If We'd Never Met หากเราไม่ได้พบกัน

-

เขียนโดย Daystar

วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 05.19 น.

  1 ตอน
  0 วิจารณ์
  1,208 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 กันยายน พ.ศ. 2565 17.13 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) พานพบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                         
          สายลมที่พัดใบไม้หลากสี ให้หลุดออกจากต้นไม้น้อยใหญ่ ภายในสวนสาธารณะ ที่ยังคงมีผู้คนจำนวนไม่น้อย ยังคงทำกิจวัตรกันอย่างเคยเหมือนในทุกวัน เช่นเดียวกันกับร้านกาแฟเล็กๆ ตรงข้ามกับสวนสาธารณะแห่งนี้ ร้านทาไปด้วยสีชมพูอ่อนๆ สไตล์มินิมอล โดดเด่นอยู่ที่หัวมุมถนน หญิงสาวผมสีน้ำตาลมัดผมแบบหางม้า ใส่ผ้ากันเปื้อนสีดำตัดกับเสื้อยืดสีแดงของเธอ กำลังง่วนอยู่กับการไขกุญแจไปที่ประตูของร้าน เหนือประตูบานสีน้ำตาล มีป้ายขนาดไม่ใหญ่มากนัก สลักด้วยคำว่า เดสทินี่  ( Destiny ) บ่งบอกว่านั่นคือชื่อร้านแห่งนี้ เสียงกระดิ่งเล็กๆดังขึ้น พร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออก จากนั้นมือเล็กๆของเธอ ก็หยิบป้ายเล็กๆ เขียนด้วยคำว่า ' ปิด ' มาแขวนไว้ที่หน้าประตู บ่งบอกว่าขณะนี้ ร้านยังไม่พร้อมเปิดให้บริการ จากนั้นเสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับประตูที่ถูกปิดลง
 
           “ใช่ครับแม่ ตอนนี้เหลือสัมภาษณ์อีกสองที่” เสียงของชายหนุ่มกำลังคุยผ่านโทรศัพท์มือถือขนาดเท่าฝ่ามือที่แนบอยู่ที่หูของเขา
           “ไม่เป็นไรครับแม่ ผมยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง ” เขาพูดพลางเดินตามทางเท้าจนมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านเดสทินี่ สายตาเขาเหลือบไปมองป้ายเล็กๆ จากนั้นจึงหันหลังให้ประตูในขณะที่มือขวาของเขา ยังคงแนบหูอยู่
           “ครับ... ครับแม่ บ๊ายบายครับ” สิ้นเสียงพูดคุย เขาหันกลับไปมองร้านที่อยู่ด้านหลังของเขาอีกครั้ง พลางเก็บโทรศัพท์ใส่ไปที่กางเกงของเขา
          ร้านยังคงปิดอยู่เช่นเดิม เขายกแขนซ้ายแล้วใช้มือขวาถลกแขนเสื้อสูทสีดำของเขาเล็กน้อย พอให้เห็นนาฬิกาข้อมือที่ใส่อยู่ 
 
          เขามองไปที่ข้อมือสลับกับมองรถที่ผ่านไปมาคันแล้วคันเล่า ในหัวพลางนึกถึงจะมีสักกี่บริษัทที่จะรับเด็กที่พึ่งจบใหม่อย่างเขาเข้าทำงาน ไม่นานนักเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้น ทำให้เขาละสายตาจากรถที่แล่นอยู่ ประตูของร้านเปิดกว้างขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มของหญิงสาวมัดผมหางม้ากำลังยิ้มให้กับเขา เขายิ้มตอบ พร้อมกับเดินเข้าไปในร้าน เขาหยุดยืนนิ่ง พลางกวาดสายตามองไปทั่วร้าน ทุกอย่างดูสบายตา จนทำให้รู้สึกเหมือนอยู่คนละสภานที่กับข้างนอกร้าน ในร้านมีโต๊ะสีฟ้าทรงกลมอยู่สี่โต๊ะ มันขนาดพอดีจนไม่ได้รู้สึกแออัดเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะอยู่ภายในร้านเล็กๆแห่งนี้ก็ตาม เขาหันไปมองทางขวามือที่มีนาฬิกาทรงกลมขนาดเท่าล้อรถจักรยาน ที่ติดอยู่ที่ฝาผนัง จากนั้นจึงเลื่อนสายตาลงมามองกระดานดำแผ่นใหญ่ ที่เขียนตัวหนังสือด้วยชอล์กสีขาวซึ่งเป็นชื่ออาหารและเครื่องดื่มที่มีขายอยู่ภายในร้าน
          เขาเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ที่อยู่ตรงหน้าทันที โดยที่มีหญิงสาวมัดผมหางม้า มายืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
 
           “รับอะไรดีคะ” เธอเอ่ยปากถามในขณะที่เขายังคงจ้องกระดานอยู่อย่างไม่ลดละ
           “เอ่อ เอาเป็นลาเต้ อีกอย่างขอเป็นแพนเค้กองุ่นแล้วกันครับ” 
           “ให้เขียนชื่อว่าอะไรคะ” เธอถามพลางหยิบแก้วกาแฟขึ้นมา พร้อมกับหยิบปากกาด้ามสีดำขึ้นมาจ่อไว้ที่แก้ว ใบหน้าเล็กๆของเธอมองไปที่ชายหนุ่มอย่างรอคอย
           “เฟย์ครับ” เขาตอบ สายตาของเขาเหลือบไปมองป้ายบนหน้าอกข้างซ้ายของเธอเช่นกัน เขาอ่านภายในใจว่า 'แซนดี้'
           “ค่ะ รอสักครู่นะคะ เชิญนั่งรอได้เลยนะคะ” 
 
          เธอพูดจบเฟย์ก็หันหลังเพื่อตรงไปยังโต๊ะที่อยู่มุมด้านขวาหลังสุดทันที เขานั่งเก้าอี้ตัวริม ที่สามารถหันไปทางหน้าร้านได้ เพื่อที่จะได้มองเห็นคนที่เดินไปมาตามทางเท้าและรถที่ขับไปมาตรงถนน
          ไม่นานนักอาหารและเครื่องดื่มก็มาวางที่โต๊ะของเฟย์ ตอนนี้ภายในร้านเริ่มมีคนอยู่บ้างแล้ว โดยมีหญิงกับชายวัยกลางคนที่นั่งคู่กันอยู่โต๊ะตรงข้ามของเฟย์ และชายผมดำแซมขาวที่นั่งหันหลังให้กับเขาอยู่ตรงเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ ถึงแม้เฟย์จะเห็นแค่ด้านหลังของชายคนนั้น แต่แค่แว๊บเดียวเฟย์ก็รู้ได้ทันทีว่า ชายคนนี้คงจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับแม่ของเขา 
          เฟย์จัดการแพนเค้กที่วางอยู่ตรงหน้าเขาจนเกือบหมด เขามองไปที่นาฬิกาเพื่อให้แน่ใจว่ายังมีเวลาเหลือเฟือพอที่จะไปสัมภาษณ์งานใด้ทัน ซึ่งมันยังเหลือเวลาอยู่มากพอควร เขาจึงไม่ต้องรีบร้อนมากนัก
          เสียงกระดิ่งที่ดังมาจากหน้าประตูดังขึ้น ทำให้เฟย์ละสายตาจากแพนเค้กที่ถืออยู่ในมือ ปรากฏให้เห็นหญิงสาวซึ่งรู้ได้เลยในทันทีว่าคงจะอายุไม่ได้ห่างจากเขามากนัก อาจจะห่างกันเพีบงปีหรือแค่สองปี เธอมีผมสีดำยาวสลวย ปากสีชมพูอ่อนๆที่อยู่บนใบหน้าเล็กๆของเธอ ทำให้รู้สึกน่าทะนุถนอมอย่างบอกไม่ถูก ผิวเธอขาวเหมือนกันกับเสื้อคลุมแขนสั้นที่ใส่ทับกับเสื้อสีน้ำเงินของเธอ กระโปรงสีน้ำเงินแบบเดียวกันกับเสื้อทำให้ดูเข้ากันเป็นอย่างมาก เฟย์แทบไม่ได้กระพริบตาเลยตั้งแต่เธอเดินเข้ามา เขาหันหน้าตามทิศทางการเดินของเธอ ราวกับมีเชือกที่มองไม่เห็นจากเธอผูกไว้กับเขา 
          ตอนนี้เฟย์ได้แต่มองไปที่ด้านหลังของเธอ เขาพยายามตั้งใจฟัง ว่าเธอจะบอกว่าชื่ออะไร เมื่อพนักงานสาวที่ชื่อว่าแซนดี้ถามถึงชื่อของเธอ ถึงแม้จะรู้ตัวว่ามันเป็นการเสียมารยาท แต่มันก็เป็นทางเดียวที่จะทำให้ได้รู้ชื่อของเธอ แค่ชื่อก็ยังดี เขาคิดแบบนั้น
          แต่ด้วยเสียงของผู้คนที่คุย ดังอยู่รอบข้าง บวกกับระยะห่างจากโต๊ะที่เฟย์นั่งจนถึงหน้าเคาน์เตอร์ ทำให้เขาได้ยินไม่ค่อยชัด ไม่ได้ยินแม้แต่น้ำเสียงของเธอเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้เฟย์ได้แต่พยายามไม่หันไปมองเธออีก เพราะเธอเดินมานั่งที่โต๊ะใกล้ๆกับประตูทางเข้าเรียบร้อยแล้ว อีกใจนึงเขาก็ไม่อยากทำให้ตัวเองเหมือนพวกประหลาดหรือไม่ก็พวกโรคจิต มันคงไม่ดีแน่ ถ้าการรู้จักกันครั้งแรกของเขากับเธอ กลายเป็นเธอจดจำเขาในแบบที่ไม่ดีนัก 
          เวลาได้ผ่านมาสักพัก และตอนนี้คนในร้านเริ่มเยอะแล้ว และไม่ว่าจะอาหารหรือเครื่องดื่มของเฟย์ก็หมดแล้วด้วย เขาจึงลุกขึ้นเพื่อไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ จากนั้นจึงเดินผ่านโต๊ะหญิงสาวที่ใส่เสื้อคลุมสีขาว โดยที่ไม่กล้าหันไปมองเธอเลยแม้แต่น้อย แม้จะอยากหันไปมองเธอมากก็ตาม เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของเขาก็ได้ ที่จะได้เจอกับเธอแบบนี้ เขาคิดพลางใช้มือดันประตูออกจากร้านไป 
          เฟย์เดินไปตามทางเท้ามุ่งหน้าไปยังป้ายรถเมล์เพื่อจะขึ้นรถไปสัมภาษณ์งานที่ห่างจากที่นี่ประมาณยี่สิบนาที เสียงรถที่ดังไปทั่ว ก็ไม่อาจรบกวนจิตใจของเขาได้เลย
ในหัวเขายังคิดถึงเหตุการณ์ที่พบกับหญิงสาวคนนั้น เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกที่เหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้อง มันยังรู้สึกอยู่เลยจนกระทั่งตอนนี้ 
           “คุณคะ คุณคะ” เสียงของผู้หญิง ที่เฟย์ก็ไม่รู้ว่ากำลังเรียกใครอยู่ก็ตาม แต่มันทำให้เขาหันกลับไปมองตามเสียงนั้นทันที
 
          เฟย์นิ่งไปชั่วขณะ เมื่อได้เห็นเจ้าของเสียงเรียกนั้น เธอคือผู้หญิงสวมเสื้อคลุมสีขาวที่อยู่ในร้านกาแฟที่เขาพึ่งเดินออกมา 
           “คุณเฟย์ใช่มั้ยคะ” เฟย์ยังนิ่ง ได้แต่พยักหน้าตอบ ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากตุ๊กตาที่ทำได้แค่ผงกหัวขึ้นลงที่ขายอยู่ตามร้านของเล่นเด็ก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ถามกลับว่าทำไมถึงรู้ชื่อของเขา เธอก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
           “คุณลืมเงินทอนค่ะ” เธอพูดพลางยื่นมือเพื่อส่งเงินให้กับเขา เขายกมือขึ้นเพื่อหยิบเงินจากมือของเธอ โดยที่ยังคงได้แต่มองหน้าของเธออยู่แบบนั้น ก่อนที่จะเริ่มตั้งสติ เพื่อถามคำถามที่อยู่ภายในหัวของเขาอยู่ตอนนี้
           “ทำไมคุณถึงเป็นคนเอามาให้ผมเองล่ะครับ แล้วพนักงานล่ะ” 
           “อ๋อ พอดีพี่คนนั้นเขากำลังวิ่งตามคุณมา แต่ฉันเห็นคนในร้านกำลังเยอะ แล้วฉันเองก็อยู่ใกล้ๆประตูพอดี เลยอาสาเอามาให้คุณ” เธอตอบ
           “แล้ว ... ชื่อของผม” 
           “พี่คนนั้นเขาบอกมาน่ะ สงสัยจะกลัวคืนให้ผิดคน” 
          เฟย์ได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกโล่ง แว๊บแรกเขาคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าเธออาจจะแอบมองเขาอยู่เหมือนกันหรือเปล่า แล้วไปเห็นชื่อที่แก้วของเขา
           “ยังไงก็ ขอบคุณมากนะครับ” เฟย์เอ่ย
           “ไม่เป็นไรค่ะ” เธอพูดพลางยิ้มตอบให้กับเขา รอยยิ้มนี้ มันทำให้เขารู้สึกไม่อยากเห็นมันเป็นครั้งสุดท้ายเลย ในหัวของเฟย์ตอนนี้คิดแค่เพียงว่า ถ้าเขาได้งานที่อื่นแล้วอาจจะไม่ได้มาที่นี่ เขาอาจจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้อีกก็ได้ อย่างน้อย แค่ชื่อ ขอแค่รู้จักชื่อของเธอก็ยังดี เขารวบรวมความกล้า ที่เขาคิดว่าอาจจะเป็นความกล้ามากที่สุดในชีวิตของเขา เพื่อถามออกไป
           “คุณครับ!” ด้วยความตื่นเต้นของเฟย์ มันจึงเหมือนการตะโกนออกไปซะมากกว่า
           “คะ” เธอที่ยังเดินห่างออกไปไม่ได้ไกลมากนัก ก็หันตามเสียงเรียกทันที
           “เอ่อ...คือ ว่าแต่คุณชื่ออะไรนะครับ” เฟย์ถามด้วยใบหน้าที่รอคอย
 
           “ลิลลี่ค่ะ” 
          
                 
          
          
          
 
         
 
                   
          
                                                        

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา