รักสุดใจ นายตัวร้าย
เขียนโดย Ban_Jantra
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 15.09 น.
แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2565 15.38 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเธอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่แสนจะปวดใจ ซอนมินจีเดินลงมาจากชั้น2ของร้าน เห็นว่าแม่กำลังเก็บกวาดข้าวของที่แตกและพังไม่มีชิ้นดี ด้วยท่าทางที่อ่อนเพลียสีหน้าซูบซีดหมดหวัง ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวที่แบกรับภาระและความทุกข์ใจมากมายไว้เพียงคนเดียวไม่เคยปริปากบ่นแม้แต่น้อย ซอนมินรีบวางกระเป๋าไว้บนบาร์ก่อนจะเข้าไปจับไม้กวาดช่วยแม่อีกแรง
“มินจี รีบไปซ้อมเถอะ ตรงนี้แม่จัดการเอง” แม่ปัดป้องแย่งไม้กวาดไปจากมือของลูก
“นิดเดียวเองค่ะ ให้หนูช่วยเถอะ”
“แม่ขอโทษ แม่ทำมันพังอีกแล้ว ทำให้พวกแกต้องเดือดร้อน” แม่ก้มหน้าน้ำตาไหลพูดเสียงสั่นก่อนจะนั่งฟุบลงกับพื้นอย่างสิ้นหวัง
“ไม่ใช่ความผิดของแม่สักหน่อย พ่อต่างหากที่ทำให้เราเดือดร้อน แม่อย่าโทษตัวเองนะคะ” ฉันวางไม้กวาดและเข้าไปกอดแม่พรางพูดปลอบโยน
“มินจี แม่ขออะไรแกอย่างหนึ่งได้ไหม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แกห้ามล้มเลิกความฝันของแกเองเด็ดขาด ทำมันให้สำเร็จอย่างที่ใจหวัง อย่าให้เรื่องไร้สาระพวกนี้เข้ามามีส่วนทำให้ความฝันของแกหมดลง รับปากแม่นะ” แม่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉัน กุมมือฉันไว้ด้วยความอบอุ่นบ่งบอกถึงความรักมากมายของแม่ ที่แม้ต่อให้ลำบากยังไงผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางจะเป็นตัวขวางความฝันของลูกได้
“ค่ะ หนูรับปาก” ฉันพยักหน้ารับคำขอของแม่ก่อนจะโผเข้ากอดแม่อีกครั้ง
ครืด~ ครืด~
‘เอ๊ะ! เบอร์แปลกๆนี่’ ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาดูที่หน้าจออย่างงุนงง เพราะเบอร์ที่โชว์ไม่คุ้นเคย ก่อนจะกดรับอย่างสงสัย
‘สวัสดีครับ ผมโทรจากคลับแบล็ก(ClubBlack) ต้องการคุยกับคุณเรื่องเงิน ที่พ่อคุณติดหนี้เรา’
ฉันนิ่งไปทันทีที่ได้รับบทสนทนาอันไม่น่าเชื่อ ก่อนจะรีบเดินออกมาจากแม่หาที่เงียบสงบคุยเพื่อไม่ให้แม่ได้รับรู้
‘ถ้าพ่อฉันติดหนี้พวกคุณ ก็ไปทวงที่พ่อฉันสิ จะมาทวงกับพวกเราทำไม พวกเราไม่เกี่ยวอะไรด้วยสักหน่อย’
‘แต่พ่อของคุณบอกว่า คุณมีเงินมาใช้หนี้ให้เขา’
‘ฉันไม่มี’
‘ถ้าอย่างนั้น ผมจะส่งพ่อคุณไปขายต่างประเทศ หลังจากนี้แล้วคุณจะมาเรียกร้องอะไรไม่ได้แล้วนะครับ’
‘ว่าไงนะ พวกคุณมันพวกค้ามนุษย์งั้นเหรอ นี่มันก่ออาชญากรรมชัดๆ ไม่เกรงกลัวกฏหมายหรือยังไง’
‘เหอะ เหอะ เหอะ จะกลัวทำไมล่ะครับคุณผู้หญิง เอาเป็นว่าผมยื่นข้อเสนอให้แล้ว ถ้าอยากจะคุยรายละเอียดเพิ่มเติม ก็ติดต่อมาได้แต่อย่าคิดนานนักนะครับ พวกผมไม่รับรองความปลอดภัยของพ่อคุณ’
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อ ทางนั้นก็ตัดสายไปก่อนเสียแล้ว ทิ้งความสับสนและปัญหาไว้ให้คิดต่อ ความกดดันและปัญหามากมายพุ่งเข้ามาหาเธออย่างไม่หยุดหย่อน
ปิ๊ง
เสียงข้อความดังขึ้น ยูจินส่งข้อความมาตามตัวแล้ว เธอละทิ้งความคิดตรงนี้รีบเดินทางไปที่ซ้อมว่ายน้ำของมหาวิทยาลัย สิ่งนี้แหละจะเป็นสิ่งเดียวที่อาจจะทำให้ครอบครัวของเธอหลุดพ้นจากเรื่องบ้าๆนี้ไปได้
‘เอาล่ะ! ฉันขอทำตามความฝันของตัวเองให้ดีที่สุดก่อนแล้วกัน’
“เอาล่ะทุกคน นี่รายละเอียดของการเก็บตัวต้นเดือนหน้า อ่านให้เข้าใจ ไม่เข้าใจตรงไหน ก็ถามได้เลย” โค้ชคิมพูดพร้อมเดินแจกกระดาษให้นักกีฬา
“ไม่มีค่ะโค้ช” ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“รายการนี้จะเป็นการแข่งขันระหว่างจังหวัด ทุกคนผ่อนคลายไม่มีอะไรต้องห่วง และถ้าไม่มีอะไรจะถาม ก็ไปประจำลู่ว่ายได้เลย ส่วนซอนมินจีอยู่คุยกับโค้ชก่อน” ทุกคนเดินออกจากห้องประชุมเหลือเพียงเธอที่ยังอยู่กับโค้ช
“ทางสโมสรสั่งให้พักเธอรายการนี้ แต่เธอก็สามารถเข้าร่วมเก็บตัวกับเพื่อนๆได้ เรียนรู้เทคนิค เตรียมพร้อมร่างกายเข้าคัดเลือกทีมชาติ” เธอฟังสิ่งที่โค้ชบอกอย่างรู้สึกเศร้าแต่ท้ายประโยคนั่นทำเอาเธออึ้งเมื่อได้ยิน และไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะมาถึง
“ทีมชาติ” เธอตอบเสียงตะกุกตะกัก พลันหายใจถี่อย่างตื่นเต้น
“ใช่ เธอตกลงหรือเปล่า”
“ตกลงค่ะโค้ช ตกลงค่ะ ฉันจะไม่ทำให้ผิดหวังเด็ดขาด” เธอตอบรับอย่างดีใจ
“เธอทำได้แน่นอน เทคนิคการว่ายของเธอก็ดีในระดับที่ว่าสามารถเข้าเป็นตัวแทนของประเทศได้ และอันดับของเธอก็อยู่ต้นๆมาโดยตลอด ไม่แปลกเลยที่จะเป็นเธอ เสียดายก็แต่ลีโฮยอนที่ถอนตัวไปเสียได้ เจ้าหมอนั้นกับเธอเทคนิคการว่ายคล้ายกันมาก ฉันภูมิใจจริงๆที่มีลูกศิษย์หัวไวแบบนี้ ตั้งใจฝึกซ้อมและทำมันให้ดีล่ะ” โค้ชพูดจบและตบไหล่ฉันเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไป
ฉันรู้สึกดีใจอย่างที่สุด ไม่คิดว่าความฝันของฉันมันกำลังจะเป็นจริงแล้ว ถ้าหากว่าฉันได้เป็นตัวแทนไปแข่งทีมชาติและทำมันได้ดี โอกาสมากมายก็จะเข้ามาหาฉันอย่างไม่ขาดสาย แม่กับน้องของฉันก็จะสบาย ครอบครัวของเราจะต้องมีความสุขได้อย่างแน่นอน…
คลับแบล็ค(ClubBlack)
“หัวหน้าครับ สินค้าครบถ้วน ไม่พบปัญหาครับ”
“ตรวจเช็คดีแล้วใช่ไหม คราวนี้อย่าให้พลาดอีก” ลีโฮยอนพูดกับลูกน้องคนสนิทชื่อจูมงในห้องสี่เหลี่ยมที่มีแสงไฟส่องสลัวและดูสงบแบบส่วนตัว
“เรียบร้อยครับ คราวนี้ไม่พลาดแน่นอน ส่วนเรื่องพ่อของเธอผมจัดการให้เรียบร้อยแล้ว และผมคิดว่าไม่นานเธอต้องมาพบหัวหน้าแน่นอนครับ”
“ไม่เป็นไร เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน แล้วความเคลื่อนไหวของบาร์โรล่ะ พวกนั้นยังส่งสินค้าไปอยู่หรือเปล่า”
*บาร์โร บริษัทคู่แข่ง คู่อาฆาตของลีโฮยอน
“ยังคงส่งไปอยู่ครับ แต่ดูเหมือนว่าจำนวนจะมากกว่าของเรา บาร์โรคงกำลังหาทางฟื้นฟูตัวเองอยู่แน่นอน คงจะไม่ยอมให้เราเป็นคนโปรดของคู่ค้ารายใหญ่อย่างนั้นแน่นอน”
“คนทะเยอทะยานอย่างเจ้านั้น ยังไงก็ไม่ยอมอะไรง่ายๆหรอก ไปจัดการให้เรียบร้อยอย่าให้มีปัญหาก็แล้วกัน”
“ครับ หัวหน้า”
จบบทสนทนาลีโฮยอนก็เดินนำหน้าออกมาจากห้องและเดินไปตามทางเดินที่คับแคบมาหยุดที่ประตูห้องๆ หนึ่ง จูมงลูกน้องคนสนิทที่เดินตามลีโฮยอนรีบแทรกตัวเข้ามาเปิดประตูออก ภายในห้องเล็กๆด้านในเต็มไปด้วยบุคคลทั้งหญิงและชายที่นั่งและนอนปะปนกันประมาณ 10 กว่าคน ด้วยท่าทีและสีหน้าที่ดูสิ้นหวัง บางคนนั่งสะอึกสะอื้นร้องไห้ บางคนนั่งเหม่อลอย
ครืด~ ครืด~
“ฮัลโหล ว่าไง………….…ได้ เดี๋ยวฉันจะบอกหัวหน้าเอง”
“หัวหน้าครับ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาขอตรวจค้นคลับของเราครับ หมายค้นระบุว่ามีการเปิดบ่อนและมีการกักขังหน่วงเหนี่ยว”
“จัดการตรงนี้ซะ เราไปต้อนรับกันหน่อยดีกว่า”
ลีโฮยอนขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับจูมง และสั่งให้ลูกน้องอีกทีมเคลียพื้นที่ในห้องที่มีคนอยู่ ก่อนจะเดินมายังห้องๆหนึ่งที่เตรียมไว้สำหรับรับแขก โดยที่จูมงเดินแยกไปพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งลีโฮยอนเองก็ไปยืนอยู่บนราวบันไดของชั้นลอยในมุมมืดอีกฝั่งและมองลงมายังที่พวกเขาคุยกัน
“สวัสดีครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ทางเราได้รับแจ้งว่าที่นี่มีบ่อนการพนันที่เปิดอย่างผิดกฎหมายและมีการกักขังหน่วงเหนี่ยวคนไว้ซึ่งโดยไม่เต็มใจ ทางเราจะขอให้คุณให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการเข้าตรวจค้น นี่ครับหมายค้น” เจ้าหน้าที่ตำรวจยื่นหมายค้นให้จูมงเพื่ออ่านรายละเอียด
จูมงลูกน้องคนสนิทอ่านและนิ่งไปชั่วครู่ สีหน้าและท่าทางบ่งบอกได้ว่าเริ่มไม่โอเคกับสถานการณ์ตอนนี้
“ได้สิครับคุณตำรวจ ทางเราให้ความร่วมมือได้อย่างแน่นอน เชิญครับ”
เมื่อจบการสนทนาเจ้าหน้าที่ตำรวจแยกย้ายกันเข้าค้นหาพื้นที่ทั้งหมดของคลับ การตรวจค้นผ่านไปสักพักใหญ่ ก็ยังไม่พบกับความผิดปกติที่ได้รับแจ้งมาแต่อย่างใด
“เจออะไรไหมครับคุณตำรวจ”
“ทางเราต้องขออภัยด้วยที่รบกวน และขอบคุณมากๆครับที่ให้ความร่วมมือนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับคุณตำรวจ งั้นเดี๋ยวผมออกไปส่งครับ”
สถานการณ์คลี่คลายจูมงเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับและเดินออกมาส่งด้านนอก ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย แต่ก็ทำให้ลีโฮยอนและพวกพ้องถึงกับหัวเสียไปตามๆกัน เมื่อเจ้าหน้าที่กลับไปแล้วจูมงเดินมาเข้ามารายงานลีโฮยอนถึงสถานการณ์
“เจ้าหน้าที่กลับไปหมดแล้วครับ”
“เลื่อนส่งสินค้าออกไปก่อน พวกตำรวจคงกำลังจับตาดูเราอยู่ ช่วงนี้ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษและกำชับทุกคนด้วย”
“ได้ครับ หัวหน้า”
มหาวิทยาลัยแซบม...
“นี่เป็นหัวข้อทั้งหมดที่เราจะต้องศึกษา อาจารย์จับกลุ่มไว้ให้แล้วเข้าไปเช็คได้ที่กลุ่มของรายวิชาได้เลย แต่ละกลุ่มแยกตามประเภทที่แจ้งไว้แล้ว เอาล่ะ ขอให้ทุกคนโชคดีสำหรับเกรดในเทอมนี้นะ”
‘ครับ,ค่ะ’
นักศึกษาเก็บหนังสือและข้าวของใส่กระเป๋า ก่อนที่ต่างคนจะหยิบโทรศัพท์ ไอแพด หรือโน้ตบุ๊ค ขึ้นมาเช็คชื่อของกลุ่มตนเอง
“ซอนมินจี เรากลุ่มเดียวกันนะ โชคดีจังเลยเนอะ มีคนเก่งอยู่ในกลุ่มตั้ง2คน มีทั้งเธอกับรุ่นพี่โดฮยอกแน่ะ เราต้องได้คะแนนดีแน่เลย” เพื่อนนักศึกษาร่วมวิชาสองคนเดินเข้ามาเธออย่างดีใจ
“เธอก็พูดเว่อร์ไป ฉันไม่เก่งขนาดนั้นหรอก” ซอนมินจีพูดไปพรางเก็บของไป
“แต่วันนี้รุ่นพี่ไม่ได้เข้าเรียนนี่นา”
“งั้นฝากพวกเธอตามรุ่นพี่ให้หน่อยนะ วันนี้พักเที่ยงเราประชุมกันหน่อย พวกเธอว่างหรือเปล่า”
“ได้ๆ โอเคเจอกันนะ”
ในช่วงเวลาพักกลางวัน
ซอนมินจีนั่งกินข้าวและรอเพื่อนๆ เพื่อคุยเรื่องงานกลุ่มอยู่คนเดียวที่โต๊ะในโรงอาหาร จู่ๆก็มีคนยื่นขวดน้ำส้มมาจ่อตรงหน้าเธอ เธอเงยหน้าขึ้นมามองพบว่าคือรุ่นพี่ปี4 ‘โดฮยอก’ ชายหนุ่มหน้าตาดี เรียนเก่ง ความภาคภูมิใจของคณะบริหารฯ อีกคน รุ่นพี่เดินไปเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งตรงข้ามซอนมินจี ก่อนที่เขาจะวางขวดน้ำส้มไว้ข้างๆถาดอาหารของเธอ
“เพื่อนๆ เธอล่ะ ยังไม่มาเหรอ”
“ยังเลยค่ะ หน้าจะกำลังมา รุ่นพี่กินข้าวหรือยังคะ เรายังพอมีเวลาอยู่”
“พี่กินแล้ว เธอกินให้อิ่มเถอะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ซอนมินจีพูดพร้อมกับยกขวดน้ำส้มขึ้น และก้มหน้าก้มตากินข้าวจนเสร็จ
“เห็นตัวเล็กๆ อย่างนี้ กินเก่งเหมือนกันนะ” รุ่นพี่โดฮยอกพูดพร้อมกับส่งสายตาหวานมาที่เธอ
“แต่จริงๆ ฉันตัวหนักมากเลยนะคะ” ทั้งสองคนหัวเราะออกมาอย่างทะเล้น ก่อนที่ซอนมินจีจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา
“ป่านนี้แล้ว สองคนนั้นยังไม่มาเลย” เธอพูดพรางมองทางหาเพื่อนไปด้วย
ครืด~ ครืด~
“ฮัลโหล พวกเธออยู่ไหนกันฉันกับรุ่นพี่โดฮยอกรออยู่นะ”
‘ซอนมินจี ขอโทษน้า พอดีว่ามีรายงานอีกตัวที่พวกฉันต้องรีบส่งให้ทันเย็นนี้ ขอเลื่อนประชุมไปก่อนนะ หรือพวกเธอประชุมงานไปก่อนก็ได้ฉันจะรีบและตามให้ทันเลย ขอโทษน้า’
“ไม่เป็นไร งั้นฉันจะคุยงานคร่าวๆกับรุ่นพี่ไปก่อนละกัน”
‘ได้ๆ ขอบใจจ่ะ’
สิ้นสุดวางสาย ฉันกับรุ่นพี่โดฮยอกมองหน้ากันและเผลอหัวเราะออกมาด้วยกันทั้งคู่ ราวกับว่ารู้สถานการณ์กันอยู่แล้ว
“งั้นเราจะเอาไงกันดี มาคุยรายละเอียดเบื้องต้นกันก่อนมะ” รุ่นพี่โดฮยอกเสนอ ทั้งคู่คุยรายละเอียดถึงงานกลุ่มในวันนี้ที่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์
ทั้งคู่ดูมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากจนคนรอบข้างที่เดินผ่านไปมาในโรงอาหารต่างจับจ้องมาที่เธอ แน่นอนว่าคงจะหนีไม่พ้นเรื่องซุบซิบนินทา ใครจะอดเม้าส์ได้ล่ะ ในเมื่อหนุ่มหล่อของคณะที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอเนี่ยก็เป็นขวัญใจของสาวๆหลายคน แน่นอนว่าพวกนั้นคงต้องอิจฉาเธออยู่แน่ๆ
แต่ทว่า อีกฝั่งหนึ่งในเวลาเดียวกัน ภายนอกกระจกของโรงอาหารนั้น ลีโฮยอนที่กำลังยืนตัวแข็งจ้องมองมาที่ซอนมินจีกับโดฮยอกอย่างไม่ละสายตา คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ใบหน้าบ่งบอกถึงบอกถึงความไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ ก่อนจะล้วงหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกง ขึ้นมาพิมพ์อะไรบางอย่าง….
ครืด~ ครืด~
เสียงโทรศัพท์เรียกเข้า เบอร์ที่เธอไม่อยากคุ้นเคยปรากฏขึ้นหน้าจออีกครั้ง พวกคนของคลับแบล็คโทรมาหาเธออีกแล้ว
“ขอโทษนะคะรุ่นพี่ ฉันขอไปรับโทรศัพท์ก่อน” เธอพูดพรางเลื่อนเก้าอี้ออกและรีบวิ่งไปรับโทรศัพท์ในที่ที่เงียบสงบไม่มีคนพลุกพล่านทันที โดยที่รุ่นพี่โดฮยอกมองตามด้วยสีหน้าแปลกใจแต่ก็หันกลับมาก้มหน้ายิ้มในความน่ารักของซอนมินจี
‘ฮัลโหล’ เธอพูดเสียงแข็ง
‘สวัสดีครับ คุณผู้หญิง ดูเหมือนว่าคุณจะทำอะไรนอกเหนือจากที่เราคุยไว้นะครับ’
‘ฉันทำอะไร’
‘พวกตำรวจน่ะ ไม่มีทางทำอะไรเราได้หรอก คุณต้องคิดให้เยอะหน่อยแล้วนะครับ และอีกอย่างถ้าคุณไม่มาเจรจาต่อรองชดใช้หนี้ พ่อของคุณผมคงต้องส่งไปขายต่างประเทศตามที่ผมเคยบอกไว้แล้วนะครับ ขอให้คุณโชคดี’
‘เดี๋ยว’
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรต่อ ทางนั้นก็รีบตัดสายทิ้งอีกตามเคย ซอนมินจีเริ่มมีปฏิกิริยาร้อนรน ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป อีกใจก็คิดว่าดีเสียอีกที่พ่อของเธอไปจากครอบครัว จะได้ไม่ต้องมีใครในบ้านต้องมาทุกข์ใจเพราะพ่ออีก แต่อีกใจนั้นก็คือการที่เธอรู้เห็นทุกอย่างแล้วปล่อยให้พ่อของเธอถูกจับตัวไปขาย เธอก็ไม่ต่างอะไรกับพวกคลับแบล็คและคงเป็นลูกทรพีที่ปล่อยให้พ่อของตัวเองถูกจับไปขายอย่างหน้าตาเฉย
เธอถอนใจยาว เหมือนจะคิดอะไรขึ้นได้ และกำลังจะหันกลับหลังเดินไปที่โรงอาหารอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันจะก้าวไปแม้แต่ก้าวเดียว อยู่ๆก็มีผู้ชายตัวใหญ่ร่างโตมายืนบังขวางเอาเธอไว้ ทำให้ใบหน้าและลำตัวของเธอชนกระแทกเข้าไปที่หน้าอกชายคนนั้นอย่างจัง
“โอ้ย! นายอีกแล้วเหรอ เจอทีไรฉันเจ็บตัวตลอด” เธอผงะหน้าขึ้นมองพบว่าคือลีโฮยอนที่ยืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เก็กท่าอยู่ตรงหน้าเธอ
“เธอเก็บแต้มงั้นเหรอ วันก่อนยังเป็นข่าวอยู่กับฉันอยู่เลย พอมาวันนี้เธอกลับอยากมาเป็นข่าวกับอีกคนเหรอ” ลีโฮยอนพูดและเดินดันเธอไปจนสุดติดกำแพงของตึก
“อะไร? ของนาย” ซอนมินจีสวนกลับอย่างไม่เกรงกลัว แม้ว่าเธอจะถูกลีโฮยอนดันตัวเอาไว้จนติดกำแพง
“ฉันสงสัยจริงๆ ที่เธอชอบหมกมุ่นอยู่แต่กับผู้ชายหน้าตาดีเป็นเพราะอัธยาศัยดี หรือหวังอะไรกันแน่นะ” ลีโฮยอนพูดพร้อมวางมือข้างซ้ายของเขาไว้เหนือหัวเธอ เพื่อกันไม่ให้เธอหลบหนีออกไปจากตรงนั้น พรางค่อยๆก้มหน้าลงมาพูดกับเธออย่างใกล้ชิด รับรู้ถึงลมหายใจที่ผ่านใบหน้าอย่างแผ่วเบา
“มันจะมากไปแล้วนะ นี่คือตัวตนที่แท้จริงของนายใช่มะ ทุเรศ” ซอนมินจีพูดตะคอกใส่หน้าลีโฮยอนและพยายามขัดขืนแต่ก็สะบัดให้หลุดจากเขาไม่ได้เลย เพราะยิ่งดิ้นหนีลีโฮยอนก็ยิ่งจับเธอเอาไว้แน่นและยิ่งใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น
ซอนมินจีพยายามเบือนหน้าหนีให้ห่างใบหน้าเขา แต่เขากลับใช้มืออุ้งใหญ่คว้าใบหน้าเรียวเล็กของเธอช้อนขึ้นมาอย่างนุ่มนวล ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาอย่างภูมิใจเหมือนดังว่าเข้าควบคุมเธอได้
“ใช่! ตัวตนที่แท้จริงของฉันไม่ใช่แค่นี้นะ ถ้าเธอรู้ทั้งหมดเธออาจจะไม่กล้าพูดกับฉันแบบนี้ก็ได้” ลีโฮยอนพูดเสียงเบาก่อนจะหยุดพูดกะทันหัน เปลี่ยนสีหน้าและแววตาเป็นดูเศร้า เขานิ่งมองเข้าไปในนัยน์ตาของเธอ ทั้งสองคนพูดอะไรไม่ออกสักคำในตอนนั้น
ครืด~ ครืด~
เสียงโทรศัพท์ของลีโฮยอนดังขึ้นช่วยให้เขาและซอนมินจีหลุดจากพวังในทันที เขาถอยออกห่างจากเธอและหันหลังให้ทันใด ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเธอในตอนนั้น ซอนมินจีเห็นว่าลีโฮยอนนิ่งไปจึงรีบเดินออกจากตรงนั้นด้วยท่าทีที่สงสัยกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ว่าแววตาที่ลีโฮยอนจ้องมองเธอช่างดูเศร้าและดูอบอุ่นในเวลาเดียวกัน
‘มีอะไร’
‘แย่แล้วครับหัวหน้า ท่านประธานรู้เรื่องตำรวจแล้ว แล้วก็ต้องการพบหัวหน้าด่วนเลยครับ’
ลีโฮยอนกดวางโทรศัพท์พร้อมหันกลับมามองตรงกำแพง ด้วยสีหน้าและแววตาที่ดูเศร้า ที่อยู่ในใจเข้ามีอะไรบางอย่างกันแน่นะ
สถานการณ์ที่น่าอึดอัดผ่านไป ซอนมินจีเสียสมาธิอย่างหนัก จิตใจเหม่อลอยไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ได้แต่คิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับลีโฮยอนในวันนี้และที่ผ่านมา สิ่งที่เธอกังวลถึงผู้ชายคนนี้มันช่างรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับว่าเธอคุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี เธอไม่แม้แต่จะเกรงกลัวต่อสิ่งที่ลีโฮยอนกระทำกับเธอ แต่ดันเป็นว่ากลับรู้สึกอยากเข้าใกล้และอยากรู้จักตัวตนของเขาให้มากกว่านี้ สิ่งที่ทำให้เธอคิดแบบนี้วิ่งเข้ามาในหัวชั่วครู่ จนเธอรู้สึกมึนๆหัวนิดหน่อยแต่ก็ยังรู้สึกพอทนได้ ตอนนี้มันเกิดอะไรกับพวกเขากัน สิ่งที่ลีโฮยอนต้องการจากเธอคืออะไร และซอนมินจีเองต้องการที่อยากจะรู้ตัวตนของเขาไปทำไมกัน…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ