THE XENON
เขียนโดย ปณิธาน
วันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 01.35 น.
แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 22.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ฉันไม่เคยอยู่ที่นี่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ5
ฉันไม่เคยอยู่ที่นี่
ถือว่าโชคยังดี คนกลุ่มนั้นที่มาจับซีนอนไม่ใช่พวกเดียวกับไอ้เสื้อดำที่เขาเคยเจอ คนพวกนี้ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหน้าทีตำรวจ น่าจะละมั่ง เพราะบริเวณรอบๆที่ซีนอนนั่งอยู่ตอนนี้คือห้องสอบปากคำ มันมีกระจกที่สะท้อนหน้าเขาเองอยู่ข้างหน้า และมีโต๊ะตัวหนึ่งอย่างกลางห้อง และเขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับโดนล็อกข้อมืออยู่ และนั้นทำให้ซีนอนลุกไปเดินเล่นไม่ได้เลย
เขานั่งอยู่ในห้องเล็กๆที่กว้างประมาณสี่ห้าเมตร ทำให้เขาไม่รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ ตอนนี้คนที่จะสอบปากคำเขายังไม่มา เก้าอี้ตรงหน้าเขาเลยยังคงว่างเปล่า
“เฮ้ นาย คนในกระจกน่ะ ใช่ฉันกำลังพูดกับนายอยู่” ซีนอนพูดกับตัวเองที่เป็นเงาสะท้อนในกระจก เขาเดาว่ามันมีคนอยู่ข้างหลังในตอนนี้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอาย “นายหล่อใช้ได้เลยนี่” และเขาก็ชมตัวเอง จนหญิงสาวในห้องที่เห็นซีนอนทำอย่างนั้นอยากลุกไปตบซักป้าบ
ก่อนหน้านี้ซีนอนถูกพาไปห้องตรวจฉุกเฉินก่อน แต่พยาบาลก็บอกว่า เขาไม่ได้มีแผลทางร่างกายเลย เขาจึงถูกเปลี่ยนจากชุดนักเรียนมาเป็นอีกชุดที่ทางสถานที่นี้เอามาให้และมานั่งอยู่ในห้องนี้ต่อจากนั้น
ชุดที่ตอนนี้ซีนอนใส่อยู่เป็น เสื้อยืดคอเต่าสีดำ กางเกางขายาวก็สีดำ แต่มีลายพาดสีขาวสองเส้นตรงขาขวา ซีนอนไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาก็ไม่สนใจ และคิดเพียงแค่ว่ามันเป็นแฟชั่น รองเท้าผ้าใบที่ดูใกล้เคียงกับรองเท้านักเรียนนั้นเขาก็ใส่อยู่
ซีนอนนั่งรอคนที่กำลังจะเข้ามาซักพักแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย มันเงียบมาก เงียบจนแค่เขาถอนหายใจเบาๆยังได้ยินไปทั่วห้อง ซีนอนยังคงนึกเรื่องสิ่งมีชีวิตแปลกๆอยู่ตลอด เขารู้ว่าเขาไม่ได้ฝัน และมันกำลังเกิดขึ้นจริงสำหรับเขาตอนนี้ ซีนอนคิดอะไรไม่ออก ไม่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ออก เขาสับสนไปหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมสิ่งมีชีวิตพวกนั้นถึงพูดได้ และมังกร มันควรจะสูญพันธ์ไปตั้งนานแล้วสิ หรือไม่ก็ไม่มีมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ตอนนี้เขาได้เห็นตัวเป็นๆ แถมมันยังพูดกับเขาด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้ไปแล้วเนี่ย
ซีนอนคิดอย่างมึนงง เขาไม่สามารถหาข้อสรุปให้ตัวเองได้ในตอนนี้ เขาจึงทำได้เพียงคิดวนไปวนมา และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงรองเท้าที่กระทบกับพื้นดังขึ้น เหมือนจะเป็นรองเท้าส้นสูง
“มีคนมาละ ซีนอน” เขาพึมพำเบาๆกับตัวเอง ในใจก็คิดว่าจะแกล้งตายดีไหม เผื่อพวกเจ้าหน้าที่จะได้เอาเขาไปโยนทิ้ง ซีนอนจะได้แอบหนีไปตอนนั้น
ประตูเปิดออกโดยที่ซีนอนยังไม่ทันได้แกล้งตาย เขามองไปที่ประตูและพบผู้มาใหม่ เป็นหญิงสาวผมสีทองยาวสลวย คิ้วบางและจมูกโด่งหน่อยๆ ตาสีเขียวมรกตนั้นทำให้เขาประหลาดใจ เธอสูงใกล้เคียงกับซีนอน แต่งตัวอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมทับด้วยสูทสีเทา และกระโปรงสำหรับชุดสูทสีเทานั้นทำให้เธอดูเหมือนนักธุรกิจ
“สวัดดีครับ” ซีนอนเอ่ยออกไปแล้วยิ้มน้อยๆอย่างแสดงความเป็นมิตร แต่นัยน์ตาเธอไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลย ใบหน้าที่นิ่งเฉยไร้ความรู้สึกตรงหน้าทำให้ซีนอนชักเริ่มไม่มั่นใจ เธอยังคงไม่พูดอะไรขณะนั่งลงตรงหน้าซีนอน
เธอจ้องหน้าซีนอนเขม็ง จนซีนอนเริ่มใจเสียและหลบตา ดูเธอจะเป็นคนที่โครตโหดซะด้วย และไม่นานหลังจากซีนอนหลบตาเธอ หญิงสาวตรงหน้าซีนอนก็เอ่ยปาก
“เจ้าไปฆ่าใครมา” เป็นน้ำเสียงที่ดูฟังแล้วทั้งน่ากลัวและมีอำนาจสุดๆ ซีนอนได้ยินก็ถึงกลับตวัดสายตากลับมาสบดวงตาสีเขียวด้วยความตกใจ
“คุณว่าไงนะ” ซีนอนเอ่ยเสียงเครียดไม่แพ้คนตรงหน้า แต่เธอไม่ได้สนใจว่าซีนอนจะแสดงท่าทีอะไร
“เจ้าไม่มีแผล แต่มีคราบสีแดงเปรอะเต็มตัวเจ้า จะให้หมายความว่าอะไรได้อีก อธิบายมาซิ” เธอยังคงพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัวเหมือนเดิม น่ากลัวเสียจนซีนอนในผวา แต่เขาก็ไม่ได้ฆ่าใครจริงๆ และสิ่งที่ทำให้เธอคิดอย่างนั้นคงเป็นเพราะเลือดที่เต็มเสื้อเขา มันก็คงคิดเป็นอย่างอื่นได้ยากเหมือนกัน แต่ซีนอนไม่ได้ฆ่าใครจริงๆ เขาต่างหากที่เกือบโดนฆ่า นั้นทำให้เขาคิดหาทางออกอย่างเร็ว
“มันคือ...” ซีนอนเอ่ยอย่างจริงจัง เขาค่อยๆเรียบเรียงคำพูดเพื่อให้คนตรงหน้าเชื่อเขา “น้ำแดง”
ซีนอนพูดคำว่า ‘น้ำแดง’ ออกไป...โอ้ว ปากตรูนี่มันโครตแย่เลยวะ มันไม่ฟังที่สมองสั่งด้วย มันไปตามธรรมชาติของมันซะงั้น
ปั้ง!
เสียงเธอเอามือทุบโต๊ะเหล็กดังลั่นจนซีนอนสะดุ้ง เขาว่าตอนนี้เขาคิดผิดแล้วที่ไปตอบอะไรแบบนั้นใส่เธอ ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาซีนอน
“เห็นข้าตลกนักเหรอ”
“ปะ...เปล่าครับ...เห็นหน้าคุณเครียดๆผมก็เลย…” ซีนอนพยายามแก้ตัว แต่เธอก็เดินมาข้างซีนอนแล้วใช้มันบีบปากเขาเอาไว้ด้วยความแรงที่ไม่น้อย ขณะพูดต่อ
“บอกข้ามาว่าเจ้าไปฆ่าใคร”
“ป๋มไอ้ไอ้อ้าไอ (ผมไม่ได้ฆ่าใคร)...” ซีนอนพยายามพูดแต่เพราะเธอบีบปากเขาเอาไว้ทำให้เขาพูดได้แย่ และตอนนี้เขาก็คิดผิดจริงๆที่ไปกวนสิ่งที่สัมผัสกับรองเท้าส้นสูงของเธอ (เท้า) เธอโครตโหดจริงๆด้วย!
“บอกข้า!”
ซีนอนกลัวจนตัวสั่น เขาไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขาก็พูดอะไรออกไปไม่ได้ จนไม่นานหลังจากนั้น
“อึกๆ”
“หือ!” แล้วสุภาพสตรีผมทองก็มองหน้าซีนอนที่...
“ฮือ ฮือๆๆ!”
“กรี๊ด! อย่างร้องนะ อย่างร้องสิ ข้าขอโทษ ขะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษๆๆขอโทษนะ หยุดร้องเถอะนะ”
“ก็อย่างที่บอกแหละนะ ข้าชื่อลิตาเชีย บลูวิน และข้าก็ชอบแกล้งคนอื่นเขาไปทั้วแหละ ไม่รู้ทำไม แต่ข้าชอบ คิกๆๆ” ตอนนี้หญิงสาวผมทองตรงหน้าก็กำลังรินน้ำในเหยือกใส่แก้วให้ซีนอน โดยที่เธอยังคล้ายกุญแจมือเขาออกให้อีกด้วย และตอนนี้เธอเป็นคนละคนกับก่อนหน้านี้เลย ตอนนั้นเธอบอกว่าเธอแค่ ‘แกล้งเขาเล่น’
“คุณจะไม่...ฆ่าผมใช่ไหม” ซีนอนถามขณะไปยืนหลบอยู่อีกมุมห้อง หน้าตาเขายังดูไม่ไว้ใจ และเขาก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ “คุณน่ากลัวมากนะรู้ตัวมั้ย” ซีนอนแถมต่อให้แล้วยิ้มน้อยๆ
“ฮ่าๆๆ ก็บอกแล้วไงว่าข้าล้อเจ้าเล่น มานี่มา” ลิตาเชียเอ่ยยิ้มแย้มและวางแก้วน้ำให้ซีนอน ใบหน้าเธอตอนนี้ต่างจากตอนแรกมาก เธอไม่ได้หน้าเครียด ไม่ได้พูดเสียงน่ากลัวเหมือนเมื่อครู่ แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ร่าเริงคนหนึ่งไปเลย ปากที่เหมือนยิ้มอยู่ตลอดเวลานั้นทำให้ซีนอนรู้สึกวางใจคนตรงหน้า และยอมกลับมานั่งที่เดิมแต่โดยดีพร้อมรับแก้วน้ำมาดื่ม
“ปกติข้าก็ใช้วิธีนี้แหละ เวลารีดความจริง แกล้งว่าข้ารู้แล้วก็ขู่คนอื่นไปเรื่อยๆ ได้ผลบ้างไม่ได้บ้าง เเต่ก็นะ ถ้าเจ้าโตกว่านี้ข้าก็อาจจะใช้ต่อ แต่ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ฆ่าคนอยู่แล้วละ” ลิตาเชียบอกก่อนจะเริ่มหยิบเอกสารออกมาจากซองกระดาษ
“คุณจะรู้ได้ยังไงว่าผมไม่ได้ฆ่าใครมาจริงๆ” ซีนอนถามออกไปอย่างสงสัย เหมือนคนตรงหน้าจะมีวิธีการจับโกหกหรืออะไรซักอย่างแน่ๆ
“ถ้าคนอายุเท่าเจ้าแล้วฆ่าคน หรือคนที่ฆ่าคนครั้งแรก มันจะแสดงออกผ่านตาของเจ้า” ลิตาเชียพูดแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ตาตัวเอง และพูดต่อ “ตาเจ้าจะดูตื่นกลัว หวาดระแวง และแข็งกร้าวมากขึ้น ก็จะประมาณนั้น คนที่มีสายตาเช่นนั้นส่วนใหญ่จะลายเป็นผู้ต้องสงสัย เจ้ารู้ใช่ไหมว่าทำไม” ลิตาเชียพูดยิ้มๆก่อนจะก้มลงหยิบกระดาษแผ่นนั้นทีแผ่นนี้ทีขึ้นมาดู
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าละหืม” ลิตาเชียถามและเลิกสนใจเอกสารตรงหน้าพร้อมซีนอน เขาคิดไปคิดมาและเริ่มจากเรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บน่าจะดี
“มีใครก็ไม่รู้พยายามจะฆ่าผม” ซีนอนพูดออกไปตามความจริง ซึ่งลิตาเชียก็เบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ
“จริงดิ! ฆ่าเจ้าเหรอ เจ้ารู้ไหมว่าทำไม” ลิตาเชียถามอย่างตกใจขณะกลับมานั่งหลังตรงทันที
“ผมไม่รู้ครับว่าทำไม แต่เขามีพลังแปลกๆด้วย มันเป็นแสงสีแดงๆครับ ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย” ซีนอนบอกไปตามนั้น เขายังรู้สึกประหลาดใจกับแสงสีแดงของชายคนนั้นอยู่เลย ยังกับไอ้นั้นมันออกมาจากหนังเลยละ
“เหรอ...” ลิตาเชียพูดแล้วมีสีหน้าครุ่นคิด ซีนอนมองเธออย่างแปลกใจเล็กน้อย นี่เธอกำลังเชื่อเรื่องที่เขาเล่าด้วยเหรอ มันเหมือนเขาบ้ายังไงไม่รู้ แต่ดูเธอไม่มีอาการไม่เชื่อแต่อย่างใดเลย และเหมือนตอนนี้เธอก็กำลังหาทางออกอยู่ด้วย
“คุณเชื่อผมเหรอ” ซีนอนถามออกไปแบบซื่อๆจนลิตาเชียคิ้วขมวดแล้วถามกลับ
“เจ้าหลอกข้าเหรอ” น้ำเสียงเธอดูพร้อมจะกลับไปเป็นคนโหดเหมือนเมื่อหนึ่งนาทีที่แล้ว ก่อนเธอจะยิ้มออกมาใหม่
“เปล่าๆ ผมไม่ได้หลอก...” ซีนอนยังพูดไม่ทันจบลิตาเชียก็ขัดขึ้นก่อน
“แล้วพ่อแม่เจ้าละ รู้เรื่องนี้ไหม บ้านเจ้าอยู่ที่ไหน” ลิตาเชียถามเพราะเธอได้ยินแค่ว่าซีนอนบอกว่า เขาไม่ได้โกหก เธอก็เลยถามเรื่องที่เธอสงสัยเลย ก่อนเธอจะลืม
“ห๊ะ! เออ ผมไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ” ซีนอนตอบออกไปจนลิตาเชียขมวดคิ้วเข้าหากันอีก เธอถามกลับขณะเอียงคอเล็กน้อย
“หมายความว่าไง”
“ผมมาจากประเทศไทย กรุงเทพ” ซีนอนบอกไปแล้วพอจะเดาได้ว่าอาการของลิตาเชียจะเป็นยังไง และก็เป็นไปตามคาด เธอทำหน้าแปลกใจใส่เขา
“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อมันมาก่อนเลย” ลิตาเชียตอบ เธอพยายามนึกแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่เคยดังเข้ามาในหัวเธอมาก่อนเลย
ซีนอนหยักหน้าให้น้อยๆ เขาแปลกใจ แต่ก็ไม่เท่าตอนแรก เมืองนี้เขาก็ไม่รู้จักเหมือนกัน แต่ลิตาเชียก็พูดภาษาไทยนะ แต่เธอไม่รู้จักเมืองไทยได้ยังไงก็ไม่รู้
“งั้น...ไทยแลนด์ แบงค็อก”
แล้วเธอก็ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ ซีนอนจึงพยายามคิดว่าจะถามอะไรต่อดี จนเขาได้คำถามเด็ดมา ‘ไปหาอะไรกินกันเถอะ’
“ที่นี่คือเมือง บลูตาน่า ใช่ไหมครับ” ซีนอนจึงถามออกไปอีกรอบ และลิตาเชียก็พยักหน้า เขาจึงบอกต่อ “ผมก็ไม่เคยได้ยินชื่อเมืองๆนี้เหมือนกัน”
“แปลกจัง เมืองเราออกจะดัง คนส่วนใหญ่ที่นี่ก็รู้จักกันหมดนะ” ลิตาเชียพูดต่อด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ
“งั้นเอาใหม่ คุณลิตาเชีย” ซีนอนเอ่ยก่อนจะเรียบเรียงคำพูดไปแป็บหนึ่ง ก่อนจะบอกว่า “โลกใบนี้เนี่ย ประเทศ หรือเมือง ในโลกนี้อะครับ มันมีชื่อว่าไทย หรือ กรุงเทพบ้างไมครับ”
ลิตาเชียจ้องหน้าซีนอนนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ นั้นทำให้ซีนอนเอามือกุมขมับ
เป็นไปไม่ได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ลิตาเชียไม่รู้จักประเทศไทย ไม่รู้จักกรุงเทพ ไม่สิ จะว่าไม่รู้จักก็ไม่ได้ เธอไม่เคยได้ยินเลยต่างหาก ถ้าที่เธอพูดเป็นจริง มันไม่มีอยู่บนโลกนี้เลยต่างหาก งั้นนี้มันหมายความว่ายังไงละเนี่ย ทั่งๆที่เขาเกิดและเติบโตที่กรุงเทพ และหลังจากตกตึกลงมา กรุงเทพก็หายไปเลย
“ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจุบัย ข้าก็สาบานได้เลยว่า ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนั้นเลย” ลิตาเชียแถมต่อให้
แปลกจัง เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อเขายังอยู่ที่กรุงเทพอยู่เลย และตอนนี้เขาก็มาอยู่ที่ไหนอีกก็ไม่รู้ และลิตาเชียยังบอกอีกว่าไม่มีประเทศไทยในโลก
“แปลกจัง เจ้าโดนอะไรมาจนสมองกลับด้านหรือเปล่า” ลิตาเชียถามพร้อมสไลด์หน้าเธอผ่านโต๊ะเข้ามาดูใกล้ๆ
“ไม่ๆ ผมปกติดี แต่แค่ ผมไม่เคยเห็นที่นี่มาก่อน ไม่เคยได้ยิน และมันไม่มีด้วย ผมไม่เคยได้ยินข่าวว่ามีเมืองแบบนี้ตั้งแต่ผมเกิด” ซีนอนพูดต่อ ในใจก็พยายามนึกว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ไม่เข้าใจ ประเทศไทยหายไป เขาตกตึกแล้วก็มาโผล่ที่นี่เลย ข้อสันนิษฐานเขาก็มีนะ และมีข้อหนึ่งที่แปลกสุดๆ
“งั้นๆๆๆ ในนั้นมีอะไรบ้างครับ” ซีนอนพูดอย่างร้อนใจขณะเปลี่ยนเรื่องถามแทน เขาชี้ไปที่กองเอกสารตรงหน้าลิตาเชีย เธอก้มมองแล้วก็จัดการหยิบใบนั้นใบนี้ขึ้นมาดู
“มันมีอะไรที่ประมาณว่า เป็นรหัสประจำตัวประชาชน หรือ อะไรที่เกี่ยวกับตัวตนผมไหมครับ คุณลิตาเชีย” ซีนอนเอ่ยถาม เพราะถ้ามี เขาก็อาจจะได้รู้ว่ารอบๆตัวเขามันเกิดอะไรขึ้น เผื่อว่าเขาจะได้สามารถตัดสินใจต่อไปได้
“เอ๊ะ! แปลกจัง มันไม่มีอะไรเกี่ยวกับตัวเจ้าเลย” ลิตาเชียพูดแล้วก็ตกใจเอง เธอก้มลงค้นมันอีกรอบแล้วรอบเล่า แต่ก็ไม่พบอะไรเกี่ยวกับตัวเด็กตรงหน้าเธอเลย โดยปกติแล้วทางฝ่ายข้อมูลต้องส่งข้อมูลเบื้องต้นของคนที่เธอจะคุยมาให้ก่อน แต่นี้ไม่มีอะไรเลย
“ดะ เดี๋ยวข้ามา” ลิตาเชียพูดก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตู แต่แล้วก็ชะงักแล้วก็รีบวิ่งกลับมาใส่กุญแจกมือซีนอนไว้ก่อนขณะบอกว่า
“ข้าไม่อยากให้ใครรู้ว่าข้าไม่ทำตามกฏ” ก่อนเธอจะเดินจากไป ซีนอนจึงเขยิบๆไปนั่งมองกองเอกสารตรงหน้า และพบว่ามันไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาเลยจริงๆ ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วอย่างสับสน ขณะลองสำรวจกระดาษตรงหน้าอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไรที่แสดงถึงตัวเขาเลย มีกระดาษเล็กน้อยที่รายงานว่าเกิดอะไรขึ้นตอนผู้ตรวจมาเจอเขา และบทความสัมภาษณ์ที่ถามผู้พบเห็นเขา
‘เลือดเจ้าหนูนั้นเต็มตัวไปหมดเลย น่ากลัวสุดๆ’
‘กำลังกินข้าวอยู่ดีๆ ข้าก็เห็นเจ้าหนูนี่มาจ้องอยู่หน้าร้าน ข้าตกใจมากเลยรีบออกไปดู…’
ซีนอนรู้ว่าคนพวกนี้เป็นใคร และเขาก็เหมือนจะเตือนตัวเองอีกครั้ง ว่าคนที่นี่เขาใช้คำว่า ‘ข้า’ กันทั้งนั้น
และไม่นานหลังจากนั้นลิตาเชียก็กลับเข้ามาด้วยหน้าตาแปลกประหลาดใจ ขณะพูดถามซีนอนว่า
“เจ้ามาจากไหนกันแน่ เจ้าไม่มีข้อมูลประชาชนหรืออะไรเลย” ลิตาเชียพูดอย่างร้อนรน เธอไม่เคยเจอกรณีนี้มาก่อน คนทุกคนจะถูกสร้างรหัสประจำตัวให้ตั้งแต่เกิด แต่นี้เด็กตรงหน้าเธอไม่มีอะไรเลย
“งานเข้า” ซีนอนพึมพำ ข้อสันนิษฐานของเขาเข้าใกล้ความเป็นจริงถึงที่สุด เพราะเขาเดาไม่ออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ที่นี่ไม่รู้จักประเทศไทย ไม่มีแม้กระทั่งข้อมูลประจำตัวประชาชนของซีนอน ถึงแม้คนที่นี่จะพูดไทยเหมือนกันก็ตาม
นั้นทำให้ซีนอนพอจะคิดอะไรออก อะไรที่บ้ามากๆ มากเหมือนในการ์ตูน หรือหนังที่เขาเคยดู มันอาจจะดูยากที่จะยอมรับ แต่ซีนอนก็คิดว่ามันอาจจะเกิดขึ้นกับเขาแล้วในปัจุบัน ตอนนี้ทุกๆอย่างรอบตัวซีนอนหมายความว่า เขาไม่เคยมีตัวตนที่นี่มาก่อน เพราะงั้นซีนอนก็เดาได้อย่างเดียว
“หรือว่า ผมจะไม่ได้อยู่ที่โลกเก่าอีกแล้วนะ” ซีนอนพูดมันออกมาด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมมองตัวเองในกระจก เขาก็ตกใจและแปลกใจอยู่หรอกว่าเขามาที่นี่ได้ยังไง แต่เหมือนว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้อยู่ในโลกใบเดิมอีกแล้วละมั่งเนี่ย
“เหลือเชื่อเลย ปกติข้าไม่เชื่อหรอกนะเรื่องแบบนี้ แต่ดูเหมือนจะมีหลักฐานรองรับด้วยละ” ลิตาเชียตอบก่อนจะเทน้ำมาดื่มอีก และก็เทให้ซีนอนด้วยขณะพูดต่อ
“หนึ่ง เจ้าไม่รู้จักเมืองๆนี้ สอง ไม่มีข้อมูลประชาชนของเจ้า และสาม ข้าไม่เคยได้ยินใครแทนตัวเองว่า ‘ผม’ มาก่อน ทำไมเจ้าถึงแทนตัวเองด้วยเส้นดำๆบนหัวเจ้ากันนะ” ลิตาเชียบอก เออ จะว่าไป ผมก็คือเส้นดำๆบนหัวเราจริงๆนั้นแหละ
“คุณเชื่อผมเหรอ ผมว่าผมบ้าแน่ๆ” ซีนอนบอกพร้อมใช้มือสองข้างมางค้ำหน้าเขาไว้อย่างเหนื่อยๆ อ่านี่ฉันมาต่างโลกเหรอเนี่ย จริงจังปะเนี่ย แล้วฉันมาได้ไงเนี่ยยยยยยย
“ไม่รู้สิ ปกติเรื่องแบบนี้มันมีแค่ในนิทานกับตำนานเท่านั้นอะ แต่เหตุผลรอบๆตัวมันก็ผลักเราไปทางนั้นนะ”
ลิตาเชียพูดถูกเลย ซีนอนยังไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์นะ แต่มันก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะเหตุผลรอบๆตัวมันแปลกๆไปหมด
“แล้วผมจะกลับบ้านยังไงดีอะ คุณมีวิธีไหม คุณลิตาเชีย” ซีนอนถามขณะเริ่มคิดหาทางกลับบ้าน และเขาไม่มีไอเดียอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหนบนโลก และไม่รู้ว่าประเทศไทยอยู่ตรงไหน ซีนอนจึงไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่ก็น่าแปลกที่คนที่นี่ก็ยังพูดภาษาไทยกัน
แล้วอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องสัตว์แปลกๆนั้นด้วย สัตว์ที่แปลกไปจากสัตว์ปกติ มีแม้กระทั่งสัตว์ในเทพนิยาย แถมยังพูดได้ นั้นก็รอบรับได้ดีนะว่าเขาไม่ได้อยู่ในโลกเดิมที่เขารู้จัก ซีนอนคิดแล้วจึงคิดว่าจะถามเรื่องนี้ซักหน่อย
แกร๊ก!
เสียงประตูเหล็กถูกเปิดออก ลิตาเชียและซีนอนหันมอง ก่อนซีนอนเบิกตากว้างให้สุดเท่าทีจะทำได้ และสไลด์หน้าไปกับโต๊ะเพื่อไปดูให้ชัดว่าอะไรที่กำลังเข้ามา และสิ่งที่เขาเห็นว่าเปิดประตูและเข้ามาในห้องก็คือ
งูยักษ์!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ