) I am sorry

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

หนูขอโทษ..สำหรับทุกอย่างที่ทำให้พ่อลำบากใจ

ขอโทษนะคะ..ที่ทำตัวเป็นเด็กไม่ดี

หนูขอโทษค่ะ..พ่อ

 

 

 

          เด็กวัยรุ่นอายุ 16 ปีกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ถ้าหากว่าเละเทะก็จะไม่มีอนาคต..ถ้าหากว่าทำตัวดีก็จะมีอนาคตที่สดใส ฉันในวัยนั้นมีนิสัยอยู่ในข้อแรก แต่ฉันยังโชคดีที่มีพ่ออยู่..มือแข็งแกร่งที่หยาบกร้านนั่นแหละที่เป็นคนดึงฉันขึ้นมาจากนรก

          วัยรุ่นอย่างฉันมีนิสัยที่เปลี่ยนแปลงไปมากจากตอนเป็นเด็ก ฉันพูดกับพ่อน้อยลงและในแต่ละวันเราก็แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลย เพราะที่โรงเรียนฉันได้เจอสังคมใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ และอะไรอีกมากมายที่ฉันแทบไม่เคยได้พบและรู้สึก ฉันเรียนอยู่สายศิลป์มีหัวอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น มีเพื่อนสนิทที่อยู่กลุ่มเดียวกัน 4 คน และเพื่อนจากต่างห้องอีกหลายคน

          ฉันเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ดูจะไม่ประสีประสาอะไรในเรื่องต่างๆ ทั้งไม่กินเหล้าและสูบบุหรี่ จัดว่าเป็นเด็กดีในระดับหนึ่ง แต่สำหรับเพื่อนๆแล้วฉันคงเหมือนเด็กน้อยตัวเล็กๆ เพราะฉะนั้นจะด้วยความหวังดีหรืออะไรก็ตาม เพื่อนๆชักจูงในฉันเริ่มหัดทดลองกินเหล้าและสูบบุหรี่ แต่ฉันก็ปฏิเสธนะ..เพราะยังหวั่นกลัวอยู่

          จนในที่สุดวันหนึ่ง..เพื่อนๆชวนฉันไปเที่ยวทะเลค้าง 3 วัน 2 คืน

          "พ่อคะ" ฉันเรียกพ่อที่กำลังทำงานอยู่ในห้องทำงาน คุณพ่อหันมามองแล้วยิ้มให้ "คือว่า..."

          "มีอะไรหรือเปล่าเอย" คุณพ่อถามพลางเดินเข้ามาหา ฉันก้มหน้าไม่พูดอะไร ได้แต่ยืนตัวบิดไปบิดมา "มีอะไรก็พูดมาเถอะลูก"

          "คือว่า.." ฉันยังคงอ้ำอึ้ง "คือว่าเพื่อนชวนหนูไปเที่ยวทะเลค่ะ หนูก็เลยจะมาขออนุญาติพ่อ พ่อให้หนูไปนะคะ" ฉันพูดเร็วจนพ่อแทบจะฟังไปทัน ก้มหน้าหลับตารอฟังคำตอบ

          ขอให้ได้ไป..ขอให้ได้ไป

          "เที่ยวทะเล ไปกันยังไง ไปกี่วัน พักกันที่ไหน แล้วมีใครไปบ้าง" คุณพ่อถามด้วยความเป็นห่วง แต่ในตอนนั้นฉันไม่รับรู้ถึงมันเลยสักนิด

          "เอารถตู้ของพ่อเพื่อนไปค่ะ ไปค้าง 2 คืน พักที่บ้านของแนนค่ะ ก็ไปกับเพื่อนในกลุ่มนั่นแหละค่ะ" ฉันอธิบาย

          "พ่อขอคิดดูก่อนนะ"

          "พ่อคะ ให้เอยไปนะคะ เอยสัญญาว่าจะไม่ทำตัวเกเร จะอยู่ในระเบียบ ขอแค่คุณพ่อให้เอยไป เอยอยากไปเที่ยวกับเพื่อนๆนี่คะ เอยยังไม่เคยได้ไหนกับเพื่อนเลยนะคะ นะคะคุณพ่อ" ฉันออดอ้อนเต็มที่ พลางทำหน้าตาหน้าสงสาร คุณพ่อดูเหมือนจะชั่งใจอยู่นาน แต่ก็คงทนลูกอ้อนไม่ไหว..แม้จะเป็นห่วงและกังวลมากแค่ไหนก็ตาม

          "ก็ได้ แต่ลูกจะต้องรายงานพ่อทุกระยะว่าอยู่ไหน และทำอะไร" คุณพ่อว่า "เข้าใจมั้ย"

          "เข้าใจค่า ขอบคุณพ่อมากๆเลยนะคะ" ฉันหอมแก้มพ่อฟอดใหญ่และกอดแน่น

          มือหนาขยี้หัวฉันด้วยความเอ็นดู "แล้วไปวันไหนล่ะ"

          "ไปวันศุกร์นี้ค่ะ หนูขอขึ้นไปทำการบ้านก่อนนะคะ"

          คนเป็นพ่อมักจะใจอ่อนกับลูกสาวตัวเองเสมอ..คุณว่าอย่างนั้นมั้ย แม้จะรู้สึกเป็นห่วงและเป็นกังวลมากแค่ไหนก็ตาม

 

          และแล้ววันเดินทางก็มาถึง..วันที่จะเปลี่ยนชีวิตอันสดใสให้กลายเป็นร้ายภายในข้ามคืน

          ฉันกับเพื่อนนัดกันที่หน้าโรงเรียนเวลา 6 โมงครึ่ง และรถก็เคลื่อนตัวออกในเวลา 6 โมง 45 นาที ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากๆที่จะได้ไปเที่ยวกับเพื่อน เราพูดคุยหัวเราะสนุกสนานเฮฮาไปตลอดทาง จนในที่สุดก็ถึงจุดหมาย

          กลิ่นอายทะเลทำให้ฉันรู้สึกสดชื่อเป็นที่สุด..และเสียงของคลื่นยามกระทบชายฝั่งก็ทำให้ผ่อนคลาย

          ฉันกดโทรศัพท์โทรหาคุณพ่อ เพื่อรายงานตามที่ตกลงกันไว้

          "หนูถึงแล้วนะคะพ่อ..ค่ะ..ที่นี่สวยมากๆเลย" ฉันยิ้ม "ค่ะ หนูรู้แล้วค่ะ..ขอตัวไปเก็บกระเป๋าก่อนนะคะ" ฉันวางสาย และช่วยเพื่อนยกกระเป๋าเข้าไปเก็บในบ้าน

          หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงฉันก็เห็นรถตู้คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้าน ด้วยความสงสัยฉันจึงไปถามแนน "ไอแนน รถใครจอดอยู่หน้าบ้านแกว่ะ"

          "ไหน อ้อ พวกไอกันต์ไง"

          ฉันขมวดคิ้ว "แกไม่ได้บอกฉันหนิว่าจะมีพวกผู้ชายมาด้วย"

          "อ้าว จริงดิ สงสัยฉันลืม เฮ้ยอย่าเครียดดิเอย ไม่มีอะไรหรอกหน่า เชื่อฉัน โอเคป่ะ"

          ฉันพยักหน้าแม้ในใจจะหวั่นๆอยู่ก็ตาม ฉันไม่ได้บอกพ่อว่าจะมีผู้ชายมาด้วย ถ้าพ่อรู้คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ฉันจึงนิ่งเฉย และสนุกไปกับเพื่อนๆแทน

          วันแรกผ่านไปด้วยดี เรากินร้องเล่นเฮฮากันตามประสาวัยรุ่น เพื่อนๆของฉันซื้อเหล้ามาด้วยและดื่มกันแทนน้ำเปล่า ในขณะที่ฉันขอปฏิเสธ

          คืนวันที่สอง..เป็นคืนแห่งหายนะ เรานั่งล้อมวงล้อมกองไฟกันอย่างปกติเหมือนเมื่อวาน มีการย่างบาร์บีคิวกินกันอย่างเอร็ดอร่อย นั่งคุยเรื่องสัพเพเหระ แล้วอยู่ๆเพื่อนผู้ชายที่ชื่อกันต์ก็มานั่งข้างๆฉัน

          "เรากันต์นะ" กันต์แนะนำตัว "ชื่อเอยใช่ป่ะ เราไปถามแนนมาแล้ว"

          กันต์เป็นคนรูปหล่อ ขาวสูงหุ่นดีและมีอัธยาศัยดีเป็นที่สุด ใครเห็นก็คงต้องหลงรักเป็นแน่ เรานั่งคุยกันอยู่ตามลำพังอย่างสนุกสนาน

          "เอยมีแฟนหรือยัง" กันต์ถาม ฉันส่ายหน้าตอบ "จริงหรอ สวยๆอย่างเอยนี่น่าจะมีคนเข้ามาจีบเยอะนะเราว่า" การที่เขาชมกันซึ่งๆหน้าก็ทำให้ฉันเขินอยู่ไม่น้อย

          คุณคงไม่รู้หรอกว่าหัวใจอันบริสุทธิ์ของเด็กสาวที่ไม่เคยมีใครเข้าหามันหวั่นไหวแค่ไหน เมื่ออยู่ดีๆก็มีผู้ชายหน้าตาดีมาคุยชมและหยอดหวานขนาดนี้ ความไม่ประสีประสาในเรื่องความรักทำให้ฉันส่งใจให้กันต์ง่ายเกินไป

          "ฮั่นน่อวว สองคนนี้ยังไงๆ ไอกันต์เห็นคนสวยไม่ได้เลยนะ" ต้าเพื่อนกันต์แซว ฉันได้แต่ยิ้มเขินๆ

          "อย่าไปสนใจมันเลย" เขายิ้ม แล้วก็เหมือนโลกทั้งโลกสว่างไหวขึ้นมา เขายิ้มได้น่ารักมากเลย ฉันพยักหน้า

          "อ่ะนี่" เขายื่นแก้วน้ำมาให้ฉัน กลิ่นของแอลกอฮอลล์ลอยโชยขึ้นมา

          ฉันส่ายหน้า "เราไม่กินเหล้า" แต่เขาก็ยังคะยั้นคะยอ ฉันพยายามหาตัวช่วยแต่เพื่อนของฉันก็สลบเหมือดกันไปหมดแล้ว

          "ไม่เป็นอะไรหรอก แค่นิดเดียวเอง หัดไว้จะได้ไม่โดนมอมไง" เขาว่าและยื่นแก้วมาตรงหน้า ฉันตัดสินใจเอื้อมมือไปรับ "กินเลย"

          ฉันทำตามที่เขาบอก ทันทีที่ของเหลวไหลลงสู่ลำคอความร้อนก็แผ่ไปทั่วทั้งร่างกายและความขมก็ยังคงติดอยู่ที่ลิ้น

          "เป็นไง ก็ไม่ได้แย่ใช่มั้ยล่ะ" ฉันพยักหน้า มันไม่ได้แย่จริงๆอย่างที่เขาว่านั่นแหละ แต่เพราะไม่เคยกินล่ะมั้ง ความรู้สึกปวดหัวจึงเกิดขึ้น "เอาอีกสิ"

          เขาชงแล้วยื่นมา ฉันรับและดื่มเข้าไป มันเป็นอย่างนี้จนฉันรู้สึกไม่ไหว มึนหัวและตาลายมองอะไรไม่ชัดจึงบอกให้เขาพอ สติการรับรู้ของฉันเริ่มขาดหายไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ไม่รับรู้อะไร

          ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมกับอาการเมาค้าง มองไปรอบๆห้องอย่างมึนงง ฉันนอนอยู่บนเตียงในห้องของใครไม่รู้

          ขึ้นมานอนบนนี้ไงยังไง

          นั่นเป็นคำถามแรกที่เกิดขึ้นในใจของฉัน หันไปมองข้างๆด้วยรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรขยับอยู่ แล้วก็ต้องตกใจช็อกเมื่อเห็นว่าเป็นกันต์นั่นเอง ฉันเริ่มรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ จึงสำรวจตัวเองอย่างรวดเร็ว ร่างกายของฉันไม่มีเสื้อผ้าอยู่เลยของกันต์ก็คงเช่นกัน ความรู้สึกสบสนเกิดขึ้นในใจ และเสียใจเมื่อเริ่มจับต้นชนปลายได้

          ไม่นะ..

          หัวใจของฉันเต้นระรัว ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยดวงตา ความรู้สึกผิดถูกเริ่มกัดกินหัวใจ ฉันกัดริมฝีปากเพื่อไม่ให้เกิดเสียงสะอื้น

          แล้วฉันจะบอกพ่อยังไง..จะมองหน้าพ่อได้ยังไง

          กันต์เริมรู้สึกตัวและตื่นขึ้น "เอย ร้องไห้ทำไม" ฉันไม่ตอบ

          "เอยคือ..คือเราไม่ได้ตั้งใจนะ เรา..แค่ เราไม่ได้ตั้งใจ เราเมา เราไม่รู้ตัวว่าทำอะไร" กันต์พูด จับมือฉัน "แต่เราจะรับผิดชอบเอยเองนะ เราจะไม่ทิ้งเอยไปไหน"

          เด็กผู้ชายอายุ 16 จะมาดูแลฉันได้ยังไงกัน

 

          พวกเรากลับมาถึงกรุงเทพฯและฉันก็เก็บตัวเงียบไม่พูดไม่จากับใคร กันต์ยังคงติดต่อกับฉัน ดูแลฉันอย่างที่เขาพูด แต่พอเวลาผ่านไปสามเดือน ฉันก็เริ่มรู้สึกผิดปกติอะไรบางอย่าง ประจำเดือนของฉันไม่มาเลยตลอดสามเดือนที่ผ่าน ด้วยความสงสัยฉันจึงไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ ผลของมันออกมาจนฉันแทบล้มทั้งยืน นั่งหมดแรงร้องไห้อยู่ในห้องน้ำอยู่นานจนตาบวมแดง

          "ฮัลโหลกันต์" ฉันโทรไปหาเขาเพื่อบอกเรื่องนี้ "ฉันท้อง"

          หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่เคยได้พบเขาอีกเลย เขาลาออกจากโรงเรียนเพื่อไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองเป็นที่สุด ฉันเก็บตัวเองกว่าเดิม ไม่พูดไม่จาไม่กินข้าว และก็ไม่ยุ่งกับใครๆแม้แต่พ่อของตัวเอง เราห่างกันจนเห็นได้อย่างชัดเจน ฉันเอาแต่อยู่ในห้อง นั่งร้องไห้กับสิ่งที่มันเกิดขึ้น

          จนวันหนึ่ง..เมื่อฉันกลับมาจากโรงเรียน และเห็นพ่อนั่งดูทีวีอยู่

          "เอยมาหาพ่อสิ" พ่อเรียก ฉันเดินเข้าไปหา "มีอะไรเกิดขึ้นหรือป่าว"

          พอได้ยินคำถาม น้ำตาก็ทำท่าเหมือนจะไหลลงมา ฉันส่ายหน้า "ไม่มีอะไรค่ะ หนูขึ้นไปทำการบ้านก่อนนะคะ"

          "เอยเดี๋ยว มีอะไรก็บอกพ่อสิเอย" แต่ฉันไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น

 

          ฉันนั่งอยู่ในห้อง บนเตียงตัวเดิมๆอย่างที่เคยทำ ร้องไห้จะเป็นจะตาย เอามือจับท้องที่มีอีกชีวิตอยู่ข้างใน นึกแล้วก็อยากจะกำจัดมันทิ้ง นึกแล้วก็แค้นไอผู้ชายเฮงซวยที่ทำอะไรไว้แล้วไม่รับผิดชอบ แต่ก็นึกแล้วแค้นตัวเองเป็นที่สุด..ที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

          เสียงเคาะประตูดังขึ้น "เอยลูกรัก นี่พ่อเองนะ" น้ำเสียงของพ่อฟังดูแปลกๆ "พ่อก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ที่พ่อรู้ก็คือลูกสาวของพ่อไม่เหมือนเดิม"

          ฉันนั่งฟังนิ่ง

          "เราแทบจะไม่ได้คุยกันเลย แทบจะไม่ได้เจอหน้ากัน ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเหมือนที่ผ่านมา พ่อเสียใจนะ แต่ก็รู้ว่ามันเป็นวัยของลูกที่จะอยู่กับเพื่อน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอก ประเด็นมันอยู่ที่ว่าพอลูกกลับมาจากไปเที่ยวครั้งนั้น ลูกก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง นั่งร้องไห้จนตาบวมแดง ไม่ยอมกินข้าวกินปลา พ่อเป็นห่วงเอยนะลูก พ่อไม่รู้ว่าใครหรืออะไรที่มันทำลูกสาวตัวน้อยๆของพ่อเป็นอย่างนี้ พ่อเจ็บใจที่ช่วยอะไรลูกไม่ได้ แต่ขอล่ะเอย ขอให้พ่อรู้ว่ามันคืออะไร ขอให้ลูกเล่าสิ่งที่มันทำให้ลูกต้องเป็นอย่างนี้ให้พ่อฟัง ระบายออกมาให้พ่อรู้ ไม่ใช่เก็บเงียบไว้กับตัวอย่างนี้ ลูกเข้าใจใช่มั้ย"

          ฉันร้องไห้สะอื้น..คิดอย่างหนักว่าฉันจะบอกพ่อเรื่องนี้ได้อย่างไง

          "เอย" เสียงของพ่อสั่น พ่อกำลังจะร้องไห้ "เอยลูก หนูเป็นลูกของพ่อนะ และพ่อก็รักหนูมากที่สุด ถ้ามีอะไรที่พ่อพอจะช่วยได้ ขอให้พ่อได้ช่วยลูกนะ"

          ฉันตัดสินใจลุกขึ้นเปิดประตู ร่างสูงใหญ่ของพ่อยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าที่มักจะยิ้มแย้มและอบอุ่นอยู่เสมอบัดนี้กลับเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและความเจ็บปวด ฉันกอดพ่อแน่นและร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น มือหนาอันอบอุ่นลูบหัวปลอบฉันอย่างอ่อนโยน

          "พ่อคะ" ฉันร้อง "พ่อคะหนูขอโทษ หนูมันเป็นเด็กเลวทำให้พ่อต้องทุกข์ใจและผิดหวัง"

          "อย่าพูดอย่างนั้นสิ หนูเป็นเด็กดีสำหรับพ่อเสมอนะลูก"

          "ไม่จริงเลยค่ะ หนูมันเลว..หนูมันเลวที่สุด" ฉันสะอื้น "พ่อคะ ถ้าหนูบอกพ่อแล้วพ่อจะโกรธหนูมั้ย"

          คุณพ่อยิ้มละมุน "ไม่ลูก พ่อจะไม่โกรธเอย"

          ฉันนิ่งกำลังตัดสินใจว่าจะพูดยังไงดี "พ่อคะ..หนูขอโทษ หนูท้องค่ะ"

          คุณพ่อยืนตะลึงในสิ่งที่ได้ยินไปพักใหญ่ ดวงตาของพ่อค้างติ่งอยู่อย่างนั้น มันสั่นไหวและตกใจเป็นที่สุด แต่ในที่สุดมันก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง

          "หนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเกิดขึ้นเลยสักนิด"

          "แล้วใครเป็นพ่อของลูก" น้ำเสียงของพ่อแข็งนิดๆจนฉันใจเสีย

          "กันต์ค่ะ เพื่อนที่โรงเรียน แต่ตอนนี้มันย้ายไปต่างประเทศแล้ว" ฉันตอบ "หนูขอโทษ" ฉันเริ่มร้องไห้อีกครั้ง

          คุณพ่อนิ่งเงียบไม่พูดอะไร

          "พ่อคะ" ฉันเรียก

          "เอยลูกรัก อย่าร้องไห้ไปเลย พ่อไม่โกรธหนูหรอกที่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น" คุณพ่อว่า "คนเรามันก็ทำผิดพลาดกันได้ แต่ผิดแล้วก็ต้องแก้ไข ดีแล้วที่หนูบอกให้พ่อรู้ เราจะได้หาทางแก้ไขเรื่องนี้ไปด้วยกัน"

          "พ่อผิดหวังในตัวหนูมากใช่มั้ยคะ หนูมันเป็นเด็กเลว หนูจะไปเอาเด็กออก" ฉันบอก

          "ไม่ได้นะ เด็กเขาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย เราก็ไม่ควรจะไปทำอะไรเขา นั่นไม่ใช่ทางออกที่ดีหรอกลูก เก็บเด็กไว้และเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด พ่อก็อยากเห็นหน้าหลานเหมือนกันว่าจะหน้าตาหน้ารักขนาดไหน" คุณพ่อยิ้มกว้าง

          "พ่อคะ" ฉันร้องไห้อีกครั้งด้วยความซาบซึ้งใจ กอดคุณพ่อแน่น "หนูขอโทษ"

          "เลิกขอโทษพ่อได้แล้ว พ่อไม่โกรธอะไรลูกหรอก กลับกันพ่อพร้อมจะอภัยให้ลูกเสมอแม้ว่าบางเรื่องมันจะร้ายแรงแค่ไหนก็ตาม พ่อเป็นพ่อของลูก เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่พ่อจะทิ้งลูกของตัวเองให้ต้องต่อสู้คนเดียวหรอก"

          "ขอบคุณพ่อมากนะคะ" ฉันพูด "หนูรักพ่อมากที่สุดเลย"

          "พ่อก็รักลูก"

 

 

          ในตอนนั้นคุณคิดว่าถ้าฉันไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อฟัง..เด็กที่อยู่ในท้องของฉันจะเป็นยังไง และชีวิตที่ต้องต่อสู้กับความเลวร้ายคนเดียวของฉันจะลงเอยเช่นไร เด็กคนนั้นก็คงจะไม่ได้เกิด..และฉันก็คงไม่มีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้

          ความรักของคนเป็นพ่อที่มีต่อลูกมั่นคงและแข็งแกร่งเสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเช่นไร ท่านพร้อมที่จะรับฟังปัญหาและข้อผิดพลาดที่ลูกได้ทำไว้ และพร้อมที่จะให้อภัยพร้อมกับจับมือน้อยๆของลูกเอาไว้ แล้วบอกว่า "เราจะเดินผ่านมันไปด้วยกัน"

          คุณคิดว่าใครกันล่ะที่รักคุณมากที่สุด..คุณคิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนที่ดูแลคุณได้ดีและพร้อมจะปกป้องชีวิตของคุณด้วยชีวิตของเขา

          สำหรับฉัน..ผู้ชายคนนั้นมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก

          นั่นก็คือ..คุณพ่อ

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา