ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.
แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) เลคเชอร์หลังความตาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความภาพโฮโลแกรมลูกโลกจำลองสีน้ำเงินปรากฏขึ้นมาเหนือฝ่ามือของเธอ ทำให้ผมตาโตด้วยความตื่นใจ…โอ้โหเหะ
“นายคงจะพอรู้มาบ้างแล้วว่าโลกนี้จริงๆ แล้วมีภพภูมินับหมื่นนับแสนภพทับซ้อนกันอยู่ แต่หากจะแยกภพประเภทที่อยู่ในสังสารวัฏหรือการเวียนว่ายตายเกิดนั้นเป็นหลักแล้วละก็…เราก็จะแบ่งได้เป็น” สาริกาบอกพร้อมกับแสดงท่าทางประกอบ
“สามเหรอ” ผมตอบโดยนับจำนวนนิ้วที่เธอชูขึ้นมาให้เห็น
“ใช่แล้ว” เธอพยักหน้าหงึก “หลักๆ คือสาม นรก สวรรค์ และโลกมนุษย์ โดยแต่ละภพก็สามารถแยกย่อยลงไปอีกเช่นนรกนั้นแบ่งออกเป็นแปดขุมใหญ่” หญิงสาวกล่าวพลางวาดมือไปด้านข้าง
ภาพของนรกแบบรูปวาดจิตรกรรมฝาผนังปรากฏลอยขึ้นมา ราวกับอากาศธาตุนั้นคือจอภาพโปร่งใสซึ่งกำลังแสดงไสลด์ประกอบบทการบรรยายโดยอัติโนมัติ
“พวกคนบนสวรรค์นี่เจ๋งแหะ” ผมหลุดปากชมด้วยความทึ่ง
“แน่นอนจ้ะ…ความไฮเทคของพวกเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับชายที่ชื่อว่าสตีฟ จ็อปส์…อ้อได้ข่าวว่าขึ้นสวรรค์ฝั่งนู้นไปแล้วนะ” สาวสวยยกมือปิดปากเป็นเชิงเพิ่งนึกขึ้นได้แล้วจึงพูดต่อ “บิล เกตส์ บริษัทแอ็ปเปิ้ล หรือไมโครซอฟต์วิทยาคมอะไรนั่นหรอกนะ” เธอกล่าว
“บนสวรรค์เองก็มีเทวดาผู้สร้างสรรค์งานชั้นยอดทำนองนี้ด้วยเหมือนกัน” เธอบอกแล้วจึงป้องปากทำเสียงเล็กเสียงน้อย “ไม่อยากบอกเลยว่าล้ำหน้ากว่าเย๊อะ”
พูดเสร็จคนเล่าก็หัวเราะคิก ท่าทางยัยนี่คงสำนึกรักบ้านเกิดสูง
“อะแฮ่ม…โอเคเรามานรกกันต่อ” เธอกระแอมไอนิดๆ เมื่อกลับเข้าสู่วงโคจรได้
”นอกจากนี้ก็ยังมีนรกบริวารอื่นๆ อีก อย่างที่ดังๆ ก็เช่นขุมนรกโลกันต์ และยมโลกนั่นแหละ รวมแล้วก็มีเกือบห้าร้อยขุมทีเดียวเชียวล่ะ นรกน่ะเป็นอะไรที่สยองขวัญสุดๆ ไปเลย มีแต่ไฟร้อนๆ ควันดำพวยพุ่ง อสูรกาย สัตว์นรก เปรตท่าทางหน้าตาอัปลักษณ์เดินกันให้ว่อน เป็นที่ๆ เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องระงม และความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส”
ผมฟังแล้วก็มองไปที่จอภาพที่เปลี่ยนเป็นรูปผู้คนมากมายถูกต้มอยู่ในกระทะทองแดง มนุษย์ตัวเปล่าเล่าเปลือยกำลังปีนต้นงิ้วเนื้อหนังฉีกขาดโดนคมหนามเกี่ยวไส้ทะลัก ภาพถัดไปเป็นรูปชายหญิงไร้อาภรณ์ถูกจับมัดแล้วกรอกน้ำร้อนเดือดๆ เข้าปากดูแล้วน่ากลัวสยดสยองจนวูบวาบไปทั่วทั้งตัว
“แต่ก็สมแล้วสำหรับพวกชั่วช้าบาปหนาแบบนั้น” เธอกล่าวเสียงขรึมพลอยให้ผมรู้สึกหวาดเกรงและสะท้อนใจตาม
‘เราเองจะตกนรกหมกไหม้เหมือนคนพวกนั้นรึเปล่าหนอ’ ผมคิดสะท้อนในใจ
“ส่วนบนสรวงสวรรค์ที่ฉันอยู่”
คราวนี้สาวเจ้าดูจะตั้งใจพรีเซ้นต์เป็นพิเศษ จากสีหน้าที่ดูขึงขังจริงจังกลับยิ้มแป้นแล้นหักไปอีกอารมณ์จนผมแทบตามไม่ทัน เธอยกแขนสูงแล้ววาดมือออกพร้อมกับโปรยปรายกลีบดอกไม้หลากสีทั้งขาว เหลือง แดง ชมพู ไปด้วย ขณะเดียวกันรูปวาดจิตกรรมก็เปลี่ยนเป็นภาพวิมานชั้นฟ้าเหล่าเทวดา นางอัปสรสวรรค์สวมชฎาแย้มยิ้มกันหน้าสลอน
“มีทั้งหมดหกชั้น” อีกฝ่ายอธิบาย “ส่วนฉันอยู่บนสวรรค์ชั้นสองที่เรียกกันว่าชั้นดาวดึงส์ ฉันเป็นพนักงานดูแลด้านจัดสรรผลบุญให้แก่ดวงวิญญาณน้องใหม่” ว่าแล้วเธอก็กางแขนแบะมือออกแล้วยิ้มหวาน ท่าทางโอเวอร์แอคติ้งแบบนี้ทำให้ผมอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้
“ก่อนตายคุณเคยเป็นพวก พริตตี้ พรีเซ็นเตอร์ มาก่อนรึเปล่าดูท่าเยอะนะ?”
“ไม่นะสมัยนั้นไม่มีอะไรแบบนี้หรอก ฉันอยู่บนนั้นมาได้สามวันแล้วล่ะส่วนใหญ่ไอ้ท่าทางคำพูดคำจาเครื่องแต่งกายแปลกๆ แบบนี้ก็ครูพักลักจำมาจากพวกมนุษย์ทั้งนั้นแหละ”
“ฮะฮะฮะ แค่สามวันเองเหรอ” ผมนึกขันโธ่เอ้ยย…ที่แท้ก็แค่นางฟ้าอ่อนหัดหรอกหรือนี่
“สามวันบนชั้นดาวดึงส์เท่ากับสามร้อยปีบนโลกมนุษย์นะคะคู้นนน” เธอบอกพร้อมกับใช้หลังมือปัดกลุ่มผมที่ระลงมาด้วยท่าทางแบบมีจริตจะก้าน
“ห๊ะนี่แสดงว่าคุณ!”
“ก่อนจะได้ไปเสวยผลบุญอยู่ข้างบนนั่นชาติภพสุดท้ายของฉันเกิดเป็นธิดาหลวงพิบูลย์ชัยปกรณ์สมัยอยุธยาถึงแก่กรรมตอนอายุห้าสิบสามแล้วนี่คือรูปฉันตอนยังมีชีวิต” สาริกาพูดแล้วจึงยื่นรูปโพราลอยด์เล็กๆ ใบหนึ่งให้ ส่วนอีกมือก็ถือผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอ้านขึ้นมาซับน้ำตาป้อยๆ ประหนึ่งเสียใจ
ผมเงยหน้ามองเธอแล้วเอื้อมมือไปรับมันมา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ