ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.
แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
24) ชายพิการ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ที่นี่มันที่ไหนกันอ่ะ?” คงเป็นอีกครั้งที่ความรู้สึกพิศวงงงงวยทำให้ผมหลุดปากถามออกไปเมื่อพบว่าตนเองกำลังอยู่ในบ้านไม้เล็กๆ สภาพเก่าซอมซ่อหลังหนึ่ง เมื่อลองพินิจดูจึงเห็นว่าพื้นบ้านนั้นมีลักษณะเป็นไม้กระดานเรียงกันไปตลอดแนว
ส่วนข้างฝาเป็นจำพวกไม้ปีกผิวหยาบตอกปิดเพียงลวกๆ พอรองรับตัวคานและหลังคาสังกะสีผุๆ เกิดสนิมเกาะเห็นรอยสีน้ำตาลแดงลากยาวบ้างก็เป็นด่างเป็นดวงในหลายๆ จุด ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ถูกจัดวางไว้เป็นสัดส่วน อาทิตู้กับข้าวไม้สักใบย่อม หม้อแกงก้นขะมุกขะมอม กระทะเหล็กที่เต็มไปด้วยคราบเขม่าสีดำซึ่งเกี่ยวไว้กับตะปูตรงขอบหน้าต่าง
ตะหลิวในกระบอกพลาสติกใสเนื้อหนา เขียงไม้ทรงกลมอิงแอบกับที่เสียบมีดข้างครกหินและสากกะเบือข้างๆ กันมีเตาแก๊สปิกนิกถังสีส้มตั้งอยู่ ส่วนจานชามมีทั้งแบบเมลามีนเนื้อขาวลายดอกบางใบก็เป็นสังกะสีเอียงเรียงกับที่คว่ำ โดยมีกะละมังล้างผักสีชมพูบานเย็นวางพิงอยู่เคียงใกล้แค่ปราดสายตาดูก็รู้ในทันทีว่าเป็นบริเวณครัวของบ้าน
และเมื่อเลื่อนสายตามาตรงกลางก็เห็นเป็นเบาะนอนปูยาวไปบนเสื่อกกลายขิดเดินเส้นเขียวพื้นเหลืองโดยมีมุ้งกางครอบไว้กันยุงอีกชั้นหนึ่ง
เมื่อมองเลยไปตรงมุมบ้านใกล้กับประตูก็สะดุดสายตาเข้ากับร่างของชายอายุประมาณสี่สิบปีหุ่นท้วมผิวคล้ำคนหนึ่งนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิ หลังงอจนพุงกะทิห้อยบังขอบเอวกางเกงขาก๊วยยาวสีน้ำเงินเข้มไว้เสียมิด ส่วนมือทั้งสองกำลังง่วนอยู่กับการใช้ไขควงอันเล็กขันน็อตฝาหลังวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเก่าอย่างขะมักเขม้น
สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือหมวกแก็ปสีดำบนศีรษะของเขานั้นติดไฟฉายขนาดจิ๋วเอาไว้ด้วยจึงทำให้ผู้สวมสามารถทำงานท่ามกลางความมืดได้โดยสะดวก
ประเดี๋ยวหนึ่งชายผู้นั้นก็วางไขควงลงแล้วเอื้อมแขนไปดึงผ้าขาวม้าลายตารางสีดำ แดง และขาวซึ่งพาดอยู่บนไหล่ซ้ายขึ้นมาปัดป่ายไล่ยุงที่ชุกชุมเหลือเกินด้วยความรำคาญแล้วจึงทำงานต่อ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมองไม่เห็นและไม่รู้สึกถึงการมีตัวตนของพวกเราซึ่งอยู่ตรงนี้เลยสักนิด
สังเกตจากข้าวของเครื่องใช้จำพวกโทรทัศน์ พัดลม หม้อหุงข้าว เสตอริโอ ลำโพง วิทยุ ที่ถูกวางกองพะเนินเทินทึกอยู่รายรอบตัวเขาก็ทำให้ผมทราบได้ในทันทีว่าผู้ชายคนนี้มีอาชีพเป็นช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย
แล้วพอได้ลองพินิจดูเรือนผมยาวหยักศกกับรูปคิ้วเรียวตรง ตาสองชั้น จมูกเล็กแบน คางกลม ใบหูเล็กหนา ริมฝีปากบางที่กำลังเผยอยื่นออกมาอย่างลืมตัวแล้วก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก
“ใครน่ะ?” ผมถามสาวร่างเพรียวที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เดี๋ยวนะฉันขอดูข้อมูลก่อน” ว่าแล้วสาริกาก็เสกม้วนพลาสติกใสปรากฏขึ้นในมืออีกครั้งหนึ่ง เธอกางมันออกแล้วก้มดูตัวอักษรที่เรียงหน้าขึ้นมาอย่างกระตือรือร้นเพื่อจะค้นหาเอาคำตอบ
ฝนที่ตกโปรยปรายลงมาดังจั้ก จั้ก ฟังเพลินราวกับท่วงทำนองแห่งการขับกล่อมของธรรมชาติสอดประสานเสียงข่มขวัญดังครืน ครืนจากชั้นฟ้าก่อนจะทิ้งจังหวะแล้วดังขึ้นอีกคราหนึ่ง สายลมโบกโบยเข้ามาทางช่องหน้าต่างทะลุผ่านร่างผมไป ยามใดที่ฟ้าแลบแปลบปลาบก็ปรากฏแสงวาบกระทบตัวเรือนไม้
ข้าวของเครื่องใช้ทอดเป็นเงาลงบนฝาผนัง ผมเคยชอบบรรยากาศแบบนี้เป็นที่สุด (ลมพัดเอื่อยๆ และละอองฝนบางๆ ที่ประพรมผิวกายให้สดชื่นเย็นสบาย) เพียงแต่คราวนี้มันกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปเมื่อมาอยู่ในบ้านของใครสักคนที่ผมไม่เคยรู้จัก
“นายเทิดศักดิ์ อ่อนสา อายุสามสิบแปดปี หรือช่างแอ๊ดที่ใครๆ เรียกกัน เขาอยู่กินกับนางแน่งน้อย นิ่มอนงค์ ภรรยาซึ่งอ่อนกว่าเขาห้าปี ทั้งสองเปิดบ้านเป็นร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้บริการแก่ชาวบ้านในชุมชนแออัดแห่งนี้มานานหลายปีแล้ว”
“สลัม…นี่เรากำลังอยู่ในสลัมเหรอเนี่ย” ผมปรารภออกมาเบาๆ พลางกวาดสายตามองไปทั่วด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะถือวิสาสะเดินสำรวจไปรอบบ้าน ด้านหลังผมคือตู้เสื้อผ้าพลาสติกโครงเหล็กที่สามารถรูดซิปเปิดได้ตรงกลางซึ่งใบหนึ่งมีสีเขียวแก่ ถัดมาคือโทรทัศน์จอแบนขนาดยี่สิบเอ็ดนิ้วบนตู้ไม้ทรงเตี้ยและตู้เสื้อผ้าอีกใบซึ่งมีสีม่วงเปลือกมังคุด
พอลองเลื่อนสายตาไปก็เห็นเป็นกลุ่มตะกร้าพลาสติกสีสดใสสองสามใบอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้ายับยู่ยี่เสมือนพึ่งกระชากลงมาจากราว โดยมีโต๊ะรีดผ้าพื้นสีฟ้าสกรีนลวดลายหัวใจหลากสีสันถูกพับพิงฝาอยู่ใกล้ๆ กัน
“โชคดีจังเลยนะที่นายไม่ต้องมาทนดมกลิ่นน้ำเน่ากับยากันยุงแบบฉันเนี่ย” สาริกากล่าว ก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นมาอังใต้จมูกทำหน้าย่นแล้วจึงก้มหน้ามองข้อมูลบนแผ่นพลาสติกใส “ฉันว่านายต้องเคยเจอผู้ชายคนนี้แน่ๆ เลยในนี้มันบอกอย่างนั้น”
“ผมจะไปเคยเจอเขามาก่อนได้ไงกันคุณ ผมไม่รู้จักเขาสักหน่อยนึง” ผมค้านพร้อมกับมองสังเกตสังกาไปเรื่อยเปื่อย
“แน่ใจเหรอ” เธอถามย้ำอีกหน
“อืม…” ผมส่งเสียงในลำคอยืนยันความคิดของตนเอง แต่แล้วเมื่อก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้ร่างของชายคุ้นหน้าความคับคล้ายคับคลาก็สะกิดใจให้ตนย้อนนึกตรึกตรองไปถึงเรื่องราวในอดีต
หรือว่า…
ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ขณะที่ภาพความทรงจำครั้งเก่าที่ผมแทบจะลืมเลือนไปแล้วค่อยๆ กลับมาปะติดปะต่อกันอีกครั้งหนึ่ง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ