และนี่คือ!!! วิญญาณคุณชายสุดเฮี้ยนกับนายนักเขียนสยองขวัญ

-

เขียนโดย BennieRule

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.01 น.

  12 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 15.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่ 3 เสียงลึกลับกับหญิงสาวชั้น 7

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

 
>>> LINK WEBTOON <<<
QR CODE WEBTOON และนี่คือวิญญาณคุณชายสุดเฮี้ยนกับนายนักเขียนสยองขวัญ
ขอฝากเวอร์ชั่นเว็บคอมมิคไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะครับ

____________________________________

เมื่อไรก็ตามที่ผู้คนตามหาห้องพักราคาถูก ว่ากันว่าต้องมีสักคนเอ่ยถึงคอนโดแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าวพร้อมหมายเลขห้อง 704 ชั้นที่ 13 เสมอ


ยิ่งใครได้ยินได้เห็นราคาพักที่นี่จะต้องไม่เชื่อสายตาอย่างแน่นอนเพราะหารรายเดือนแล้วมันมีราคาแค่ไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น


ทำไมจึงไม่น่าเชื่อสายตานะหรือ ก็เพราะคอนโดแห่งนี้ถูกรีโนเวทใหม่จนสวยงาม สีหม่นเดิมปรับเป็นโทนขาว เพดานเจาะให้โปร่งดูกว้างใหญ่ แถมเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีบริการส่วนกลางน่าอยู่ การเดินทางในมหานครใหญ่แสนสบายเพราะใกล้รถไฟฟ้าบนดิน ติดกันก็มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ระดับพ่วงด้วยเครือโรงหนังสองเจ้าใกล้เพียงไม่ถึง 200-300เมตร มีทั้งโรงเรียน มีทั้งโรงพยาบาล


ด้วยทำเลระดับมาสเตอร์พีชย่านห่านทองคำ ทำให้การปล่อยเช่าในราคาเดือนละหลักหมื่นยังถือว่าถูกไปเสียด้วยซ้ำ


แล้วเพราะอะไรที่มันราคาถูกนะหรือ?


คำอธิบายมันอยู่ในส่วนบรรทัดสุดท้ายของขอบกระดาษโฆษณา หากเปิดในเว็บจองที่พักจะเขียนด้วยตัวหนาพร้อมดอกจันสามตัว เป็นฟอนต์ขนาด36เขียนว่า…


 


[***เงื่อนไขห้อง = มีผี***]


 


คุณคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อมีข้อความเช่นนี้ในคอนโดชั้นเลิศแต่ปล่อยราคาถูกในยุคสมัยนี้


ใช่แล้ว! ผู้คนต่างแห่มาจับจอง ความกลัวในยุคนี้ถูกท้าทาย พ่วงด้วยกระทู้คุณภาพในเว็บต่าง ๆ กับรีวิวมีมาเพียบ


...ความเห็นในโลกไร้พรมแดนส่วนใหญ่ก็มักเป็นในทำนองเดียวกัน


 


“ห้าดาว ผมแค่อยากมาล่าท้าผี นึกว่าล้อกันเล่น ผีมีอยู่จริง! กวนจนนอนไม่หลับ! มันบังคับให้ผมกดห้าดาวเชิญชวนพวกล่าท้าผีมาอีก ขู่ว่าถ้าแก้ไข มันจะมาหาผม!!”


 


“หนึ่งดาว ถ้ามาแชร์ค่าห้องด้วยจะไม่บ่นสักคำ นี่เล่นเปิดไฟเปิดน้ำทั้งวัน เครื่องใช้ไฟฟ้าข้าวของแตกกระจายไม่เจ็บใจเท่ามันพังฟิกเกอร์ผมทั้งชั้น”


 


“สองดาวครึ่ง เราจุดธูปตกลงกับเขาแล้วว่าจะอยู่พักวันเดียว ตอนแรกปรกติดีแค่ไม่กี่ชั่วโมงพอนอนข้ามวันปุ๊ปมันนั่งอำเลยจ้า อีผี! กดให้ครึ่งเพราะอย่างน้อยก็ให้เราพักตรงเวลาค่ะ ไว้ทำบุญให้ค่ะ /ประชด”


 


“หนึ่งดาว อาหารอร่อย ที่จอดรถกว้าง วิวดี แม่บ้านดูแลตลอด สะดวกทุกอย่างแต่ติดที่…บางสิ่งทำให้ฉันกลัว ฉันไม่เห็นหรอกนะ แต่คิดว่าที่นี่ไม่เหมาะกับการมาเป็นครอบครัวเลย ลูกของฉันพูดถึงบางสิ่งไม่หยุดขนาดขับรถออกไปไกลข้ามจังหวัดแล้ว มันไม่คุ้มค่าเลย”


 


“ครึ่งดาว จะไม่กลับไปที่นี่อีก”


 


ความเห็นหลากหลายส่งผลให้คะแนนรีวิวผสมเป็นเช่นนี้ ไม่แปลกที่พวกลองของมาเรื่อย ๆ


และ คิด พ่อหนุ่มนักเขียนนิยายสยองขวัญของเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น


คิดใช้เวลาหลายเดือนในการหาข้อมูลเกี่ยวกับห้องแห่งนี้ทว่าข้อมูลกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


ข้อความประเภทเขาเล่าว่า...มีอยู่มากมาย


เช่น ว่ากันว่าเป็นวิญญาณหญิงสาวผมยาวสลวยในชุดสีขาวอกหักตรอมใจตาย


ว่ากันว่าเป็นผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์ผิวแดงตาถลนน่ากลัวแบบยมทูตในวรรณกรรมอิงศาสนามาสิงสู่อยู่ที่นี่เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อของโลกกับวิญญาณอะไรทำนองนั้นอย่างไร้มูล


ในฐานะนักเขียนนิยายสยองขวัญ คิดมองว่าช่างเป็นมุขคลาสิคยิ่งนักจนเขาปฏิวัติวงการผีมาแล้วหลายเรื่อง


เช่นผีผู้หญิงในชุดแฟชั่นโชว์ผมสั้นบ้าง


หรือผีน้อยโชตะกางเกงขาสั้นก็เคยเขียนจนโด่งดังมาแล้ว


คิดพยายามตามหาเบาะแสของวิญญาณในห้องนี้เท่าที่เป็นไปได้มาแล้ว ส่วนใหญ่ก็มาจากโลกโซเชียลทั้งสิ้น


เหลือเพียงการสืบจากสถานที่ กลุ่มคนแวดล้อม ...


...หรือทางที่ง่ายที่สุดคือยืนยันจากผี---ถ้าหากว่าเจ้าตัวมีตัวตนจริง


คิดเผื่อใจเอาไว้แล้วครึ่ง ๆ แล้วว่าหากผีที่ว่าไม่มีจริงก็ถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จเขาก็คงย้ายออกไปในเดือนหน้าอย่างจำยอม เพื่อเริ่มต้นงานเขียนกับแรงบันดาลใจเรื่องใหม่


หลังจากแม่บ้านส่งเขาแล้วเดินจากไป คิดก็ไขกุญแจเปิดประตูออกแล้วเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มตั้งใจไม่ปิดประตูเพราะต้องการให้อากาศถ่ายเทเข้ามา เขาจึงเปิดหน้าต่างก่อนวางกระเป๋าเป้ใบเดียวกลางหลังหย่อนลงเก้าอี้


คิดหันซ้ายขวาสังเกตรอบ ๆ ห้องแห่งนี้ไม่ต่างจากรูปภาพรีวิว เพดานเจาะเกือบสี่เมตรครึ่งทำให้ดูกว้างขวาง ภายในเป็นพื้นไม้สะอาดตาเหมือนได้รับการดูแลอย่างดี ไม่มีฝุ่นไรตอม หากตัดประเด็นเรื่องเงื่อนไขลี้ลับออกไปกับผู้อื่นคงถือเป็นห้องน่าอยู่ยิ่ง


แต่แน่ล่ะ เงื่อนไขนี้ต่างหากสำคัญสำหรับคิด


“สวัสดีครับ ผมรู้คุณอยู่ที่นี่ ผมชื่อคิดนะครับ”


เด็กหนุ่มแนะนำตัวในห้องพักโล่ง ๆ


ไร้เสียงใดโต้ตอบจากในห้อง นอกจากเสียงโลกภายนอกที่พัก


“ผมเป็นนักเขียนนิยาย ผมมาที่นี่เพราะอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวของคุณ ผมมีงานชิ้นใหม่ที่ต้องเขียนและเรื่องของคุณช่วยผมได้ ถ้าได้คุณช่วยผม ผมให้สัญญาจะตอบแทนคุณเท่าที่ผมช่วยได้”


 


โครม!


 


เสียงบานประตูห้องที่คิดเปิดค้างอยู่กระแทกขอบประตูจนปิดสนิท


คิดไม่ได้สะดุ้งตกใจแม้แต่น้อยด้วยความที่เป็นคนจิตแข็งแต่เดิม บวกกับลมชั้นสิบสามที่พัดแรงจึงเข้าใจว่าเป็นลมพัดธรรมดาพอดี ร่างสูงจึงเดินไปล็อกลูกบิดลงกลอนพลางถอนหายใจไปพลาง


คิดเอาของจากกระเป๋ามาวางไว้ในห้อง เขาเรียงเสื้อผ้ากางเกงรวมถึงหนังสือเล่มโปรดอย่างเรียบร้อย เอาพระเครื่องที่ครอบครัวให้ไว้ติดต่อวางไว้บนตู้เย็น เชื่อมอินเตอร์เน็ตเข้ากันกับมือถือ สักพักโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง


บรรณาธิการคู่ใจของคิด พี่เสือนั่นเอง


“สวัสดีครับพี่”


“คิด เป็นไงบ้าง?” ปลายเสียงถาม ไม่ได้วิดิโอคอลเหมือนคราวก่อน


“สบายดีครับพี่ โทษทีนะครับ ตะกี้คงเน็ตหลุดพอดี คอลใหม่ไหมพี่”


...


ปลายเสียงเงียบไปครู่ก่อนเอ่ยตอบ


“ไม่เป็นไร ตอนนี้ย้ายไปห้องที่ว่าแล้วใช่ไหม?” เสือชิงถามอีกรอบ


“เรียบร้อยแล้วครับ”


“ไม่มี ไม่เห็นอะไรใช่ไหม?”


...


คิดมองไปรอบ ๆ อย่างใจเย็น รู้สึกผิดกับที่ตนคาดหวังเอาไว้อย่างยิ่ง...


ว่างเปล่า มีแต่ข้าวของที่เพิ่งมาวางใหม่


ปรกติ ไม่มีอะไรประหลาดผิดวิสัย


ไม่มีอะไรอย่างในรีวิวผีร้ายแต่อย่างใด


“ไม่มีอะไรเลยครับ ปรกติทุกอย่าง” คิดพูดจากที่ตนรู้สึก น้ำเสียงแอบเครือความผิดหวัง


“เออ โอเคก็ดี ว่าแต่เปิดพัดลมเหรอ เหมือนเสียงแทรกนะ”


“อ้อ เปิดหน้าต่างครับพี่ ให้อากาศถ่ายเท”


“งี้เองก็ว่าอยู่เสียงพิกล เอาล่ะคิด! มาคุยเรื่องสตอรี่บอร์ดเรื่องใหม่เถอะ จะได้มาทรีตเม้นกัน นัดเจอที่สตาบัคตรงรถไฟฟ้า ชั่วโมงนึงนะ เจอกัน”


เสือกล่าวนัดแนะเสร็จก็วางสายไปทันทีไม่ทันให้อีกฝ่ายเปิดช่องว่างใด ๆ


คิดเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง ท่ามกลางเสียงสายลมพัดผ่านในห้องก็ไม่มีสิ่งใดให้สงสัย


วันนี้คงไม่เจออะไร...คิดนึกตัดพ้อในใจ ก่อนที่ชายหนุ่มนักเขียนจะพกแค่กุญแจและกระเป๋าตังค์ใบเล็กไปเท่านั้น ก่อนจะออกไปจากห้องเขาก็ปิดหน้าต่าง เช็กดูภายในครั้งสองครั้งก่อนจะล็อกห้องเรียบร้อย


การเข้ามาครั้งแรกในห้องที่ว่ากันว่าผีเฮี้ยนกลับไม่เป็นอย่างที่คิดคาดหวังเท่าไรนัก


ชายหนุ่มเดินไปกดลิฟต์ลงแล้วก็เข้าไปเมื่อมาภายใน...


 


กึก กึก กึก กึก


 


เสียงปริศนาดังขึ้นมาก่อนบานประตูลิฟต์ปิดสนิท คิดนึกในใจอย่างสงสัยว่าเป็นเสียงของอะไร


"เสียงลิฟต์? ไม่สิ หรือเป็นเสียงในห้องเรา? "


เสียงดังกุกกักประหลาดทำเอาคิดสงสัย


หรือจะเป็นคุณผี!?


สำหรับคนไร้สัมผัสสยองขวัญเช่นเขา คิดจึงรีบกดหยุดลิฟต์ไปให้เปิดออกทันที ตั้งใจกดปุ่มวกกลับไปที่ห้องชั้น 13 อีกครั้ง


ปิ๊ง! ประตูลิฟต์เปิดที่ชั้น 7 เพียงพริบตาที่ประตูเปิด คิดก็รีบกดปิดทันที


ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งแทรกกายเข้ามาในลิฟต์พอดี จนถูกบานประตูหนีบครึ่งร่างของเธอเสียงดังตึง!


"อุ๊ย! โอ้ย! อ๊า! "


"ขอโทษครับคุณ!! ผมกำลังรีบ! " คิดเอ่ยอย่างตกใจ เขากดปุ่มเปิดพลางดันประตูลิฟต์ออกไป


"ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร ฉัน...ก็รีบเหมือนกันค่ะ อู้ย! ...เจ็บ! "


คิดมองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวผมยาวย้อมสีปลายผมเป็นสีเทา สวมชุดเหมือนเลขาบริษัทสักแห่ง ป้ายชื่อเขียนชื่อว่า เรวดี


เธอสวมแว่นตา ผมหน้าม้า สูงประมาณหน้าอกของเขาได้ ดวงตาทั้งสองสบกันและเป็นคิดที่ผละสายตาออกไปเพราะเกรงจะไปล่วงเกินเธอ


กลับกันหญิงสาวที่มีป้ายชื่อเรวดีเมื่อเงยหน้าขึ้นมาหลังจ้องอาการเจ็บของตนกลับเงยหน้ามาจ้องหน้าคิดเสียไม่วางตา ดวงตากลมโตสีดำมองเขาเหมือนพิจารณาบางอย่าง คิดรู้สึกกดดันจึงกระแอมในลำคอ สายตาอีกฝ่ายจึงเสไปทางอื่น จัดผมเอามาทัดใบหู จัดเสื้อผ้าตนให้เข้าที


เธอกดเลขชั้นที่ต้องไปทว่าไม่ติด


"เอ๊ะ!? ลิฟต์ขึ้นหรือคะ? "


"ครับ พอดีผมจะกลับไปชั้นผมเลยเปลี่ยนกะทันหัน"


"ต้องกดใหม่นะคะ คุณจะไปชั้นไหนหรือ? "


หญิงสาวถามเสียงใสราวกับจะกดชั้นให้ ชายหนุ่มไม่ได้ตอบออกไปแต่เอื้อมมือไปกดเลขชั้นด้วยตนเอง


"...คุณ มาจากชั้น 13 หรือคะ? "


"ครับ ผมเพิ่งย้ายมาใหม่"


เมื่อได้ยินหญิงสาวหันมามองคิด คล้ายจะเอ่ยอะไรบางอย่างแต่ก็เลือกที่จะเงียบ


ปิ๊ง!


"เอ่อ คุณคะ!"


"ครับ?"


ครั้นเมื่อบานประตูลิฟต์เปิดออกชั้นที่ 13 และชายหนุ่มกำลังจะออกไป เสียงของหญิงสาวก็เรียกเขาทันที


ใบหน้าของเธอลังเลราวกับครุ่นคิดบางอย่าง เธอสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วเอ่ย


"เอ่อ ฉันเจ็บเข่ายืนไม่ไหวแล้วค่ะ ...คงเพราะลิฟต์กระแทกเมื่อกี้ ตรงชั้น 2 ตรงทางเชื่อมรถไฟฟ้ามีร้านขายยาอยู่ รบกวนคุณช่วยประคองฉันไปร้านขายยาได้ไหมคะ?" เธอกล่าวพลางอิงตัวไปจับพนักไม้โอ๊กของลิฟต์


คิดชะงักกับทางเลือกว่าจะเลือกช่วยหญิงสาวที่บาดเจ็บอยู่เพราะตน หรือ ที่มาของเสียงกึกกักปริศนาที่อาจเป็นสิ่งลี้ลับที่เขาเฝ้าตามหาตลอดชีวิต


เขาเสสายตาไปที่ห้อง704รอบหนึ่ง


ก่อนที่ท้ายที่สุดด้วยความสำนึกผิด คิดจึงกลับเข้ามาในลิฟต์และกดไปที่ชั้น 2


คิดนึกในใจว่าไว้เสร็จเรื่องหญิงสาวกับบรรณาธิการแล้วค่อยกลับมาสืบเรื่องเสียงปริศนาอีกทีภายหลัง...


"ขอบคุณค่ะ" ด้านหญิงสาวเรวดีพูดพร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอกในลิฟต์เหมือนยกภูเขาออกจากอก ระหว่างที่คิดมาช่วยประคองบ่าให้เธอ


จนทันทีเมื่อบานประตูลิฟต์ปิดเลขเปลี่ยนจาก 13 เป็น 12


เรวดีก็สะกิดมือคิดให้เขาปล่อยออกมือที่ประคองบ่าออก


เธอขยับกายหลังจากพิงพนักกลับมายืนตัวตรงจนคิดร้องว่า 'อ้าว' เบา ๆ


ประหนึ่งอาการเจ็บเข่าของเรวดีนั่นไม่เคยเกิดขึ้นเลย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา