ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.
แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
33) ปาลีนัง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ตะตะตัวอะไรวะ” ผมทั้งตกใจและสงสัยระคนกันขณะเฝ้ามองดูพฤติกรรมประหนึ่งสัตว์เลื้อยคลานของมัน
“ดูเหมือนจะเป็นเด็กอีกคน” สาริกาที่ตั้งสติได้ก่อนเอ่ยออกมาแผ่วเบา สายฟ้าที่แลบแปลบปลาบเข้ามาผ่านช่องหน้าต่างกระทบร่างนั้นเห็นเป็นเด็กผู้ชายผิวดำดังถ่านใบหน้าซูบตอบตาโตโปนสวมใส่เครื่องแต่งกายแบบเดียวกับเด็กคนก่อนหน้าเพียงแต่นุ่งโจงกระเบนสีน้ำเงินเข้ม
ฝ่ามือเล็กๆ ที่แปะป่ายไปตามแผ่นไม้ในลักษณะการคลานทิ้งศีรษะลงมาโดยใช้เท้าน้อยๆ คอยถีบส่งตัวให้เคลื่อนที่ลงมาอย่างช้าๆ ทำให้ผมกับสาริกาเข้าใจได้โดยพลันว่า
เด็กผู้ชายคนนั้นต้องไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน
“ผีเด็ก…หรือว่าบ้านนี้จะเลี้ยงกุมารทอง” ผมสันนิษฐาน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่ใช่กุมารทองหรอกไอ้เจ้าสองตนนี้มันเป็นรักยมต่างหากขอรับ” เสียงหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดีของชายชราที่แทรกเข้ามากลางวงทำให้เราสองคนถึงกับร้องอุทานหน้าเหวอ
“โทษทีๆ ที่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงแบบนี้ แฮ่ แฮ่” ผู้เฒ่าซึ่งมีใบหน้าเรียวผิวดำแดงผมเผ้ารุงรังสีขาวแซมดำรวบไว้ด้านหลังเลี้ยงหนวดดกเคราเฟิ้มไปถึงอกนุ่งขาวห่มขาวคล้ายพราหมณ์สวมสร้อยลูกประคำสีดำสนิทพาดผ้าเฉียงเปลือยไหล่ขวากล่าวสีหน้าเก้อเขินก่อนจะแบะปากยิ้มจนเห็นซี่ฟันเขรอะๆ เรียงห่าง
ท่าทางที่ดูเป็นมิตรไมตรีของชายชราแปลกหน้าพอทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาได้บ้างแม้จะเห็นว่าแกเดินค้ำไม้เท้ามะเกลือสีนิลลักษณะพันเกลียวกันแลดูโบราณโผล่ออกมาจากฝาผนังก็ตามที
“สวัสดีขอรับคุณผู้ชายคุณผู้หญิง” พ่อเฒ่าค้อมศีรษะทักทายอย่างสุภาพอ่อนน้อมพลอยให้ผมแอบแปลกใจนิดๆ ขณะที่เราสองคนยกมือขึ้นพนมไหว้สวัสดี
“วันนี้มาตรวจงานหรือขอรับคุณนางฟ้า” แกถามเนื้อเสียงทุ้มแหบ
“ใช่ค่ะคุณตา” หญิงสาวตอบพลางเชิดหน้าวางท่ากอดอก “ว่าแต่เด็กอีกคนไปไหนเหรอคะที่อ้วนๆ ปากดีนั่นน่ะ”
“อ้อเจ้าอุมน่ะหรือ ก็อยู่แถวนี้แหละคุณ เมื่อตะกี๊ต้องขอโทษด้วยนะขอรับที่มันเสียมารยาทกับคุณนางฟ้าไอ้เด็กตนนี้มันหัวดื้อหัวรั้นนักเชียว”
“ไม่เป็นไรค่ะฉันไม่ถือสาหรอก แหมก็แค่ตกใจนิดหน่อยที่ถูกเรียกแบบนั้น” เธอบอกทำเป็นสวมหัวโขนนางฟ้าใจอารีทั้งที่เพิ่งจะกรีดร้องเสียงแหลมไปอยู่หยกๆ
“ป้าน่ะเหรอ” ผมแซวด้วยอารมณ์เยาะหยันแต่ก็ต้องรีบหุบปากลงฉับเมื่อสัมผัสถึงรังสีอำมหิตที่แผ่กระจายมา ยิ่งอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ด้วยหากเจ้าหล่อนเหวี่ยงหมัดใส่คงโดนเบ้าตาเหิกแหกไม่ก็หัวปูดเป็นลูกมะกรูดแน่…ยกธงขาวไปก่อนดีกว่าเรา
“ประเดี๋ยวผมจะจัดการมันให้นะขอรับ” ชายชราบอกแล้วจึงยิ้มแหย ยกมือขวาขึ้นมาป้องปาก
“เจ้าอุมมาหาตาสิเมื่อกี้ไปว่าอะไรคุณนางฟ้าเค้ามาขอโทษคุณนางฟ้าเค้าเร็ว” แกเปล่งเสียงเรียกเจ้าตัวก่อเรื่องก่อนจะลดมือลงแล้วบ่นพึมพำ “ผมล่ะหน่ายกับมันจริงๆ”
“เขาเป็นใครน่ะ?” ผมแอบกระซิบถามอีกฝ่ายพร้อมกับบุ้ยใบ้ไปทางชายชุดขาวที่กำลังตะโกนโหวกเหวกอยู่
“แกเป็นภุมเทวาชั้นจาตุมน่ะ” เธอบอกและคงสังเกตเห็นสีหน้างงงวยของผมเข้าจึงได้อธิบาย “ก็เทวดาระดับล่างที่อยู่ร่วมกับมนุษย์ เช่นนางไม้ เจ้าที่เจ้าทาง เป็นต้น อย่างคุณตาแกก็เป็นผีบ้านผีเรือนที่ถือพรตถือศีลคอยปกปักษ์รักษาบ้านหลังนี้ไว้ยังไงล่ะ”
“บ้านหลังนี้เนี่ยนะ” ผมพูดพลางกวาดสายตาไปโดยรอบไม่อยากจะเชื่อว่าบ้านไม้หลังเล็กๆ สภาพโกโรโกโสเช่นนี้จะมีพวกภูติ ผี วิญญาณอาศัยรวมกันอยู่ถึงสามตน ดูท่าเจ้าของบ้านจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว
“โดยปกติแล้วบ้านทุกหลังก็จะมีพวกผีบ้านผีเรือนคอยปกปักรักษาไว้อยู่แล้วล่ะส่วนใหญ่พวกนี้จะเป็นดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ เช่นปู่ ย่า ตา ยาย แต่บางครั้งก็มีพวกเทวดามาขออาศัยอยู่เหมือนกัน ถ้าบ้านไหนโชคดีมีเทวาอารักษ์มาสิงสถิตอยู่ครอบครัวนั้นก็มักจะอยู่กันร่มเย็นเป็นสุขแคล้วคลาดจากอุปัทวันตรายทั้งปวงบ้างก็ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้” สาริกาชี้แจง
“กลับกันหากครอบครัวใดมีพวกสัมภเวสีที่มีจิตมุ่งร้าย ผีห่าซาตานเข้ามาพำนักพักพิงครอบครัวนั้นก็จะร้อนรุ่มดั่งไฟ มีแต่ปัญหาให้ต้องแก้กันมิได้หยุดหย่อนจนบางครั้งผู้อาศัยถึงกับต้องระเห็จออกไปเลยก็มี เพราะเจอพวกวิญญาณคอยกลั่นแกล้งก่อกวน…นี่แสดงว่านายเทิดศักดิ์ย่อมเป็นคนที่ประพฤติดีงามอยู่ในศีลในธรรมพอสมควรล่ะถึงเข้าตาพวกเทวดาให้มาพำนักพักพิงที่นี่ได้”
“อ๋อ…อื้ม” ผมเปรยออกมาพร้อมกับพยักหน้าแสดงความเข้าใจ “แล้วคุณเคยเจอกับคุณตามาก่อนเหรอ เห็นทักกันซะสนิทเชียว”
“ฉันเคยเจอกับแกหนหนึ่งตอนที่ลงมาโลกมนุษย์คราวก่อน ถ้าจะนับดูก็คงสิบกว่าปีมาแล้วละมั้ง” สาวในชุดเดรสผ้าชีฟองสีโอลด์โรสกระซิบตอบ
“แค่นั้นก็ถือว่ารู้จักกันแล้วเหรอ” ผมเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย
“จะไปรู้จักกันได้ยังไงคะคุณชาย” เธอกล่าวพลางกระทุ้งศอกซ้ายใส่ท้องผมเบาๆ ทีหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ฉันก็แค่เดินผ่านบ้านหลังนี้แล้วก็เจอแกนั่งเคี้ยวหมากหยับ หยับอยู่นอกชานเลยได้ทักทายกันสองสามคำเท่านั้นแหละ”
“เจ้าปาตาบอกแล้วใช่มั๊ยว่าอย่าคลานเป็นตุ๊กแกแบบนั้น รีบมาสวัสดีพี่ๆ เค้าเร็วเข้าเอ็ง” พ่อเฒ่าในชุดพราหมณ์ร้องบอกแล้วจึงส่ายศีรษะระอิดระอาให้แก่เด็กน้อยหน้าตาน่ากลัวที่กำลังกลิ้งกลอกลูกกะตาโปนคู่นั้นไปมารอบทิศถึงขนาดว่านัยน์ตากลมโตสามารถหมุนเข้าไปในเบ้าจนเห็นเนื้อขาวโพลนก่อนจะพลิกกลับด้านออกมาได้ราวกับไม่มีเส้นเอ็นหรือเส้นประสาทใดใดคอยยึดโยง
ริมฝีปากหนาฉีกยิ้มแผล่ปล่อยน้ำลายไหลยืดย้อยหยดแหมะ แหมะ ฝ่ามือเล็กเรียวผอมจนเห็นกระดูกข้อต่อนิ้วปูดชัดคืบคลานลงมาช้าๆ เห็นแล้วก็ชวนให้ขนพองสยองเกล้าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ