ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร

7.6

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 17.13 น.

  3 ตอน
  10 วิจารณ์
  7,029 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556 17.13 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) สามตอนจบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                                   "ว่าแล้วเชียวว่าเวลาอย่างนี้มันต้องซื้อของให้หนำใจ!!!"




บนทางเดินริมทางที่อากาศปนเปื้อนไปด้วยมลพิษจากฝุ่นควันที่รถยนต์จำนวนมากปล่อยออกมาในระหว่างที่กำลังรอสัญญาณไฟเขียวให้สามารถเดินทางต่อไปได้ที่มีผู้คนจำนวนหนึ่งทนไม่ไหวเอาผ้าเช็ดหน้ามาทำเป็นหน้ากากกันฝุ่นละอองนั้น เด็กสาวคนหนึ่งที่อยู่ในช่วงฉลองชัยชนะหลังจากที่สามารถสยบนรกข้อสอบกลางภาคในระดับอุดมศึกษาได้ก็กำลังเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าที่เป็นสุขจากความชาชินในระดับมลภาวะของเมืองกรุงนั้นได้กอดถุงกระดาษขนาดใหญ่ที่บรรจุถุงขนมจำนวนมากเอาไว้แน่นเพื่อสะสมเอาไว้ในการที่จะหมกตัวอยู่กับบ้าน


แต่ในขณะนั้นกลับมีใครอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้มีความสุขไปกับเธอด้วย...




"น้ำจ๋า... พ่อว่าซื้อไปแค่นี้ก็น่าจะเกินพอแล้วล่ะมั้ง อีกอย่างเงินที่ลูกผลาญไปกับขนมพวกนี้มันก็เงินค่าเดินทางกลับของพ่อด้วยนะ"


"โธ่... คุณพ่อนี่ละก็! เดี๋ยวคุณพ่อก็ไปขอเงินค่ารถทัวร์จากคุณแม่เอาก็ได้นี่นา... แล้วคนที่บอกว่าจะให้หนูซื้อของที่อยากได้กี่อย่างก็ได้ก็คือคุณไม่ใช่เหรอคะ"




ชายหนุ่มคนหนึ่งถูกทิ้งห่างจากเด็กสาวผู้เป็นลูกสาวของตัวเองไปเป็นระยะทางพอสมควรเนื่องจากถุงกระดาษสีน้ำตาลที่บรรจุของที่น้ำใช้เงินของเขาซื้อมานั้นมีขนาดใหญ่มากจนบดบังทัศนวิสัยของเขาจนแทบจะกลายเป็นศูนย์ทำให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างลำบาก แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังคงเดินต่อไปเพื่อไม่ให้ลูกสาวของเขาต้องมาลำบากเพื่อเขาอีกครั้งหนึ่ง


แต่ในตอนนั้นเองที่เสียงของน้ำที่ดังขึ้นมาแทรกกลางระหว่างความลำบากในการก้าวไปข้างหน้าของชายหนุ่มที่กำลังทำหน้าที่ของคนรับใช้แบกสัมภาระก็ได้ทำให้ฝีเท้าของเขาหยุดลงทันที




"จะว่าไปแล้วนะคะ... คุณพ่อจะอยู่บ้านถึงเมื่อไหร่เหรอ!? จะอยู่กับพวกเราไปจนถึงเปิดเทอมเลยหรือเปล่า..."




ชายหนุ่มอ้ำอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะรวบรวมน้ำเสียงทั้งหมดเท่าที่จะไม่ทำลายเรี่ยวแรงที่ต้องใช้ในการแบกของออกมาเพื่อตอบคำถามของลูกสาวพร้อมสีหน้าที่มีรอยยิ้มแห้งๆปรากฏขึ้นมาพักหนึ่ง แต่มันก็นานพอที่จะคงอยู่จนจบประโยคคำตอบที่เขากำลังจะพูดออกมา



"ไม่ล่ะ..! พ่อจะอยู่กับลูกวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วล่ะ หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแล้วพ่อก็จะกลับเลย เพื่อที่พ่อจะได้ไปทำงานวิจัยที่ยังค้างอยู่ต่อให้เสร็จเร็วก่อนที่หัวหน้าพ่อจะได้ปริปากบ่นเรื่องซ้ำๆซากๆออกมาไงล่ะ"





"อะไรนะคะ!? นี่คุณพ่อเพิ่งจะกลับมาถึงบ้านเมื่อวานนี้ตอนเย็นเองไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงได้รีบกลับขนาดนี้กันล่ะ... อย่างน้อยๆ-"




ชายหนุ่มเห็นได้ชัดว่าน้ำมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ ถึงแม้ว่าในสารคดีที่เขาได้ดูมานั้นจะกล่าวไว้ว่ามนุษย์จะมีการตอบสนองต่อคำพูดที่ไม่ตรงกับความคาดหวังประมาณค่อนข้างช้ากว่าปลาทองสะดุ้งน้ำนิดหน่อย แต่หลักทฤษฎีนั้นย่อมไม่เป็นไปตามที่คาดเอาไว้เสมอทุกครั้งหรอก...


และเพราะท่าทีที่เหมือนกับกำลังพบเจอกับความผิดหวังอย่างใหญ่หลวงของลูกสาวนั้นเองที่ทำให้ชายหนุ่มต้องเดินเข้าไปลูบศีรษะของน้ำเอาไว้อย่างอ่อนโยนเพื่อเป็นการปลอบประโลมริมฝีปากที่สั่นเครือของเธอเอาไว้ราวกับมืออาชีพด้านการหลีสาว




"ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า ไม่ใช่ว่าพวกเราจะไม่ได้พบกันอีกแล้วสักหน่อย... เดี๋ยววันปีใหม่พ่อจะกลับมาหานะ"


"ไม่เอาค่ะ... หนูอุตส่าห์ได้มีโอกาสพบพ่อที่ไม่เคยเจอมาตลอดชีวิตแล้วแท้ๆ หนูไม่ยอมให้พ่อหนีไปไหนอีกแน่ เพราะงั้น...อยู่กับพวกเราตลอดไปนะคะ!"



"พ่อเข้าใจนะว่าน้ำไม่อยากให้พ่อทิ้งน้ำไปแบบที่พ่อเคยทำมาตลอด แต่ครั้งนี้พ่อสัญญาเลยว่าวันหยุดยาวปีใหม่อีก3เดือนข้างหน้านี่พ่อจะกลับมาหาน้ำใหม่ ไว้ตอนนั้นพวกเราค่อยหาเรื่องอะไรอย่างว่าทำกันก็แล้วกัน... แต่วันนี้มันถึงกำหนดแล้วจริงๆ"







                        "แหมๆ... ทำเป็นคนดีต่อหน้าสาวมหา'ลัย จริงๆแล้วอยากจะซดบะหมี่สวรรค์ล่ะสิไอ้แก่"




ในระหว่างที่พ่อกำลังโอบไหล่ของฉันเพื่อไม่ให้รู้สึกไม่ดีราวกับเป็นเค้าลางการจากไปของเขาอยู่นั้น เสียงกวนประสาทของผู้ชายราวๆเด็กมัธยมปลายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางเดินด้านหน้าของพวกเรา ซึ่งไม่มีวันจะเป็นใครอื่นได้เลยนอกเหนือไปจากกลุ่มเด็กช่างที่พ่อเคยไปมีเรื่องเมื่อวานนี้นั่นเอง หากแต่คราวนี้พวกเขาไม่ได้มากันเพียง5-6คนแบบแต่ก่อน...



"ก็นึกว่าใครที่ส่งเสียงเห่าขัดจังหวะพ่อลูกกำลังจะหวานใส่กัน... ที่แท้ก็เจ้าเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอนที่เอาแต่แบมือขอเงินชาวบ้านเขานี่เอง ยกพวกขอทานมาทีเดียวตั้ง20คนแบบนี้ต้องการอะไรง้าน...เหรอ!"


"ปากอยู่ถัดจากลิงเหลือเกินนะไอ้แก่! คราวนี้พวกข้าจะชำระบัญชีที่ติดแกไว้ให้หมดเลย... แล้วอย่าคิดจะเอาผู้หญิงมาเป็นโล่เชียวล่ะ!"



"ฉันก็ไม่คิดที่จะเอาผู้หญิงของตัวเองมาใช้ป้องกันตัวอยู่แล้วล่ะเจ้าพวกขอทานมีบ้านอยู่เอ๊ย... จะบวกก็รีบๆเข้ามาสักทีเถอะ! ฉันจะได้ไปเสวยสุขกับเด็กคนนี้ต่อ"




น้ำรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์แปลกๆที่กำลังจะบังเกิดขึ้นกับร่างกายของพ่อจึงขอร้องอย่างเต็มที่ไม่ให้ไปมีเรื่องกับพวกขอทาน...พวกเด็กช่างกลเหล่านั้นอย่างสุดเสียง แต่ถึงอย่างนั้นพ่อของเธอกลับไม่แม้แต่จะหันมาตามเสียงเลยแม้แต่น้อย




"ไม่ต้องมาห้ามพ่อหรอกน่า...เพราะอีกเดี๋ยวมันก็จบแล้วล่ะ!"




สิ้นเสียงพ่อของน้ำก็บุกเข้าไปชกต่อยกับเหล่านักเรียนช่างกลในทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียงเวลาและความรู้สึกของลูกสาวที่กำลังมองดูเขาอยู่โดยมีเสียงร้องขอความเมตตาดังอยู่เป็นระยะๆ ถึงแม้ว่าเสียงร้องห้ามนั้นจะมีจุดประสงค์ไม่ให้พ่อของเธอลงมือกับพวกอันธพาลเหล่านั้นหนักมือเกินไปก็ตาม...




               "เก่งนักเหรอว้าไอ้แก่!! งั้นต้องเจอช้างคู่ใจข้า!!!"




เมื่อเห็นว่าแม้จะยกพวกมากว่า20คนเพื่อดักทำร้ายคนเพียงคนเดียวไม่ประสบผลสำเร็จ นักเรียนคนหนึ่งที่เหมือนกับเป็นหัวหน้ากลุ่มก็ยกขวดเบียร์ตราช้างน้อยหอยเตี้ยขึ้นมาเตรียมจะฟาดลงไปกลางศีรษะของชายหนุ่มที่เก่งการต่อสู้มากกว่าที่คนธรรมดาจะทำได้อย่างเต็มแรกเพื่อพลิกสถานการณ์ ซึ่งคู่ต่อสู้ของเขานั้นรู้สึกตัวทันเสียก่อน





"ช้างคู่ใจอะไรของเอ็ง!! อยากไปกินต้มยำกุ้งที่อเมริกาก็บอกมาดีๆเถอะ!!"



ในจังหวะก่อนที่ท่อนแขนที่มีช้างประดับอยู่ตรงส่วนปลายนั้นจะได้ฟาดลงมายังเป้าหมายที่อยู่ตรงหน้า ช่องท้องของนักเรียนคนนั้นก็ถูกกระแทกเข้าอย่างหนักหน่วงจนกำมือที่ถือปากขวดอยู่ก็คลายออกจนไปเข้ามือของเจ้าของเท้าที่พุ่งเข้าใส่จุดตายพอดีก่อนที่เธอคนนั้นจะใช้ขวดเบียร์ฟาดเข้าไปยังศีรษะเพื่อนชายของคู่อริอย่างเต็มแรงจนหมดสภาพการต่อสู้




          "ยัยน้ำเอ๊ย... ดูเหมือนว่าพ่อของเธอจะไม่เคยสอนเรื่องความเป็นกุลสตรีให้เลยสินะ!?"



"ขอโทษค่า..! ดูท่านิสัยที่เห็นคนที่ตัวเองรักกำลังลำบากแล้วไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยไม่ได้คงจะติดมาจากพ่อของหนูนั่นแหละ"








การเดินทางจากบ้านที่อบอวลไปด้วยไออุ่นของครอบครัวไปยังอู่รถทัวร์สายตะวันออกเฉียงเหนือใช้เวลาไปราวๆสองชั่วโมงเศษ ซึ่งด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนั้นเองที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่ผ่านศึกมาด้วยกันนั้นมีความกระชับแนบแน่นมากยิ่งขึ้นจนทำให้ผู้เป็นลูกเริ่มที่จะไม่อยากให้คนสำคัญที่สุดของเธอจากไปไหนทั้งสิ้น ซึ่งมันก็เป็นเพียงหวังลมๆ...



"เอาล่ะ! ผู้เป็นพ่อที่คิดถึงคะนึงหาลูกที่แสนรักมาตลอดกำลังจะกลับเลยแล้วนะ... มีอะไรจะบอกหรือเปล่าลูกสาวที่น่ารักของฉัน"


"เอ่อ... หนูก็ไม่มีอะไรจะบอกอีกแล้วล่ะมั้ง แต่หนูรู้นะคะว่าทำไมคุณพ่อถึงได้เลือกที่จะกลับมาจากต่างจังหวัดในช่วงที่ไม่ค่อยจะมีใครอยากจะเดินทางกัน ถ้าคุณพ่ออยากจะพิสูจน์ว่าเรื่องที่หนูคิดเอาไว้ถูกต้อง...คุณพ่อก็ยื่นหูมาใกล้ๆสิคะ"



ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากจะทำตามในสิ่งที่ลูกสาวของเขาบอก ซึ่งทันใดนั้นเองสิ่งที่เขาไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ




                         จุ๊บ...!




"เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของหนู...ใช่หรือเปล่าคะ!"



แก้มขวาของผู้เป็นพ่อที่โน้มลงมาได้ถูกริมฝีปากสีชมพูอ่อนของเด็กสาวประทับตราเอาไว้อย่างแนบแน่นจนพูดอะไรไม่ออก สำหรับชายหนุ่มที่แทบจะไม่ได้กลับบ้านเลยในรอบระยะเวลาหนึ่งปีจนไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกสาวสุดที่รักของตัวเองเลยนั้น...เขาคิดมาตลอดว่าตัวเขาไม่สมควรที่จะได้รับหลักฐานยืนยันในความรักจากลูกได้เร็วถึงขนาดนี้



"แสดงว่าเรื่องที่ในการ์ตูนบอกเอาไว้ก็เป็นจริงน่ะสิคะที่ว่าคนเราเมื่อได้ผ่านการต่อสู้ที่เร่าร้อนมาด้วยกันแล้วความสัมพันธ์จะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น... รู้อย่างนี้หนูน่าจะเข้าไปช่วยพ่อแย่งเงินคืนมาจากอันธพาลพวกนั้นตั้งแต่แรกนะคะ"


"ว่าแต่พ่อ... ลูกเองก็ติดการ์ตูนเหมือนกันไม่ใช่หรือไง!? จะอ่านก็อ่านได้ แต่อย่าให้เสียการเรียนก็แล้วกัน"



น้ำหน้าแดงเล็กน้อยหลังจากที่ได้หอมแก้มผู้ที่เธอไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่าจะได้พบเจอและมีโอกาสได้พบเจอมาตลอดชีวิตต่อหน้าผู้โดยสารจำนวนหนึ่งที่กำลังมองดูการร่ำลากันตามแบบฉบับของการ์ตูนมิตรภาพระหว่างชายหญิงที่ปรากฏในชีวิตจริงอย่างตาไม่กระพริบ เธอไม่รู้หรอกว่าสายตาของคนพวกนั้นจะมองทั้งสองว่าอย่างไร แต่ความผูกพันระหว่างเธอกับพ่อนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าอายเช่นนั้นอย่างแน่นอน




"แล้วกลับมาเยี่ยมบ้านใหม่นะคะ..! หนูจะรอพ่ออยู่นะ"


"ไม่มีทางหรอก! เพราะเมื่อก่อนนี้พ่อได้แต่ให้ลูกเป็นฝ่ายรอมาตลอด...คราวนี้พ่อจะเป็นฝ่ายรอลูกบ้าง ถึงมันจะน่ารำคาญและยาวนานก็ตามเถอะ!"






อีกไม่กี่นาทีถัดจากนั้นรถทัวร์ที่รับส่งผู้โดยสารจากสถานีกรุงเทพก็ได้เคลื่อนล้อออกเดินทางไปยังจุดหมายของมันตามกำหนดเวลาจนน้ำทำได้เพียงจับตามองรถคันนั้นแล่นออกไปจนพ้นจากเขตประตูทางออกเท่านั้น ในตอนนั้นเองที่น้ำเห็นพ่อของเธอกำลังโบกมือลาอยู่หลังกระจกรถสีน้ำเงินใส เธอจึงโบกมือตอบกลับไปด้วยความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องกลั่นกรองมาจากส่วนใดทั้งนั้น



และเพราะเรื่องนั้นเองที่ทำให้ผู้โดยสารคนอื่นๆในรถคันที่พ่อของเธอโดยสารไปด้วยเริ่มพูดคุยกับพ่อของเธอจนกลายเป็นจุดเด่นทั่วทั้งคัน และมันก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของบิดาที่มีอายุเพียง30ปลายๆรักและเป็นห่วงลูกสาวอายุ18ที่อยู่ในช่วงน่ารักน่ากอดเป็นแน่...

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา